เมื่อมีหลิวเสี่ยวหว่านคอยดูแลเื่โรงงานให้ หมี่หลันเยว่ก็ไม่ค่อยกังวลใจเท่าไหร่นัก สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดตอนนี้คือยอดขายของร้านสาขาใจกลางเมือง เดิมทีเธอตั้งใจจะทดลองเปิดร้านสิบวัน แล้วค่อยเปิดร้านอย่างเป็ทางการก่อนเปิดเทอมสองวัน แต่ด้วยบรรยากาศที่คึกคักในวันนั้น ทำให้หมี่หลันเยว่ตัดสินใจเปิดร้านอย่างเป็ทางการเลย
เมื่อเปิดร้านอย่างเป็ทางการ แรงกดดันของหมี่หลันเยว่ก็เพิ่มขึ้นโดยปริยาย ไม่มี่เวลาให้ผ่อนคลายอย่างที่คิดไว้ ดังนั้นหลังจากจัดการเื่โรงงานจนเสร็จ เห็นโรงงานเริ่มผลิตเสื้อผ้าได้ เธอก็ทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่ร้าน หวังว่าจะจัดการงานทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางก่อนเปิดเทอม
พนักงานขายแปดคนที่ร้าน หมี่หลันเยว่ตั้งใจจะเก็บไว้แค่สี่คน แต่จากการสังเกตการณ์หลายวัน เธอพบว่าทั้งแปดคนมีความสามารถจริงๆ แม้แต่สี่คนที่มียอดขายต่ำกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความสามารถ บางครั้งโชคก็เป็ส่วนหนึ่ง การที่ลูกค้าแต่ละคนซื้อสินค้ามากน้อยก็มีผลต่อยอดขายของพวกเธอโดยตรง
ดังนั้นในวันนั้นตอนปิดร้าน หมี่หลันเยว่จึงเรียกพนักงานขายมาประชุมเล็กน้อย
"ฉันจะพูดง่ายๆ ไม่เสียเวลาพวกเธอมาก พวกเธออย่าเพิ่งกังวลใจ ฉันขอบอกพวกเธออย่างมั่นใจว่าฉันชื่นชมความสามารถของพวกเธอทุกคน ฉันไม่ปฏิเสธความสามารถในการทำงานของพวกเธอแน่นอน"
"ถึงแม้ว่าร้านเราจะเล็ก ใช้พนักงานขายแปดคนไม่ได้ แต่การตัดสินใจว่าจะให้อยู่ต่อหรือไป ก็ต้องเป็เื่ของเดือนหน้า พวกเธอแค่ตั้งใจทำงานก็พอ เดี๋ยวฉันจะพิจารณาตามความเหมาะสม บอกตามตรงว่าฉันอยากเก็บพวกเธอไว้ทุกคน แต่พวกเธอก็ต้องมีผลงานที่โดดเด่นด้วยถึงจะทำได้"
"ส่วนเื่อยู่ต่อหรือไป ก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของพวกเธอในเดือนนี้ ฉันหวังว่าพวกเธอจะทำใจให้เป็กลางกับผลลัพธ์สุดท้าย ทำงานให้ดีที่สุดในแต่ละวัน ใครจะรู้ว่าใครจะได้ไปต่อ อย่าสงสัยในความสามารถของตัวเอง เพราะคนที่ได้อยู่ต่ออาจจะเป็เธอเองก็ได้ การแข่งขันไม่ใช่เื่เลวร้าย ฉันหวังว่าพวกเธอจะมีทัศนคติที่ถูกต้อง"
หมี่หลันเยว่เสียดายคนในร้านจริงๆ ไม่ว่าจะให้ใครไปหรือใครอยู่ เธอก็ลำบากใจ แต่ร้านเล็กๆ แค่นี้ก็ใช้พนักงานขายแปดคนไม่ได้ มันสิ้นเปลืองเกินไป ดังนั้นการตัดสินใจครั้งสุดท้าย ทัศนคติการทำงานอาจจะสำคัญกว่า หมี่หลันเยว่อยากดูความสามารถในการรับมือกับแรงกดดันของพวกเธอ
ถ้าสามารถรักษาความเป็ตัวเองไว้ได้ต่อหน้าการแข่งขัน ตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่บิดเบือนทัศนคติในการทำงานของตัวเองเพราะแรงกดดันจากการแข่งขัน จนเกิดการแข่งขันที่ไม่เป็ธรรม หมี่หลันเยว่ก็ยังหวังว่าพนักงานแบบนี้จะปรากฏตัวและได้อยู่ต่อ
พนักงานขายทั้งแปดคนไม่ได้พูดอะไร มองหน้ากัน แล้วพยักหน้าพร้อมกัน พวกเธอเห็นยอดขายใน่ไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้ว เทียบไม่ได้กับยอดขายใน่สามวันแรกที่เปิดร้าน ดังนั้นพวกเธอเองก็รู้ดีว่าการจะเก็บพนักงานไว้ทั้งแปดคนเป็ไปไม่ได้แน่นอน ต่อจากนี้ไปก็ขึ้นอยู่กับผลงานของตัวเองแล้ว
พวกเธอเป็เพื่อนสนิทกัน ส่วนตัวทุกคนก็คุยกันแล้ว ในเมื่อร้านนี้ไม่สามารถเก็บคนไว้ได้มากขนาดนี้ ทุกคนก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ช่วยเหลือกันและกันและอวยพรให้กัน ไม่ว่าใครจะได้อยู่ต่อ ก็จะอวยพรให้เธอโชคดี ส่วนพี่น้องที่ไม่ได้อยู่ต่อก็อย่าท้อแท้ เพราะยังอายุน้อย ยังมีทางอื่นให้เดินอีกมากมาย
แน่นอนว่าการพูดคุยกันระหว่างพนักงานขาย หมี่หลันเยว่ไม่รู้ แต่ผลงานของพวกเธอในการทำงานทำให้เธอค่อนข้างยอมรับ พนักงานสาวๆ ไม่ได้แสดงอาการปรับตัวไม่ได้เพราะเธอสร้างแรงกดดันให้ งานก็ยังคงเป็ไปตามปกติ ไม่มีความตื่นตระหนกและความไม่สบายใจแม้แต่น้อย ความสงบเช่นนี้เกินความคาดหมายของหมี่หลันเยว่
"พนักงานขายพวกนี้เก่งจริงๆ จิตใจแข็งแกร่งมาก ทักษะทางวิชาชีพก็ดี แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องเล็กน้อยบ้าง แต่ข้อดีก็กลบข้อเสียได้หมด ฝึกฝนอีกสักพักก็จะเป็ยอดฝีมือที่โดดเด่น ฉันเสียดายจริงๆ ที่จะต้องคัดคนออกไปครึ่งหนึ่ง"
หมี่หลันเยว่ลังเลและเสียดายเื่พนักงานขาย เธอปรึกษากับหนิวเถียจู้หลายรอบแล้ว ความคิดของทั้งสองคนแทบจะเหมือนกัน หนิวเถียจู้ก็รู้สึกว่าการคัดพนักงานขายพวกนี้ออกไปคนไหนก็จะเสียดายทั้งนั้น การจะหาพนักงานที่ถูกใจแบบนี้อีกครั้งคงไม่ใช่เื่ง่าย
แม้แต่รายชื่อที่หนิวเถียจู้ถืออยู่ในมือ คนที่ยังไม่ได้ติดต่อเ่าั้ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเธอจะมีมาตรฐานระดับเดียวกัน ดังนั้นทั้งสองคนจึงปรึกษากันไปมา สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดการประชุมเล็กๆ อีกครั้ง ระดมความคิดเห็น ดูว่าทุกคนมีข้อเสนอแนะดีๆ อะไรบ้าง
แต่เมื่อหมี่หลันเยว่พูดจบ หมี่หลันหยางและคนอื่นๆ ก็ไม่รู้ว่าจะให้คำแนะนำอย่างไร เพราะพวกเขาทั้งหมดไม่ได้มีส่วนร่วมในการขายโดยตรง ไม่ค่อยเข้าใจพนักงานขายพวกนี้เป็พิเศษ นับประสาอะไรกับการคัดเลือกคนออก หมี่หลันเยว่และหนิวเถียจู้ยังตัดสินใจไม่ได้ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น
"หลันเยว่ ฉันมีข้อเสนอแนะเล็กน้อย"
หลิวเสี่ยวหว่านเห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไร เธอจึงรวบรวมความคิดในใจ ยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่ามีอะไรจะพูด ความคิดนี้เธอเริ่มพิจารณาั้แ่โรงงานเปิด แต่ไม่คิดว่าจะต้องพูดออกมาเร็วขนาดนี้
"พูดมาเลย พวกเราฟังอยู่ อย่ากลัวว่าจะพูดถูกหรือผิด สุดท้ายพวกเราจะต้องตัดสินใจร่วมกัน"
เดิมทีหมี่หลันเยว่้ารับฟังความคิดเห็นของทุกคนอยู่แล้ว เมื่อเห็นพี่เสี่ยวหว่านมีความคิด เธอก็รีบให้พี่สาวพูดความคิดออกมา อย่ากังวลใจ พูดออกมาอย่างกล้าหาญ เพียงแค่เสนอแนะเบื้องต้น รายละเอียดสามารถหารือกันได้อีก
เมื่อเห็นหมี่หลันเยว่สนับสนุนให้ตัวเองพูด หลิวเสี่ยวหว่านก็รีบกระแอมไอ เพื่อนำความคิดที่ตัวเองคิดมาหลายวันมาแบ่งปันกับทุกคน
"ความคิดนี้ ฉันเริ่มคิดั้แ่โรงงานเปิดทำการวันแรก หลังจากที่ฉันรวบรวมปริมาณการส่งออกแล้ว"
"โรงงานที่มีคนสามสิบคนของเราในตอนนี้ ถ้าแค่ผลิตเสื้อผ้าขายให้ร้านใจกลางเมืองของเรา ก็จะต้องสิ้นเปลืองกำลังคนในโรงงาน ตอนนี้เพราะสินค้าในร้านแทบจะหมดคลัง ดูเหมือนว่ากำลังคนจะตึงเครียด แต่หลังจากผลิตเสื้อผ้าในคลังของร้านใจกลางเมืองได้เพียงพอแล้ว คนงานก็จะเหลืออย่างเห็นได้ชัด"
"ดังนั้นฉันคิดว่า สู้แบ่งคนงานส่วนหนึ่งออกไป ยังคงผลิตสินค้าทั่วไปที่คนเข้าถึงได้ง่ายของเราต่อไป ร้านสาขาใจกลางเมืองเพราะทำเลที่ตั้งไม่เหมาะกับการขายสินค้าทั่วไปแต่ไม่ได้หมายความว่าปักกิ่งจะไม่้าสินค้าของเรา"
หมี่หลันเยว่ตั้งใจฟังคำพูดของหลิวเสี่ยวหว่าน เข้าใจความหมายของเธอเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้ขัดจังหวะ
"ถ้าพูดถึงปริมาณการขาย จำนวนการขายของสินค้าทั่วไปก็ยังคงมากกว่าเสื้อผ้าชั้นนำมาก เราสู้หาทำเลที่เหมาะสมอีกแห่ง เปิดร้านขายเสื้อผ้าทั่วไปของห้องเสื้อหลันเยว่ ฉันว่าแบบนี้อาจจะดีกว่า"
เฉียนหย่งจิ้นและคนอื่นๆ พยักหน้าพร้อมกัน นี่เป็เื่แน่นอน ถ้าดูแค่ในพื้นที่มณฑลเฮยหลงเจียงทั้งหมด จำนวนร้านค้าเฉพาะของเสื้อผ้าหลันเยว่ที่เป็ร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป ที่เปิดในแต่ละเมือง จะสูงกว่าร้านเสื้อผ้าชั้นนำย่างเห็นได้ชัด นี่เป็แนวโน้มการขายที่ชัดเจน ผู้คนทั่วไปยังคงเป็ผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด
"ความคิดนี้ ฉันก็มีมานานแล้ว สินค้าทั่วไปในส่วนนี้ จริงๆ แล้วเหมาะกับการพัฒนาในระยะยาวมากกว่า แต่เพราะโอกาสโดยบังเอิญ ได้ซื้อร้านค้าในใจกลางเมืองมา ก็เลยทำได้แค่เปิดร้านบูติกตามทำเลที่ตั้งนั้นไปก่อน"
การเปิดร้านบูติกก่อน เป็การทำลายแผนการเบื้องต้นของหมี่หลันเยว่ แต่การทำไปทีละขั้นก็ไม่ได้เป็ไปไม่ได้เสียทีเดียว ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยืนยันที่จะซื้อร้านนั้นมา
"เหตุผลที่ฉันต้องเปิดประชุม เพราะฉันลังเล ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเราไม่มีกำลังมากพอ"
"ถ้าเปิดร้านอีกร้าน ไม่ใช่แค่เื่เงิน ยอดขายของร้านก็ดี เงินก็หมุนเวียนกลับมาไม่น้อย เรามีเงินทุนที่จะเปิดอีกร้าน แต่ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว เราไม่มีเวลาที่จะจัดเตรียมร้านอีกร้าน การเปิดร้านไม่ใช่แค่พูดก็เปิดได้"
"ต้องเลือกทำเลที่เหมาะสมก่อน แล้วค่อยเลือกดูว่ามีร้านค้าที่เหมาะสมในบริเวณนั้นไหม ต้องดูด้วยว่าเขาจะขายร้านหรือเปล่า จากนั้นก็ตกแต่ง ตกแต่งร้าน จัดสินค้าเข้าร้าน ขั้นตอนทั้งหมดนี้อย่างน้อยก็ต้องครึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือน พวกเราเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว จัดการไม่ไหวจริงๆ"
“จะให้พวกเราทิ้งการเรียนแค่เพราะ้าเก็บพนักงานขายไว้ไม่กี่คนงั้นเหรอ? ถ้าทุกคนเอาแต่คิดเื่เปิดร้านจนลืมเรียน แบบนั้นก็กลับกลายเป็เอาสิ่งรองมาแทนสิ่งหลักแล้วสิ ต่อให้จะหาเงินได้มากแค่ไหน ฉันก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้เื่นี้มากระทบกับการเรียนของเรา พวกเรามาเรียนมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่ง จุดประสงค์หลักก็คือเรียนหนังสือให้ดี ส่วนเื่เปิดร้านก็แค่เื่รอง ที่ทำไปควบคู่กันเท่านั้นเอง”
ในใจของหมี่หลันเยว่ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้รับโอกาสในการเรียนครั้งนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร ก็ต้องอยู่หลังเื่เรียน การเรียนเป็เื่ใหญ่ที่จะต้องให้ความสำคัญเป็อันดับแรก จะไม่ยอมละเลยความสำคัญของมันด้วยเหตุผลอื่น
"หลันเยว่ ฉันไม่ได้บอกให้เธอเปิดร้านตอนนี้ ฉันบอกให้เธอลองคิดดก่อน ถ้าเป็ไปได้ พวกเราก็เริ่มเตรียมการ เริ่มหาทำเล แต่สิ่งเหล่านี้สามารถดำเนินการช้าๆ หลังจากเปิดเทอมได้ แต่สิ่งแรกที่ต้องมีคือความคิด ถ้าตัดสินใจที่จะเปิดร้านสินค้าทั่วไปจริงๆ ั้แ่โรงงานไปจนถึงพนักงานขาย พวกเราก็สามารถเริ่มจัดการได้แล้ว"
คำพูดของหลิวเสี่ยวหว่านทำให้หมี่หลันเยว่ความคิดโลดแล่น
"พี่เสี่ยวหว่านลองพูดมาสิคะ ว่าจะเริ่มจัดการยังไง?"
ดูเหมือนว่าหลิวเสี่ยวหว่านใช้สมองคิดถึงเื่นี้จริงๆ ความคิดของเธอเร็วกว่าทุกคนไปก้าวหนึ่ง
"ฉันคิดแบบนี้ ถ้าทุกคนเห็นด้วยที่จะเปิดร้านเสื้อผ้าทั่วไป ฉันก็จะทำสินค้าในคลังให้ร้านเสื้อผ้าชั้นนำให้เพียงพอก่อน แล้วแบ่งคนงานส่วนหนึ่งออกไป เริ่มผลิตเสื้อผ้าทั่วไป จะหมดฤดูร้อนแล้ว นี่ก็ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ร่วง เป็่เวลาที่ดีสำหรับการวางขายเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง พวกเราสะสมสินค้าเอาไว้สักหน่อย เปิดร้านก็จะไม่คว้าอากาศเปล่า"
"ส่วนพนักงานขายเ่าั้ สู้เก็บไว้ในร้านก่อน หลันเยว่เธอบอกว่าจะคัดคนออกหลังจากหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนต่อมาก็ใกล้เดือนตุลาคมแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึงแล้ว ต่อให้ตอนนั้นร้านยังเปิดไม่ได้ ก็แค่จ่ายเงินเดือนเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเท่านั้นเอง จ่ายเงินเดือนเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเก็บคนเก่งไว้ ก็ยังคุ้มค่าเสมอ"
"ยิ่งไปกว่านั้น จากสายตาของฉัน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเรียนหนังสือ ก็ไม่น่าจะใช้เวลาสองเดือนในการจัดการร้านสาขา ฉันหมายความว่า ถึงแม้ว่าพวกเธอจะอยากจ่ายเงินเดือนเพิ่มอีกหนึ่งเดือนเพื่อเก็บคนไว้ ฉันก็คิดว่าไม่จำเป็หรอก อาจจะใช้เวลาไม่กี่วันพวกเธอก็จัดการเื่เสร็จแล้ว ฉันมั่นใจในตัวพวกเธอมากนะ"
การให้กำลังใจของหลิวเสี่ยวหว่าน และความเชื่อมั่นของเธอที่มีต่อทุกคน ทำให้ทุกคนรู้สึกฮึกเหิม ใช่แล้ว มีอะไรที่ทำไม่ได้ ก็แค่หาทำเล เปิดร้านเท่านั้นเอง หมี่หลันเยว่และเฉียนหย่งจิ้นสบตากัน สายตาเ่าั้เปล่งประกาย พวกเขายังอายุน้อย สามารถทำได้ทุกอย่าง
