จ้าวอิ้งเสวี่ยกัดฟันแน่น ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ทว่าความดุร้ายที่เดือดดาลพลุ่งพล่านอยู่ในดวงตาของนาง สื่อความหมายชัดเจนอย่างยิ่ง
หากเป็หนานกงเยวี่ย เช่นนั้นชั่วชีวิตทั้งชาตินี้ของนาง ‘จ้าวอิ้งเสวี่ย’ จะแก้แค้นพวกเขาสองแม่ลูก ไม่ตายก็ไม่เลิกรา!
นางโบกมือส่งสัญญาณไปที่ด้านนอกศาลา ไม่นานจากนั้น ผิงเอ๋อร์ซึ่งรออยู่ข้างนอก รีบเข้ามาประคองจ้าวอิ้งเสวี่ยออกไปทันที
เหนียนยวี่เฝ้ามองแผ่นหลังของจ้าวอิ้งเสวี่ยที่ลุกออกไป อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจนาง
สตรีเช่นนี้ เดิมทีควรจะมี่เวลาที่รุ่งโรจน์และมีชีวิตที่งดงาม ทว่าทุกสิ่งกลับถูกสัตว์เดรัจฉานอย่างเหนียนเฉิงเข้ามาทำลาย ชาติก่อนนางใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชัง เหมือนนางมารร้าย ส่วนชาตินี้...เมื่อครู่ที่ผ่านมา นางห่างไกลจากมารร้ายมากแค่ไหนกัน?
และคนที่กระทำการชั่วร้าย...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ใช่หนานกงเยวี่ยหรือ?
หึ นางอยากดูเสียจริงว่าโคลนสกปรกครานี้ ท้ายที่สุดแล้ว ใช่หนานกงเยวี่ยเป็คนสาดมาหรือไม่!
ขณะที่เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด นางได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบของคนกลุ่มหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา ตามมาด้วยเสียงร้อนใจเป็กังวลของชิวตี๋
“ท่านแม่ทัพหลวงเ้าคะ บ่าวได้ยินว่าคุณหนูถูกพาตัวมาทางนี้…”
‘ท่านแม่ทัพหลวง’ สามสี่ถ้อยคำนี้ ทำให้เหนียนยวี่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นางเงยหน้าและเห็นบุรุษในชุดสีดำกำลังเดินเข้ามาหานางพอดี หน้ากากสีเงินอันเป็สัญลักษณ์ เดิมเป็สีที่เย็นตา ทว่าท่ามกลางฤดูเหมันต์เช่นนี้ กลับทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างมิอาจบรรยาย
ฉู่ชิง...เขามาที่นี่ทำไม?
ยิ่งกว่านั้น ในวันนี้เขาดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในอดีต นางเคยชินกับการเห็นเขาสวมชุดขุนนางจิ้นจวงที่ดูทะมัดทะแมง รัศมีอันน่าเกรงขามของผู้นำเปล่งประกายออกมาอย่างสมบูรณ์และเป็ธรรมชาติ
ทุกวันนี้เขายังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ ทว่าเสื้อสีดำตัวนั้น เมื่อเข้าคู่กับชุดคลุมสีดำ กลับกันแล้วทำให้เขาดูเหมือนองค์ชายผู้สง่างาม สูงส่งและมั่งคั่ง
เพียงชำเลืองมอง เหนียนยวี่พลันตกอยู่ในภวังค์อย่างมิอาจควบคุม นางจึงไม่ได้สังเกตเลยว่าฉู่ชิงได้เดินเข้ามาใกล้แล้ว ฉู่ชิงที่ถูกเหนียนยวี่จ้องมองมาตลอดนั้น มุมปากของเขาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากพลันยกยิ้มเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่รบกวนการมองของนาง
ทว่าชิวตี๋กลับไม่ทันได้รู้สึกถึงบรรยากาศบางอย่างที่ไหลเวียนระหว่างทั้งสองคน จิตใจนางกำลังครุ่นคิดแต่เื่ความปลอดภัยของเหนียนยวี่ ในยามนี้ ครั้นนางเห็นเหนียนยวี่อยู่คนเดียวในศาลา จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “คุณหนู ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยเล่าเ้าคะ? บ่าวได้ยินว่า...”
ชิวตี๋เปิดปาก ปลุกเหนียนยวี่ให้ออกจากภวังค์ทันที
เหนียนยวี่กลับมารู้สึกตัว พลันสบตาเข้ากับดวงตาของฉู่ชิง ทว่านางกลับรีบหลบดวงตาคู่นั้นอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากำลังปกปิดอะไรบางอย่าง เหนียนยวี่ปรายตามองชิวตี๋และเอ่ยตำหนิทันที “สาวใช้ผู้นี้นี่ มิใช่ว่าข้าบอกเ้าให้เฝ้าอยู่ในหอชิงยวี่ รอข้ากลับไปหรอกหรือ? เ้าไปพาท่านแม่ทัพหลวงมาทำไม?”
ในการตำหนินี้ ชิวตี๋รู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย "บ่าว..."
“นางไม่ได้เชิญข้า เป็ข้าที่มาเอง” ฉู่ชิงขัดคำพูดของชิวตี๋
เขามาเองหรือ?
เขามาทำอะไร?
มุมปากของเหนียนยวี่ยกยิ้มรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ “่นี้ฮูหยินของพวกนางไม่ได้มาที่หอชิงยวี่ ท่านแม่ทัพหลวงมิต้องเป็ห่วง เดิมทีงานการของท่านแม่ทัพหลวงกำลังยุ่ง...”
“ข้ามาหาเ้าเพราะมีเื่ด่วน” ก่อนที่เหนียนยวี่จะได้เอ่ยจบ ฉู่ชิงพลันเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาจ้องมองเหนียนยวี่ ไม่นานจากนั้นจึงกล่าวสั่งกับชิวตี๋ว่า “เ้าออกไปเถิด”
"เอ่อ...เอ่อ...บ่าว บ่าวขอตัวลานะเ้าคะ"
ชิวตี๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นพลันตระหนักได้ทันที ดูเหมือนว่าตนเองจะรบกวนเ้านายทั้งสอง จึงรีบเร่งขอตัวลาออกไป ก่อนจะก้าวเดินออกไป นางเหลือบมองเหนียนยวี่ สายตาคู่นั้นมีบางอย่างที่ดูคลุมเครืออย่างเห็นได้ชัด
คิ้วของเหนียนยวี่ขมวดแน่นยิ่งขึ้น
“ท่านแม่ทัพหลวงมาหาเหนียนยวี่มีเื่อะไรหรือ? พูดมาได้เลยไม่มีอะไรต้องกังวล” เหนียนยวี่กลับมารู้สึกตัว นางพยายามสงบสติอารมณ์ให้เป็ปกติ มองสบตากับฉู่ชิง แย้มยิ้มอย่างสุขุม
ทว่า่เวลาที่สบตาฉู่ชิง ในใจนางกลับรู้สึกไม่สบายใจ
ฉู่ชิงมาหานาง เพราะมีเื่งั้นหรือ?
ในความทรงจำของเหนียนยวี่ ถึงแม้เขาจะมาหานางเพราะมีเื่อะไร แต่ก็ไม่เคยดูจริงจังเป็ทางการเหมือนเช่นวันนี้ การที่เขามาหานางวันนี้ มันเป็เพราะเื่อะไรกันแน่?
ขณะที่เหนียนยวี่กำลังครุ่นคิด เสียงของฉู่ชิงดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงทุ้มเข้มฟังดูน่าเกรงขามและทำให้ผู้คนสั่นไหว
“เมื่อวานองค์หญิงใหญ่ชิงเหอทรงเสด็จไปที่จวนแม่ทัพเอก”
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเสด็จไปที่จวนแม่ทัพเอกหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว องค์หญิงใหญ่ไปที่จวนแม่ทัพเอกทำไม?
นางยังไม่ลืมคำพูดของแม่บุญธรรมที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะไปหารือเื่งานแต่งงานกับฮูหยินแม่ทัพเอก หรือแม่บุญธรรมจะไปคุย...เื่แต่งงานแล้วจริงหรือ?
“ฮ่า...ฮ่าๆ...” ดวงตาของเหนียนยวี่เป็ประกาย นางหัวเราะแห้งๆ อย่างอึดอัดไม่เป็ตัวเอง “เสด็จแม่ นางไปเดินเล่นที่จวนแม่ทัพเอกก็เป็เื่ปกติมิใช่หรือ?”
“เ้าไม่อยากรู้หรือว่า นางไปทำอะไร?” ฉู่ชิงเฝ้ามองท่าทีของเหนียนยวี่ ความคิดคาดเดาในใจของเขาเป็รูปเป็ร่างนานแล้ว นางฉลาดถึงเพียงนั้น น่าจะรู้ดีอยู่แล้วถึงจุดประสงค์การไปจวนแม่ทัพเอกขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ
ทว่านางทำท่าทางเช่นนี้ เพราะไม่อยากเอ่ยถึงมัน หรือไม่อยากเผชิญหน้ากันแน่?
คิ้วใต้หน้ากากของฉู่ชิงขมวดมุ่นเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองสายตาที่หลบเลี่ยงของเหนียนยวี่ ฉู่ชิงไม่รอให้นางตอบ เขาเอ่ยขึ้นต่อไปว่า “องค์หญิงใหญ่ชิงเหอมาหามารดาของข้า นางพูดถึงการแต่งงานของเ้า และนางมีความประสงค์ให้ข้าไปสู่ขอเ้า”
เดิมทีเหนียนยวี่คิดอยากจะหลีกเลี่ยง ทว่าในเมื่อฉู่ชิงเอ่ยออกมาเช่นนี้ นางคงไร้หนทางหลบเลี่ยง เพียงชั่วครู่หนึ่ง ใบหน้าของนางพลันร้อนผ่าว
เป็อย่างที่คิด เสด็จแม่สุดท้ายก็ไปจนได้!
ทว่าการแต่งงานของนางกับฉู่ชิง...
“ฮ่าๆ ท่านแม่ทัพหลวง เสด็จแม่บุญธรรมเพียงเป็ห่วงข้าเท่านั้น เื่แต่งงาน เมื่อเอ่ยถึงฐานะชนชั้นแล้ว จวนแม่ทัพเอกเป็ตระกูลที่สูงศักดิ์ เหนียนยวี่เป็เพียงบุตรีอนุภรรยาต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับท่านแม่ทัพหลวงอย่างแท้จริง ท่านแม่ทัพหลวงแค่ทำเหมือนว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ต้องฝืนตัวเอง...ไม่ต้องฝืน...” เหนียนยวี่หัวเราะแห้ง ดวงตาสั่นไหว จำใจต้องขุดหลุมฝังตัวเอง
การแต่งงานของนางใน่ระยะเวลานี้ถูกเอ่ยขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่ายามที่อยู่ต่อหน้าฉู่ชิง นางกลับสูญเสียความสงบนิ่ง
เห็นได้ชัดว่าเื่มากมายได้ผ่านไปแล้ว ฉู่ชิงปล่อยนางไปอย่างใจดี ทว่าเหตุใด นางยังรู้สึกถึงความอันตราย บุรุษผู้นี้...ดูจะอันตรายยิ่งกว่าใคร!
“เื่ที่เกิดไปแล้ว จะทำเป็ว่าไม่เคยเกิดขึ้นได้อย่างไร?” ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่โดยไม่กะพริบตา ท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนางในยามนี้ ลบล้างความไม่พอใจในหัวใจของเขาก่อนหน้านี้ออกไปอย่างคาดไม่ถึง
คุณหนูรองสกุลเหนียนผู้นี้ เริ่มั้แ่ที่ตัวเขาได้รู้จักนาง นางสงบนิ่งสุขุมเยือกเย็นอย่างยิ่ง ท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ หายากมากที่จะได้เห็น
เขาชอบเห็นนางเป็เช่นนี้อย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับว่า นางสามารถมีท่าทีแบบที่สตรีคนหนึ่งควรมี
“เช่นนั้นท่านแม่ทัพหลวงคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะดีเล่าเ้าคะ? ล่วงเกินท่านแม่ทัพหลวงแล้ว ขออภัยด้วย จะลงโทษอย่างไรเหนียนยวี่รับได้ทั้งนั้น...” เหนียนยวี่ไม่รู้ความคิดของฉู่ชิง นางคิดแต่เพียงว่าจะจัดการเื่นี้ให้ราบรื่นได้อย่างไร ทว่าฉู่ชิงมาในวันนี้ เขาเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว จะให้นางยอมรับง่ายๆ ได้อย่างไร?
“มารดาของข้า้าให้ข้าแต่งงาน ครั้นองค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยถึงเื่นี้ จึงประจวบเหมาะกันอย่างพอดี นอกจากนี้...” ฉู่ชิงตัดบทคำพูดของเหนียนยวี่ เมื่อฉู่ชิงเอ่ยถึงตรงนี้ เขาพลันหยุดชะงักลง ดวงตาแวววาวทอประกาย ใบหน้างดงามภายใต้หน้ากาก สีหน้าดูไม่เป็ธรรมชาติ เขากระแอมไอออกมาอย่างแ่เบา “ข้าก็อายุยี่สิบสี่แล้ว สมควรแก่การแต่งภรรยา”
ครั้นเหนียนยวี่ได้ยินสิ่งนี้ เสียงเพล้งพลันดังก้องในหัวนาง ว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่ง
สมควรแก่การแต่งภรรยาหรือ?
ท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้หมายความว่าอย่างไร?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว สมองของนางทึบไปทันที
หาก ‘ฉู่ชิง’ รู้สึกว่าอายุตัวเองสมควรแก่การแต่งภรรยาเช่นนั้นจริง ชาติที่แล้วก็ไม่น่าจะตาย หรืออยู่ตัวคนเดียวไร้ซึ่งภรรยามิใช่หรือ?
แต่ฉู่ชิงผู้นี้...
“เ้าไม่้าหรือ?”