หลังจากหวังโหรวจากไป ฉินโจ้วก็ไม่ได้กลับเข้าเกมในทันทีกลับตรงไปเปิดโทรทัศน์ เขายังใไม่หายกับการแลกเปลี่ยนเงินจำนวน 20 ล้านหยวนกับหัวเยี่ยนชาน เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรกัน มันก็เป็แค่เกมมันไม่มีค่าให้ลงทุนมากขนาดนั้นเสียหน่อย ตั้ง 20 ล้านหยวน ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆเลยนะ
โดยปกติคนทั่วไปนั้นกับการจะหาเงินจำนวนนี้ให้ได้บางทีต่อให้หาทั้งชีวิตจะได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลยเื่นี้มันต้องมีลับลมคมในอยู่แน่ ทุกดินแดนที่อยู่ใต้ฟ้า ล้วนมีแต่ความมั่งคั่งฉินโจ้วรู้สึกได้ถึงความคลุมเครือ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าไปมีเอี่ยวในการได้รับผลประโยชน์นี้ด้วยเสียแล้วสิ
มีรายงานข่าวบางอย่างของเกมที่ดึงดูดความสนใจของเขา
สำนักข่าวรายงาน: มีผู้เล่นชื่อ ''เทียนว่านเฟยเซียน'' ได้พบกับขอทานที่ขายคัมภีร์ฝึกยุทธ์ที่หมู่บ้านเริ่มต้น และเขาใช้เงิน 10เหรียญเพื่อซื้อ "คัมภีร์เก้าสุริยัน" และได้ลองฝึกตามเขาใมากเมื่อพบว่าพลังงานภายในเพิ่มขึ้น
คัมภีร์นี้เป็จริงหลังจากเลิกเล่นเกมเขายังรู้สึกว่าร่างกายของเขาเปี่ยมล้นด้วยพลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
คัมภีร์เก้าสุริยันไม่เพียงเพิ่มคุณสมบัติในเกมเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อร่างจริงอีกด้วย เมื่อเขาค้นพบความลับนี้ ''เทียนว่านเฟยเซียน'' ก็เริ่มสร้างสัมพันธ์ด้วยการค้นหาขอทานทันทีแต่ขอทานคนนั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
''เทียนว่านเฟยเซียน'' รู้สึกเสียดายที่ซื้อไว้เพียงหนึ่งชุดซึ่งแท้จริงแล้วเขาโชคดีมาก คนที่ควรเสียดายน่าจะเป็คนที่เคยเยาะเย้ยเขาในเวลานั้นเสียมากกว่า
หลังจากการกระจายข่าวสุดยอดคัมภีร์ฝึกยุทธ์ที่เป็ของจริงอันก่อให้เกิดความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งยังปลุกกระแสพลิกฟ้าหาขอทานกันเถิดขึ้นอีกซึ่งไม่เกิดประโยชน์อันใดจากการวิ่งตามหาทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านขอทานที่เคยปรากฏกายในหมู่บ้านกลับหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา...
ซึ่งในความเป็จริงแล้วเทียนว่านเฟยเซียนไม่ใช่คนเดียวที่ซื้อคัมภีร์ไป ราว 3-5 คน เป็อย่างน้อยแต่ก็ไม่อาจยืนยันได้แน่ชัด
ใจของฉินโจ้วเริ่มเต้นแรง ทันทีที่นึกถึงคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นและสิบแปดลูบคลำของขอทานคนนั้นหากว่าขอทานที่เขาพบเป็คนเดียวกันกับที่ ''เทียนว่านเฟยเซียน'' พบ ดังนั้นมันจะเป็ทักษะที่มีประโยชน์มากถ้าคัมภีร์ฝึกยุทธ์ทั้งสองเล่มที่เขาซื้อเป็เื่จริงหากมันส่งผลกระทบต่อร่างกายในโลกของความเป็จริงได้ ขาข้างที่พิการของเขาก็...
ฉินโจ้วพลันรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นในใจความมหัศจรรย์ของคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นช่างเหนือจินตนาการในอดีตมีการคาดเดาไว้มากมาย อย่างน้อยๆ คือมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หรือกระทั่งการฟื้นคืนของกระดูก
ความสามารถในการยืนและเดินเหมือนคนทั่วไปคือสิ่งที่ฉินโจ้วใฝ่ฝันและคาดหวังที่สุดในขณะนี้ เขาต้องสูญเสียสิ่งที่เคยมีอยู่ไม่ใช่เื่ที่คนธรรมดาทั่วไปจะรับได้
"ยิ่งไปกว่านั้น จากการตามรายงานข่าว ''เทียนว่านเฟยเซียน'' นับแต่พบว่าคัมภีร์ฝึกยุทธ์เป็ของจริง เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวเป็เวลานานพอสมควรแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้างถ้าเขาฝึกคัมภีร์เก้าสุริยัน อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็เป็ได้ขอจบการรายงานข่าวแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามรับชม"
เมื่อได้ยินคำว่า "อุบัติเหตุ"คำคำนี้ทำให้ใจของฉินโจ้วรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นทันที ในหลายประเทศหนูขาวเป็สัตว์ล้ำค่าหายากเขาฉุกคิดได้ในทันทีว่าคัมภีร์ลับไม่ได้ปรากฏขึ้นโดยง่ายหากเขามัวแต่กลัวที่จะต้องเผชิญกับความผิดพลาดอีกครั้งล่ะก็...เขาไม่มีกะจิตกะใจจะดูทีวีอีกต่อไป เขารีบกลับเข้าเกมโดยทันที
"อี้จินจิง (คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น)"ตามตำนานกล่าวว่าเป็หนึ่งในสองคัมภีร์ที่เหลืออยู่ของวัดเส้าหลินในูเาซงชาน(อีกเล่มหนึ่งคือ "สีสุ่ยจิง") "อี้" หมายถึง ความยืดหยุ่นหรือการเปลี่ยนแปลง "จิน" หมายถึง กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น"จิง" หมายถึงแนวทางหรือประสบการณ์ "อี้จินจิง" จึงหมายถึง การเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อและกระดูกและวิธีภายในอย่างการทะลวงจุดตันเถียนด้วยลมปราณให้ลมปราณโคจรไปทั่วร่างได้อย่างสะดวก
"อี้จินจิง"ส่วนหลักคือการออกกำลังกายที่ซึ่งคนทั่วไปสามารถฝึกจนบรรลุได้โดยผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับวิธีการฝึกโดยแบ่งออกเป็ 2 ส่วนคือการออกกำลังเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งภายใน (จิตใจ) และความแข็งแกร่งภายนอก(ทางกายภาพ)
เมื่อ"ความแข็งแกร่งของจิตใจเพิ่มขึ้น"ส่วนที่จะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากการออกกำลังคือแกนกลางของกระดูกจะมีการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้มีความแข็งแรงสูงขึ้นกว่าปกติเมื่อกระดูกเติบโตเป็ระยะเวลาพอสมควรจะเพิ่มความสามารถให้กับส่วนอื่นๆ ด้วย เช่นแขน ข้อมือ นิ้ว ฝ่ามือซึ่งทั้งหมดนี้จะแสดงออกมาในรูปแบบของความแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าและหินผาความแข็งแกร่งของนิ้วที่เจาะทะลวงผ่านท้องของวัวได้หรือจะเป็ฝ่ามือที่ผ่าศีรษะวัวจนแตกกระจาย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็เพียงทักษะเล็กน้อยเท่านั้นความแข็งแกร่งภายนอกเมื่อฝึกฝนจนสำเร็จก็เหมือนกับการทลายกำแพงซึ่งจะทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ฉินโจ้วไม่มีอารมณ์มาศึกษาขั้นตอนหรือคำแนะนำที่คนโบราณเขียนไว้ เขาเลยคลิกเพื่อเรียนรู้โดยตรง
ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือน : ขอแสดงความยินดีด้วยกับผู้เล่นที่ได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง"อี้จินจิง" ค่ากระดูก +3
ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเื่ดีๆแบบนี้ด้วย ที่ทักษะจะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติซ่อนได้ถึง 3 แต้มกระดูก ในใจของฉินโจ้วหวังว่าเขาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้
อี้จินจิงเป็คัมภีร์ที่มีปริศนาลึกลับซ่อนอยู่มากมาย
หลังจากได้เรียนรู้คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นฉินโจ้วก็เข้าใจว่าไม่ได้เน้นแต่ความแข็งแกร่งภายในทั้งยังอาศัยการเคลื่อนไหวร่างกายเข้าหนุน ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายมีทั้งสิ้น 12กระบวนท่า การบริหารร่างกายแบบชี่กง มี 3 ท่า (หายใจ เคลื่อนไหว สมาธิ)
เด็ดดาวเปลี่ยนผัน สามถาดร่วงหล่นกรงเล็บปีกเรืองรอง เก้าหางวัวเหวี่ยงกลับหลัง เก้าผีดึงดาบ ัเขียวยืดเล็บพยัคฆ์ตะครุบเหยื่อ ง้างเกาทัณฑ์สุดแรง ด้านหลังคนงาน
ในการฝึกฝนลมปราณของอี้จินจิง้าสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบเดิมทีฉินโจ้วคิดจะเช่าห้องสำหรับฝึกฝน แต่คิดอีกที ตอนนี้เขาก็มีเงินอยู่ไม่น้อยคงดีกว่าถ้าเขาซื้อบ้านไปเลย เก็บไว้ก็ขายได้ราคาอีกเพราะฉะนั้นเขาจึงใช้เหรียญทอง 200เหรียญเพื่อซื้อบ้านใกล้กับร้านขายอุปกรณ์ของเขาและการซื้อบ้านไม่ต้องใช้แต้มชื่อเสียงแต่อย่างใด
3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1ห้องครัว และมีลานบ้านเล็กๆ นี่เป็บ้านหลังแรกที่ฉินโจ้วซื้อถึงจะเป็แค่บ้านในเกมก็ตาม แต่ก็ยังทำให้รู้สึกดีไม่หยอกอย่างไรก็ตามฉินโจ้วไม่มีอารมณ์จะเดินสำรวจบ้านแม้แต่น้อยเขาปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้อง โดยปกติแล้วที่พักอาศัยส่วนตัว นอกจากเ้าของห้องผู้อื่นไม่สามารถเข้ามาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลเื่ที่จะถูกคนอื่นมา รบกวน
ขั้นที่หนึ่ง : กระบวนแรก
งอข้อแขนทั้งสองข้างเข้าหากัน ค่อยๆยกขึ้นระดับอก ทำมือคล้ายการจับลูกบอล ข้อมือตั้งตรง โดยข้อมือ ข้อศอกและหัวไหล่ต้องอยู่เสมอกัน นิ้วมือชี้ขึ้น ทำค้างไว้ราว 8-20ลมหายใจตามความเหมาะสม
เคล็ดลับคือตั้งลำตัวตรงตลอดเวลา ทำมือให้เหมือนการคำนับ รวบรวมพลังชี่ เพ่งมองที่จิตด้วยความเคารพ
เมื่อหายใจเป็ครั้งที่ห้า ฉินโจ้วััได้ถึงกระแสของพลังชี่ที่พุ่งขึ้นในจุดตันเถียนบริเวณท้องน้อยไหลเวียนไปตามหลอดเืดำอย่างแช่มช้า ดั่งสายน้ำค่อยๆ ซึมผ่านทะเลทราย
ขั้นที่สอง : กางแขนออกเป็แนวระนาบ
ยืนเท้าแยกออกจากกันให้เสมอกับความกว้างของไหล่ เท้ายืนมั่นคง ไม่ต้องเกร็งเข่ายกทั้งสองมือขึ้นอย่างช้าๆ ประกบมือไว้บริเวณอก ผ่อนลมหายใจออก พร้อมค่อยๆเหยียดแขนทั้งสองข้างออกจนสุด จากนั้นประกบฝ่ามือเข้ามาพร้อมสูดลมหายใจเข้าค่อยเริ่มทำซ้ำ 8-20 ครั้ง
เคล็ดลับคือ่ที่เหยียดแขนทั้งสองให้ได้ระดับอยู่นั้น ให้เปิดใจเพื่อรับพลังชี่ด้วยการเบิกตาอ้าปากเปิดประสาทรับรู้
ขั้นที่สาม: ท่าประสานมือ
ไม่ทันไรฉินโจ้วก็คล้ายจมอยู่ในภวังค์แห่งการฝึกตน จนไม่รู้ว่าเวลาล่วงผ่านไปเท่าใดแล้ว
หลังจากการเสร็จสิ้นการฝึกเมื่อฉินโจ้วตื่นขึ้นเขาก็รู้สึกสบายสดชื่น ทั่วร่างเต็มไปด้วยพลังชี่ััได้ถึงความแข็งแกร่ง เวลาผ่านไปหนึ่งวันครึ่ง (เวลา 1 วัน ในโลกจริงเทียบเท่ากับเวลาในเกม3 วัน) ฉินโจ้ว นึกถึงคำพูดของหวังโหรวจึงรีบออฟไลน์ทันทีเป็อย่างที่คิดไว้ท้องฟ้าแจ่มใสยามกลางวันล่วงผ่านไป กลายเป็กลางคืนไปเสียแล้ว
ไม่ทันได้จมดิ่งลงสู่ห้วงความคิดฉินโจ้วบังเกิดความรู้สึกคันยุบยิบที่ขา อย่างกับมีมดไต่ขึ้นมาบนตัวเขาเช่นนั้นผู้ที่พอมีความรู้ทางการแพทย์จะทราบดีว่ามันเป็สัญญาณที่บ่งบอกว่าาแกำลังรักษาตัวเองอยู่เขาถึงกับต้องอดกลั้นความดีใจไว้ไม่ให้ะโออกมา เขาไม่คิดไม่ฝันว่าผลลัพธ์ของ"อี้จินจิง" จะน่าทึ่งขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งอยู่ใน่เริ่มต้นแท้ๆไม่คิดว่าเวทมนตร์ของเกม ''เหยี่ยวั่ง'' จะส่งผลต่อร่างจริง ขาข้างที่พิการของเขามีความหวังจะหายดีแล้วเขาตื่นเต้นดีใจจนแทบร่ำไห้ฟูมฟายออกมา
เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีหลักการอย่างไรจึงสามารถเปลี่ยนความเป็จริงได้ แต่เขารู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าเกม ''เหยี่ยวั่ง'' ห่างไกลกับคำว่าเกมธรรมดาไปโข
ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างของเขาไม่ใช่อุบัติเหตุถ้าเหตุการณ์ของ ''เทียนว่านเฟยเซียน'' เป็เื่จริงล่ะ ถ้าเป็เช่นนี้จริง เกม ''เหยี่ยวั่ง'' จะเปลี่ยนโลกของเราไปในทิศทางใดต่อไป
ด้วยข้อสรุปนี้ทำให้เขาทั้งใและมีความหวังอย่างริบหรี่ไปพร้อมๆกัน ทำให้ใจของเขาพองโตเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่น
ทันใดนั้นเอง มีเสียง ''แอ๊ด'' ดังขึ้น จากนั้นประตูก็เปิดออก
หวังโหรวเดินเข้ามาพร้อมอาหารเช้าที่ยังร้อนอยู่หวังโหรวสวมชุดนอนยาวสีขาวซึ่งมองเห็นชั้นในสีดำได้อย่างชัดเจนผ่านผ้าไหมเนื้อบางเบาชุดนั้นบริเวณคอเสื้อเคลื่อนลงต่ำเล็กน้อยระหว่างการย่างก้าวเผยให้เห็นร่องลำธารที่ไหลผ่านเทือกเขา อาจารย์หวังโหรวช่างดูอุดมสมบูรณ์เสียจริง
ฉินโจ้วรู้สึกละอายที่จะมองต่อ จึงเบนสายตาลงด้านล่างแทนซึ่งทำให้พบกับสิ่งที่ชวนหลงใหลยิ่งขึ้นไปอีก ชุดนอนของหวังโหรวสั้นเหลือเกินชายกระโปรงยาวเพียงปิดถึง่ต้นขาของเธอเท่านั้นโดยเธอไม่ได้สวมถุงน่องหรืออื่นใดใน่เช้าแบบนี้ จึงเผยให้เห็นต้นขาขาวราวบุปผาส่องประกายยามเช้าผิวเรียบเนียนดุจหยกวาวยวนใจ ระหว่างเดินสายตาจับจ้องเห็นบางสิ่งสีดำอย่างเลือนรางซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าคือชั้นในหรือสิ่งใดกันแน่
ทันทีที่หวังโหรวเดินเข้าประตูมาเธอก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติกับชุดของเธอแต่มันคงดูไม่ดีถ้าจะหันหลังกลับไปทันที ดังนั้นเธอจึงต้องแกล้งทำเป็ไม่สนใจและนำอาหารเช้าวางไว้ข้างเตียงของฉินโจ้ว
"นี่ฉันทำเองนะเป็ไข่กวนกับโจ๊กเนื้อไม่ติดมัน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะชอบหรือเปล่านะ"
การตุ๋นโจ๊กในหม้อดินเผาจะทำให้หม้อเก็บกลิ่นหอมของข้าวได้ดีกว่า หวังโหรวเปิดฝาหม้อออก ทันใดนั้นกลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาทันที
ฉินโจ้วเอื้อมมือไปรับถ้วยโจ๊กทันที ก่อนจะยิ้มและกล่าวว่า"พอดมใกล้ๆ แล้ว กลิ่นมันหอมจริงๆผมชอบกินไข่กวนกับโจ๊กใส่เนื้อไม่ติดมันที่สุดเลยครับ"
"ถ้าชอบก็กินได้เลยนะ"หวังโหรวดึงเก้าอี้มานั่งก่อนจะสั่งฉินโจ้ว เหมือนอาจารย์กับนักเรียนว่า"วันนี้ฉันต้องไปเมือง B กว่าจะกลับมาก็คงเย็นๆกลางวันมาทำมื้อเที่ยงให้ไม่ได้นะ"
"ไม่มีปัญหา ยังมีบิสกิตอยู่อาหารมื้อสองมื้อ ไม่สำคัญเท่า...ไร" ฉินโจ้วเงยหน้าขึ้นก่อนที่สายตาเ้ากรรมดันไปจ้องบางสิ่งที่ไม่ควรมอง ทำเอาเขาเกือบเผลอกัดลิ้นตัวเองเข้า
หวังโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้ชุดนอนบางส่วนของเธอร่นกลับขึ้นไปที่โคนขา เผยให้เห็นขนดำสนิทฉินโจ้วไม่คิดไม่ฝันว่าอาจารย์หวังโหรวที่ดูสง่างาม อ่อนหวานดั่งสายน้ำที่โรงเรียนจะดูสบายๆ เมื่ออยู่ที่บ้าน อาจเพราะเก้าอี้อยู่ใกล้กับเตียงมากกลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวทำให้ร่างกายบางส่วนของฉินโจ้วเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
เมื่อหวังโหรวเห็นถึงสายตาที่จ้องมองของฉินโจ้วก็รู้ได้ทันที ใบหน้าขาวนวลเปลี่ยนเป็สีแดง เธอรีบลุกพรวด เก้าอี้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดก่อนจะล้มลง จนขาของเธอขัดกัน ทำให้เธอเสียหลักล้มลงบนเตียงและทับไปที่ฉินโจ้วในที่สุด
ฉินโจ้วเจ็บแผลที่ขาขึ้นในบัดดลและร้องออกมาด้วยความเ็ปแขนของเขาโอบเรือนร่างที่แสนหอมหวานและนุ่มนวลของหวังโหรวโดยอัตโนมัติมือของเธอทั้งเรียบเนียน ทั้งนุ่มนิ่ม และััที่น่าอัศจรรย์ชวนให้เขาใจสั่นความรู้สึกนี้ผุดขึ้นในใจแต่อย่างไรก็ตามความเ็ปที่ได้รับก็ทำให้เขาถึงกับเหงื่อออกและรู้สึกไม่ดีเท่าไร
นี่คงเป็เหมือนที่คนเขาเคยพูดกันไว้ว่าความสุขมักมาพร้อมกับความเ็ป ฉินโจ้วสูดอากาศเย็นๆ เข้าไปเพื่อปรับอารมณ์
“ขอโทษนะที่ล้มไปโดนแผลของนายเข้าพอดี”หวังโหรวได้ยินฉินโจ้วร้องด้วยความเ็ปถึงได้รู้เธอไม่กล้าขยับตัวจนกระทั่งฉินโจ้วส่งสัญญาณว่าไม่เป็อะไรแล้วเธอจึงค่อยๆ ยืนขึ้นอย่างระมัดระวังและขอโทษขอโพยอีกครั้ง
ฉินโจ้วก้มศีรษะลงเพื่อไม่ให้เห็นเหงื่อเย็นเฉียบที่ไหลอยู่บนใบหน้าก่อนจะทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า "ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วงอีกเดี๋ยวก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะครับ"
"อย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปก่อนนะเธอก็กินโจ๊กต่อแล้วกัน ส่วนชามเดี๋ยวฉันกลับมาเก็บให้ทีหลัง"หวังโหรวเดินออกจากห้องไป ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หลังก้าวออกจากห้องเมื่อออกมาแล้วก็รวบรวมความกล้าเพื่อก้าวยาวๆไปข้างหน้าและสาบานกับตนเองว่าจะต้องทิ้งนิสัยที่ไม่ดีนี้ไปให้ได้
15 นาทีต่อมาหวังโหรวเข้ามาเก็บจานไปล้าง ฉินโจ้วมองไปที่เธอ เห็นเธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนกุดสวมกระโปรงสีเทายาวถึงเขา ช่างดูดีจริงๆบนใบหน้าเธอยังปรากฏสีแดงระเรื่ออยู่เล็กน้อย
ดูเหมือนว่าทั้งสองยังคงเขินอายเกินกว่าจะพูดคุยหวังโหรวทำความสะอาดอย่างเงียบๆ ก่อนจะออกจากห้องไป จากนั้นฉินโจ้วจึงเข้าเกมทันทีแม้ว่าเขาจะไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันแล้ว แต่เขาไม่รู้สึกง่วงแต่อย่างใดกลับรู้สึกถึงพลังงานที่มีเต็มเปี่ยม
ฉินโจ้วไม่มีความคิดจะไปสู้กับมอนสเตอร์เพื่อเก็บเลเวลแล้วตอนนี้ทั้งจิตและิญญาของเขาจดจ่ออยู่แต่กับ ''อี้จินจิง'' เพียงอย่างเดียวเท่านั้น การรักษาขาของเขาเป็สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้
การที่ต้องนอนอยู่บนเตียงทั้งวันคนเดียวช่างเป็ความรู้สึกที่แย่เหลือทน
หลายวันต่อมา กายบริหารทั้ง 12 ท่า ถูกฝึกไม่หยุดเขาฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา จนเกือบเป็ท่ามาตรฐานไปเสียแล้ว แต่ถ้าคิดจะเอาไปใช้ต่อสู้ตอนนี้ยังสู้กับใครไม่ได้ทั้งนั้น ศิลปะป้องกันตัวไม่อาจฝึกสำเร็จได้ในวันสองวัน
ในขณะเดียวกันเขาก็พบว่า ่เวลาจื่อ[1]จะให้ผลลัพธ์การฝึกดีที่สุดในขณะที่ผลลัพธ์ของการฝึกในเวลาอื่นค่อนข้างแย่ทีเดียว หลังจากได้ข้อสรุปเช่นนี้ฉินโจ้วก็เข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมพวกยอดฝีมือทั้งหลายถึงได้มีแต่พวกคนสูงวัยเพราะว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นผลได้ในคราวเดียวแต่เป็กระบวนการที่ต้องสั่งสมประสบการณ์อย่างยาวนาน
ติ๊ง!ระบบแจ้งเตือน : มีผู้เล่นส่งข้อความส่วนตัว
...................................................................................................................................................................................................................................................................
[1] เวลาจื่อ เป็การนับเวลาแบบจีนโบราณ หมายถึง ่เวลา 23.00-01.00 น. บ้างเรียกว่า ยามชวดหรือยามหนูเนื่องจากเป็่เวลาที่หนูมักออกหากิน