ครึ่งเดือนหลังจากนั้น
หลังอดทนกับความเ็ปมาหนึ่งเดือน ในที่สุดกระดูกสันหลังของหลิ่วเทียนฉีก็งอกสำเร็จ สามารถลงจากเตียงมาขยับเดินและนั่งบนเก้าอี้ได้แล้ว
เห็นบุตรชายหายดี ผู้ที่เบิกบานใจที่สุดย่อมเป็หลิ่วเหอ “เทียนฉีเดินช้าหน่อย เวลานั่งก็ระวังด้วย อย่าให้กระเทือนถึงกระดูกสันหลังที่เพิ่งงอกดีนัก”
“ขอรับ ลูกจะระวัง ท่านพ่อวางใจเถิด!” หลิ่วเทียนฉีลูบกระดูกสันหลังที่งอกดีแล้วบนแผ่นหลังตน มีความรู้สึกคล้ายได้เห็นท้องฟ้าดวงตะวันอีกครั้ง หากให้เขานอนอีกหนึ่งเดือน เกรงว่าคงไม่ไหว!
“วันพรุ่งนี้ พ่อจะพาเ้าไปเยี่ยมท่านปู่!” หลิ่วเหอเอ่ยขึ้น ส่งป้ายหยกที่สลักอักษร ‘ฉี’ ตัวหนึ่งให้
“ขอรับ ลูกทราบแล้ว!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้าก่อนรับป้ายหยกไปเก็บไว้ในแหวนมิติของตน
“อืม!” หลิ่วเหอมองบุตรชายแล้วตบหัวไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
“ท่านพ่อวางใจได้ แผนชั่วของพวกเขาไม่มีทางสำเร็จแน่!” เห็นบิดามีสีหน้ากังวล เขาก็ปลอบเสียงเบา
“อืม ฉีเอ๋อร์ก็ด้วย ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็ยืนอยู่ข้างเ้านะ!”
“ลูกทราบขอรับ!” ความรักกับความเชื่อมั่นที่บิดามีให้ ไม่ต้องให้อีกฝ่ายพูด หลิ่วเทียนฉีย่อมรู้ดี
.........
วันต่อมา ในห้องโถงใหญ่ของหลิ่วฮั่นชิง
หลิ่วเจียงกับภรรยานั่งอยู่ด้านซ้าย หลิ่วซานยืนอยู่ด้านหลังบิดามารดาตน หลิ่วไห่กับภรรยานั่งอยู่ด้านขวา มีหลิ่วซือกับหลิ่วอู่ยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนหลิ่วเหอนั่งอยู่ด้านข้างซูหง ภรรยาของหลิ่วไห่ มีหลิ่วเทียนฉียืนอยู่ด้านหลัง สองพ่อลูกนั่งเป็มุมทแยงกับพวกหลิ่วเจียงสองสามีภรรยาพอดี
“เหอเอ๋อร์ ไม่พบกันครึ่งเดือน เ้าซีดเซียวไปมากเลยนะ!” หลิ่วฮั่นชิงเห็นใบหน้าของบุตรชายคนที่สามก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา
“ขอบคุณท่านพ่อที่เป็ห่วง พักนี้ลูกคอยดูแลเทียนฉีอยู่ตลอด พักผ่อนไม่กี่วันก็ไม่เป็ไรแล้วขอรับ!”
ก่อนหน้านี้หลิ่วเหอฝืนรับหนึ่งฝ่ามือของบิดาเพื่อเอาการโจมตีนั่นมาทำป้ายหยกให้ฉีเอ๋อร์ แม้จะเตรียมการมาล่วงหน้าแล้ว สวมเสื้ออาคมขั้นสี่สองตัว แปะยันต์ป้องกันเกือบยี่สิบแผ่น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังได้รับาเ็เบาๆ อยู่ดี และเพราะกังวลว่าจะถูกบิดามองออก ครึ่งเดือนนี้จึงไม่กล้าโผล่หน้ามาพบ แม้อาการาเ็หายดีไปค่อนครึ่ง ก็ยังแลดูสภาพอ่อนแออยู่ดี
“อืม!” ได้ยินบุตรชายว่าเช่นนี้ หลิ่วฮั่นชิงพยักหน้าเล็กน้อย
“อาการาเ็ของฉีเอ๋อร์ดูท่าจะหายดีแล้วสินะ?” หลิ่วฮั่นชิงผินหน้าไปมองหลิ่วเทียนฉีที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ขอบคุณท่านปู่ที่เป็ห่วงขอรับ ก่อนหน้านี้หลานร่างกายาเ็ ไม่อาจไปต้อนรับท่านปู่ยามออกมาได้ อกตัญญูอย่างที่สุดจริงๆ ขอท่านปู่โปรดอภัยให้ข้าด้วย!” หลิ่วเทียนฉีพูดพลางก้าวเดินมาคุกเข่าตรงหน้าหลิ่วฮั่นชิงอย่างนอบน้อม
“ฉีเอ๋อร์ไม่ต้องทำเช่นนี้หรอก ปู่รู้ว่าเ้าลุกจากเตียงไม่ได้ เื่นี้หาใช่ความผิดเ้า รีบลุกขึ้นมาเถิด!” หลิ่วฮั่นชิงรับของทดแทนบุญคุณจากบุตรชายมาแล้ว จึงพาให้ถูกชะตาหลานชายคนเล็กมากยิ่งขึ้น
“ขอบคุณท่านปู่ที่ให้อภัยขอรับ!” หลิ่วเทียนฉีเอ่ยขอบคุณเสียงเบา ลุกขึ้นยืนช้าๆ กลับมาอยู่หลังร่างบิดา
“อืม สิบห้าปีที่ข้าไม่ได้พบ ฉีเอ๋อร์ระดับสร้างรากฐานแล้วหรือ! ไม่เลวจริงเชียว” หลิ่วฮั่นชิงเห็นหลิ่วเทียนฉีมีพลังวัตรระดับสร้างรากฐานแล้วก็พยักหน้าหลายหนอย่างพึงพอใจ
“ฉีเอ๋อร์ไม่เพียงเป็ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน เขายังเป็ผู้ใช้ยันต์ขั้นสามด้วย ตอนนี้กำลังร่ำเรียนวิชายันต์ขั้นสามกับลูกอยู่ขอรับ” พูดจบหลิ่วเหอก็มีสีหน้าภาคภูมิใจ รู้สึกยินดีราวกับลูกชายเติบใหญ่
“อ้อ? ดี ไม่เสียทีที่เป็ผู้ชายของตระกูลหลิ่ว! อายุน้อยก็เป็ผู้ใช้ยันต์ขั้นสามแล้ว วันหน้าอนาคตต้องไร้ขีดจำกัดเป็แน่” หลิ่วฮั่นชิงเห็นหลานได้ดีก็พยักหน้ารับรัว
“ท่านพ่อ หลิ่วเทียนฉีสังหารเทียนลู่ลูกชายข้า ท่านพ่อต้องให้เขาเอาชีวิตมาชดใช้ลูกชายข้าสิถึงจะถูก!” หลิ่วไห่ลุกขึ้นพาครอบครัวคุกเข่าขอร้องตรงหน้าบิดา
หลิ่วฮั่นชิงได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “พวกเ้าลุกขึ้นมาก่อนเถอะ!”
“ขอรับ!” หลิ่วไห่รับคำ ทั้งครอบครัวจึงกลับไปนั่งที่เดิม
หลิ่วฮั่นชิงผินหน้าไปมองหลิ่วเจียงบุตรคนโต “เ้าใหญ่ เื่เทียนฉีกับเทียนลู่ เ้าเล่าให้บิดาฟังอย่างละเอียดรอบหนึ่งซิ!”
“อ่า เป็เช่นนี้ขอรับท่านพ่อ เทียนลู่กับเทียนฉีั้แ่เล็กเติบใหญ่มาด้วยกัน ระหว่างเด็กทั้งสองมักแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่เสมอ ต่างฝ่ายต่างได้รับาเ็จึงระหองระแหงกันอยู่บ้าง หลังจากนั้น...”
“ไม่ ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างได้รับาเ็ เป็เทียนลู่อาศัยกำลังข่มเหงผู้อ่อนแอ จ้องรังแกเทียนฉีมาตลอด นี่คือหลักฐาน เชิญท่านพ่อดูขอรับ!” หลิ่วเหอพูดพลางเอาศิลาบันทึกภาพสามก้อนของหลิ่วเทียนฉีเมื่อสามปีก่อนออกมา
เห็นศิลาบันทึกภาพ สีหน้าหลิ่วเจียงกับหลิ่วไห่พลันเปลี่ยนไป
“น้องสาม เพราะเื่นี้ สามปีก่อนข้าจึงใช้กฎตระกูลลงโทษหนักเทียนลู่กับหลิ่วอู่ โบยแส้ิญญายี่สิบทีแล้ว เ้าก็บอกจะไม่ซักไซ้อีก แล้วตอนนี้เ้าเอาศิลาบันทึกภาพนี้ออกมา เ้ามีเจตนาอะไรหรือ?”
“ใช่แล้ว ลูกชายกับลูกสาวข้าเคยทำร้ายลูกชายเ้า แต่นั่นล้วนเป็เื่ก่อนหน้า พวกเขาได้รับบทลงโทษไปแล้ว เ้าสาม ไยเ้าต้องยกเื่เก่าขึ้นมาอีก?” หลิ่วไห่เอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ข้าไม่ได้้ายกเื่เก่าขึ้นมา แต่พี่ใหญ่ เป็ท่านเองที่ไม่พูดความจริงกับท่านพ่อ” หลิ่วเหอตอบกลับอย่างมีเหตุผล
เขาต้องเอาเื่นี้ออกมาพูดก็เพื่อไม่ให้บิดาเชื่อคำพูดของหลิ่วเจียงมากเกินไป
“พอแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว!” หลิ่วฮั่นชิงโบกมือ ส่งสัญญาณให้ทุกคนหุบปากแล้วรับศิลาบันทึกภาพสามก้อนมาดูเนื้อหาทีละก้อนรอบหนึ่ง
“เ้าใหญ่ นี่หลิ่วอู่กับเทียนลู่รังแกเทียนฉีชัดๆ นี่? ทำไมเ้ายังพูดว่าเด็กสองคนต่างแลกเปลี่ยนวิชาจนต่างฝ่ายได้รับาเ็อีกเล่า?” จริงอย่างที่คิด หลิ่วฮั่นชิงดูศิลาบันทึกภาพเ่าั้จบก็สงสัยในคำพูดของหลิ่วเจียง
“ท่านพ่อ...”
“พอแล้ว เ้าไม่ต้องพูด เ้าสาม เล่ามา!” หลิ่วฮั่นชิงหันไปมองหลิ่วเหอ
เห็นท่าทางเช่นนี้ของบิดา หลิ่วเจียงก็โกรธจนถลึงตาทั้งสองข้าง มองหลิ่วเหออย่างแค้นเคือง
หลิ่วเหอไม่สนใจสายตานั่นสักนิด พยักหน้าตอบรับ
“ท่านพ่อ เทียนฉีั้แ่เล็กแก่นกระดูกไม่ดีนัก เทียนลู่กับหลิ่วอู่มักเข้ามารังแกเขาเสมอ ระหว่างเด็กสามคนมีระหองระแหงกันอยู่บ้างจริง แต่เทียนฉีเกิดมาก็นิสัยอ่อนแอ นอกจากนี้ เขายังเคารพเทียนลู่พี่หกของเขาเสมอมา ปกติถูกรังแกเท่าไรก็ไม่ยินดีบอกข้า ดังนั้น ลูกคิดว่าต่อให้พวกเขามีความขัดแย้งเล็กน้อยกันอยู่ก็ไม่ถึงขั้นลงมือฆ่ากันหรอกขอรับ!”
ได้ยินคำพูดของหลิ่วเหอ หลิ่วฮั่นชิงก็พยักหน้าหลายหน “คำพูดนี้ไม่ผิด อย่างไรก็เป็ลูกพี่ลูกน้องกัน เป็คนของตระกูลหลิ่ว กระดูกหักยังเหลือเอ็นนี่นะ? พี่น้องกันใยจะฆ่าแกงกันได้เล่า?”
“ท่านพ่อ ลูกมีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าเทียนลู่ถูกเทียนฉีฆ่า” หลิ่วไห่พูดอย่างมั่นใจ
“อ้อ? เ้ามีหลักฐานอะไรหรือ?” หลิ่วฮั่นชิงมองลูกชายคนรอง ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ท่านพ่อโปรดดู!” หลิ่วไห่พูดพลางส่งป้ายหยกชิ้นหนึ่งมา
หลิ่วฮั่นชิงยื่นมือรับป้ายหยกไปพินิจดู “นี่ นี่มันป้ายหยกที่ข้ามอบให้ฉีเอ๋อร์ตอนฉีเอ๋อร์ครบร้อยวันนี่?”
“ขอรับท่านพ่อ นี่เป็ป้ายหยกของฉีเอ๋อร์ ป้ายหยกแผ่นนี้ข้ากับน้องรองพบอยู่ในมือศพเทียนลู่!” หลิ่วเจียงรีบร้อนบอก
“ใช่ขอรับ ป้ายหยกแผ่นนี้พบอยู่ในมือลูกชายข้า คนที่ฆ่าเขาต้องเป็หลิ่วเทียนฉีแน่!” หลิ่วไห่พยักหน้า พูดต่ออย่างมั่นใจ
“เ้าสาม เ้าว่าอย่างไร?” หลิ่วฮั่นชิงผินหน้าไปมองลูกชายคนที่สาม
“ป้ายหยกในมือท่านพ่อเป็ของปลอม ป้ายหยกป้องกันตัวที่ท่านมอบให้ลูกข้า ลูกข้าไม่เคยทิ้งไว้ห่างกายขอรับ!” หลิ่วเหอเอ่ยขึ้น สีหน้าไม่เปลี่ยน
ทุกคนได้ยินเข้าล้วนตะลึง
“ไม่ ไม่มีทาง นี่เป็ป้ายหยกของหลิ่วเทียนฉี ข้างในมีการโจมตีของผู้บรรลุดวงปราณอยู่ ไม่มีทางเป็ของปลอมได้!” หลิ่วไห่ถึงกับโวยวายขึ้นมา
“ใช่แล้ว การโจมตีด้านในป้ายหยกนี่เป็ของท่านพ่อ หากป้ายหยกนี่เป็ของปลอม ท่านจะมองไม่ออกได้อย่างไรเล่า?” หลิ่วเจียงพยักหน้า รีบร้อนแย้งคำพูดของหลิ่วเหอ
“นี่...” หลิ่วฮั่นชิงเห็นบุตรชายสามคนต่างยึดมั่นความคิดตนก็ชะงักไปเล็กน้อย
“น้องสาม ในเมื่อเ้าบอกว่าป้ายหยกของฉีเอ๋อร์ไม่เคยอยู่ห่างกาย ถ้าเช่นนั้นสะดวกให้ฉีเอ๋อร์นำป้ายหยกออกมาให้ทุกคนดูสักหน่อยหรือไม่!” ซูหง นายหญิงรองที่เงียบมาตลอดมองหลิ่วเหอก่อนเอ่ยปาก
“ถูกต้อง ภรรยาข้าพูดถูก ในเมื่อเ้าบอกว่าป้ายหยกของเทียนฉีไม่เคยห่างกาย เช่นนั้นเ้าก็ให้เทียนฉีนำป้ายหยกออกมาสิ!” หลิ่วไห่พยักหน้า คล้อยตามคำพูดภรรยา
“ฉีเอ๋อร์ เอาป้ายหยกของเ้าออกมาเถอะ!” หลิ่วเหอผินหน้ามองบุตรชาย
“ขอรับ ท่านพ่อ!” หลิ่วเทียนฉีพยักหน้า เอาป้ายหยกของตนออกมาส่งให้หลิ่วเหออย่างนอบน้อม
“ไม่ เป็ไปไม่ได้ เป็ไปไม่ได้หรอก!” หลิ่วเจียงเห็นป้ายหยกที่เหมือนกันทุกประการกับที่อยู่ในมือหลิ่วฮั่นชิงก็ตื่นตะลึง ส่ายศีรษะทันที
“ของปลอม ชิ้นนี้เป็ของปลอม ชิ้นนี้ต้องเป็ของปลอมแน่!” หลิ่วไห่ะโลั่น
“พอแล้ว จะโวยวายทำไม!” หลิ่วฮั่นชิงตะคอกใส่ทีหนึ่ง วางป้ายหยกในมือลงบนโต๊ะแล้วยื่นมือไปรับป้ายหยกในมือหลิ่วเหอ
หลิ่วฮั่นชิงหลับตาลง ในป้ายหยกััได้ถึงการโจมตีสายหนึ่งของผู้บรรลุดวงปราณจริง นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับตนด้วย
หลิ่วฮั่นชิงลืมตาขึ้น มองไปทางบุตรชายทั้งสาม
“ท่านพ่อ!” หลิ่วเจียงกับหลิ่วไห่มองบิดา เอ่ยปากอย่างร้อนรน
“ป้ายหยกของฉีเอ๋อร์เป็ของจริง ในป้ายหยกมีการโจมตีสายหนึ่งของข้าอยู่”
“ไม่ เป็ไปไม่ได้!” หลิ่วเจียงส่ายศีรษะอย่างไม่อยากเชื่อ เขาวางแผนไว้รอบคอบเช่นนี้ จะผิดพลาดได้อย่างไร ผิดพลาดตรงไหนกัน?
“ท่านพ่อ ให้ข้าตรวจดูได้หรือไม่?” ซูหงเรียกร้อง อยากตรวจดูป้ายหยก
“อืม เ้าดูเอาเองเถอะ!” หลิ่วฮั่นชิงพยักหน้า ส่งป้ายหยกให้ซูหง
ซูหงหลับตาลง ใช้พลังิญญาของตนเองััเล็กน้อย นางััได้ถึงการโจมตีอันรุนแรงสายนั้นในป้ายหยกจริง
“ภรรยา!” หลิ่วไห่เห็นภรรยาลืมตาขึ้นช้าๆ ก็ส่งเสียงเรียกแ่เบา
“เป็การโจมตีของผู้มากความสามารถระดับดวงปราณจริง”
“ข้าดูซิ!” หลิ่วไห่เอามาัับ้าง ค้นพบการโจมตีสายนั้นเช่นกัน
“เป็ไปไม่ได้!” หลิ่วเจียงคว้าป้ายหยกมาััการโจมตีด้วย
“เป็ไปได้อย่างไร? มีป้ายหยกที่มีการโจมตีเหมือนกันทุกประการสองชิ้นได้อย่างไรเล่า?” หลิ่วเจียงถือป้ายหยกไว้ในมือพลางเอ่ยขึ้นอย่างฉงน
“ป้ายหยกของหลาน ท่านปู่เป็ผู้มอบให้ หลายปีนี้หลานเก็บรักษาอย่างระมัดระวังเสมอ ส่วนผู้อื่นได้มาจากที่ใด ใช้วิธีนอกรีตอันใดทำป้ายหยกที่เหมือนกับป้ายหยกของข้าทุกประการแผ่นหนึ่งขึ้นมา ข้าก็ไม่อาจทราบได้จริงๆ ขอรับ!” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีพลันแสดงสีหน้าอย่างจนปัญญา
“พี่ใหญ่ โปรดคืนป้ายหยกของลูกชายให้ข้าด้วย อย่าได้เอาไปปะปนกับป้ายหยกของผู้อื่น!” หลิ่วเหอมองก่อนขอป้ายหยกคืนอย่างไม่เกรงใจ
“เอาไป!” หลิ่วเจียงหน้าเขียว ส่งป้ายหยกแผ่นนั้นคืน
“ท่านพ่อ ข้ายังมีข้อสงสัยอีกหนึ่งข้อ!” ซูหงมองหลิ่วฮั่นชิงแล้วกล่าว
“ว่ามา!”
“ท่านพ่อ ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าการโจมตีของผู้บรรลุดวงปราณด้านในป้ายหยกทั้งสองแผ่นนี้มาจากท่านจริง?”
“ใช่แล้วท่านพ่อ ผู้บรรลุดวงปราณในแคว้นจินอวี่ของเราไม่ได้มีแค่ท่านคนเดียวนะ!” หลิ่วไห่พยักหน้ารีบร้อนเอ่ยคล้ายตาม
“ถูกต้อง น้องสะใภ้รองพูดมีเหตุผล! ท่านพ่อ ท่านยืนยันได้ไหมขอรับ?” หลิ่วเจียงพยักหน้า ถามขึ้นอีกคน
“ข้ามั่นใจเป็อย่างยิ่ง การโจมตีด้านในป้ายหยกสองแผ่นนี้ล้วนมาจากมือของข้า เพราะการโจมตีกับร่างกายมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก หากเป็การโจมตีของผู้อื่น คงไม่อาจร้องรับกับข้าได้เช่นนี้” หลิ่วฮั่นชิงตอบกลับอย่างมั่นใจ
“นี่ นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้น? เทียนฉีเขาไม่มีทางมีป้ายหยกสองแผ่นได้สิ? ไม่มีทางหรอก?” หลิ่วไห่ส่ายศีรษะไม่ยอมรับ
“ใช่แล้ว ป้ายหยกสองแผ่นนี้ไม่มีทางมีการโจมตีของท่านพ่อได้หรอก?” หลิ่วเจียงมองบิดา รู้สึกว่าเื่นี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านบอกว่าป้ายหยกเป็หลักฐานว่าเทียนฉีสังหารเทียนลู่ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ หลักฐานของพวกท่านก็ถูกล้มล้างด้วยตัวท่านเองแล้ว ลูกชายข้าก็พ้นข้อสงสัยแล้วสินะ?” หลิ่วเหอถามทั้งสองอย่างไม่หวั่นเกรง
“นี่ นี่...” หลิ่วไห่กัดฟัน ชั่วขณะหนึ่งไร้คำพูดโต้แย้ง
เดิมทีคิดว่าป้ายหยกจะเป็หลักฐานแ่าตอกฝาโลงได้เสียแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าป้ายหยกมีสองแผ่น จริงปลอมนั้นยากที่จะแยกนัก!
“น้องสาม นอกจากป้ายหยก เทียนลู่ลูกข้ายังตายจากการโจมตีสายวารี และก่อนตายยังถูกยันต์วิเศษนานาชนิดะเิใส่ วิธีการเหล่านี้น่าจะเป็สิ่งที่เทียนฉีมักใช้กระมัง?” ซูหงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยินยอม
“ผู้ฝึกตนสายวารีมีเป็พันเป็หมื่น อาศัยแค่สิ่งเหล่านี้บอกว่าลูกชายข้าเป็คนสังหาร พี่สะใภ้รอง คำพูดนี้จะทึกทักไปเองแล้วกระมัง?” หลิ่วเหอหัวเราะหยันทีหนึ่ง ตอบกลับอย่างไม่เห็นด้วย
“ในเมื่อท่านป้ารอง้าบอกว่าข้าสังหารพี่หก ถ้าเช่นนั้น ไม่ทราบว่าท่านป้ารองเชิญศพของพี่หกมาได้หรือไม่ขอรับ ข้า้าพิสูจน์ความจริงต่อหน้าพี่หก!” หลิ่วเทียนฉีมองซูหง เอ่ยทีละคำอย่างจริงจัง
“อะ อะไรนะ?”
คำพูดที่หลิ่วเทียนฉีกล่าวออกมา ผู้คนในห้องโถงใหญ่ตื่นตะลึงเป็อย่างยิ่ง
“อะไรนะ? พิสูจน์ความจริงต่อหน้าศพงั้นหรือ?” หลิ่วฮั่นชิงมองหลานแล้วนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน
“ขอรับท่านปู่ ข้าเคารพพี่หกมาตลอด ข้าคิดว่าต่อให้พี่หกตายไปแล้วก็ไม่มีทางใส่ร้ายน้องชายคนนี้เป็อันขาด อีกอย่าง หนึ่งเดือนนี้ข้ารักษาอาการาเ็อยู่ตลอด ยังไม่ได้พบศพของพี่หกเลย ในใจจึงรู้สึกติดค้างยิ่งนัก” พูดถึงตรงนี้ หลิ่วเทียนฉีก็ขอบตาแดงก่ำ
“ฉีเอ๋อร์!” หลิ่วเหอมองบุตรชาย ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่
“เฮอะ ได้สิ ในเมื่อเ้าอยากพิสูจน์ความจริงต่อหน้าลูกข้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะให้เ้าตายอย่างกระจ่าง ใครสักคนมานี่ซิ ยกศพของเทียนลู่เข้ามา!” ซูหงะโดังลั่น
“ขอรับ!” บ่าวรับใช้ขานรับก่อนหมุนตัวออกไปนำศพมา