บทที่ 78 เมื่อปีนั้นมัวทำอะไรอยู่
เหอเสวี่ยฉินย่อมรู้สึกไม่พอใจเป็ธรรมดา
การขออนุมัติที่ดินเพื่อสร้างบ้านใหม่เป็ไปไม่ได้เลย สมัยนี้การสร้างบ้านต้องใช้เงินเป็ร้อยเป็พัน แถมยังต้องหาคนมาทำอิฐดินดิบ ก้อนหิน แล้วยังต้องใช้คูปองไปซื้ออิฐที่โรงงานอีกด้วย
ว่ากันว่าคิวของโรงงานอิฐประจำประชาคมชีหลี่ยาวไปจนถึงเดือนสามปีหน้าแล้ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงใช้บ้านที่ไม่มีคนอยู่ในหมู่บ้าน แต่เหอเสวี่ยฉินไม่เต็มใจ
ประการแรก การทำความสะอาดบ้านที่ไม่มีคนอยู่อาศัยเป็เวลานานต้องเสียเงิน และประการที่สอง ค่าเช่าบ้านตลอดทั้งปีก็เป็เงินจำนวนไม่น้อย การได้อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลลู่ เกาะกระแสบารมีของตระกูลลู่ แถมยังได้กินดีอยู่ดี ใครจะไม่้า?
ถ้าต้องย้ายออกไปไม่ต้องพูดถึงค่าเช่าบ้านเลย ระดับการใช้ชีวิตก็จะลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่ถึงไม่อยากเธอก็ไม่มีทางเลือก เมื่อคุณนายลู่้าทำอะไรแล้วใครก็ห้ามไม่ได้
สุดท้ายเหอเสวี่ยฉินถูกใจบ้านสองห้องตรงข้ามกับบ้านตระกูลลู่
เดิมทีที่นี่เคยเป็โกดังของหมู่บ้าน แต่ภายหลังไม่ได้ใช้งานแล้วจึงถูกปล่อยทิ้งร้างไว้ แต่ตัวบ้านสร้างไว้อย่างแข็งแรง เพียงแค่ทำความสะอาด ปูพื้นทำเตาก็ใช้งานได้แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นเหอเสวี่ยฉินก็รู้สึกว่าการย้ายออกไปก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนเห็นสีหน้าของคนในตระกูลลู่ทุกวัน
อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็อยู่บ้านตัวเอง มันจะสบายขนาดไหนกัน
“อะไรนะ?” เหอเสวี่ยฉินได้ยินคำพูดของลู่หรงฟาก็แทบทรุด “บ้านหลังนั้นมีคนเช่าไปแล้ว?”
“อืม” ลู่หรงฟาตอบ “นั่นคือบ้านที่ให้เช่าได้ในหมู่บ้าน”
แต่ไม่มีสักหลังที่เหอเสวี่ยฉินถูกใจ เธอ้าบ้านสองห้องนั้น อยู่ไปสักสองสามปีแล้วค่อยหาวิธีขออนุมัติที่ดินมาให้ได้ บ้านหลังนั้นเธอมองว่าอยู่ได้อีกอย่างน้อยสิบปีก็ไม่มีปัญหา
“เช่า? ทำไมฉันไม่เห็นมีใครมาทำความสะอาดเลยล่ะ?” เหอเสวี่ยฉินไม่เชื่อ “บอกฉันหน่อยว่าใคร ฉันจะไปคุยกับเขาให้ยกให้พวกเรา”
ลู่หรงฟามองเหอเสวี่ยฉินเหมือนมองคนโง่
น้ำเสียงแบบนี้ แม้แต่คุณนายลู่มาเองยังไม่มีความโอหังขนาดนี้!
เขาจึงพูดอย่างไม่พอใจ “เธอไม่ได้กลับหมู่บ้านมานานแค่ไหนกัน? เขาซ่อมแซมภายในบ้านเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่ระบายอากาศให้แห้งก็ขนของเข้าไปอยู่ได้แล้ว”
“บอกมาเถอะว่าใคร”
เหอเสวี่ยฉินเริ่มรู้สึกไม่ดี เธอจำได้ลางๆ ว่าวันที่กลับมาเอาของนั้น เหมือนจะได้ยินลู่ซือหยวนพูดอะไรเกี่ยวกับการทาสีบ้าน
“ฉันรู้จักเหรอ?” เธอทำหน้าบึ้ง “คุณคงไม่ได้จะบอกว่าคือลู่ซือหยวนใช่ไหม? จะเป็ไปได้ยังไง?”
ทำไมจะเป็ไปไม่ได้? ลู่หรงฟาพยักหน้า
“มันจะเป็ไปได้ยังไง” เหอเสวี่ยฉินพูดเสียงแหลม “หล่อนจะมีเงินมากมายขนาดนั้นมาเช่าบ้านได้ยังไง!”
ลู่หรงฟามองเธอเหมือนมองคนปัญญาอ่อน
เท่าที่เขารู้ตอนนี้บ้านตระกูลลู่ส่งซาลาเปาให้สถานีขนส่งทุกวัน หลักๆ คือลู่ซือหยวนเป็คนทำ เด็กคนนี้ทำอาหารอร่อยมาั้แ่เด็ก ได้ยินว่าเดือนหนึ่งทำเงินได้ไม่น้อย
ในหมู่บ้านมีบ้านว่างที่ไม่มีคนอยู่เยอะแยะ การปล่อยเช่าจริงๆ แล้วเดือนหนึ่งก็ไม่ได้เงินมากมายอะไร เมื่อเทียบกับเงินที่ลู่ซือหยวนหาได้ในตอนนี้ ค่าเช่าบ้านทั้งปีก็ไม่มีปัญหา
ดังนั้นสำหรับคำถามของเหอเสวี่ยฉิน ลู่หรงฟาจึงไม่ได้ตอบ แต่บอกว่า “เธอไปดูที่อื่นเถอะ โดยเฉพาะหลังนี้ บ้านก็ค่อนข้างใหม่นะ”
แต่เหอเสวี่ยฉินจะไปสนใจได้ยังไง? ตอนนี้ในหัวของเธอคิดแต่ว่า ลู่ซือหยวนมีสิทธิ์อะไร?
ผู้หญิงที่หย่าร้าง กล้าดียังไงมาแย่งบ้านกับลูกชายของเธอ!
“ไม่ล่ะ” เหอเสวี่ยฉินกล่าว “เดี๋ยวฉันกลับไปปรึกษากับซือหยวนก่อน เด็กคนนี้เป็คนมีเหตุผลมาตลอด รู้ว่าน้องชายของหล่อนกำลังจะแต่งงาน ก็คงจะยอมยกบ้านให้เป่าเฉิงของพวกเรา”
ลู่หรงฟา “...” น่าโมโหเหลือเกิน
เขายังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เหอเสวี่ยฉินก็รีบร้อนเดินกลับไปที่บ้านตระกูลลู่แล้ว
ส่วนทางด้านนี้ หลังจากที่เหอเสวี่ยฉินออกจากบ้านไป คุณนายลู่ก็เรียกตัวลู่ซือหยวนและสวี่จือจือเข้าไปในห้อง
“หล่อนจะให้ไอ้คนไม่ได้เื่นั่นแต่งงาน” คุณนายลู่ทำหน้าดำคร่ำเครียด “ฉันเพิ่งบอกหล่อนไปว่าให้ออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก คาดว่า...คงจะเล็งบ้านตรงข้ามไว้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่ซือหยวนก็รู้สึกใจหายวาบ
“ด้านข้างมีแค่ส่วนต่อเติมเล็กๆ คาดว่าเธอคงไม่ชอบ” หญิงชรามองไปที่หลานสาว
“น้าเหอของพวกแก คงไม่ชอบหลังที่อยู่ไกลออกไป”
เหอเสวี่ยฉินคิดอะไรอยู่ในใจ หญิงชราผู้ผ่านโลกมามากมายจะไม่รู้ได้ยังไง?
ต่อให้มีที่อื่นที่เหมาะสมก็คงจะไม่เอา
“เื่นี้แกต้องมีความมั่นใจ” คหญิงชรากล่าว “เดี๋ยวหล่อนคงกลับมาขอให้แกยกบ้านให้”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็หัวเราะเยาะ
“คุณย่าคะ” ลู่ซือหยวนพูดอย่างหนักแน่น “คุณย่าไม่ต้องห่วง หนูรู้ว่าต้องทำยังไง”
บ้านหลังนี้เธอไม่มีทางยกให้ใคร
แน่นอนว่าพอผ่านไปสักพัก เมื่อเหอเสวี่ยฉินกลับมาก็ให้ขนมกับเจินเจินของเธอก่อน จากนั้นถึงเรียกเธอไว้ “หยวนหยวน มานี่หน่อยสิ น้าเหอมีเื่จะปรึกษาด้วย”
“น้าเหอ” ลู่ซือหยวนยิ้มพลางลูบศีรษะลูกสาว “มีอะไรก็พูดตรงนี้เลยค่ะ ข้างนอกอากาศดี”
เหอเสวี่ยฉินถึงกับพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนถูกดูถูกและเหน็บแนม
เด็กคนนี้กำลังเยาะเย้ยเธอเื่ที่ครั้งนั้นเธอเจ็บเอวแล้วไม่ได้รับการดูแลที่ดี จนบ้านเหม็นกลิ่นปัสสาวะใช่ไหม?
แต่ความแล้วอีกฝ่ายคิดมากไป วันนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าว ลู่ซือหยวนแค่รู้สึกว่าข้างนอกน่าจะเย็นสบายกว่าเท่านั้น
“เป่าเฉิงน้องชายของเธอจะแต่งงาน” เหอเสวี่ยฉินเริ่มโกรธ น้ำเสียงจึงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน “คุณย่าของเธอเห็นว่าอยู่บ้านก็ไม่สะดวก ฉันเลยคิดว่าจะเช่าบ้านอยู่แถวบ้านเรา”
“ฉันได้ยินมาว่าเธอเช่าบ้านตรงข้ามไว้?” เหอเสวี่ยฉินพูดพลางยิ้ม “น้าเหอขอปรึกษาเื่หนึ่งได้ไหม เธอยกบ้านหลังนั้นให้น้องชายของเธอได้ไหม บ้านตรงข้ามเป็บ้านสองห้อง สำหรับพวกเธอสองคนแม่ลูกแล้วมันใหญ่เกินไป”
“ไม่ต้องห่วงนะ น้าเหอช่วยเธอหาที่ไว้แล้ว ไม่ไกล อยู่ข้างหลังบ้านเราเอง มีบ้านสองห้อง ค่าเช่าก็ไม่แพง พวกเธอสองคนแม่ลูกอยู่กันก็เหมาะสมดี” เหอเสวี่ยฉินกล่าว “ถ้าคิดว่าไกล ส่วนต่อเติมข้างบ้านพวกเราก็อยู่ได้ ราคาถูกกว่าด้วย”
“น้าเหอ” ลู่ซือหยวนกล่าว “น้าดูสิ ผู้หญิงคนหนึ่งเลี้ยงลูกมันไม่ง่าย บ้านตรงข้ามถึงค่าเช่าจะแพงแต่ก็อยู่ใกล้บ้าน ไม่มีใครกล้ามาหาเื่หรอกค่ะ แถมบ้านตรงข้ามหนูก็ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว” เธอกล่าว “อีกสองวันพวกเราก็จะย้ายออกไปแล้วค่ะ”
“เธอหมายความว่ายังไง?” เหอเสวี่ยฉินพูดอย่างไม่พอใจ “แค่ให้เธอย้ายบ้าน เธอที่เป็พี่สาวพูดแบบนี้ได้ยังไง?”
“เขาไม่ใช่น้องชายของหนู” ลู่ซือหยวนพูดพลางหัวเราะเยาะ “เขาไม่ได้ถือว่าหนูเป็พี่สาวด้วยเหมือนกันค่ะ”
ตอนที่เธอถูกจ้าวเจี้ยนเซ่อทำร้ายเป็ครั้งแรก เคยกลับมาหวังจะให้คนในบ้านช่วยเป็ธุระให้ ตอนนั้นลู่จิ่งซานไม่อยู่บ้าน หญิงชราก็ถูกรับตัวไปทำธุระที่ประชาคม ในบ้านมีแค่เหอเสวี่ยฉินและโจวเป่าเฉิงเท่านั้น
แต่โจวเป่าเฉิงพูดว่าอะไร?
‘ผู้ชายตีเมียมันไม่ใช่เื่ปกติเหรอ จะร้องไห้ทำไม?’
เธอขอร้องให้เขาช่วยเป็หน้าเป็ตา โจวเป่าเฉิงก็พูดว่า ‘ฉันไม่ใช่น้องชายเธอ จะหาก็ไปหาลู่จิ่งซานบ้านเธอไป’
ั้แ่นั้นมาเธอก็ไม่เคยถือว่าโจวเป่าเฉิงเป็พี่น้องอีกเลย
ทำไมล่ะ? ตอนนี้พอมีเื่จะใช้งาน เธอก็กลายเป็พี่สาวแล้วเหรอ?
เมื่อปีนั้นมัวทำอะไรอยู่?
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้