“แม่ง! มันคนเดียวกลับกล้าจองหองถึงเพียงนี้! ตามไปฆ่ามัน แก้แค้นให้หวงเย่!”
หลังจากเื่ราวชัดเจน ถงฮ่าวก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น พุ่งออกไปเป็คนแรก คิดจะไล่ล่าไปตามทิศทางที่ลูกศิษย์สำนักภูตผีหนีไป
สองคนที่อยู่ใกล้กับเขาคล้ายว่ามีความสัมพันธ์ไม่เลวกับหวงเย่ ยามนี้ก็เ็ปอย่างถึงที่สุด พุ่งตัวตามไปติดๆ
“ไม่ต้องตาม! กลับมากันให้หมด!” อันอิ่งร้องะโห้ามเสียงดัง
ถงฮ่าวที่อยู่ด้านหน้าสุดหันกลับมา แสดงความไม่พอใจใส่อันอิ่งเป็ครั้งแรก “ทำไม? หรือว่าหวงเย่ถูกฆ่าไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ พวกเ้าจะไม่ทำอะไรสักอย่างเลยรึ?!”
“พวกเ้าตามันไม่ทันหรอก” พันเทากล่าว “ลูกศิษย์ของสำนักภูตผีถนัดในการหลบหนีและซ่อนตัวมากที่สุด ไร้ร่องรอยราวกับผี อย่าว่าแต่พวกเ้าเลย ต่อให้เป็ข้าและอันอิ่งที่ตามไป ก็ไร้ประโยชน์ไม่ต่างกัน”
“ฝังร่างหวงเย่ก่อนเถอะ” อันอิ่งเองก็รู้สึกหดหู่ใจเป็อย่างมาก
ลูกศิษย์สำนักภูตผีผู้นั้นแค่สวมอาภรณ์ของหุบเขาเทาก็ปกปิดตัวตน ก็สามารถตบตาพวกเขาได้แล้ว
หากไม่เพราะเนี่ยเทียนจดจำหน้าตาของคนหุบเขาเทาได้และโจมตีคนผู้นั้นกลับไปทันที อย่างน้อยใน่เวลาสั้นๆ คนผู้นั้นก็ต้องสามารถฆ่าคนติดๆ กันได้ถึงสองคน
ในฐานะที่เป็หัวหน้า นางจับสังเกตไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้หวงเย่ถูกลอบสังหารจนตายเช่นนี้ นี่ทำให้นางแอบโทษตัวเองอยู่ในใจตลอดเวลา
“ทำตามที่นางบอก ฝังหวงเย่ก่อน อย่ามัวเสียเวลาไปทำเื่ที่ไม่มีประโยชน์” พันเทาเกลี้ยกล่อมพวกถงฮ่าวว่า “พวกเ้าไม่รู้จักสำนักภูตผีดีนัก หากตามไปทันจริงๆ เมื่อใดที่พวกเ้าแยกตัวไป ข้ากังวลว่าพวกเ้าอาจจะ...”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่้าให้พวกถงฮ่าวสามคนเป็อย่างหวงเย่
เวลานี้ เนี่ยเทียนมองทิศทางที่ลูกศิษย์สำนักภูตผีเดินทางมาด้วยสีหน้าเงียบสงบ ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “จุดที่เขาผ่านมา น่าจะมีคนของหุบเขาเทาถูกฆ่าจริงๆ”
“น่าจะเป็อย่างนั้น เพราะเขาสวมอาภรณ์ของหุบเขาเทา” พันเทากล่าว
“พวกเราไปดูกันดีหรือไม่?” เนี่ยเทียนเสนอความคิดเห็น
พันเทาสีหน้ากระตุก พยักหน้ากล่าวกับอันอิ่งว่า “ข้ากับเนี่ยเทียนจะไปดูสักหน่อย ไม่ว่าจะเจออะไรหรือไม่ พวกเราจะรีบกลับมาโดยเร็วที่สุด แถวนี้นี้น่าจะไม่มีลูกศิษย์สำนักภูตผีมากไปกว่านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นมันก็คงไม่เดินทางมาเพียงลำพัง”
อันอิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า “ระวังตัวให้มาก”
“อืม พวกเราจะไม่ไปไกลนัก” พันเทารับรอง
จากนั้นเขาและเนี่ยเทียนก็เดินออกจากกลุ่มไป เดินไปยังทิศทางที่ลูกศิษย์สำนักภูตผีมุ่งหน้ามา
หลังจากที่พวกเขาจากไป เจียงเหมียวพลันกล่าวขึ้นมาว่า“จริงๆ แล้ว... เนี่ยเทียนเขาดีมากเลยนะ ตลอดทางที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ามองดูแล้วเหมือนเขาจะเอาแต่กินอย่างเดียว ทว่าทุกครั้งที่อยู่ใน่คับขัน เขามักจะพบความผิดปกติได้อย่างละเอียดรอบคอบ ไม่มีเขา ตอนที่เจอกิ้งก่าดินข้าก็คงตายไปนานแล้ว”
แล้วนางก็หันไปมองกัวฉีแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้ เขายังช่วยชีวิตกัวฉีด้วย”
กัวฉีก้มหน้า กล่าวอย่างไม่สบายใจ “ข้าไม่ดีเอง ข้าเข้าใจเขาผิดไป”
“เนี่ยเทียน...” อันอิ่งพึมพำหนึ่งประโยค พยักหน้าเบาๆ “ความสามารถในการสังเกตการณ์ของเขาดีกว่าพวกเราจริงๆ จุดนี้ต้องยอมรับ หากไม่ได้การเตือนจากเขา ลูกศิษย์ของสำนักภูตผีคนนั้นอย่างน้อยก็คงฆ่าคนไปได้อีกหนึ่งถึงสองคนเป็แน่”
“ไม่มอบตัวเขาให้กับหุบเขาเทา ดูท่าแล้วเป็การตัดสินใจที่ถูกต้อง เขาช่วยพวกเราได้มากจริงๆ” เจียงเหมียวพูดขึ้นมาอีกครั้ง
คนอื่นๆ ต่างเผยสีหน้าละอายใจ ราวกับว่าถึงเวลานี้พวกเขาถึงจะมองเนี่ยเทียนด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง
เนี่ยเทียนที่ถูกคนอื่นกล่าวถึงลับหลัง ค้นหาตามเส้นทางที่ลูกศิษย์สำนักภูตผีผู้นั้นเดินทางมาอย่างละเอียด
เนื่องจากลูกศิษย์สำนักภูตผีจงใจสร้างภาพเหตุการณ์ให้ตัวเองมีเืท่วมตัว
ดังนั้นเส้นทางที่เขาห้อตะบึงมาจึงมีเืมากมายจากตัวเขาหยดลงตามทาง
พอวิเคราะห์เช่นนี้ เมื่อเดินตามรอยเืไป เนี่ยเทียนและพันเทาจึงเจอสถานที่เกิดเหตุได้อย่างง่ายดาย
สนามต่อสู้อยู่ในหุบเขาหิมะแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปหนึ่งลี้กว่าผู้ประลองสองคนของหุบเขาเทาได้สิ้นใจลงไปนานแล้ว ตายอย่างอนาถอยู่ในหุบเขาแห่งนี้
คนหนึ่งในนั้นนอนเปลือยกาย เป็สาวน้อยอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปีผู้หนึ่ง
พันเทามองแวบเดียวสีหน้าก็เย็นเยียบขึ้นมาทันที พูดกับเนี่ยเทียนเสียงเบาว่า “ก่อนตายนางยังถูกลูกศิษย์สำนักภูตผีคนนั้นย่ำยีอีกด้วย”
เนี่ยเทียนใบหน้ามืดคล้ำ ฝืนใจไม่หันไปมองสภาพอันน่าเวทนาของหญิงสาวผู้นั้นแล้วกล่าวว่า “ไอ้สัตว์นรกผู้นั้นจากสำนักภูตผีสมควรตายยิ่งนัก!”
“นิ้วหัวแม่มือของพวกเขาถูกเฉือนออกไปด้วย เป็วิธีการของสำนักภูตผีอย่างแท้จริง” พันเทาถอนหายใจหนึ่งครั้ง เดินไปขุดหลุมน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ฝังร่างของคนทั้งสองลงไป
“หุบเขาเทาเข้ามาในโลกมายามรกตทั้งหมดสิบคน แต่แค่ที่พวกเราเห็นก็ตายไปสี่คนแล้ว” หลังจากจัดการธุระอย่างเงียบๆ เสร็จ
พันเทาก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “คนของหุบเขาเทาที่ตายไปอาจมีมากกว่านี้ เพียงแต่ว่าพวกเราไม่เจอเท่านั้น ดูท่าแล้ว หุบเขาเทาคงสูญเสียอย่างร้ายแรง ไม่รู้ว่าหยวนเฟิงผู้นั้นจะมีชีวิตรอดหรือไม่”
“ในเกาะน้ำแข็งมีคนคนหนึ่งของสำนักภูตผีปรากฏตัวขึ้น นี่หมายความว่าคนอื่นๆ ก็น่าจะอยู่ที่นี่ด้วย”
เนี่ยเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พูดแนะนำขึ้นว่า “ตามความเห็นข้า พวกเราจำเป็ต้องหาคนของอารามเสวียนอู้และสำนักหลิงอวิ๋นให้เจอแล้วรวมตัวกันให้เร็วที่สุด ร่วมมือกันรับมือลูกศิษย์ของสำนักภูตผี เพราะพวกเราไม่รู้เลยว่าสำนักภูตผีส่งคนมาที่เกาะน้ำแข็งมากน้อยแค่ไหนกันแน่”
“อืม ในเมื่อสำนักภูตผีเผยกายแล้ว การประลองเพื่อสังหารสัตว์วิเศษระดับสองก็ไม่สำคัญอีกต่อไป” พันเทาเองก็เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้และพูดต่อไปว่า “กลับกันเถอะ บอกสิ่งที่พวกเราเจอตรงนี้ให้อันอิ่งรู้ รีบไปจากเกาะน้ำแข็งให้เร็วที่สุด คิดหาวิธีรวมตัวกับอารามเสวียนอู้และสำนักหลิงอวิ๋น”
“แบบนี้ดีที่สุด”
คนทั้งสองมีความเห็นตรงกัน เดินกลับไปยังทางเดิม ไม่นานก็มาถึงจุดที่พวกอันอิ่งอยู่
“เจออะไรหรือไม่?” เจิ้งรุ่ยถามอย่างร้อนใจ
“เจอศพของคนหุบเขาเทาอีกสองศพในหุบเขาน้ำแข็งแห่งหนึ่ง สองคนนั้น... ตายอนาถยิ่งนัก รายละเอียดข้าขอไม่พูดมากก็แล้วกัน” พันเทาอธิบายหนึ่งประโยค แล้วกล่าวกับอันอิ่งด้วยสีหน้าจริงจัง
“ข้ากับเนี่ยเทียนปรึกษากันแล้ว รู้สึกว่าพวกเราไม่ควรอยู่ในเกาะน้ำแข็งแห่งนี้นานนัก เพราะพวกเราไม่รู้ว่าที่นี่มีคนของสำนักภูตผีอยู่กี่คน”
“จะไปรวมตัวกับคนของอารามเสวียนอู้และสำนักหลิงอวิ๋นใช่หรือไม่?” อันอิ่งพยักหน้าพูดต่อไปว่า “ตอนที่พวกเ้าจากไป พวกเราปรึกษากันก็ได้ข้อตัดสินใจแบบเดียวกัน”
“ให้ทุกคนได้เตรียมตัวสักหน่อย พวกเราจะออกจากเกาะน้ำแข็งไปยังทะเลทรายรกร้างซึ่งเป็ที่อยู่ของกิ้งก่าดินทันที”
“อารามเสวียนอู้และสำนักหลิงอวิ๋นไม่รู้ว่ากิ้งก่าดินเคยมาที่นี่ อาจจะไปฆ่ากิ้งก่าดินที่ทะเลทรายแล้ว พวกเราไปหาพวกเขากัน” อันอิ่งกล่าว
“ดี!” ทุกคนพากันคล้อยตาม
การตายของหวงเย่ และการตายอย่างน่าสังเวชของผู้ประลองสี่คนแห่งหุบเขาเทา ทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวต่อสำนักภูตผีเป็อย่างมาก
ไม่มีใครรู้ว่าสำนักภูตผีมาที่นี่กี่คน หากเจอเข้ากับกลุ่มใหญ่ของสำนักภูตผีโดยไม่ทันระวัง พวกเขาก็อาจจะถูกสังหารจนสิ้นเหมือนกัน
รวมตัวกับอีกสามฝ่ายที่เหลือ ใช้พลังของสี่สำนักต่อสู้กับลูกศิษย์สำนักภูตผี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็การตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด
“ไปกันเถอะ” อันอิ่งออกคำสั่งด้วยอารมณ์หดหู่
จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็ไม่กล้าแยกกันเดินทางอีก พวกเขาเดินตรงไปยังทะเลทรายรกร้างตามการชี้นำของนาง
“ตรงนั้นมีอีกศพหนึ่ง คนของหุบเขาเทาเหมือนกัน!” เจิ้งรุ่ยที่นำขบวนอยู่ด้านหน้ามองเห็นศพของหญิงสาวที่ถูกหอกยาวเล่มหนึ่งปักไว้บนต้นไม้น้ำแข็งเป็คนแรก
หญิงสาวผู้นั้นก็เปลือยกายเช่นเดียวกัน นางน่าจะตายมาระยะหนึ่งแล้ว ตลอดทั้งร่างล้วนมีน้ำแข็งเกาะเป็ชั้นบางๆ
ร่างกายส่วนล่างของนางยังคงมีรอยเืที่แข็งตัวนานแล้วเกาะอยู่บนน้ำแข็งชั้นบางนั้น
นางเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง ไม่ว่าใครก็ตามที่เพียงแค่เห็นก็รู้ทันทีว่าก่อนตายนางต้องประสบพบเจอกับอะไรบ้าง
“เ้าสำนักภูตผีชาติชั่ว!” เจียงเหมียวด่ากราด น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยเสียงสะอื้น “พวกเขาสมควรตายให้หมด! สมควรตายเป็หมื่นๆ ครั้ง!”
หญิงสาวคนอื่นในกลุ่มที่มองเห็นซากศพเย็นเฉียบนั้น ร่างก็คล้ายจะสั่นเบาๆ ไม่รู้ว่าโกรธหรือว่าใกลัวกันแน่
“ฝังศพนาง จากนั้นรีบเดินทางต่อ อย่าอยู่ที่นี่นานนัก” อันอิ่งสีหน้ามืดทะมึน กัดฟันพูดว่า “วางใจเถอะ! พวกเราต้องฆ่าพวกมันกลับมาให้ได้อย่างแน่นอน! รอพวกเรากลับมาเมื่อไหร่ จะต้องแก้แค้นให้นาง ฆ่าลูกศิษย์สำนักภูตผีให้หมด!”
พันเทาไม่พูดอะไรสักคำ ฝังศพของหญิงสาวผู้นั้นด้วยความเงียบงัน
จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็เดินทางไปยังทะเลทรายรกร้างต่อ ระหว่างที่เดินทางทุกคนไม่มีอารมณ์เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา เอาแต่เงียบงันกันไปตลอดทาง
เนี่ยเทียนััได้ถึงความเกลียดแค้นเข้ากระดูกที่พวกเขามีต่อสำนักภูตผี รู้ว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเขาต้องระบายมันออกมา เอาเืของลูกศิษย์สำนักภูตผีเ่าั้มาเซ่นสังเวยคนที่ตายไปให้จงได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดพวกเขาก็ลอดผ่านเกาะน้ำแข็ง เข้าไปยังทะเลทรายรกร้างที่ร้อนแผดเผา
อยู่ในโลกมายามรกตเหมือนกัน อีกทั้งยังห่างกันไม่มากนัก ทว่าทะเลทรายรกร้างกับเกาะน้ำแข็งที่พวกเขาเดินทางผ่านมาราวกับอยู่กันคนละโลก
เมื่อเข้ามาในทะเลทรายร้าง ทุกคนก็เหงื่อท่วมกาย รู้สึกเพียงว่าพื้นทรายใต้ฝ่าเท้าราวกับถูกไฟนาบอยู่ตลอดเวลา
เดินอยู่ในทะเลทรายร้างได้ไม่นานนัก อยู่ๆ พันเทาก็ะโเสียงดังว่า “มีศพ!”
เนี่ยเทียนเดินรุดหน้าขึ้นไปก็มองเห็นเด็กหนุ่มสวมอาภรณ์ของสำนักหลิงอวิ๋นผู้หนึ่ง ตลอดทั้งร่างแห้งตอบ นอนอยู่บนทะเลทราย
ชายหนุ่มคนนั้นประหนึ่งว่าไม่เหลือเือยู่ในกายแม้แต่หยดเดียว แห้งสนิทราวกับซากศพ
“นี่... นี่คือ!” พันเทาก้มหน้าลงไปสำรวจ แล้วก็ต้องหันขวับกลับไปมองอันอิ่ง “สำนักโลหิต! นี่คือฝีมือของสำนักโลหิต!”
-----