อวิ๋นจื่อกำลังสับสน
ถ้ามองแง่หนึ่งนางก็แอบหวังอยู่ในใจไม่ใช่หรือ? ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากหากนางได้รับความรักที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริง เพราะนางจะได้ไม่ต้องลงแรงมากนัก
ในอีกแง่หนึ่ง นางกลับรู้สึกว่าทุกอย่างอาจไม่เป็อย่างที่คิด ท้ายที่สุดเขาไม่ได้เติบโตในจวนเสนาบดีั้แ่ยังเด็ก เขาย่อมไม่รู้ว่าขุนนางทรยศอย่างเย่เซียงเป็คนเช่นไร เขาก็คือเขา เย่เซียงก็คือเย่เซียง
ความคิดทั้งสองอย่างนี้กำลังตีกันอยู่ในหัวของนาง
อวิ๋นจื่อรู้เพียงว่าเย่เช่อชอบนางั้แ่ตอนที่นางยังอยู่ในตำหนักเหวินฮวา
นางไม่เพียงหวังว่าเย่เช่อจะไม่ลืมตัวตนในอดีตของนาง แต่ยังหวังว่าเย่เช่อจะตกหลุมรักตัวตนในปัจจุบันของนางด้วย
นี่เป็การแข่งขันระหว่างตัวนางเอง
อวิ๋นจื่อไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำอย่างไรนางถึงจะไม่รู้สึกสับสนและเลิกแสดงท่าทางไม่เป็ธรรมชาติเมื่อได้ยินคำพูดที่เกี่ยวข้องกับตนเอง
‘ถ้าตัวข้าในตอนนี้สามารถเอาชนะตัวข้าในตอนนั้นได้ ข้าจะเสียใจหรือไม่?’
โชคดีที่นางและเย่เช่อไม่ได้คุ้นเคยกัน ไม่เช่นนั้นเขาย่อมสงสัยในตัวตนของนาง
แน่นอน นางรู้สึกเสียดายอย่างยิ่งที่เสด็จพ่อไม่ให้นางและเย่เช่อแต่งงานกันั้แ่เนิ่นๆ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างคงง่ายกว่านี้
บางทีเย่เซียงอาจไม่ทรยศ
ทว่าไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้
เย่เช่อกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า
“นอกจากเหวินฮวาแล้ว สตรีอื่นไม่ได้มีความหมายอะไรกับข้าเลย แทนที่จะถูกบิดาบังคับให้แต่งงานกับคนที่ข้าไม่รู้จัก ย่อมดีกว่าถ้าข้าแต่งงานกับคนที่ทำให้ข้ารู้สึกสบายใจเช่นเ้า”
จู่ๆ อวิ๋นจื่อก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง
นางโชคดี…
โชคดีที่ตัวตนในปัจจุบันของนางกับเขายังไม่ได้มาถึงทางตัน
อวิ๋นจื่อถามเสียงต่ำ “แต่ตัวตนของข้า…คนในตระกูลของท่านจะยอมรับได้หรือ?”
เมื่อเย่เช่อมองใบหน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความกังวลและสับสนของอวิ๋นจื่อ เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา “อย่ากังวล ข้าเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตนเองเสมอแม้ว่าคนในครอบครัวของข้าจะคัดค้านก็ตาม”
อวิ๋นจื่อรู้ว่าเย่เช่อมีน้องชายร่วมบิดาที่เกิดจากอนุภรรยา เขาเติบโตมาในเมืองอวิ๋นเมิ่งและเป็ที่โปรดปรานของเย่เซียงมาก ครั้งเดียวที่เสด็จพ่อบันดาลโทสะต่อเย่เซียงก็เพราะเ้าสารเลวนั่น
อวิ๋นจื่อจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
บุตรอนุคนนั้นอาจ้าแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทกับเย่เช่อ
เมื่อเห็นอวิ๋นจื่อเงียบไป เย่เช่อก็รู้สึกสับสนและไม่สบายใจ “ปี้เหยียน ให้ข้าเล่าเื่ครอบครัวของข้าให้เ้าฟังดีหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า
เย่เช่อกล่าวว่า “แม้ว่าครอบครัวของข้าจะมีท่านแม่หลายคน แต่เ้าไม่จำเป็ต้องรู้จักคนเหล่านี้ แค่รู้ว่าท่านแม่ของข้าเป็คนดีก็พอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้อวิ๋นจื่อก็ยิ้ม “ข้ารู้ มารดาของคุณชายย่อมยอดเยี่ยมที่สุด”
ท่านแม่ของเขาเป็บุตรสาวคนเล็กที่แม่ทัพเจิ้นหนานรักมากที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาจะเติบโตขึ้นมาในกองทัพได้อย่างไร? นางทั้งงดงามและใจกว้าง แถมยังเป็หนึ่งในสตรีที่งดงามที่สุดในเมืองอวิ๋นเมิ่ง
เดิมทีแม่ทัพเจิ้นหนานไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานระหว่างเย่เซียงกับบุตรสาวของเขา แต่เป็นางที่อ้อนวอนอย่างหนัก จนแม่ทัพเจิ้นหนานต้องทูลขอราชโองการสมรสจากฮ่องเต้
มีข่าวลือว่าสาเหตุที่เสด็จอาของอวิ๋นจื่อเสียชีวิตั้แ่อายุยังน้อยก็เพราะตรอมใจจากบุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพเจิ้นหนาน
เย่เช่อยิ้มและกล่าวว่า “ท่านแม่ของข้าเป็บุตรสาวคนเล็ก นางจึงได้รับความโปรดปรานจากท่านตาเป็อย่างมาก ดังนั้นข้าจึงเติบโตมากับท่านตา”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าและถามด้วยรอยยิ้ม “มารดาของคุณชายคงไม่ได้พบคุณชายบ่อยนัก”
เย่เช่อพยักหน้า “ใช่ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะท่านตาของข้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานระหว่างท่านแม่กับท่านพ่อ”
อวิ๋นจื่อถามด้วยความสงสัย “เพราะเหตุใด?”
เย่เช่อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพราะบิดาของข้าเป็ขุนนางฝ่ายบุ๋นและท่านตาของข้าเป็แม่ทัพใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบุรุษมากความสามารถที่ท่านตาของข้าเลือกไว้ให้ท่านแม่แล้ว เขาเป็แม่ทัพผู้เก่งกาจที่ท่านตาฝึกฝนขึ้นมาด้วยตนเอง”
ผู้มีพร์ที่แม่ทัพเจิ้นหนานฝึกฝนด้วยตนเองสามารถนับได้ด้วยนิ้วเดียว นอกจากลูกหลานของเขาแล้วก็น่าจะมีแต่เสด็จอาของอวิ๋นจื่อเท่านั้น
นางไม่คิดว่าอ๋องอวิ๋นเมิ่งจะเป็ศิษย์ของแม่ทัพเจิ้นหนาน
บุตรเขยที่แม่ทัพเจิ้นหนานพึงพอใจคือเสด็จอาของนางนี่เอง
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่านางโชคดีมาก
ถ้าเย่เช่อเป็ลูกพี่ลูกน้องของนาง บางทีเื่ของเขาและนางอาจไม่มีทางเป็ไปได้
เมื่อคิดเช่นนี้ ใบหน้าของอวิ๋นจื่อก็ซีดเผือดทันที
เย่เช่อรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมาก น้ำเสียงของเขาจึงค่อนข้างอ่อนโยนขึ้น “อันที่จริงข้านับถือวีรบุรุษอย่างอ๋องอวิ๋นเมิ่งมาก”
อ๋องอวิ๋นเมิ่งก็คือเสด็จอาของนางไม่ใช่หรือ?
สีหน้าของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เย่เช่อดูเหมือนจะสังเกตเห็นความไม่สบายใจของนาง เขาจึงกล่าวเบาๆ “ลืมเื่ที่ข้าเล่าเสียเถอะ ถึงเวลาที่ข้าจะบอกเ้าเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของข้าแล้ว”
อวิ๋นจื่อจับมือของเขาแน่นราวกับกำลังตื่นกลัว
เย่เช่อบีบมืออวิ๋นจื่อ เขาโน้มตัวลงไปจูบปอยผมของนางและกล่าวว่า “ท่านแม่ของข้าเป็บุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพเจิ้นหนาน ส่วนท่านพ่อของข้าเป็ฮ่องเต้แห่งอวิ๋นเมิ่ง ในอดีตเขาเป็เสนาบดีฝ่ายขวา”
อวิ๋นจื่อรู้สึกตื่นตระหนกมาก เขาสามารถเล่าเื่เช่นนี้ด้วยท่าทีสงบนิ่งได้อย่างไรฦ ตระกูลเย่ยึดครองอวิ๋นเมิ่งได้ก็เพราะความไว้ใจของเสด็จพ่อไม่ใช่หรือ?
คนทรยศก็คือคนทรยศ
พวกเขารู้หรือไม่ว่าเสด็จพ่อคาดหวังกับเย่เซียงมากแค่ไหน?
ตระกูลเย่ของพวกเขาปฏิบัติต่ออวิ๋นเมิ่งแบบนี้ได้อย่างไร?
ในสายตาของเย่เช่อ ความตื่นตระหนกของอวิ๋นจื่อดูเหมือนจะมาจากการได้รับรู้ตัวตนของเขา
ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยน เขากระซิบที่หูของนางเบาๆ ว่า “ข้าทำให้เ้ากลัวหรือไม่?”
นางกล่าวอย่างลนลาน “ไม่…ไม่…”
เย่เช่อสังเกตเห็นความตื่นตระหนกในแววตาของนาง เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ดูซีดเซียวไร้สีเืเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ในขณะเดียวกันความทะนุถนอมในใจของเขายิ่งถูกกระตุ้นมากขึ้นกว่าเดิม
ทันใดนั้นเย่เช่อก็ประคองใบหน้าของนางไว้ในมือและลูบริมฝีปากของนางอย่างแ่เบา
เมื่อมือของเขาัักับริมฝีปากอันอ่อนโยนของอวิ๋นจื่อ เขาก็ถอยห่างออกมาเล็กน้อยและจูบหน้าผากที่ขาวเนียนของนาง “ปี้เหยียน อย่ากลัวไปเลย ที่จริงข้ากำลังสงสัยว่าบิดาของข้าทำสิ่งที่ไม่ควรทำหรือไม่ ข้ากลัวมาก...กลัวว่าบิดาของข้าจะกลายเป็คนทรยศ”
อวิ๋นจื่อหายใจผิดจังหวะเล็กน้อย
คำพูดของเขาน่าเชื่อถือแค่ไหน?