แต่ชายพม่ายังคงดำเนินการประมูลต่อไป ทำให้ไม่ว่าไอลี่จะอยากหรือไม่อยากประมูลหินแร่ก้อนั์ต่างก็ไม่มีทางเลือกแล้ว!
เื่ที่เธอส่งคนไปคอยดักฟังเื่ราคาจากเหล่าคนพวกนั้นถูกหวังเมี่ยวเอ๋อดูออกจนทะลุปรุโปร่ง และไปบอกกับคนเ่าั้ผู้คนจึงเพิ่มเงินกลับไปเล็กน้อย จึงได้หินแร่มาอยู่ในมือกันทั้งหมด นอกจากพ่อค้าสองคนที่สงสัยในตัวของหวังเมี่ยวเอ๋อจึงไม่ได้เพิ่มเงินประมูลขึ้นไป ทำให้ไอลี่ได้ไปอยู่บ้างไม่อย่างนั้นครั้งนี้ฝูหม่านโหลวคงไม่ได้อะไรกลับไปเลย
แต่สิ่งที่ทำให้ไอลี่ยิ่งรับไม่ได้ก็คือหินแร่ที่เธอแย่งมาจากพ่อค้าทั้งสองคนนั้น มีเพียงแค่ก้อนเดียวที่เจอหยกใสขนาดเท่ากำมือแต่ก็เต็มไปด้วยรอยแตก ส่วนสิบกว่าก้อนที่เหลือต่างก็ไม่ได้อะไรเลย...
“นี่มันเป็ของห่วยๆอย่างที่พูดจริงๆ ไม่ได้เปิดออกแต่ก็ยังมาขายราคาแพงขนาดนี้ให้เราสุดท้ายยังเป็แบบนี้อีก?”
จ่ายไปกว่ายี่สิบล้าน แต่กลับได้หยกเนื้อขุ่นที่เอามาทำเป็กำไลไม่ได้เพียงสองแผ่นและหยกใสที่เต็มไปด้วยรอยแตกอีกหนึ่งก้อน แม้ว่าไอลี่จะดวงซวยแค่ไหนก็ไม่แปลกใจที่เธอจะไปโทษชายชาวพม่าแทน
ทั่วทั้งตัวของพ่อค้าที่ถูกไอลี่แย่งหินแร่ไปนั้นเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อพวกเขาดีใจเป็อย่างมากที่ได้มอบดวงกุดขนาดนี้ไปให้ไอลี่แทน
เดิมทีชายพม่าก็เป็คนผิวคล้ำอยู่ก่อนแล้วแต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับดำมากขึ้นไปอีก
หากรู้ว่าคุณหนูไอจากฝูหม่านโหลวจะดวงกุดขนาดนี้หลังจากผ่าหินแร่ของเธอออกมาก็ไม่รู้ว่าหินแร่ก้อนสุดท้ายนั้น จะสามารถขายออกไปได้ไหมเขาจึงรู้สึกไม่ดีนัก
“หวูตันยังไงเรามาผ่าหินแร่ที่หลิ่วชื่อเลือกกันเถอะค่ะ!”
คำเรียกที่หลินลั่วหรานเปิดปากพูดออกมานั้นต่างไปจากที่ไอลี่ใช้เรียกเมื่อสักครู่หลิ่วเจิงได้บอกวิธีการเรียกชื่อแบบคนพม่ามาให้เธอฟังแล้วเธอเห็นว่าชายพม่าคนนี้อายุต่างกันกับเธอมากอีกทั้งยังเป็คนที่สามารถแอบขนหินแร่ออกมาได้อย่างไรก็น่าจะเป็คนที่มีตำแหน่งในพม่าเลยทีเดียว เธอจึงเติมคำว่า “หวู”ด้านหน้าคำว่า “ตัน” เพื่อแสดงความเคารพ หลินลั่วหรานจึงไม่ได้ลำบากอะไร
คนพม่ามีชื่อแต่ไม่มีนามสกุล ผู้ชายชาวพม่าก่อนที่จะโตเต็มวัยเวลาแนะนำตัวเองก็มักจะเติมคำว่า “เม่า” เอาไว้ด้านหน้า เพื่อแสดงความถ่อมตน บางครั้งเพื่อจะแสดงความใกล้ชิดคนที่โตกว่าเวลาจะเรียกคนที่อายุน้อยกว่า ก็จะเติมคำว่า “เม่า” เอาไว้ด้านหน้าชื่อคนที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือชายวัยรุ่น ก็จะเติมคำว่า “พี่” เอาไว้ด้านหน้าชื่อ อย่างเช่น คู่สามีภรรยาคนหนึ่งมีลูกชายชื่อว่าเจว๋เวิน ในตอนที่เจว๋เวินยังไม่โตเติมวัย ผู้คนก็จะเรียกเขาว่า “เม่าเจว๋เวิน” หลังจากโตแล้ว ก็จะเรียกว่า“พี่เจว๋เวิน” และเมื่อเขาแก่ตัวลงหรือหลังจากได้รับตำแหน่งในสังคมแล้ว ผู้คนก็จะเรียกเขาว่า “หวูเจว๋เวิน”
ชายชาวพม่าพอใจในความรู้ความเข้าใจสถานการณ์ของหลินลั่วหราน “สาวสวยเธอจะต้องได้รับโชคดีแน่! ทำตามที่เธอบอกเลยแล้วกัน!”
“เบอร์ 163 บริษัทหลิ่วชื่อ เจินเป่าเซวียนซื้อในราคาห้าแสนเก้าหมื่นเก้าหยวน เริ่มผ่าแร่ได้!” ชายชาวพม่าพูดพร้อมกับยกหินแร่ขึ้นบนเครื่องตัด
“แร่ก้อนนี้ดูธรรมดาเกินไปแล้วจะมีหยกเหรอ?” เมื่อนักธุรกิจค้าหยกจากฝูเจี้ยนได้ยินว่ามีราคาเพียงเกือบๆหกแสนเท่านั้น อีกทั้งภายนอกก็หินแร่ก็ดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษในใจก็ได้แต่หวังว่าเมื่อผ่าออกมาแล้วจะเจอเพียงความว่างเปล่า
“ช่างไม่ได้รู้อะไรเอาเสียเลยคุณหลินน่ะ เป็มือ์คนใหม่ในวงการเลยนะ หินแร่ที่เธอดูเอาไว้ไม่ว่าภายนอกจะดูไม่ดียังไง แต่ก็จะมีค่าอยู่ภายในทั้งนั้น!” คนที่ตอบกลับไปคือชายชาวกว่างโจวคนนั้นเองเมื่อพูดจบยังหันมายิ้มยกยอให้กับหลินลั่วหราน จนทำให้เธอต้องเผยยิ้มออกมา
แม้ว่าคำพูดของชายชาวกว่างโจวคนนี้ดูเหมือนว่าจะกำลังเอ่ยชมเธออยู่แต่กลับเห็นได้ชัดว่าเขากำลังพูดถากถางหินแร่ราคาสองล้านห้าของไอลี่อยู่ต่างหากดูเหมือนว่าศัตรูของไอลี่จะมีอยู่ไม่น้อย
“คุณหลิน อยากจะตัดยังไงดีล่ะ?”
คำถามนี้ชายชาวพม่าเองก็เคยถามกับไอลี่มาก่อนสิ่งที่ไอลี่พูดออกมาก็คือ “ยังไงก็ได้”แต่หลินลั่วหรานกลับทำเป็พิจารณาเส้นหยกด้านในอยู่สักพัก ก่อนที่จะลงมือขีดเส้น 3 เส้นลงบนก้อนหินแร่แล้วจึงพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เอาตรงกลางนี้เลยค่ะรบกวนหวูตันด้วยนะคะ”
ชายชาวพม่ารีบปฏิเสธว่าไม่ได้ลำบากอะไรก่อนจะลงมือตัดด้วยตัวของเขาเองโดยตัดลงไปตามเส้นทั้งสามที่หลินลั่วหรานได้ขีดเอาไว้ ด้วยความแม่นยำ
เมื่อเปิดชิ้นส่วนที่ผ่าออกมาแล้วชายชาวกว่างโจวก็ร้องออกมาด้วยความใ “โอ้โห ดูเหมือนว่าจะเป็หยกจักรพรรดินะสีดีทีเดียว นี่ก็ได้กำไรอีกแล้วสินะ คุณหลิน!”
อย่าได้พูดถึงหลิ่วเจิงและคุณลุงของเขาและคนสนิทใกล้ชิดอย่างเสี่ยซุยและหวังเมี่ยวเอ๋อเลยแม้แต่พ่อค้าจางที่เคยได้พบกันต่างก็ดีใจกับหลินลั่วหราน ทุกคนต่างก็เป็ชาวเมือง R ทั้งนั้น เมื่อหลินลั่วหรานได้หยก ทุกคนจึงต่างพากันภูมิใจไปด้วย!
“เสี่ยซุยได้รู้จักกับน้องสาวคนนี้ก็เหมือนได้รับมือจาก์เข้าจริงๆ แล้ว ดวงหนามากจริงๆ” พ่อค้าจางพูดออกมาด้วยความอิจฉาเล็กน้อยถ้ารู้ว่ามือ์คนนี้จะวิเศษขนาดนี้เขาก็คงจะทำความรู้จักฝากตัวกับหลินลั่วหราน ไว้ั้แ่ตอนที่เธอจ่ายเงินหมื่นบาทแลกกับหยกสองก้อนของเขาไปแล้ว
“ฉันว่านะนั่นเป็เพราะความไม่รู้เื่ของแกเองหรอก จะมาอิจฉาอะไรเอาตอนนี้!” หวังเมี่ยวเอ๋อเท้าเอวขึ้นพูด ทั่วทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยความรุนแรงคำพูดของเธอทำเอาพ่อค้าจางตอบกลับอะไรไม่ได้ เพราะเขาก็ค่อนข้างที่จะกลัวแม่เสือของเสี่ยซุยคนนี้อยู่
เมื่อได้ยินสิ่งที่คนรอบตัวพูดมู่เทียนหนานก็พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “มีเื่อะไรกันเหรอ? ทำไมถึงเรียกเธอว่า มือ์?”
เสี่ยซุยเลิกคิ้วขึ้นพูด “นั่นเป็เื่ราวอันขมขื่นของพ่อค้าจางเขาก้อนแร่ที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่เห็นค่า ถูกหลินลั่วหรานซื้อ...โอ๊ะ...”
เมื่อพูดมาได้ครึ่งหนึ่งเสี่ยซุยก็คิดขึ้นมาได้ว่าร่างสูงที่มองดูราวกับเ้าชายสูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ข้างเขานั้นความจริงแล้วเป็คนน่ากลัวที่สามารถงอเหล็กได้ด้วยมือเปล่า ตัวเองก็ถูกจับตามองเพราะเื่หยกไปแล้วเพราะแบบนั้น ถ้าพูดไปอาจจะสร้างปัญหาให้หลินลั่วหรานหรือเปล่าก็ไม่รู้เสี่ยซุยจึงปิดปากของตัวเองลง
มู่เทียนหนานพิจารณาท่าทางของเขามีเหรอที่เขาจะมองไม่เห็นความผิดปกติของเสี่ยซุย เขาไม่ได้อธิบายอะไรมากเพียงแต่หันไปถามคำถามเดียวกันกับหวังเมี่ยวเอ๋อ
ในใจของหวังเมี่ยวเอ๋อนั้นกำลังดีใจไปกับหลินลั่วหรานและเมื่อคิดถึงมาได้ว่า แม้ชายตระกูลมู่คนนี้จะชอบบังคับซื้อขายแต่ในเื่ของราคาก็ไม่เคยเอาเปรียบพวกเธอ หากไม่นับเื่การกระทำแย่ๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าสงสัย จึงจัดการเล่าเื่ที่หลินลั่วหรานใช้เงินหมื่นในการซื้อหินแร่และเมื่อตัดออกมาก็เป็หยกที่มีมูลค่ากว่า 8 ล้านออกไปให้เขาฟังแถมยังมีพ่อค้าจางช่วยเป็พยานให้ว่า เื่นี้จริงเสียยิ่งกว่าจริง
“ชี้หินเป็หยก? มีเื่วิเศษอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?” มู่เทียนหนานประหลาดใจขึ้นมาเขาก็เคยไปสืบหาคนที่ขายแร่ก้อนนั้นให้เสี่ยซุยอย่างพ่อค้าจางมาแล้วแต่ก็เป็เพียงพ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรที่ดูผิดแปลกไปเบาะแสทั้งหมดจึงจบลงแค่เพียงตรงนี้ ทำเอามู่เทียนหนานหงุดหงิดไปหมดจึงได้มาทำตัวเป็เด็กน้อยเรียกร้องความสนใจใส่เสี่ยซุยแต่ใครจะรู้ว่าการกระทำโดยไม่ได้คิดอะไรของเขา จะทำให้เสี่ยซุยที่กลัวตายอำนวยความสะดวกในการทำเื่ต่างๆ ของเขาให้ง่ายขึ้น
“แน่นอนว่าวิเศษมากหยกฮกลกซิ่วที่ขายให้ไป ก็เป็ก้อนที่หลินลั่วหรานขายให้นะ!” หวังเมี่ยวเอ๋อพูดพร้อมกับค้อนสายตาแสดงความไม่พอใจใส่มู่เทียนหนานโดยไม่ได้สนใจเสี่ยซุยที่กำลังกะพริบตาจนขนตาแทบหักอยู่ข้างๆ
การที่จะสามารถผ่าออกมาเจอหยกชั้นดีได้หนึ่งก้อนนั้นไม่แปลกหรือแม้ว่าจะเจอสองก้อนแล้วก็ถือว่าดวงดีมากแต่ยังสามารถเจอหยกฮกลกซิ่วได้ในเวลาสั้นๆ แบบนี้อีก เื่เหล่านี้ทำเอาผู้คนต่างพากันให้ความสนใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
สายตาของมู่เทียนหนานถูกย้ายไปจับจ้องอยู่ที่ก้อนแร่“หยกจักรพรรดิ” ที่กำลังถูกผ่าออกอยู่บนเครื่อง ก่อนจะรู้สึกสนใจขึ้นมาเฉยๆ
“ชี้หินเป็หยก” อย่างนั้นเหรอ หากพูดแบบนี้แล้วคนที่ขโมยเมล็ดโสมของเขาไปอย่างหลินลั่วหรานก็ดูเหมือนว่าจะเป็ตัวช่วยหาหยกที่ดีกว่าเสี่ยซุยอย่างนั้นสินะ?
หลินลั่วหรานที่กำลังบอกกับชายชาวพม่าว่าจะให้ตัดแร่อย่างไรอยู่นั้นอยู่ๆ ก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุราวกับตัวเธอกำลังถูกจับจ้องด้วยสายตาของงูพิษ
ใครกำลังสนใจอะไรฉันอยู่กันนะ? หลินลั่วหรานรู้สึกได้ถึงความอันตรายบางอย่างขึ้นมาแล้ว!