ผู้าุโมู่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น หยางหนิงรู้สึกว่าแค่การที่ชายชราผุ้นี้เอาหัวโขกกำแพงหินเมื่อครู่ก็เพียงพอให้เขาหลับไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
เวลานี้หากคิดจะปลิดชีวิตของผู้าุโมู่นั้นถือว่าเป็เื่ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ ทว่าความเ็ปบริเวณหน้าอกเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาเพียงแต่รู้สึกเป็กังวลว่าหากชายชราผู้นี้ตายไปจริงๆ แล้ว เกรงว่าตัวเขาเองก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานนัก แต่หากชายชราฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติได้นั้น เกรงว่าตัวเขาเองก็ต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่แสนอันตรายเช่นกัน ในใจก็รู้สึกสับสน ไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปดี
นอกจากนี้ เดิมเขาคิดว่าตนจะลัดเดินไปทางลัดจนสามารถตามขบวนคุ้มกันได้ทัน เช่นนั้นก็สามารถตามหาตัวเสี่ยวเตี๋ยพบได้ ทว่าตอนนี้กลับถูกขังอยู่บนเขาลูกนี้ ระยะห่างกับเสี่ยวเตี๋ยก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักระยะหนึ่ง สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเบนสายตาลงมามองที่ม้วนหนังสือภาพอีกครั้ง
หนังสือภาพนี้เขียนว่า พลังเทพหกประสาน ทว่าหยางหนิงกลับมองไม่ออกจริงๆ ว่ามันมีความเทพเหนือธรรมดาที่ตรงไหน อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าการเอาเส้นสีแดงขีดกำกับให้เด่นชัดนั้นจะทำไปเพื่ออะไร
ทว่าเพราะเขาเบื่อหน่ายไม่มีสิ่งใดให้ทำ จึงได้แต่ต้องคลี่ม้วนหนังสือภาพออกมาดูอย่างละเอียดทีละรูป และทำการวิเคราะห์จุดชีพจรที่เส้นสีแดงเหล่านี้ลากผ่าน
ภาพแรกนั้นได้ลากผ่านจุดชีพจรทั้งหมดสิบหกจุด โดยหยางหนิงใช้เวลาเพียงครู่หนึ่งก็สามารถจำแนกทั้งสิบหกจุดได้อย่างเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เดิมเขาก็เคยร่ำเรียนด้านการวิเคราะห์จุดชีพจรมาก่อน เพียงแต่มีหลายจุดที่รายเรียงกันอย่างใกล้ชิดมาก หากสังเกตดูไม่ดีก็จะจำแนกผิดได้อย่างง่ายดาย ความสามารถในการจำแนกของหยางหนิงเดิมก็เก่งกาจจนน่าใอยู่แล้ว ทำให้เวลาที่เขาจำแนกจุดชีพจรเหล่านี้จึงใช้เวลาไปไม่นานนัก อีกทั้งยังสามารถดูจากจุดชีพจรเหล่านี้และใช้มือคลำถูกจุดต่างๆ ได้อีกด้วย
รอจนสามารถจำแนกจุดชีพจรของรูปที่หกได้อย่างชัดเจนแล้วนั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆ ดังออกมาจากทางด้านหลังของตน หยางหนิงรีบหันศีรษะกลับไปด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเห็นว่าร่างกายของผู้าุโมู่ได้ขยับแล้ว จึงรีบทำการม้วนหนังสือภาพกลับคืนสภาพเดิม และค่อยๆ ย่องเข้าไปด้านในและวางม้วนหนังสือภาพกลับคืนตำแหน่งเดิมแล้วจึงค่อยเดินกลับไปที่ปากถ้ำเช่นเดิม
ผ่านไปไม่นานนัก หยางหนิงก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากทางด้านหลัง และเมื่อเขาหันกลับไปดูอีกครั้งก็เห็นว่าผู้าุโมู่ได้ขยับตัวขึ้นมานั่งแล้ว จึงรีบเสแสร้งแกล้งถามด้วยท่าทีห่วงใยว่า “ผู้าุโมู่ ท่าน...ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่าผู้าุโมู่ได้มีสติกลับคืนมาไม่น้อยแล้ว เขาจ้องไปที่หยางหนิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด พร้อมเอ่ยถามว่า “เหตุใดเ้าถึงไม่เข้ามาด้านใน?”
หยางหนิงรีบเอ่ยตอบ “ตอนข้ากลับมานั้นก็เห็นท่านมีท่าทางเ็ปมาก เดิมคิดจะเข้าไปช่วยเหลือ ทว่า...ทว่าท่านคิดจะตีข้า ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน จึงได้แต่หลบอยู่ด้านนอก ไม่กล้าเข้าไปด้านใน”
“เ้าไม่ได้เข้ามาด้านในเลย?” ผู้าุโมู่เอ่ยถาม
หยางหนิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและตอบกลับว่า “ตอนที่พิษของท่านผู้าุโกำเริบนั้นน่ากลัวเป็อย่างมาก ข้า...ข้าไม่กล้าเข้าไปจริงๆ”
ผู้าุโมู่ส่งเสียงหึเบาๆ ในลำคอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาให้มากอีก เพียงแต่สีหน้าของเขานั้นกลับขาวซีดจนน่ากลัว ขณะเอ่ยต่อเสียงต่ำ “เด็ดผลไม้ป่ามาได้หรือไม่?”
หยางหนิงรีบนำผลไม้ป่าหลายลูกนั้นส่งไปให้ ผู้าุโมู่หยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะกัดกินไปสองลูก รอจนเขากินเสร็จแล้วนั้น ถึงจะค่อยยิ้มเย็นและเอ่ยถามหยางหนิงต่อ “เ้ามีโอกาสจะจากไป เหตุใดถึงยังไม่ไป?”
ถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ เหตุใดถึงไม่ไปนั้นท่านไม่รู้จริงหรือ?
ทว่าหยางหนิงกลับยังคงหัวเราะยิ้มแย้มออกมาพร้อมเอ่ยตอบว่า “ท่านาเ็อยู่ที่นี่ ความจริงข้าเองก็เคยคิดจะจากไป แต่เมื่อคิดว่าจะให้ทิ้งท่านเอาไว้คนเดียว ข้าก็รู้สึกเป็กังวลอยู่บ้าง”
“เ้าหนูอย่างเ้านี่พูดจาประจบประแจงเก่งเสียจริง” ผู้าุโเอ่ยตอบเสียงเรียบ “อาการาเ็ของเ้ากำเริบไปแล้วหรือไม่?”
หยางหนิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและเอ่ยตอบไปว่า “ผู้าุโมู่ ความจริงท่านไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้ ข้าเคารพผู้ใหญ่เอ็นดูผู้น้อย ไม่มีทางทิ้งท่านไว้อย่างไม่ดูดายหรอก”
ผู้าุโมู่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมามากนัก ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นและกระแทกฝ่ามือไปที่ตำแหน่งหัวใจของหยางหนิง ฝ่ามือของเขาถูกส่งออกมาอย่างรวดเร็วมาก ทำให้หยางหนิงไม่มีเวลาแม้แต่จะทำการตอบสนองใดๆ
“ผู้าุโมู่ ท่าน...!”
“ไม่ต้องกลัวไป ข้าเคยพูดแล้วว่าหากข้าช่วยเ้ากดจุดเป็เวลาสามวันติดต่อกันแล้ว อาการาเ็ของเ้าก็จะหายเป็ปกติเอง” ผู้าุโมู่เอ่ยต่อเสียงเรียบ “เ้าออกไปได้แล้ว หากไม่มีคำสั่งจากข้า เมื่อเ้าเหยียบย่างเข้ามาในถ้ำนี้แม้แต่ครึ่งก้าว จุดจบของเ้าก็มีแต่ตายเท่านั้น”
นี่เรียกว่ากดจุด? หยางหนิงส่ายศีรษะอย่างหนักใจ ก่อนที่สายตาเขาจะกวาดผ่านบริเวณโดยรอบแวบหนึ่งและสังเกตเห็นว่าม้วนหนังสือภาพนั้นได้หายไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันได้ถูกผู้าุโมู่เก็บกลับไปแล้ว
เมื่อหยางหนิงเดินออกมาที่นอกปากถ้ำอีกครั้งก็เป็เวลาโพล้เพล้แล้ว อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูร้อนรนเป็อย่างมากของผู้าุโมู่ดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีตรงไหนผิดไป มีตรงไหนผิดไปกันแน่?”
หยางหนิงรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย ขณะชะเง้อคอเข้าไปดูสถานการณ์ด้านใน ทว่าเขาเห็นเพียงผู้าุโมู่ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น โดยที่มือทั้งสองกำลังดึงผมขาวของตัวเองอยู่ เขากำลังก้มหน้าลงด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังเ็ปอยู่ไม่น้อย ขณะที่ปากยังคงเอ่ยพึมพำอย่างต่อเนื่อง “เป็ไปไม่ได้ จะต้องมีตรงไหนผิดพลาดแน่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่... หรือว่า...หรือว่าข้าติดกับพวกมันเข้าแล้ว? ไม่สิ เป็ไปไม่ได้ที่จะติดกับ ถ้าหากนี่เป็ของปลอมจริง พวกเขาก็จะไม่มีทางวิ่งไล่ตามมา...!”
เขาเอ่ยพึมพำกับตัวเอง เห็นได้ชัดว่ากำลังจมดิ่งอยู่ในความคิดของตน จนลืมไปแล้วว่าหยางหนิงนั้นกำลังยืนอยู่ที่หน้าปากถ้ำ
เวลานี้หยางหนิงกลับรู้สึกประหลาดใจเป็อย่างมาก ไม่รู้ว่าคำพูดที่ผู้าุโมู่เอ่ยขึ้นนั้นหมายถึงสิ่งใด
จากนั้นผู้าุโมู่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เขาทำเพียงแค่นั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ ขณะที่หยางหนิงก็เริ่มกินผลไม้ป่าอีกสองลูกแล้ว รอจนกระทั่งถึง่กลางดึก ผู้าุโมู่ก็ยังคงนั่งเหม่อลอย นิ่งเฉยราวกับรูปปั้นอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
เดิมหยางหนิงยังคงเป็กังวลว่าคนของวังห้าพิษจะทำการตรวจค้นูเา ยังดีที่ั้แ่ตอนนั้นถึงตอนนี้ นอกจากเสียงหอนของหมาป่าและเสียงร้องของนกที่ดังขึ้นเป็ระยะบนเขาแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดหรือเสียงใดดังขึ้นอีก เพียงแต่การอยู่เสียเวลาอยู่ที่นี่กับชายชราเช่นนี้ ทำให้ในใจของหยางหนิงรู้สึกร้อนรนอยู่ไม่น้อย
หลังจากถึงเวลากลางดึกแล้ว หยางหนิงที่นั่งอยู่หน้าปากถ้ำก็ผลอยหลับไป ทว่าในฝันนั้นสมองของเขากลับมีภาพของเส้นแดงที่ลากผ่านจุดชีพจรนั้นฉายซ้ำไปมา หากไม่ใช่จุดจงฝู่ จุดหลิงซวี จุดเทียนฝู่ จุดจื่อกงแล้ว ก็จะเป็จุดเหอกู่ จุดเพียนลี่ จุดชวีฉือ ทำให้เขาไม่อาจนอนหลับได้สนิท
ใน่ที่กำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงร้องประหลาดมาปลุกเขาให้ตื่น หลังจากที่เขาสะดุ้งตื่นแล้ว ก็ได้ยินแค่เสียงร้องประหลาดของผู้าุโมู่ที่ดังออกมาจากในถ้ำอีกครั้ง หยางหนิงขมวดคิ้วแน่นก่อนจะชะเง้อคอเข้าไปมอง ภายในถ้ำที่มีแสงมืดสลัวนั้น เขากลับมองเห็นเงาของคนผู้หนึ่งกำลังวิ่งไปวิ่งมาเป็วงกลมอยู่ในถ้ำ ท่าทางราวกับคนบ้า ดูแปลกประหลาดจนน่ากลัว
ผู้าุโมู่ส่งเสียงร้องคำรามราวกับสัตว์ประหลาดออกมา สอดคล้องกับเสียงร้องหอนของหมาป่าด้านนอกถ้ำ ทำให้ฟังดูแล้วเหมือนเป็การร้องทักของพรรคพวกเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับชายแก่ผู้นี้กันแน่?” หยางหนิงรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น เขาเพียงแต่รู้สึกว่าเื่นี้นับวันยิ่งดูแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น ก่อนจะลอบคิดในใจว่า “ดูเหมือนว่าชายแก่ผู้นี้จะไม่ใช่แค่โดนพิษแต่เพียงเท่านั้นแล้ว”
ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง อยู่ๆ ผู้าุโมู่ก็ล้มตัวลงไปแนบกับพื้นและก็แน่นิ่งไม่ขยับตัวอีก หยางหนิงร้องเรียกอยู่สองครั้ง ทว่าผู้าุโมู่ก็ยังคงไม่ขานรับ ตอนนี้เขาถึงได้ก้าวเดินเข้าไปในถ้ำ และพบว่าม้วนหนังสือภาพนั้นวางกองอยู่ที่ปลายเท้าของผู้าุโมู่ หยางหนิงจึงได้คิดว่าการที่ผู้าุโมู่นี้นอนสลบนั้นคงจะต้องเป็เวลาอีกหลายชั่วยามแน่ จึงหยิบม้วนหนังสือภาพขึ้นมาอีกครั้งและเดินออกไปที่ปากถ้ำ ทว่าในใจกลับเหมือนมีข้อสรุปบางอย่างแล้ว “ตอนกลางวันที่เขาคลุ้มคลั่งนั้น ม้วนหนังสือภาพก็อยู่ข้างกายของเขา ครั้งนี้ที่คลุ้มคลั่ง ม้วนหนังสือภาพก็ยังคงอยู่ข้างกายเขา หรือว่าการที่เขาคลุ้มคลั่งเสียสตินั้นจะเกี่ยวข้องกับม้วนหนังสือภาพนี้?”
ในขณะที่กำลังคิดหาความผิดปกติของเื่นี้นั้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังขึ้นจากทางด้านหลัง หยางหนิงรีบหันหน้ากลับไปก่อนจะเห็นว่าผู้าุโมู่ไม่รู้ยืนขึ้นั้แ่เมื่อไหร่และกำลังก้าวเท้ามาที่ปากถ้ำทีละก้าวๆ แววตาคู่นั้นดูคล้ายกับอสูรกายที่ปรากฏตัวขึ้นในยามค่ำคืน เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ดูเยือกเย็นและดุร้าย
“เอามานี่!” ผู้าุโมู่จ้องไปที่ม้วนหนังสือภาพในมือของหยางหนิง “เ้าอยากตายใช่หรือไม่ มันเป็ของข้า ไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดจะเอาไป...!” เขาร้องะโออกมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่หยางหนิง
หยางหนิงแอบร้องในใจว่าแย่แล้ว คิดไม่ถึงว่าใน่เวลาเพียงสั้นๆ นี้ผู้าุโมู่จะฟื้นขึ้นมาได้ เมื่อเห็นว่าจิตสังหารของฝ่ายตรงข้ามได้ก่อตัวขึ้นแล้ว เขาก็รู้ว่าชายชราผู้นี้มีใจคิดอยากสังหารตนจริงๆ แล้ว จึงไม่ได้ลังเลต่อไปอีก เขารีบหมุนตัวและออกวิ่งอย่างสุดชีวิต
ผู้าุโมู่ร้องะโขึ้นว่า “หยุดนะ ข้าจะฆ่าเ้าให้ได้...!”
หากเขาไม่เอ่ยเช่นนี้ยังถือว่าดีอยู่บ้าง เมื่อเอ่ยเช่นนี้ออกมา หยางหนิงยิ่งไม่คิดจะหยุดฝีเท้าของตน มือหนึ่งถือม้วนหนังสือภาพเอาไว้ขณะออกแรงวิ่งไปด้านหน้าอย่างสุดชีวิต เขารู้ว่าผู้าุโนี้เชี่ยวชาญด้านการใช้เถาวัลย์พันคน ครั้งนี้จึงตั้งใจจะทิ้งระยะห่างกับเขาให้มาก จะให้ชายชราผู้นี้จับตัวไปไม่ได้โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นด้วยอารมณ์ในตอนนี้ของชายชรา ตัวเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ยังดีที่ก่อนหน้านี้เขาไปตามหาผลไม้ป่า ทำให้ค่อนข้างจะรู้ถึงลักษณะของพื้นที่บริเวณโดยรอบ ชั่วขณะหนึ่งจึงสามารถเว้นระยะห่างกับผู้าุโมู่ได้พอควร ผู้าุโมู่วิ่งไล่ตามเขาจากทางด้านหลังราวกับปีศาจที่ออกอาละวาดในยามค่ำคืน
เพียงแต่ในพื้นที่ขอบเขตหลายสิบลี้ของเทือกเขาหัววัว ประกอบกับเวลาในยามค่ำคืนเช่นนี้ ทำให้เมื่อหยางหนิงออกตัววิ่งไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็หลงทางเสียแล้ว บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงที่ทาบเกี่ยวกันจำนวนมาก เมื่อได้ยินเสียงวิ่งไล่ตามของผู้าุโมู่ค่อยๆ เข้าใกล้ตนมากขึ้น ฝีเท้าของเขาก็ไม่กล้าชะลอความเร็ว เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำการเลือกเส้นทางเดินอีกแล้ว ได้แต่ต้องวิ่งเข้าไปด้านในป่าลึกต่อ
หลังจากวิ่งไปได้อีกสักระยะหนึ่ง เท้าทั้งสองข้างของเขากลับรู้สึกเมื่อยล้าอยู่ไม่น้อย อีกทั้งบนร่างกายก็ถูกหนามแหลมของต้นไม้ทิ่มแทงไปไม่น้อย ทำให้เกิดเป็แผลเล็กๆ ขึ้นจำนวนมาก
อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากทางด้านหน้า เสียงน้ำตกกระแทกพื้นดินดังก้องไปยังพื้นที่บริเวณโดยรอบ ราวกับเสียงกระทบกันของคลื่นขนาดใหญ่ หยางหนิงที่ออกตัววิ่งไปได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกหนาววาบขึ้นในหัวใจ ตอนนี้เขาเห็นเพียงแต่ว่าด้านหน้านั้นเหมือนมีหลุมดำในทางช้างเผือก โดยความจริงแล้วเป็ภาพของน้ำตกที่กำลังพุ่งดิ่งลงไปทางด้านล่างของเหวลึก ตอนนี้ทางด้านหน้าของเขากลับไม่มีถนนให้เดินต่อไปได้อีกแล้ว
ด้านหน้าที่ห่างออกไปในระยะไม่ถึงสิบก้าวนั้นก็คือเหวลึก ซึ่งอยู่ขนานกับเหวลึกทางฝั่งตรงข้าม ตรงกลางมีหลุมลึกขนาดใหญ่ขวางกั้นเอาไว้อยู่
“ซวยแล้ว!” หยางหนิงรู้สึกแผ่นหลังเย็นะเื เทือกเขาหัววัวนั้นมีสภาพพื้นดินขึ้นๆ ลงๆ ยาวติดต่อกัน ใครจะรู้ว่าในส่วนลึกของเทือกเขาเช่นนี้กลับมีหน้าผาที่ด้านล่างเป็เหวลึกเช่นนี้ด้วย
เขาวิ่งมาหยุดอยู่ที่ข้างหน้าผาก่อนจะชะเง้อคอลงไปมองด้านล่าง ภายในความมืดมิดนั้นกลับเห็นว่าด้านล่างนั้นลึกจนมองไม่เห็นก้นเหว ทว่าดูจากน้ำตกที่ไหลลงด้านล่างของฝั่งตรงข้ามก็สามารถคาดเดาได้ว่า ด้านล่างของหน้าผานี้น่าจะเป็แม่น้ำสายหนึ่งของูเาลูกนี้
“ฮ่าๆๆ...!” ทางด้านหลังก็มีเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังขึ้น เมื่อหยางหนิงหันกลับไปมองก็เห็นเพียงว่าผู้าุโมู่ได้วิ่งตามมาทันแล้ว โดยมีระยะห่างจากเขาไม่ถึงสิบก้าว ชุดคลุมตัวยาวสีเทาที่ผู้าุโมู่สวมใส่บนตัวนั้นมีสภาพทรุดโทรมขาดวิ่นเป็รู ซึ่งแน่นอนว่ารอยขาดนั้นเกิดจากการถูกพวกหนามแหลมของพุ่มไม้ระหว่างทางกรีดขาด ผมเผ้าก็ปลิ้วสยายไปทั่ว ทำให้ตัวเขาดูคล้ายกับชายชราโรคจิตผู้หนึ่ง
หยางหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางบอกกับตัวเองว่าให้ใจเย็น เมื่อเห็นว่าผู้าุโขยับตัวเข้ามาใกล้ เขาก็เอ่ยเสียงต่ำออกมาว่า “หยุดนะ!”
ผู้าุโมู่นั้นหาได้สนใจไม่ อีกทั้งยังเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “เดิมข้าคิดจะให้เ้ามีชีวิตต่ออีกหลายวัน แต่ว่าเ้ารนหาที่ตายเอง ต่อให้ข้าคิดอยากให้เ้ามีชีวิตต่อก็คงเป็ไปไม่ได้แล้ว” เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมา “เอามันมาให้ข้า!”
“ชายแก่จอมปลิ้นปล้อน ข้ารู้ดีว่าเ้าไม่มีทางหวังดีกับข้า” หยางหนิงหัวเราะเสียงเย็นพร้อมด่าทอกลับไป “เ้าหยุดก้าวเข้ามานะ หากยังก้าวมาอีกแม้แต่ก้าวเดียว...!” อยู่ๆ หยางหนิงก็ก้าวถอยไปก้าวหนึ่งและยืนอยู่ที่ขอบหน้าผา พร้อมกับยื่นมือซ้ายที่ถือม้วนหนังสือภาพออกไปนอกหน้าผา เมื่อผู้าุโเห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะร้องเสียงหลงออกมาว่า “อย่านะ...!” และก้าวเท้าเดินไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งออกไปพร้อมกับหยุดก้าวเท้าต่อไปด้านหน้าอีก
หยางหนิงเข้าใจได้ทันทีว่าม้วนหนังสือภาพนี้จะต้องสำคัญกับผู้าุโมู่เป็อย่างมากแน่ จิตใจของเขาก็สงบลงมาได้ทันที ก่อนจะยิ้มและเอ่ยต่อ “ผู้าุโมู่ ข้ารู้ว่าการที่ท่านจะสังหารข้านั้นถือเป็เื่ที่ง่ายดายนัก ทว่าท่านเองก็เห็นแล้วว่า ข้าจะเอาม้วนหนังสือภาพนี้... ไม่สิ การที่ข้าจะโยนพลังเทพหกประสานนี้ลงไปก็ถือเป็เื่ที่ง่ายดายเช่นกัน ด้านล่างนี้ลึกจนมองไม่เห็นก้นเหว หากโยนมันลงไปจริงๆ แล้ว เกรงว่าท่านคงไม่อาจหามันพบได้อีก”
ใบหน้าของผู้าุโมู่กระตุกอย่างแรง ขณะที่แววตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง “เสี่ยวป๋ายทู่ เ้าเป็ใครกันแน่?”
“ข้าไม่ได้เคยบอกท่านหรือว่าข้าเป็เพียงแค่คนจรจัด เร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัยคนหนึ่ง ไม่มีความเกลียดความแค้นใดๆ ต่อท่าน” หยางหนิงเอ่ยออกมาอย่างเคียดแค้น “ข้าได้ช่วยชีวิตท่านไว้ แต่ท่านกลับตอนแทนบุญคุณด้วยความแค้น ท่านว่าท่านอายุก็ปูนนี้แล้ว ทำไมถึงยังทำตัวไร้สามัญสำนึกหน้าด้านไร้ยางอายเช่นนี้อีก?” พลางแกว่งม้วนหนังสือภาพในมือเบาๆ “ของอยู่ในมือของข้า หากท่านจะสังหารข้า ข้าก็จะตายไปพร้อมกับมัน!”
“ไม่จริง เ้าไม่มีทางเป็แค่คนจรจัดธรรมดาคนหนึ่งแน่” แววตาของผู้าุโมู่เกิดประกายระยิบระยับ “เ้า...เ้ารู้จักตัวหนังสือที่เขียนบนนั้น เพราะฉะนั้นเ้าจะต้องเคยเข้าเรียนสำนักสอนหนังสือแน่...เสี่ยวป๋ายทู่ เ้าตั้งใจปลอมตัวให้เป็เช่นนี้เพื่อคิดอยากจะหลอกเอาความเชื่อใจจากข้า จากนั้นก็ถือโอกาสขโมยพลังเทพหกประสานใช่หรือไม่?” แววตาของเขาเชือดเฉือนราวกับมีดแหลม และเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงโเี้ “ใครเป็คนส่งเ้ามา?”