“เล่นลิ้นหรือ?” เหนียนยวี่ค่อยๆ ยกยิ้ม ไม่คิดสนใจ
“เื่ที่ไม่ได้ทำ เหตุใดต้องพูดจาเล่นลิ้นด้วย? ข้าคิดว่าท่านหญิงเป็คนฉลาด คราแรกท่านกับข้า พวกเราสัญญากันแล้วว่าจะคอยเป็หูเป็ตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้าคิดว่าพวกเราเป็เพื่อนกัน ทว่านึกไม่ถึงเลยว่า ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยจะไม่เชื่อใจเหนียนยวี่ถึงเพียงนี้”
จ้าวอิ้งเสวี่ยขมวดคิ้ว สัญญาที่จะคอยเป็หูเป็ตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน...
ใช่ เพราะสัญญาที่จะคอยเป็หูเป็ตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกันนั่น นางจึงไม่เชื่อว่าเหนียนยวี่จะทำเื่นี้ แต่...
หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่เหนียนยวี่!
“คุณหนูรองพูดจาเก่งเสียจริง เปิ่นจวิ้นจู่[1]ได้ยินมาว่า ผ้าเช็ดหน้าของสาวใช้ของคุณหนูรองตกอยู่ในเรือนหรูอี้ของข้า คืนนั้นลู่ซิวหรงเองก็เห็นกับตาว่าสาวใช้ของเ้ากลับออกมาจากเรือนหรูอี้ของข้า หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ คุณหนูรองยังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?” ฝ่ามือใต้แขนเสื้อของจ้าวอิ้งเสวี่ยกำหมัดแน่น
นางกำลังรอ รอให้เหนียนยวี่ผู้นี้ยอมรับ
แต่เหนียนยวี่จะยอมรับในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำได้อย่างไร?
“ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย หากข้าไม่พูด ข้าก็จะถูกท่านปรักปรำ เพียงแค่อิงจากผ้าเช็ดหน้ากับสิ่งที่ลู่ซิวหรงเห็น ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยก็ตัดสินแล้วว่าเหนียนยวี่ผิด เช่นนั้นเหนียนยวี่ก็ผิดจริงๆ ถ้าเป็เช่นนั้น หากวันนั้น ผ้าเช็ดหน้าที่ตกเป็ของจิ้นหวังเฟย คนที่ลักพาตัวท่านหญิงอิ้งเสวี่ยก็ควรเป็จิ้นหวังเฟยด้วยใช่หรือไม่?”
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว มุมปากค่อยๆ ยกยิ้ม ความหมายในถ้อยคำนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
“เ้า…” จ้าวอิ้งเสวี่ยตกตะลึง นางหันไปเผชิญหน้ากับเหนียนยวี่ รอยแผลเป็ที่กระจัดกระจายบนใบหน้า ยิ่งทำให้สายตาที่นางจ้องมองเหนียนยวี่เขม็งดูดุร้ายขึ้นไม่น้อย
เหนียนยวี่ผู้นี้...ท่านแม่จะลักพาตัวข้าได้อย่างไร?
ทว่าหลังจากใจเย็นลงเล็กน้อย จ้าวอิ้งเสวี่ยพลันครุ่นคิดไตร่ตรองคำพูดของเหนียนยวี่ สายตาจ้องมองมองไปที่เหนียนยวี่อย่างสงสัย "ความหมายของเ้าคือ มีใครบางคนใส่ร้ายอย่างนั้นหรือ?"
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว แต่กลับมิเอ่ยตอบตรงๆ “เหนียนยวี่และท่านหญิงอิ้งเสวี่ยไม่ได้มีความคับข้องใจอะไรกัน ข้าจะลักพาตัวท่านด้วยเหตุใด?”
“เ้ากับข้าไม่มีความคับข้องใจอะไรกัน ทว่าเ้าเกลียดหนานกงเยวี่ยมิใช่หรือ? นางเคยปฏิบัติกับเ้าไม่ดีถึงเพียงนั้น ตบตีด่าทอเ้าตามใจชอบ เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน เ้าย่อมเกลียดนางเป็ธรรมดา เพราะเช่นนั้นเ้าจึงอยากทรมานนาง ทว่าเ้ารู้ว่า นางรักบุตรชายตนเองยิ่งกว่าชีวิตและการทรมานบุตรชายของนางนั้นดีกว่าการทรมานนางอย่างไม่ต้องสงสัย ผลน่าพอใจและมีประสิทธิภาพ ส่วนข้า...เหนียนเฉิง เขารังเกียจใบหน้าเช่นนี้ของข้า ทั้งยังรังเกียจร่างกายที่หมดโฉมของข้า หึ เ้ารู้วิธีทรมานผู้คนดีเหลือเกิน!”
จ้าวอิ้งเสวี่ยหวนนึกถึงอดีตอันแสนเ็ปในวันนั้น น้ำเสียงของนางยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สายตาเจือไปด้วยความบ้าคลั่ง
ไม่กี่วันมานี้ เพียงแค่นางหลับตา นางจะนึกถึงร่างกายของเหนียนเฉิงที่กดทับอยู่บนร่างของนาง ััและความทรงจำที่ชัดเจนทำให้นางรู้สึกขยะแขยง ราวกับว่ากำลังประสบมัน
ยามที่กำลังครุ่นคิด ภาพในอดีตก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นชัดเจน จ้าวอิ้งเสวี่ยกำหมัดแน่นโดยที่แทบจะไม่รู้ตัว ราวกับว่านาง้าจะฆ่าเหนียนเฉิงและฆ่าสตรีที่อยู่ตรงหน้า
เพียงแต่……
เหนียนยวี่จ้องมองรูปลักษณ์ของนาง เหนียนยวี่รู้ดีว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยเป็คนที่น่าสงสาร ทว่าเื่การต้องมาเป็แพะรับบาป นางไม่ทำอย่างแน่นอน
อีกอย่าง คนกระทำผิดที่คิดสาดโคลนใส่นางไม่สบายไปหรอกหรือ?
“เพราะเช่นนั้น หลายวันมานี้ หนานกงเยวี่ยก็เลยเป็ทุกข์อยู่งั้นหรือ?” เหนียนยวี่หัวเราะแ่เบา “ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย โดยนิสัยของหนานกงเยวี่ย หากนางเ็ปทุกข์ทรมาน มิใช่ว่าต้องอาละวาดทั่วจวนเหนียนหรอกหรือ ไหนเลยจวนเหนียนจะสงบสุขอยู่เช่นนี้?”
ร่างกายของจ้าวอิ้งเสวี่ยสั่นเทาเล็กน้อย สีหน้าแววตาพาดผ่านอารมณ์บางอย่าง คำพูดของเหนียนยวี่...
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเหนียนยวี่ก็ดังขึ้นอีก
“คนที่เ็ปอย่างแท้จริงคือท่าน ‘ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย’ มิใช่หรือ? ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเป็คนมีสติปัญญาหลักแหลม ั้แ่ที่ก้าวเข้ามาในจวนเหนียนก็มองสถานการณ์ในจวนเหนียนแห่งนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ข้ากับฮูหยินมีความแค้นต่อกัน ไม่ผิด ทว่าท่านหญิงอิ้งเสวี่ยก็มีความแค้นกับฮูหยินและคุณชายใหญ่เช่นกันมิใช่หรือ? หรือท่านหญิงจะให้ข้าเตือนท่านถึงความแค้นของพวกเขา?”
เหนียนยวี่สบตาจ้าวอิ้งเสวี่ย ทุกถ้อยคำชี้ชัดตรงจุด
“เ้า...เ้าหมายความว่า...” จ้าวอิ้งเสวี่ยตกตะลึง ดูเหมือนว่าคำพูดของเหนียนยวี่กำลังเตือนสตินางก็ไม่ปาน “เ้าหมายความว่า เป็พวกเขา…”
ไม่ จะเป็ไปได้อย่างไรเล่า?
เหนียนเฉิงผู้นั้นก็ถูกลักพาตัวไปด้วยเช่นกัน ทั้งยังถูกตี ไม่เพียงเท่านั้น ทุกครายามที่เขาััร่างกายตน จะแสดงท่าทีรังเกียจและฝืนหลีกเลี่ยงตลอด แล้วจะเป็ฝีมือของหนานกงเยวี่ยได้อย่างไร?
แต่อย่างที่เหนียนยวี่พูด ความแค้นระหว่างพวกเรานั้นลึกราวกับมหาสมุทร...
“หากเป็พวกเขา…” ดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยลุกวาว จิตใจของนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่า ยิ่งนางคิดถึงความเป็ไปได้นี้มากเท่าไหร่ ความรู้สึกนางก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น จิตใจที่สั่นะเื ราวกับกระแสน้ำถาโถม ดึงนางให้จมลงใต้น้ำ
ทันใดนั้น นางพลันคิดอะไรบางอย่างได้ จ้าวอิ้งเสวี่ยหันไปมองเหนียนยวี่ตามสัญชาตญาณ "จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไรกันแน่?"
“จุดประสงค์?” เหนียนยวี่เลิกคิ้วเบาๆ “จุดประสงค์มิมีสิ่งใดชัดเจนไปกว่านี้แล้ว พวกเขา้าทรมานท่าน ‘ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย’ โดยการยืมมือบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยว ตนเองจะได้รอดอย่างไรเล่า ยามนี้มิใช่ว่าท่านก็ชี้นิ้วโจมตีมาที่ข้าแล้วหรอกหรือ? ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวมิใช่หรือ?”
ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว?
จ้าวอิ้งเสวี่ยกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่เหนียนยวี่พูดนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
หนานกงเยวี่ยเกลียดนางที่ทรมานบุตรชายของตัวเอง ทั้งยังเห็นเหนียนยวี่เป็หนามยอกอก หากนี่เป็แผนการของหนานกงเยวี่ยกับเหนียนเฉิงจริง เช่นนั้น...
หลายวันมานี้ ครั้นนึกถึงเื่ราวที่นางต้องพบเจอ หัวใจของจ้าวอิ้งเสวี่ยพลันปลุกปั่นเดือดพล่าน ความเกลียดชังอย่างรุนแรงผสานความดุร้ายวาววับในดวงตา แม้นสายลมหนาวในเหมันตฤดูยังมิอาจพัดพาให้เลือนหาย
จ้าวอิ้งเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ยามที่สบตาเหนียนยวี่อีกครั้ง ความสงบนิ่งเ็ากลับคืนสู่ดวงตานาง “อาศัยเพียงคำพูดไม่กี่คำของเ้าจะให้ข้าเชื่อง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร? ข้า้าหลักฐานแน่ชัด เพื่อพิสูจน์ว่า นาง ‘หนานกงเยวี่ย’ เป็คนกระทำเื่นี้ทั้งหมด”
“จะเชื่อหรือไม่ ในใจของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยย่อมคิดได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ข้าเพียงอยากกล่าวเตือนท่านหญิงอิ้งเสวี่ยว่า ในเวลานี้อาจมีดวงตานับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองมาที่ท่านกับข้า เฝ้ารอให้พวกเราที่อยู่ในศาลาทะเลาะกัน ซึ่งไม่เป็ผลดีต่อพวกเราทั้งสองฝ่าย”
ดวงตาของเหนียนยวี่กวาดมองรอบด้านอย่างไม่เป็ที่สังเกต
ในจวนเหนียนแห่งนี้มีสายตามากมายมาแต่ไหนแต่ไร
จ้าวอิ้งเสวี่ยใเล็กน้อย มองตอบสายตาของเหนียนยวี่ ดวงตาอันงดงามและบริสุทธิ์คู่นั้นส่องประกายระยิบระยับ จ้าวอิ้งเสวี่ยที่จ้องมองอยู่รู้สึกตะลึงงัน ครั้นอดีต ดวงตาของนางเองก็เคยมีประกายงดงามเช่นนี้ แต่ในตอนนี้...
“ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย หากท่าน้าหลักฐาน พวกเราก็มาค้นหาหลักฐานด้วยกันเถิด” เหนียนยวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ดึงสตินึกคิดของจ้าวอิ้งเสวี่ยกลับมา
จ้าวอิ้งเสวี่ยขมวดคิ้ว "เ้า...จะช่วยข้าหาหลักฐานหรือ?"
"ใช่"
"ทำไม?" จ้าวอิ้งเสวี่ยมิอาจมองทะลุถึงส่วนลึกของสตรีผู้นี้ได้ ทั้งยังมิอาจมองความคิดของนางออก
เหนียนยวี่ยิ้มอย่างไม่คิดสนใจ “ข้ารังเกียจที่โคลนสกปรกมากระเด็นโดนตัว อีกอย่างวันนั้นพวกเราสองคนสัญญากันแล้วว่าจะคอยเป็หูเป็ตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยมีเื่ แน่นอนว่าเหนียนยวี่ไม่มีทางเพียงแค่เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายได้”
คอยเป็หูเป็ตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน...
อาการวิงเวียนศีรษะรุนแรงขึ้น จ้าวอิ้งเสวี่ยยกมือกุมหน้าผากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ่หลายวันนี้ นางต้องรับมือกับอาการทางจิตใจของตนเองอย่างหนักหนา ความตึงเครียดที่มากมายในยามนี้ ทำให้ร่างกายของนางถึงขีดจำกัด
ครั้นเหนียนยวี่เห็นความเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าของจ้าวอิ้งเสวี่ย จึงเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านหญิงกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนเถิด ส่วนเื่หลักฐาน ท่านหญิงโปรดวางใจ สิ่งเลวร้ายที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดไม่อาจซ่อนไว้ได้นานนัก”
“เหนียนยวี่ ในตอนนี้ข้าจะลองเชื่อใจเ้าดูก่อน หากข้ารู้ว่าเ้าเป็คนทำร้ายข้าเช่นนั้นจริง ข้าจะทำให้เ้าได้ลิ้มรสความเ็ปมากกว่าที่ข้าได้รับเป็สิบเท่าร้อยเท่า!” จ้าวอิ้งเสวี่ยจ้องมองเหนียนยวี่ แม้นร่างกายจะอ่อนแรง ทว่าสายตากลับแหลมคม “หากหนานกงเยวี่ยเป็คนที่ลงมือทำเื่ทั้งหมดนี้ เช่นนั้น...”
[1] เปิ่นจวิ้นจู่ คือ คำเรียกแทนตัวผู้พูดที่อยู่ในตำแหน่งองค์หญิงหรือท่านหญิง