บทที่ 112 ดูเหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลนะ
ชายหนุ่มกำซองจดหมายแน่น มองคนตรงหน้า
“่นี้เธอลังเลมาตลอด” หวงรุ่ยเซิงพูด “นายอย่าโทษเธอเลย คนเราก็อยากก้าวไปข้างหน้า น้ำไหลลงที่ต่ำ ตอนนี้นายเป็แบบนี้ แน่นอนว่าให้ความสุขเธอไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง” หวงรุ่ยเซิงพูดต่อ “เธอจะไปเมืองหลวงกับพวกเราที่นั่นเป็ถิ่นของฉัน ฉันไม่ทำให้เธอต้องลำบากแน่”
ลู่จิ่งซานเงยหน้าขึ้นมองเขา ทุกอารมณ์ซ่อนอยู่ในดวงตาลึกซึ้งคู่นั้น ไม่ให้ใครมองออกแม้แต่น้อย
หวงรุ่ยเซิงรู้สึกใจเต้นรัว จดหมายเขาเป็คนส่ง แต่เขาไม่รู้เนื้อหาข้างใน มีคนบอกให้เขาพูดตามนี้ และตัวหนังสือในจดหมายรับรองว่าลู่จิ่งซานจำไม่ได้แน่
“อย่างนั้นเหรอ?” ลู่จิ่งซานมองหวงรุ่ยเซิงนิ่งๆ
“นี่…” หวงรุ่ยเซิงยิ้ม “แน่นอนสิ ฉันจะหลอกนายได้ยังไง
“ถ้านายอยากดีต่อเธอจริงๆ” หวงรุ่ยเซิงพูด “อย่าตื๊อเธอเลย แบบนี้ดีต่อนาย ต่อเธอ และหน้าตาของตระกูลลู่ด้วย”
“ฉันไม่เชื่อ” ลู่ซือหยวนโผล่มาจากไหนไม่รู้ ะโอย่างโกรธๆ “จือจือไม่ใช่คนแบบนั้น
“จิ่งซาน หมอนี่มันยุยงให้แตกแยก จือจือเป็คนยังไงพวกเราจะไม่รู้เหรอ? ถ้าหล่อนจะไปก็ไปนานแล้ว จะรอจนถึงวันนี้ทำไม?” ลู่ซือหยวนพูด
หลายเดือนมานี้สวี่จือจือกับลู่จิ่งซานเข้ากันได้ดี เธอไม่เคยรังเกียจเขาเลย
“ถึงหล่อนจะไปก็คงไม่ให้คนอื่นมาบอกแทนหรอก” ลู่ซือหยวนบอก “แกอย่าให้เขาหลอก” ดูยังไงหมอนี่ก็ไม่ใช่คนดี
“ก็ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสนี่” หวงรุ่ยเซิงพูดลำบากใจ “ตอนนี้ฉันจะกลับเมืองหลวง เธอก็เลยหวั่นไหว”
“หยวนหยวน” เหอเสวี่ยฉินเดินออกจากบ้านมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ก่อนจะพูดเยาะเย้ย “ไม่ใช่ฉันปากมากนะ หล่อนจะไม่ใช่คนแบบนั้นได้ยังไง? ตอนแต่งเข้ามาบ้านเรา ไม่ใช่เพื่อชีวิตดีๆ เหรอ? ผู้หญิงแบบนี้ร้ายกาจนัก” เหอเสวี่ยฉินพูด “ถ้าไปเมืองหลวงได้ ใครจะอยากอยู่หมู่บ้านเล็กๆ แบบนี้? นั่นมันเมืองหลวงเชียวนะ”
ลู่ซือหยวนพูดไม่ออก เธอมองลู่จิ่งซานอย่างร้อนใจ “จิ่งซาน แก…”
“อืม” ลู่จิ่งซานพยักหน้า มองหวงรุ่ยเซิงนิ่งๆ “ผมรู้แล้ว” พูดจบเขาหันรถเข็นจากไป
ภาพนั้นในสายตาหวงรุ่ยเซิงคือความหดหู่และพ่ายแพ้
เขาตื่นเต้นขึ้นมา ไม่นึกว่าลู่จิ่งซานจะหลงกลง่ายขนาดนี้?
นี่…มันเหลือเชื่อเกินไปหน่อย!
“ยืนงงอะไรอยู่?” ขณะที่เขาอึ้ง เหอเสวี่ยฉินก็ตวาด “ยังไม่ไสหัวไปอีก” ยืนโง่ๆ อยู่ทำไม? รอให้ลู่จิ่งซานรู้ตัวเหรอ?
หวงรุ่ยเซิงมองเหอเสวี่ยฉิน รู้สึกว่าวันนี้เธอพูดเหมือนช่วยเขา
“มองอะไร? มองอีกเชื่อไหมว่าฉันจะควักลูกตานายออกมา” เหอเสวี่ยฉินโมโห “ไสหัวไป” พูดจบก็ปิดประตูดังปัง
“จิ่งซาน” ลู่ซือหยวนยังอยากจะพูด แต่ลู่จิ่งซานปิดประตูไปแล้ว
ลู่ซือหยวนจะพูดต่อ ลู่จิ่งเหนียนก็ดึงไว้แล้วส่ายหัว
“พี่ ปล่อยเขาให้อยู่เงียบๆ เถอะครับ” ลู่จิ่งเหนียนบอก
“นี่มันเื่อะไรกันเนี่ย” ลู่ซือหยวนพูด
...
หวงรุ่ยเซิงกลับถึงหมู่บ้านเป่ยสุ่ยตอนฟ้ามืดสนิท
หวังซิ่วหลิงรอในห้อง พอได้ยินเสียงก็รีบลงจากเตียง เธอเห็นหวงรุ่ยเซิงเข้ามาในลาน “เป็ยังไง? ทางนั้นไม่สงสัยอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เลย” หวงรุ่ยเซิงนึกถึงท่าทางลู่จิ่งซาน หัวเราะเยาะ “เขาก็แค่นี้เอง”
ไม่เก่งอย่างที่คนเขาลือเลย ยังไงก็แค่คนธรรมดา เจอเื่หนักแบบนั้นจะไม่หดหู่ได้ยังไง?
กลับกลายเป็โชคของเขาที่ได้โอกาสดีกลับเมืองหลวง
“คุณแม่” หวงรุ่ยเซิงตื่นเต้น “เธออยู่ไหน?”
“ข้าวชามนั้นมันกินหมดแล้ว” หวังซิ่วหลิงบอก “ฉันเพิ่งไปดูมา หลับเหมือนหมูตายเชียว”
“เพื่อความชัวร์ พวกเราจะไปตอนเช้าไม่ได้” หวงรุ่ยเซิงรู้สึกไม่ไว้ใจ “หลังเที่ยงคืนพวกเราก็ไปกันเลย”
พอนั่งรถไฟแล้วเธอจะไม่อยากไปก็ลงไม่ได้อยู่ดี พอถึงเมืองหลวงแค่ส่งเธอให้คนพวกนั้น ภารกิจของเขาก็จะสำเร็จ โควต้ากลับเมืองและงานของเขาก็จะได้มา
ก่อนหน้านี้หวงรุ่ยเซิงเคยมีใจให้สวี่จือจือบ้าง แต่พอคนบ้านนั้น้าตัวเธอ ความคิดนั้นก็หายไป
ผู้หญิงที่สวยกว่าสวี่จือจือมีเยอะ แค่เขากลับเมืองหลวงได้แล้วหลุดจากสถานที่ผีสางแห่งนี้ เสียสวี่จือจือคนเดียวไปจะเป็อะไร?
“หลังเที่ยงคืน?” หวังซิ่วหลิงถาม
“ถูกต้อง” หวงรุ่ยเซิงบอก “ไปเมืองหลวงเร็วส่งคนเร็ว พวกเราก็สบายใจเร็ว”
“ได้” หวังซิ่วหลิงพยักหน้า “ฉันจะให้พ่อแกเตรียมเสบียงให้ แต่รุ่ยเซิง เจวียนเจวียนบ้านฉัน แม่ฝากแกด้วยนะ”
“คุณแม่วางใจเถอะ ผมจะดีกับเจวียนเจวียนแน่นอน” หวงรุ่ยเซิงบอกแล้วถามต่อ “เจวียนเจวียนอยู่ไหน?”
“กินข้าวเสร็จบอกปวดหัว ฉันให้ไปนอนแล้ว” หวังซิ่วหลิงตอบ
“งั้นผมจะไปดูเธอ” หวงรุ่ยเซิงบอก
“หลังเที่ยงคืนต้องตื่น อย่าปลุกเธอเลย” หวังซิ่วหลิงนึกถึงลูกสาวที่กำลังจะจากไปก็รู้สึกใจหาย “ให้เธอนอนเยอะๆ”
หวงรุ่ยเซิงตอนนี้จะขัดได้ยังไง?
เขาเดินไปสองสามก้าวแล้วหันกลับมาถามหวังซิ่วหลิง “คุณแม่ บ้านนั้นกับจือจือเป็อะไรกันเหรอ?”
หวังซิ่วหลิงชะงัก แล้วตอบอย่างตื่นตระหนัก “ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็อะไรกัน นังตัวดีนี่อาจไปยั่วยวนใครมาก็ได้”
“จริงเหรอ?” หวงรุ่ยเซิงรู้สึกแปลกๆ แต่แปลกยังไง เขาคิดไม่ออก
ตอนกลับห้องเขายังไม่วางใจเลยแอบไปที่ห้องสวี่จือจือ แอบมองผ่านรอยแยกหน้าต่าง เห็นคนนอนหลับอยู่บนเตียง หวงรุ่ยเซิงยิ้มมุมปาก
พรุ่งนี้เขาจะหลุดจากสถานที่ผีสิงแห่งนี้แล้ว
คิดแบบนั้นเขาก็ฮัมเพลงกลับห้อง เห็นสวี่เจวียนเจวียนหลับสนิทบนเตียง นึกถึงท่าทางแปลกๆ ของหวังซิ่วหลิง เขาก็อดเรียกเบาๆ ไม่ได้ “เจวียนจื่อ? เจวียนจื่อ?”
เรียกสองครั้งก็ไม่ขยับ หวงรุ่ยเซิงนอนลงบนเตียง แล้วมองเพดานอย่างตื่นเต้น “พรุ่งนี้ฉันจะได้กลับเมืองหลวงแล้ว”
นึกแล้วก็นอนไม่หลับ! เขาพลิกตัวไปมาหลายรอบ สุดท้ายทนไม่ไหวจับมือสวี่เจวียนเจวียน “เจวียนจื่อ ฉันนอนไม่หลับ ลุกมาคุยกับฉันหน่อย”
คนข้างๆ ยังคงนิ่ง หวงรุ่ยเซิงเริ่มโมโห เรียกเสียงดังขึ้น แต่สวี่เจวียนเจวียนยังคงไม่ขยับ
นี่…ดูเหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลนะ
แม่มันเถอะ!
.............................