หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โครงกระดูกร่างหนึ่งก็ถูกยกเข้ามาในห้องโถงใหญ่
“เทียนลู่ เทียนลู่!” ซูหงเห็นโครงกระดูกบุตรชายก็ร้องโหยหวน
“น้องเล็ก! น้องเล็ก!” หลิ่วซือกับหลิ่วอู่น้ำตาไหลรินเช่นกัน
“ลูกชาย เ้าวางใจได้ พ่อจะต้องแก้แค้นให้เ้า ฆ่าศัตรูกับมือแล้วฝังศพเ้าอย่างสมเกียรติแน่” หลิ่วไห่มองโครงกระดูกของบุตรชาย เอ่ยทั้งขอบตาแดง
หลิ่วเทียนฉีมองครอบครัวสี่คนที่ล้อมอยู่ตรงหน้าโครงกระดูกพลางส่ายศีรษะเบาๆ “ท่านลุงรอง ท่านป้ารอง ให้ข้าพูดกับพี่หกสักสองสามประโยคได้หรือไม่?”
“เ้า...” หลิ่วไห่มองหลิ่วเทียนฉี มือกำหมัดแน่น
“ได้ เ้าพูดสิ!” ซูหงดึงหลิ่วไห่ไว้ให้ถอยไปด้านข้าง หลิ่วซือกับหลิ่วอู่จึงถอยตามไปด้วย
หลิ่วเทียนฉีเดินมาตรงหน้าโครงกระดูก ดึงผ้าขาวที่คลุมอยู่ให้เปิดออก พินิจโครงกระดูกร่างนี้ั้แ่บนจรดล่างอย่างละเอียด
“ดูให้ชัดสิ ดูว่าลูกชายข้าตายในมือเ้าอย่างไร?” ซูหงมองหลิ่วเทียนฉีอย่างโกรธแค้นพลางเอ่ย
“ฮ่าๆๆ ท่านลุงรอง ท่านป้ารอง พวกท่านกำลังล้อข้าเล่นหรือขอรับ?” หลิ่วเทียนฉีมองทั้งสองคนก่อนถามขึ้นอย่างขบขัน
“สารเลว เ้าพูดอะไร?” หลิ่วไห่ได้ยินคำพูดนี้พลันโกรธเกรี้ยว
“หลิ่วเทียนฉี เ้าหมายความว่าอย่างไร?” ซูหงมองศัตรูที่สังหารบุตรชายด้วยสีหน้าฉงน
“พี่หกของข้าปีนี้อายุยี่สิบ ข้าอายุสิบแปดปี พี่หกแก่กว่าข้าสองปี มีร่างกายกำยำล่ำสัน สูงกว่าข้าสามชุ่น1 ข้าพูดถูกไหมท่านป้ารอง?” หลิ่วเทียนฉีมองซูหง ถามกลับอย่างจริงจัง
“ไม่ผิด เทียนลู่สูงกว่าเ้าสามชุ่นจริง!” ซูหงพยักหน้า ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมหลิ่วเทียนฉีถึงพูดเื่นี้
“โครงกระดูกร่างนี้ที่นอนอยู่บนพื้นมีแขนขาเรียวยาว มองไม่ออกสักนิดว่าตอนมีชีวิตร่างกายกำยำล่ำสันสักเท่าใด อีกทั้งคนผู้นี้สูงกว่าข้าห้าชุ่นเต็มๆ เชียวนะ” หลิ่วเทียนฉีพูดตามความจริง
“หลิ่วเทียนฉี เ้าพูดอะไร?” ได้ยินเช่นนั้น ซูหงตกตะลึง
“หมายความว่าอย่างไร?” หลิ่วไห่มองภรรยา สีหน้ามึนงงเช่นกัน
“เ้ากำลังบอกว่า เขาไม่ใช่น้องเล็กของข้าหรือ?” หลิ่วซือกล่าวอย่างใ
“หากคนตายสูงขึ้นได้ บางทีเขาอาจเป็พี่หกของข้า!” หลิ่วเทียนฉีมองหลิ่วซือที่อึ้งอยู่แล้วตอบอย่างจนปัญญา
“หลิ่วเทียนฉี เ้าพูดจาเหลวไหลอะไรน่ะฮึ? บนร่างเขาสวมเสื้อผ้าของเทียนลู่อยู่ชัดๆ ไม่ใช่เทียนลู่แล้วจะเป็ใครไปได้อีก?” หลิ่วเจียงใจเสีย รีบเอ่ยโต้แย้ง
“ภรรยา นี่...” หลิ่วไห่ผินหน้ามองภรรยาของตน
ซูหงก้าวเดินเข้ามาถึงตรงหน้าโครงกระดูก นางยื่นมือวัดความยาวแขนของอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ เขาไม่ใช่ลูกชายข้า นี่ไม่ใช่ศพลูกชายข้า” ซูหงหันกลับไปมองทางหลิ่วเจียง
“น้องสะใภ้รอง เ้าอย่าไปฟังหลิ่วเทียนฉีพูดเหลวไหล เขาทำเพื่อหนีโทษทัณฑ์ นี่จะไม่ใช่เทียนลู่ได้อย่างไรเล่า?” หลิ่วเจียงมองสตรีที่จ้องมองตนอย่างดุร้าย รีบร้อนพูดกลบเกลื่อน
“ไม่ เขาไม่ใช่ลูกชายข้า เสื้อผ้าของลูกชายข้าทุกตัวข้าล้วนทำให้เขาเอง แขนลูกชายข้ายาวเท่าไร ข้าย่อมรู้ชัด คนผู้นี้สูงกว่าลูกชายข้าเกือบสามชุ่น เขาไม่ใช่ลูกชายข้าแน่!” ซูหงส่ายหน้า บอกอย่างหนักแน่น
“ภรรยา เขาไม่ใช่เทียนลู่จริงหรือ?” หลิ่วไห่ดึงแขนเสื้อภรรยาพลางเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เด็ดขาด!” ซูหงมองสามีแล้วตอบอย่างมั่นใจ
“พี่ใหญ่ ท่านเล่นอะไร? ทำไมเอาศพคนอื่นกลับมาบอกว่าเป็ลูกชายข้าเล่า?” หลิ่วไห่ตั้งคำถามกับพี่ใหญ่ตนอย่างไม่สบอารมณ์
“นี่ นี่เป็ศพที่พวกลูกน้องส่งกลับมา ข้า ข้าไม่รู้หรอกว่าพวกเขาหามาจากที่ใด?” หลิ่วเจียงกลอกลูกตา รีบร้อนเอ่ยปัดความรับผิดชอบ
“ใช่แล้ว ตอนนั้นสามีข้าประกาศให้รางวัลค้นหาศพของเทียนลู่พบ ต้องเป็พวกละโมบเงินรางวัลแล้วหาศพตัวปลอมมาสวมรอยแทนเป็แน่!” หม่าซื่อ2 ภรรยาของหลิ่วเจียงรีบพูดกลบเกลื่อนด้วย
“ใช่แล้ว คงเป็เช่นนั้น น้องรองวางใจเถิด เื่นี้ข้าไม่ละเว้นลูกน้องพวกนั้นแน่!” หลิ่วเจียงแกล้งโกรธ ลั่นวาจารับประกันกับหลิ่วไห่
“เฮอะ แค่ลูกน้องละโมบเงินรางวัลหาศพร่างหนึ่งมาสวมรอยแค่นั้นจริงหรือ? ถ้าเป็เช่นนั้นจริง เสื้อผ้าชุดนี้เอามาจากไหน หรือพวกเขาขโมยจากในเรือนข้ากัน? เพื่อเงินรางวัลไม่เท่าไร ถึงกับสิ้นเปลืองความคิดเช่นนี้เชียว?” ซูหงหัวเราะหยัน ชำเลืองมองไปทางหลิ่วเจียง เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำโกหกของเขา
“นี่...” หลิ่วเจียงเตรียมเอ่ยต่อแต่ถูกซูหงอุดปาก ไร้วาจาโต้กลับ
“ใช่แล้ว ข้าก็คิดอยู่ หากข้ากับพี่รองสู้เอาเป็เอาตายกันไม่เลิกรา ในบ้านหลังนี้ใครถึงจะเป็คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด?” หลิ่วเหอพูดจบ สายตาเขาจ้องนิ่งที่หลิ่วเจียง
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ซูหงพลันกระจ่าง หลิ่วไห่เข้าใจบ้าง สายตาที่สองสามีภรรยาจ้องมองหลิ่วเจียงจึงเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
“พูดออกมาได้อย่างไร? สามีข้าช่วยตามหาศพหลานชาย แล้วไปหาศพคนที่ไม่ใช่มาหรือ? พวกเราก็พยายามตามหาศพเทียนลู่ให้ได้เร็วที่สุดเหมือนกันไหม?” หม่าซื่อบ่นอย่างไม่พอใจ
--------------------------------------------------------------
1 ชุ่น (寸) หน่วยวัดความยาวของจีนโบราณ 1 ชุ่นยาวประมาณ 3.33 เิเ
2 ไม่ใช่ชื่อภรรยา แต่เป็การเรียกภรรยาด้วยแซ่เดิมของนาง โดยแซ่เดิมของภรรยาหลิ่วเจียงคือ แซ่หม่า