อาหารถูกยกเข้ามาอย่างรวดเร็ว เฉินอวี่โหรวหยิบตะเกียบมาถือรอไว้ในมือนานแล้ว เธอลงมือกินอย่างไม่รีรอประหนึ่งหิวมาหลายวัน
เฉินอวี่โหรวกินจนปากมีแต่คราบน้ำมัน เธอยัดน่องไก่หนึ่งน่องเข้าปาก พลางเชิญชวนให้ฮั่วเสี่ยวเหวินกินด้วยไม่หยุด “เสี่ยวเหวิน อันนี้อร่อย เธอกินอันนี้…อันนี้ก็อร่อย”
ฮั่วเสี่ยวเหวินลองกินดู อร่อยมากจริงด้วย เป็อาหารที่อร่อยที่สุดที่เธอเคยกินมาบนโลกนี้
“อวี่โหรว คือแบบนี้ฉันทำผักดองไว้จำนวนหนึ่ง อยากขายให้เถ้าแก่ร้านนี้ เอาแบบที่จัดหาให้ในระยะยาว เธอฝีปากดีขนาดนี้ ช่วยคุยกับเถ้าแก่ให้ทีได้หรือไม่”
“หมายถึงพวกโถที่วางอยู่ในบ้านพวกนั้นหรือ?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินพยักหน้า “พวกนั้นคือผักดองที่ฉันทำเอง ปริมาณที่ขายได้ในตลาดน้อยเกินไปและยังยุ่งยากเพราะต้องหามไปขาย ฉันเลยอยากขายให้ร้านอาหารโดยตรง”
เฉินอวี่โหรวตอบตกลงทันที บอกว่ายกเื่นี้ให้ฉันจัดการเอง เธอรออยู่ที่นี่ก็พอ
พูดแล้วเฉินอวี่โหรวพลันเดินตรงไปยังห้องครัว
‘เธอจะโน้มน้าวเถ้าแก่สำเร็จไหมนะ?’ ฮั่วเสี่ยวเหวินกังวลใจมาก ขยับตัวไปมาบนเก้าอี้ ประหม่ากว่าเฉินอวี่โหรวเสียอีก
ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะตามไปดูดีหรือไม่ เฉินอวี่โหรวก็กลับมาแล้ว ฮั่วเสี่ยวเหวินดีดตัวขึ้น รีบถามออกไปว่า “ว่าอย่างไร? เขารับผักดองของฉันไหม?”
“ยังต้องถามอีกหรือ พวกเขาบอกว่าแค่นำของมาส่งในวันพรุ่งนี้ก็พอ หากผักดองไม่มีปัญหาจะรับซื้อระยะยาว”
“จริงหรือ? เขาพูดแบบนี้จริงหรือ?”
หลังจากได้ยินคำยืนยันจากเฉินอวี่โหรว ฮั่วเสี่ยวเหวินดีใจจนแทบะโ
คิดไปคิดมา ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกว่ารีบกลับไปขนผักดองมาเลยดีกว่า…เธอรอไม่ไหวแล้วจริงๆ
“อะไรนะ? จะกลับไปเอามาตอนนี้เลย?” เฉินอวี่โหรวทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ “ฉันไม่ไป ระยะทางตั้งไกลขนาดนี้ หากให้เดินทางไปกลับอีกรอบ ขาฉันคงได้พิการแน่”
ระหว่างเดินกลับบ้านพร้อมเฉินอวี่โหรว ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกปวดขาไม่น้อย เหมือนที่เฉินอวี่โหรวพูดจะมีเหตุผลอยู่
วันต่อมาฮั่วเสี่ยวเหวินตื่นมาจุดเทียนเริ่มงานั้แ่ตอนที่ในบ้านยังไม่ทันสว่าง เริ่มจากบรรจุผักดองลงในกล่องพลาสติกที่ซื้อมาจากร้านของอู๋ซิ่ว จากนั้นใส่เต้าหู้ทอดลงในกล่องอีกใบ
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ฮั่วเสี่ยวเหวินถือกล่องสองใบนี้ออกจากบ้าน “อวี่โหรว พวกเราไปกันเถอะ”
แต่เมื่อหันไปมองกลับไม่เจอเฉินอวี่โหรว แต่กลับมีเสียงพึงพอใจดังมาจากในบ้านแทน “สบายชะมัด”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเดินเข้าไปดู พบว่าอีกฝ่ายกำลังนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ทั้งยังบิดี้เีอย่างสบายใจ ฮั่วเสี่ยวเหวินส่ายหน้าด้วยความจนใจเมื่อมองเฉินอวี่โหรวที่ทำนิสัยเด็กๆ
“ถ้าอย่างนั้นเธอเฝ้าบ้านไปนะ ถ้าออกไปข้างนอกอย่าลืมลงกุญแจด้วย” เธอวางกุญแจที่โต๊ะแล้วหยิบของออกไป
แต่ใครจะไปคิดว่าออกมาได้ครึ่งทางแล้วเฉินอวี่โหรวจะวิ่งหอบหายใจไล่ตามมา ฮั่วเสี่ยวเหวินมองเฉินอวี่โหรวที่ตัวสูงกว่าตัวเองหนึ่ง่ศีรษะ “ไหนว่าไม่ไป?”
ความจริงเฉินอวี่โหรวตามมาก็เปล่าประโยชน์ เพราะโดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรที่เธอช่วยได้
ตอนแรกเธอแบ่งกล่องไปช่วยถือหนึ่งใบ ต่อมาบ่นว่าเหนื่อยไม่หยุด ฮั่วเสี่ยวเหวินจึงแย่งกล่องกลับมาถือเอง
เธอไม่เพียงไม่ช่วยงาน แต่ยังคอยถามคำถามฮั่วเสี่ยวเหวินไม่หยุด “เสี่ยวเหวิน พ่อแม่เธอไปทำการค้าที่อื่นหรือ? …เสี่ยวเหวิน ทำไมเธอแซ่ ‘ฮั่ว’ แต่พี่ชายของเธอแซ่ ‘จาง’ ? ถ้าเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน ทำไมเขาโตขนาดนี้แล้วยังนอนเตียงเดียวกับเธออยู่อีก?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินหยุดเดินอย่างหมดความอดทน แต่เมื่อมองใบหน้าไร้เดียงสาของอีกฝ่ายแล้วเธอก็โกรธไม่ลง ทำได้เพียงตอบอย่างกระชับได้ใจความ
“แม่ฉันตายแล้ว พ่อติดคุก พี่เจียิเป็แฟนของฉัน” เธอเสริมเพิ่มอีกประโยคเพราะกลัวเฉินอวี่โหรวจะไม่เข้าใจว่าแฟนคืออะไร “แฟนก็คือ ‘คนรัก’ ”
ความกระตือรือร้นของเฉินอวี่โหรวลดลงไม่น้อย เธอค่อยๆ เดินมาลูบหัวฮั่วเสี่ยวเหวิน “ชีวิตเธออนาถมากเลย ขาดพ่อแม่ั้แ่อายุแค่นี้ ซ้ำยังถูกบังคับให้เป็เ้าสาวเด็ก”
ฮั่วเสี่ยวเหวินปัดมือเฉินอวี่โหรวทิ้งด้วยความรังเกียจ “ฉันกับพี่เจียิใจตรงกัน เธอนั่นแหละเป็เ้าสาวเด็ก”
เฉินอวี่โหรวไม่ยอมขึ้นมาอีกครั้ง บอกว่าฮั่วเสี่ยวเหวินอายุแค่สิบเอ็ดสิบสองปี แต่จางเจียิอายุสิบหกสิบเจ็ดปี พวกเธออายุห่างกันขนาดนี้จะรักกันได้จริงหรือ?
“ยังต้องถามอีกหรือ รอโตแล้วฉันจะแต่งงานกับพี่เจียิ” ฮั่วเสี่ยวเหวินตอบอย่างมั่นใจ ส่วนปัญหาด้านอายุ เธอตอบเื่นี้ไม่ได้ เธอไม่อยากพูดถึงเื่ประสบการณ์การเดินทางข้ามมิติ มิเช่นนั้นเฉินอวี่โหรวได้ถามไม่หยุดอีกรอบแน่
“ในหนังสือบอกไว้ ผู้ชายกับผู้หญิงนอนด้วยกันแล้วจะมีลูก ถ้าอย่างนั้นพวกเธอจะมีลูกเมื่อไร?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินถูกเธอถามจนหน้าแดง เธอสงบสติอารมณ์ลงแล้วด่าเฉินอวี่โหรว “อายุแค่นี้แต่ไม่รู้จักหัดเื่ดีๆ เอาแต่อ่านหนังสือลามกอนาจาร สมแล้วที่ในหัวมีแต่เื่สกปรก”
เดิมทีแค่ล้อกันเล่นเท่านั้น แต่เฉินอวี่โหรวกลับนิ่งเงียบไปเมื่อโดนเธอด่า
ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกสำนึกเสียใจ เด็กหญิงอายุเท่านี้จะช่างสงสัยก็ไม่แปลก
ก้าวเดินไปเรื่อยๆ ในที่สุดฮั่วเสี่ยวเหวินก็ร้องเรียกเฉินอวี่โหรว “เดี๋ยวฉันพาเธอไปกินของอร่อยดีไหม?”
“เอาสิ เอาสิ!” เฉินอวี่โหรวยิ้มหน้าบานทันที ฮั่วเสี่ยวเหวินยืนอึ้งอยู่ที่เดิม แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะหายโกรธเมื่อพูดถึงของกิน แต่นี่มันจะเร็วเกินไปหน่อยกระมัง
เถ้าแก่ร้านอาหารตรวจสอบผักดองแล้วถามถึงกระบวนการผลิต จากนั้นก็เป็อันตกลงอย่างรวดเร็ว
เถ้าแก่เนี้ยเป็คนฉลาด ขอให้ฮั่วเสี่ยวเหวินเขียนหนังสือรับรองให้ ว่าผักดองของเธอปลอดภัยไร้สารพิษ
ตอนที่เดินออกจากร้านอาหาร ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกเหมือนฝัน นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีผู้จัดจำหน่ายที่มั่นคงแล้วจริงๆ แค่นี้เธอก็คอยทำผักดองอยู่ที่บ้านได้อย่างสบายใจแล้ว
ฮั่วเสี่ยวเหวินจินตนาการไปไกลกว่านั้นโดยไม่รู้ตัว รอให้กิจการขยับขยายใหญ่กว่านี้ เธอก็จะสามารถจ้างคนงานหรืออาจถึงขั้นเปิดโรงงานทำผักดองโดยเฉพาะ
เมื่อนึกถึงว่าอีกไม่นานตัวเองจะกลายเป็คนมีเงิน ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกว่าตัวเองมองเฉินอวี่โหรวที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ด้านข้างได้เจริญตามากขึ้น
ตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายเป็คนที่นำเคราะห์ร้ายมาให้ ใครเจอก็โชคร้ายหมด นึกไม่ถึงว่าจะกลายร่างเป็ ‘เทพเ้าแห่งโชคลาภตัวน้อย’ ของเธอ
อื้ม ต้องรีบตีเหล็กตอนร้อน ฮั่วเสี่ยวเหวินยิ้มหน้าระรื่นบอกให้เฉินอวี่โหรวไปเสนอร้านอื่นด้วย
เห็นแก่อาหารที่ตัวเองกินจนเหลือแค่กองกระดูก เฉินอวี่โหรวมีแต่ต้องยอมตอบตกลง
เื่ราวราบรื่นจนน่าอัศจรรย์ใจ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เฉินอวี่โหรวก็เกลี้ยกล่อมเถ้าแก่ได้แล้วสามร้าน
ตกค่ำฮั่วเสี่ยวเหวินดีใจจนนอนไม่หลับ เล่าเื่เมื่อตอนกลางวันให้จางเจียิฟังซ้ำไปมา ทั้งเล่าว่าเฉินอวี่โหรวเก่งกาจอย่างไรและเล่า ‘แผนธุรกิจอันยิ่งใหญ่’ ของตัวเอง
จางเจียิรู้สึกดีใจแทนเธอเช่นกัน บอกว่าต่อไปนี้พวกเราไม่ต้องกังวลเื่อาหารการกินแล้ว
ไม่รู้ว่าฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกไปเองหรือไม่ เธอเอาแต่รู้สึกว่ารอยยิ้มเขาดูฝืนๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้