ในหอชิงยวี่
เหนียนยวี่กำลังใส่หญ้าชนิดหนึ่งลงในหม้อ แม้นหญ้านั้นจะดูธรรมดา ทว่าด้วยท่าทีพิถีพิถันเอาใจใส่ของเหนียนยวี่ ทำให้หญ้านั้นดูราวกับเป็สมบัติล้ำค่าหายากในโลก
“คุณหนู นี่คือหญ้าอะไรหรือเ้าคะ?”
ชิวตี๋ที่คอยปรนนิบัติอยู่ด้านข้าง นางเฝ้ามองท่าทีจดจ่อของเหนียนยวี่ ชิวตี๋ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ นางไม่เคยเห็นหญ้าชนิดนี้มาก่อน บุรุษชุดน้ำเงินมาที่จวนครั้งเดียว คุณหนูก็เริ่มเอาใจใส่และดูแลอย่างดี
"นี่ไม่ใช่หญ้า นี่คือยา" เหนียนยวี่กล่าวอย่างใจเย็น
“ยาหรือเ้าคะ? คุณหนู เอายานี้มาทำอะไรหรือเ้าคะ?” ชิวตี๋พินิจมองยาสมุนไพรนั้น นางเคยได้ยินจือเถาพูดถึงเื่นี้ว่า คุณหนูมีความรู้และเข้าใจเื่การรักษาและยาสมุนไพร ครั้งนี้นางได้เรียนรู้ว่านี่คือยาสมุนไพร ดวงตาของนางอดไม่ได้ที่จะแต่งเติมไปด้วยความตื่นเต้น
ทำอะไรงั้นหรือ?
ดวงตาของเหนียนยวี่หรี่ลงเล็กน้อย ทว่านางกลับไม่ตอบ
ในขณะนี้ เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังออกมาจากนอกประตู ผ่านไปไม่นานก็มีใครบางคนเข้ามาในหอชิงยวี่ ชิวตี๋ไม่มีเวลาสนใจสำรวจการใช้ยาสมุนไพรตัวนี้อีกต่อไป นางหันมองผู้คนที่ดูเหมือนจะเร่งรีบ จึงถามออกไปอย่างแปลกใจว่า “อนุสี่หรือ? เหตุใดถึงรีบร้อนมาถึงเพียงนี้เล่าเ้าคะ?”
ผู้ที่มาเยือนคือ อนุสี่ ‘สวีหว่านเอ๋อร์’
เหนียนยวี่เงยหน้ามองนาง เห็นความหวาดกลัวในดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์ ในใจพลันเข้าใจเื่ราวทันที
“มาแล้วหรือ?” เหนียนยวี่เอ่ยพึมพำ
ไม่เพียงแค่สวีหว่านเอ๋อร์เท่านั้น ทว่าแม้แต่ชิวตี๋เองก็ตกตะลึงกับคำพูดไร้ที่มาที่ไปนั้น
แต่ในเวลานี้ สวีหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าที่จะรีรอล่าช้ามากเกินไปแล้ว นางรีบก้าวไปข้างหน้า “คุณหนูรอง ท่านรีบคิดหาหนทางรับมือเร็วหน่อยเถิด ข่าวที่เหมยเซียงสอดแนมมาเมื่อครู่นี้ ความว่า...ว่า...เรือนหรูอี้ ทางนั้นส่งทหารมาทางนี้แล้ว จากที่ข้าเห็น ต้องมาไต่สวนเื่ที่ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยหายตัวไปครั้งนั้นแน่ คุณหนูรอง ท่าน...ท่านต้องเกิดเื่แน่ ใช่แล้ว แม่ทัพหลวง คุณหนูรอง ท่านต้องคิดหาวิธีบอกให้แม่ทัพหลวงมาที่นี่น่าจะดีกว่า”
สวีหว่านเอ๋อร์คิดหาหนทางอย่างตื่นตระหนกกระวนกระวาย แต่บุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้อย่างเหนียนยวี่กลับแย้มยิ้มราบเรียบ ราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับนาง
“ใช่เ้าค่ะ คุณหนู ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนในจวนเหนียนแห่งนี้ ไม่ว่าผู้ใดล้วนเกรงกลัวท่านแม่ทัพหลวงทั้งนั้น บ่าว...บ่าวจะไปเชิญแม่ทัพหลวงมา...” ชิวตี๋ได้ยินถ้อยคำของสวีหว่านเอ๋อร์ ในใจนางพลันตื่นตระหนก วิตกกังวลตามไปด้วย
ยศศักดิ์ของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยผู้นั้นสูงกว่าของคุณหนู นางต้องประสบกับเื่เลวร้ายเพียงนั้น หากนางไม่ถามความจริงและโกรธแค้นคุณหนู เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?
“ท่านแม่ทัพหลวงมีงานสำคัญต้องทำ เ้าไปเชิญที่ใดเล่า?” เหนียนยวี่เลิกคิ้ว พลางเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ ยิ่งกว่านั้น นางไม่ได้คิดจะหลีกเลี่ยง ‘คำเชิญ’ ของจ้าวอิ้งเสวี่ย!
"นี่..."
ชิวตี๋ชะงักงัน
เหตุการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ฉับพลันนั้นมีเสียงดังเข้ามาจากด้านนอกประตูลานหอชิงยวี่ ไม่นาน ทหารองครักษ์หลายคนวิ่งดาหน้าเข้ามา บุรุษผู้ที่วิ่งนำเข้ามา ทั่วทั้งร่างกายแผ่รังสีมืดมนอำมหิต ทำให้จิตใจของผู้คนที่เห็นหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ โดยเฉพาะใบหน้าทะมึน แลดูเหี้ยมโหดดุร้าย รวมถึงดวงตาที่ดูราวกับมีจิตสังหารพาดผ่านอยู่ตลอด
คนผู้นี้...นางจำเขาได้!
ชาติก่อนเขาไล่ล่านางและพยายามสังหารนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านมาชาตินี้ สุดท้ายแล้วนางยังหลีกเลี่ยงไม่ได้งั้นหรือ?
ใน่ระยะเวลาหนึ่ง ฉวี่ชางยืนอย่างมั่นคงอยู่ในลานหอชิงยวี่เป็ที่เรียบร้อย พลางจ้องมองเหนียนยวี่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามราวกับจะกินเืกินเนื้อ
ความน่าเกรงขามนั้นทำให้สวีหว่านเอ๋อร์ใสั่นเทาด้วยความกลัว นางแทบจะก้าวถอยกลับไปทันทีตามสัญชาตญาณ และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเหนียนยวี่
“เหนียนยวี่?”
ถ้อยคำสองคำผุดออกมาจากปากของฉวี่ชาง ราวกับแฝงไปด้วยความเกลียดชังอย่างขมขื่น
“ใช่” เหนียนยวี่สบตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว
สีหน้าไร้ซึ่งความกลัวเช่นนั้น ทำให้ฉวี่ชางตะลึงไปชั่วขณะ สตรีผู้นี้ค่อนข้างกล้าหาญเสียจริง ทว่าสิ่งที่นางทำกับอิ้งเสวี่ย...
ในหัวเขาผุดภาพยามที่ตนเองเจออิ้งเสวี่ย นางตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช รวมถึงภาพความเ็ปที่นางได้รับในทุกวันนี้ หัวใจของเขาเหมือนถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรง สายตาที่มองเหนียนยวี่ยิ่งทวีความดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ “ในเมื่อเป็เช่นนั้น ได้โปรดไปเดินเล่นกับข้าสักรอบเถิด”
ไปเดินเล่นกับข้าสักรอบอย่างนั้นหรือ?
มิทันที่เหนียนยวี่จะเอ่ยพูด ชิวตี๋ได้เข้ามาขวางหน้านาง "ไม่ ไม่ได้ คุณหนูจะไม่ไปกับเ้า!"
ดวงตาของฉวี่ชางฉายแววดุดันมากขึ้น เขาจ้องมองตรงไปที่ชิวตี๋ ร่างกายของชิวตี๋สั่นเทาด้วยความใ อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ถึงกระนั้นชิวตี๋ก็ยังคงปกป้องอยู่ข้างหน้าเหนียนยวี่ ในสายตาของเหนียนยวี่ ในใจนางเข้าใจสาวใช้ที่ปกป้องนางเป็อย่างดี ทว่ากับบุรุษตรงหน้าผู้นี้ นางจะปกป้องตนไหวหรือ?
ชาติก่อน เหนียนยวี่เคยได้รับบทเรียนอันแสนทรมานจากเขามาแล้ว
“ชิวตี๋ ข้าแค่จะไปเดินเล่นกับองค์ชายฉวี่เท่านั้น เ้าคอยดูสมุนไพรนี้ให้ดีและคอยอยู่ในหอชิงยวี่ รอข้ากลับมา” เหนียนยวี่ดึงมือของชิวตี๋ให้เปิดทาง ใบหน้าแย้มยิ้มราบเรียบ
“องค์ชายฉวี่” ถ้อยคำนี้ ทำให้ใบหน้าที่เ็าของฉวี่ชางตกตะลึงเล็กน้อย เหนียนยวี่ผู้นี้รู้จักชื่อแซ่ของเขาได้อย่างไร?
สายเกินไปที่จะครุ่นคิด เหนียนยวี่เดินผ่านชิวตี๋ ค่อยๆ ก้าวเดินไปยังตรงหน้าของฉวี่ชาง สายตาอ่อนโยนคู่นั้นสบประสานดวงตาของฉวี่ชาง จากนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างไม่เร็วไม่ช้าว่า “องค์ชายฉวี่ ไปกันเถิด!"
ครั้นเอ่ยจบ นางไม่รอให้ฉวี่ชางตอบ เหนียนยวี่เดินนำหน้าออกไปนอกหอชิงยวี่ทันที
ฉวี่ชางกลับมารู้สึกตัว เขาหันไปมองแผ่นหลังของเหนียนยวี่ คิ้วพลันขมวดแน่น
เขาคิดว่า การมาเชิญเหนียนยวี่ในวันนี้คงยากลำบากแน่นอน และเขาพร้อมลงมือทันทีแม้ว่าเขาต้องจับกุมนาง เขาก็จะพาตัวสตรีผู้นี้ไปนั่งลงตรงหน้าท่านหญิงให้ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาเองก็คาดไม่ถึงว่านางจะสงบนิ่งถึงเพียงนี้
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเหนียนยวี่ลับหายไปจากสายตา ฉวี่ชางยังคงไม่สามารถคลายคิ้วที่ขมวดแน่นออกได้ ครั้นนึกถึงคำสั่งของท่านหญิง เขาจึงรีบตามคนที่เดินนำไปทันที
ในศาลาริมทะเลสาบ สวนบุปผา จวนเหนียน
หญิงสาวในชุดขาว นั่งอยู่บนม้านั่งหิน หันหลังให้ทางเข้าศาลาอย่างสงบนิ่ง ยามที่เหนียนยวี่เดินเข้ามา และเห็นนาง หญิงสาวในชุดสีขาวท่าทีสง่างามสุขุมสงบนิ่งและน่าเกรงขาม นั่นคือจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย!
เหนียนยวี่คิดว่า เพราะต้องพบเจอเื่เช่นนั้น จ้าวอิ้งเสวี่ยที่ขังตัวเองอยู่ในเรือนหรูอี้มานาน คงจะออกมาข้างนอกไม่ง่ายนัก แม้้าเจอนางก็คงจะพานางไปที่เรือนหรูอี้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่า นางจะเลือกที่นี่
ล่วงเข้าสู่เหมันต์แล้ว อากาศเริ่มเย็นลง แม้แต่ทิวทัศน์ของสวนแห่งนี้ยังดูเข้ากับแสงที่สาดส่องในฤดูเหมันต์
“ในเมื่อมาแล้ว คุณหนูรองคิดจะยืนอยู่ข้างนอกตลอดหรือ?”
เสียงแหบห้าวราวกับจะถูกลมเย็นะเืในฤดูเหมันต์ปกคลุม ความหนาวเย็นในยามนี้ ราวกับจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของผู้คน
เหนียนยวี่เลิกคิ้ว กลับมารู้สึกตัว นางเดินเข้าไปในศาลาและค่อยๆ ย่อกายคารวะสตรีในชุดสีขาว “เหนียนยวี่คารวะท่านหญิงอิ้งเสวี่ย”
“เห็นข้าเป็เช่นนี้ เ้าพอใจหรือไม่?”
ทันทีที่เหนียนยวี่เอ่ยจบ จ้าวอิ้งเสวี่ยแย้มยิ้มเ็า ทว่ารอยยิ้มนั้นไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็รอยยิ้ม กลับกันมันดูประชดประชันผสมความขุ่นเคือง
แน่นอนว่าเหนียนยวี่ย่อมเข้าใจว่า รอยยิ้มประชดประชันและความขุ่นเคืองของนางนั้นมาจากที่ใด แม้นหลายวันมานี้ นางจะไม่ค่อยมาเยือนที่หอชิงยวี่ ทว่าแต่ไหนแต่ไร เื่ราวความลับในจวนเหนียนแห่งนี้ ไม่ว่าเื่ใดก็ล้วนต้องถูกแพร่งพรายออกมา
“ดูเหมือนว่า ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยจะเชื่อข่าวลือที่ว่าข้าลักพาตัวท่านกับเหนียนเฉิงไปแล้วจริงๆ!”
เหนียนยวี่กล่าวอย่างไม่เร่งรีบไม่ชักช้า นางจ้องมองแผ่นหลังของอิ้งเสวี่ย ดวงตาแจ่มกระจ่างราบเรียบ ทุกถ้อยคำเอ่ยเอื้อนอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง
“ข่าวลือ? มันเป็แค่ข่าวลือจริงหรือ? คุณหนูรอง มาถึงเช่นนี้แล้ว เ้ายังมาเล่นลิ้นอะไรอีก?” ดวงตาของจ้าวอิ้งเสวี่ยแข็งกร้าว ราวกับคาดเดาท่าทีเช่นนี้ของเหนียนยวี่ไว้ั้แ่แรกแล้ว