สัตว์อสูรในเทือกเขาเร้นลมแต่ละตัวมีพื้นที่เป็ของตัวเองน้อยมากที่จะอยู่รวมกันเป็กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์จะหาสัตว์อสูรสักตัวใช่จะเป็เื่ง่าย บางครั้งโชคไม่ดีหลายชั่วโมงหรือแม้กระทั่งทั้งวันก็หาสัตว์อสูรไม่พบก็มีสัตว์อสูรกินคนและกินกันเองด้วย เืเนื้อของสัตว์อสูรเป็ของบำรุงชั้นดีกับสัตว์อสูรด้วยกันเองเมื่อหมาป่าเขี้ยวเหล็กตัวหนึ่งตายลงที่นี่ กลิ่นเืเนื้อก็กระจายออกไปไกล
ประสาทรับกลิ่นของสัตว์อสูรไวกว่ามนุษย์มากกนักมีเืเนื้อของหมาป่าเขี้ยวเหล็กเป็เหยื่อล่อเสวียนเทียนเพียงแค่อดทนรอคอยก็สามารถรอสัตว์อสูรตัวอื่นมาหาเองถึงที่ได้
ใช้ประโยชน์จากเืเนื้อของสัตว์อสูรล่อสัตว์อสูรเข้ามาสังหารนี่เป็วิธีง่ายดายที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์
ทว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่กล้าใช้วิธีนี้กลับมีไม่มาก
เพราะว่า ใครก็ไม่อาจกล้ารับรองว่า สัตว์อสูรที่ถูกล่อมานั้นความสามารถเป็อย่างไร บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าตัวผู้ฝึกยุทธ์เองหรือบางทีสัตว์อสูรหลายตนอาจจะได้กลิ่นเืเนื้อแล้วเข้ามาพร้อมๆ กันก็เป็ได้
เื่นี้เป็เื่ที่อันตรายอย่างมากผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่มีความสามารถมากพอ อย่างไรก็ไม่กล้าทิ้งเืเนื้อของสัตว์อสูรไว้ข้างตัวนานเพื่อหลีกเลี่ยงการตกสู่สถานการณ์อันตรายจนเสียชีวิต
แน่นอนว่าเสวียนเทียนย่อมไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปศาสตร์เงาพยัคฆ์ชั้นบรรลุส่วนใหญ่ของเขาต่อให้เป็สัตว์อสูรขั้นสามก็มีความสามารถหลบหนีไปได้ดังนั้นเขาจึงซุ่มรออยู่ข้างๆ นิ่งสงบสังเกตสถานการณ์สัตว์อสูรที่ตามกลิ่นเืเนื้อมา ฆ่าได้ก็ฆ่า ฆ่าไม่ได้ก็หนี
เสวียนเทียนซ่อนตัวอยู่บนก้อนหินใหญ่ไปพลาง ในสมองก็ฉายภาพตอนหนึ่งกระบี่โจมตีสังหารหมาป่าเขี้ยวเหล็กซ้ำไปมา พบว่าพลังภายในหมุนเวียนคล่องกว่าก่อนหน้าอยู่นิดหน่อยทั้งความเข้าใจต่อท่าวิทยายุทธ์ก็คุ้นเคยขึ้นอีกไม่น้อย
“ดูแล้วการต่อสู้จริง จะเป็หนทางที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกฝนจริงๆ”
แม้ว่าเสวียนเทียนจะฝึกเพลงกระบี่ถลาลมได้ถึงชั้นเข้าสู่เทพวิถีแล้วก็ตามแต่ประสบการณ์การใช้ต่อสู้จริงยังน้อยการฝึกกระบี่คนเดียวกับการฝึกแบบสองฝ่ายต่อสู้กันนั้นเป็เื่ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
การฝึกกระบี่คนเดียวไม่มีความรู้สึกอันตราย ทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคแต่ในการต่อสู้ กระบวนยุทธ์จะถูกอีกฝ่ายขัดขวาง ทั้งยังโดนอิทธิพลของบรรยากาศทำให้พลังของกระบวนท่าตกลงไปมาก ผู้ที่จิตใจไม่มั่นคงพอ เมื่อตกอยู่ในอันตรายขนาดพลังสองสามส่วนจากสิบก็ใช้ยังออกมาไม่ได้เลย
โดยเฉพาะสัตว์อสูร แยกเขี้ยวตวัดกรงเล็บ อ้าปากแสยะเขี้ยวคม ลักษณะดุร้ายแค่กระโจนเข้ามา กลิ่นอายโลหิตที่อยู่ตรงหน้า อันตรายคุกคามเฉียบพลันสถานการณ์เช่นนี้ช่วยฝึกฝนความมั่นคงและสงบของจิตใจได้อยู่มาก
จิตมั่นคง ร่างก็มั่นคง จิตอ่อนแอ ร่างก็อ่อนแอ เมื่อจิตใจและความคิดแข็งแกร่งไม่ว่าภายใต้สถานการณ์แบบไหนก็ล้วนสามารถแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่ หรือแม้กระทั่งใช้ความสามารถออกมาได้มากกว่าปกติ
สติปัญญาของเสวียนเทียนสูงกว่าธรรมดาเมื่อครู่กระบี่เดียวก็สามารถสังหารหมาป่าเขี้ยวเหล็กได้ แต่สิ่งที่ได้รับ เป็สิ่งที่เขาบรรลุความเข้าใจมากกว่าคนธรรมดาที่สังหารสัตรอสูรสิบตัวหรือหลายสิบตัวมากนัก
ค่ำคืนมาเยือน เสวียนเทียนอยู่ในหุบเขาเป็เวลาหนึ่งวันเต็มๆ
ในหนึ่งวันนี้เสวียนเทียนฆ่าสัตว์อสูรไปแล้วทั้งสิ้นยี่สิบเก้าตัวในนั้นเป็สัตว์อสูรขั้นสองชั้นล่างเจ็ดตัว สัตว์อสูรขั้นสองชั้นกลางยี่สิบเอ็ดตัวและสัตว์อสูรขั้นสองชั้นสูงอีกหนึ่งตัว
ดูแล้วบริเวณนี้จะเป็ถิ่นที่อยู่ของสัตว์อสูรขั้นสองเสียมาก
เพียงแค่หนึ่งวันผลึกอสูรและของอื่นๆ ที่เขาเก็บได้รวมมูลค่าทั้งหมดแล้วเก็บเป็แต้มภารกิจได้ถึงแปดร้อยแต้มพอแลกเป็เงินแล้วจะได้แปดพันตำลึง
การใช้ซากสัตว์อสูรล่อสัตว์อสูรเข้ามาอย่างที่เสวียนเทียนทำนี้แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าก็ยังไม่กล้าใช้ อย่างน้อยก็ต้องจับมือกันสามสี่คนถึงจะกล้าทำอะไรบ้าบิ่นเช่นนี้ แต่สามสี่คนร่วมมือกันสิ่งที่ได้ก็ต้องแบ่งเป็สามสี่ส่วน ดังนั้นเงินแปดพันตำลึงที่เสวียนเทียนหามาได้ เท่ากับสามสี่เท่าของผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดานี่เป็เพียงการเปรียบเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกล่าในเขตของสัตว์อสูรขั้นสองเท่านั้นถ้าหากเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกล่าในแถบเทือกเขาเร้นลมชั้นนอกสุดซึ่งเป็เขตของสัตว์อสูรขั้นหนึ่งแล้วสิ่งที่ได้มาเกรงว่าจะเป็สิบกว่าเท่า หรือถึงยี่สิบเท่าของคนเ่าั้
หลังผ่านหนึ่งวันแห่งการเข่นฆ่าไป การฝึกฝนของเสวียนเทียนก็ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย เร็วกว่าการอยู่ฝึกฝนในสำนักเสียอีกแม้ว่าเวลาที่ใช้ฝึกฝนจะน้อยแต่การขัดเกลาฝึกฝนตนในการต่อสู้จริงยิ่งกระตุ้นขีดความสามารถของมนุษย์
เสวียนเทียนดีใจมาก หากเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่เกินสองเดือนพลังวัตรของเขาคงเพียงพอที่จะก้าวไปอีกก้าว เข้าสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนนี้ก่อนถึงการแข่งขันจัดอันดับใหญ่ของศิษย์นอก ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนกว่าขอเพียงก้าวเข้าสู้ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดได้เสวียนเทียนก็มั่นใจว่าจะเอาชนะจางหลงประลองฝีมือกับศิษย์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบคนใดก็ได้
ค่ำคืนเป็สรวง์ของสัตว์อสูร สัตว์อสูรที่กลางวันยากจะพบตกดึกจะออกมาเดินเพ่นพ่านเต็มเทือกเขาเร้นลมที่หุบเขาแห่งนี้มีซากสัตว์อสูรอยู่ถึงยี่สิบเก้าตัว เืเนื้อของพวกมันย่อมดึงดูดสัตว์อสูรจำนวนมากมาหรือแม้กระทั่งอาจล่อสัตว์อสูรขั้นสามมาด้วยก็เป็ได้
ระหว่างที่ม่านรัตติกาลกำลังจะมาเยือน เสวียนเทียนออกไปจากหุบเขากลับไปในป่าทึบแล้วขุดหลุมไว้หลุมหนึ่ง นำหนังและของอื่นๆ ที่เก็บได้จากสัตว์อสูรฝังลงไป
จากนั้นเขาก็มาที่ต้นไม้ใหญ่หลายคนโอบต้นหนึ่งเจาะโพรงขนาดเท่าตัวคนบนลำต้นที่สูงจากพื้นประมาณสามสิบเมตรกลางคืนก็พักรักษาตัวในโพรงไม้ พักผ่อนเอาแรง
ตกดึก เสียงสัตว์อสูรกรีดร้องคำรามดังขึ้นไปทั่วแม้กระทั่งพื้นดินเบื้องล่างที่พักของเสวียนเทียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของสัตว์อสูรอย่างชัดเจน
คืนนั้นมีสัตว์อสูรเหยียบร้อยตัวที่เดินผ่านข้างใต้เขาไป
ค่ำคืนไร้วาจา
วันที่สอง ดวงอาทิตย์สีแดงขึ้นมาจากทางตะวันออก แสงสว่างขับไล่ความมืดมิด
ยามราตรีมีสัตว์อสูรออกมาไม่ขาดสาย เมื่อยามกลางวันมาเยือนกลับเหมือนก้อนหินจมหายลงไปในมหาสมุทรหายไปไร้ร่องรอยเหลือเพียงสัตว์อสูรเพียงน้อยนิดที่ยังคงเตร็ดเตร่อยู่ในตอนกลางวัน
เสวียนเทียนกลับมาที่หุบเขาเมื่อวาน หุบเขาเต็มไปด้วยรอยเท้าสัตว์อสูรเืเนื้อของสัตว์อสูรยี่สิบเก้าตัวถูกกินจนเกลี้ยง เหลือเพียงเศษกระดูก
ในหุบเขาแห่งนี้ เมื่อคืนอาจมีสัตว์อสูรมาถึงพันตัวเสวียนเทียนประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในใจ ในเทือกเขาเร้นลม หากกลางคืนไม่หาที่หลบซ่อนต่อให้เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาถ้าพบสัตว์อสูรขั้นสองถึงร้อยตัวหรือพันตัวเข้าล้อมก็คงมีแต่ตายลูกเดียว
ยังไม่นับว่าสัตว์อสูรมาปรากฏตัวมากมายขนาดนี้ในนั้นใช่ว่าจะไม่มีสัตว์อสูรขั้นสามอยู่ด้วยเลย
เสวียนเทียนเปลี่ยนที่ไปที่อื่นใช้วิธีเดิมคือ สังหารสัตว์อสูรตัวหนึ่งแล้วใช้เืเนื้อของมันล่อสัตว์อสูรตัวอื่นมาฆ่าสัตว์อสูร ควักผลึกอสูร ถลกหนังและเก็บของที่มีราคาอื่นๆ ไว้
วันที่สอง เสวียนเทียนสังหารสัตว์อสูรไปทั้งสิ้นยี่สิบเจ็ดตัว
ตกดึกเขาก็ขุดหลุมในป่า ฝังหนังของสัตว์อสูรแล้วสงบจิตใจพักผ่อนในโพรงต้นไม้
วันที่สาม เสวียนเทียนยังคงใช้ซากสัตว์อสูรล่อเหยื่อมาสังหารเหมือนเดิมวันนี้เขาพบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดคนหนึ่งจึงขายหนังสัตว์อสูรให้เขาในราคาถูกไป
แม้ว่าเสวียนเทียนจะมีพลังวัตรชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดแต่กลับหนังสัตว์อสูรขั้นสองหลายสิบผืนเื่นี้ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าก็ยังเป็เื่ชวนตกตะลึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดคนนี้ในใจเกิดความละโมบ แต่ก็ไม่กล้าลงมือกับเสวียนเทียน
กลางวันสังหารสัตว์อสูร กลางคืนสงบจิตใจพักผ่อนบนต้นไม้
หนังสัตว์มีมาก บังเอิญพบคนผ่านทางก็ขายเสีย
บางครั้งบังเอิญพบสัตว์อสูรชั้นสาม เสวียนเทียนก็จะทิ้งหนังสัตว์อสูรใช้ศาสตร์เงาพยัคฆ์วิ่งทะยานเต็มกำลัง ตื่นตระหนกหลบหนีแต่รอดพ้นอันตรายหลังจากนั้นค่อยย่องกลับมาเก็บหนังสัตว์อสูรกลับไป
วันแล้ววันเล่าผ่านไป
ชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนขัดเกลาฝึกฝนผ่านการล่าสังหารมาแรมเดือนพลังวัตรของก็เข้าสู้่ปลายของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว อีกไม่นานก็จะแตะขีดสุดเป็เช่นนี้ต่อไปอย่างมากอีกเพียงเดือนเดียวก็เพียงพอที่จะเลื่อนเป็ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดก่อนการแข่งขันจัดอันดับใหญ่ของศิษย์นอกแน่นอนอีกทั้งยังมีเวลาให้ฝึกฝนอยู่ในเทือกเขาเร้นลมอีกระยะให้พลังวัตรเข้าที่เข้าทาง
หนึ่งเดือนนี้หาเงินได้เป็กอบเป็กำเพียงแค่ขายหนังและชิ้นส่วนสัตว์อสูรในราคาต่ำให้กับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นเขาก็ได้เงินมาถึงแปดหมื่นตำลึง ที่ตัวมีตั๋วเงินพันตำลึงอยู่ปึกใหญ่
แต่ที่มีราคามากที่สุด กลับเป็ผลึกอสูรที่อยู่ในมือของเสวียนเทียนผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองล้วนๆ ทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าเม็ดแม้ว่าแต่ละเม็ดจะใหญ่เพียงหัวแม่มือ แต่เก็บรวมกันแล้วก็ได้เป็ถุงขนาดไม่น้อย
ผลึกอสูรถุงใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจเก็บไว้กับตัวได้สิ่งนี้ย่อมทำให้ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นเกิดความโลภต่อให้ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นความสามารถไม่เท่าเสวียนเทียนก็เกรงว่าจะไปเรียกพรรคเรียกพวกมาสังหารเสวียนเทียน
เสวียนเทียนแบ่งผลึกอสูรออกเป็ส่วนๆ แยกซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ กันซ่อนไว้มิดชิด มีเพียงเขาคนเดียวที่รู้รอเขาออกจากเทือกเขาเร้นลมเมื่อไรค่อยไปนำผลึกอสูรออกมา
วันที่ยี่สิบแปด
เสวียนเทียนกำลังวิ่งหน้าตั้ง ร่างของเขากลายเป็เงาเลือนรางสายหนึ่งความเร็วดุจเสือชีตาห์ แสดงพลังของศาสตร์เงาพยัคฆ์ชั้นบรรลุส่วนใหญ่ออกมาเต็มที่
เื้ัร่างของเขาประมาณสองร้อยก้าว มีวัวอสูรขนาดมหึมาสูงห้าเมตรยาวสิบเมตร ผิวมันเงาเป็ประกายราวกับเหล็กกล้าตัวหนึ่ง ราวกับูเาลูกย่อมๆกำลังวิ่งพุ่งมาหาเสวียนเทียนอย่างเต็มกำลัง
สัตว์อสูรขั้นสาม วัวอสูรเกราะเหล็ก
ครืน!
ต้นไม้หนาต้นหนึ่งโดนวัวอสูรเกราะเหล็กพุ่งชนจนหักโค่น
ปัง...!
หินั์สูงสามเมตรก้อนหนึ่งถูกวัวอสูรเกราะเหล็กชนแตกเป็ชิ้นๆ
วัวอสูรเกราะเหล็ก พลังโจมตีและพลังป้องกันล้วนน่าหวาดหวั่น ในหมู่สัตว์อสูรขั้นสามเป็สัตว์อสูรที่อยู่ขั้นบนสุดเหมือนกับเครื่องจักรเหล็กกล้าเครื่องหนึ่ง พุ่งตรงดิ่งเข้าชนเบื้องหน้าไม่ว่าจะมีอะไรขวางก็ขวางร่างเหล็กไหลของวัวอสูรเกราะเหล็กไม่ได้
ั้แ่เสวียนเทียนใช้เืเนื้อของสัตว์อสูรล่อสัตว์อสูรนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบสัตว์อสูรขั้นสามแต่สัตว์อสูรขั้นสามที่ดุร้ายเช่นวัวอสูรเกราะเหล็กนี้เพิ่งเคยพบเป็ครั้งแรก
วัวอสูรเกราะเหล็กพุ่งตรงเข้าชน มองสิ่งกีดขวางตรงหน้าราวกับอากาศธาตุความเร็วรวดเร็วยิ่งขนาดศาสตร์เงาพยัคฆ์ชั้นบรรลุส่วนใหญ่ก็ยังเร็วกว่ามันไม่เท่าไร
ได้ยินเสียงหักพังมาจากด้านหลัง เสวียนเทียนไม่กล้าผ่อนกำลังลงแม้แต่น้อยใช้ศาสตร์เงาพยัคฆ์แสดงความเร็วสูงสุดออกมา วิ่งทะยานสุดชีวิตต่อให้เป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นหนึ่งขั้นสองเจอวัวอสูรเกราะเหล็กยังมีแต่ต้องหนีตาย หากเข้าสู้มีแต่ตายสถานเดียว จากพลังวัตรของเสวียนเทียนตอนนี้หากวัวอสูรเกราะเหล็กตามทันคงถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา
ไม่รู้เลยว่าวิ่งมาไกลเท่าไร เสียงหักพังด้านหลังในที่สุดก็เงียบหายไปแต่เสวียนเทียนยังคงไม่กล้าหยุด กลัวว่าพอวางใจลงเมื่อไรวัวอสูรเกราะเหล็กจะตามมาทัน เช่นนั้นก็จบกัน
เพราะแบบนี้เลยวิ่งไปต่ออีกครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งวิ่งไม่ไหวแล้วเสวียนเทียนถึงได้หยุด มองไปด้านหลัง ไม่เห็นเงาของวัวอสูรเกราะเหล็กอีกแล้ว
เสวียนเทียนรีบหาสถานที่หลบซ่อน นั่งพักทำสมาธิฟื้นฟูปราณธรรมชาติ
ดูเหมือนจะสลัดวัวอสูรเกราะเหล็กพ้นแล้วจริงๆผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ไม่เห็นวัวอสูรเกราะเหล็กตามมา พักไปหนึ่งชั่วโมงกำลังวังชาของเสวียนเทียนก็ฟื้นกลับมาในสภาพสมบูรณ์พร้อม
กำลังคิดจะย้อนกลับไปทางเก่าดูว่าหนังสัตว์อสูรที่เมื่อครู่โยนทิ้งไปยังอยู่หรือไม่ เดินไปได้ไม่กี่ก้าวเท้าของเสวียนเทียนก็พลันหยุดชะงัก
เขาหันหลังกลับมา มองยอดเขาขนาดเล็กข้างหน้าเขารู้สึกได้ถึงปราณธรรมชาติที่อยู่ในดินฟ้าเหมือนกับจะไปรวมกันในที่แห่งนั้นสภาพแบบนี้เหมือนจะเป็สภาพการณ์ตอนที่สัตว์อสูรกำลังวิวัฒนาการหรือตอนสมุนไพรทิพย์กำลังโตเต็มที่