อันที่จริงกงเจวี๋ยตัวน้อยมีหน้าตางดงามจนน่าทึ่งทว่าอีกฝ่ายกลับใช้ใบหน้าอันงดงามของเขาดูิ่เขา เยาะเย้ยว่าเขาไม่ใช่บุรุษ
กงเจวี๋ยมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเ็าเขาเผชิญหน้ากับความอัปยศมากกว่านี้ไม่รู้ตั้งเท่าไรเขาจึงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเื่เพียงเท่านี้
“หากไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน”
“เป็พวกไม่ได้เื่จริงๆ หรือนี่? ข้ากำลังด่าเ้าอยู่ เ้าไม่ได้ยินหรือไง?” กงเจวี๋ยทำความเคารพตามแบบมาตรฐานเมื่อกล่าวจบเขาจึงลุกขึ้นเดินจากไป ทว่ากงฉี่ที่อยู่ด้านหลังกลับะโอย่างโกรธจัด
“เสด็จพี่มีหน้าตาธรรมดาแต่เป็เพราะอิจฉาข้าจึงกล่าวคำว่าร้ายเช่นนี้ ข้าจึงไม่ควรซ้ำเติมเสด็จพี่อีก” กงเจวี๋ยหยุดชะงัก เขากล่าวตอบโดยไม่ได้หันหน้ากลับมา
ประโยคนี้กล่าวว่ากงฉี่หน้าตาน่าเกลียด กงฉี่โกรธจนหน้าเขียว เขาเป็คนหน้าตาธรรมดาทว่าไม่ว่าใครที่เจอเขาต่างกล่าวว่าเขาหน้าตาเรียบร้อย อ่อนโยนบุคลิกดีมีเพียงกงเจวี๋ยเท่านั้นที่กล้ากล่าวเช่นนี้ต่อหน้าเขา
“ฮึ หน้าตาดีมีประโยชน์ตรงไหนก็แค่ใช้หน้าตาดึงดูดความสนใจของคนอื่นเท่านั้นเอง เสด็จแม่กล่าวไว้ว่าสักวันกงอี่โม่ต้องทิ้งเ้าไปถึงตอนนั้นข้าจะรอดูว่าเ้าจะใช้อะไรมาทำตัวอวดดีแบบนี้ได้อีก”
เขากล่าวอย่างมั่นใจ คำกล่าวของเขาราวกับหนามแหลมที่ปักลึกในดวงใจของกงเจวี๋ย
เขาไม่สนใจสิ่งอื่นๆ เลยทว่าหากเป็เื่ที่เกี่ยวข้องกับกงอี่โม่แล้ว เขาไม่สามารถมองข้ามแม้แต่น้อย หลิ่วเสียนเฟยไม่มีทางพูดพล่อยไร้หลักฐานถ้าเช่นนั้นแล้วคำพูดของนางหมายความเช่นไรกันแน่?
กงเจวี๋ยหันตัวกลับไปทันที เขามองกงฉี่ด้วยสายตาดุดันเ็าเป็สายตาที่ทำให้กงฉี่ชะงักไปชั่วขณะ เขายืดคอตรง
“เ้ากล้าถลึงตาใส่ข้า? คอยดูเถอะ รอให้กงอี่โม่ไม่้าเ้าแล้ว ข้าจะเล่นงานเ้าเอง” ขณะที่กล่าวนั้น เขารีบหันกายเดินจากไป
เขาไม่ได้ไม่กล้าเล่นงานกงเจวี๋ย ทว่ามารดาของเขาสั่งห้ามเขาไว้ก่อนหน้านี้น้องสิบสี่ถือว่าตัวเองยังเล็กเขาวางก้ามสั่งกงเจวี๋ยให้เป็ม้าให้ตนเองขี่ กงเจวี๋ยไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยเขาเดินหนีไปเฉยๆ ทว่าเมื่อกงอี่โม่ได้ยินเื่นี้แล้วนางจึงสั่งให้คนตีมือน้องสิบสี่ หลังจากฮ่องเต้ทราบเื่ก็ไม่มีการกล่าวตำหนินางแต่กลับตำหนิน้องสิบสี่ว่าล่วงเกินผู้าุโกว่าน้องสิบสี่จึงถูกลงโทษให้คัดลอกกฎพระราชวังสิบจบ
นางเป็ที่โปรดปรานไม่ธรรมดาจริงๆ ทว่ากงฉี่รู้สึกยอมไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงนำคำพูดที่เสด็จแม่กล่าวอย่างไม่ตั้งใจออกมาพูดเช่นนี้ทว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกผิดที่กล่าวออกมา
เวลานี้กงเจวี๋ยกำลังใจลอย
เพราะเหตุใดหลิ่วเสียนเฟยจึงมั่นใจว่าเสด็จพี่จะไม่้าเขาล่ะ? เขาไม่สนใจเวลาคนอื่นบอกว่าเขาไร้ความสามารถเขาไม่สนใจคำพูดยั่วยุของคนอื่น เขาสนใจเพียงเสด็จพี่ อันที่จริงเวลาได้ยินชื่อของเขากับเสด็จพี่ปรากฏขึ้นด้วยกันในราชสำนักเขายังรู้สึกว่าเป็ความเมตตาต่อเขาอย่างหนึ่ง
กงเจวี๋ยคิดไม่ออกจริงๆ ใบหน้าของเขาขรึมลงเล็กน้อยเขาตัดสินใจไปสอบถามด้วยตัวเอง
หลิ่วเสียนเฟยสมกับเป็พระชายารักอย่างแท้จริง ตำหนักหานเซียงของนางเป็ตำหนักที่ปลูกต้นไม้มากที่สุดในพระราชวังแห่งนี้ตลอดปีทั้งสี่ฤดูต้องมีกลิ่นหอมของดอกไม้เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะรู้สึกราวกับอยู่ในทะเลดอกไม้ ตกอยู่ในวังวนจนไม่อยากถอนตัวออกมา
ทว่าเวลานี้กงเจวี๋ยกำลังมองนางกำนัลาุโเข้าไปกราบทูลด้วยสายตาเ็าเขาแอบคำนวณอยู่ในใจ
เหตุการณ์หลังเลิกเรียนถูกรายงานถึงหูหลิ่วเสียนเฟยตั้งนานแล้วสิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือกงเจวี๋ยจะเข้ามาหานางอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เมื่อคิดถึงการตายอย่างน่าอนาถของหลิ่วโม่ สายตาของนางพลันสะท้อนประกายอำมหิตหากนางสามารถทำให้เขาและเด็กตัวร้ายอย่างกงอี่โม่ผิดใจกันก็ถือว่านางได้ระบายความโกรธแค้นไปบางส่วน เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางปัดผมทรงเมฆาพร้อมนั่งลงอยู่หลังฉากจากนั้นจึงกล่าวเสียงเย็น
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ให้เขาเข้ามาเถอะ”
นางกำนัลรับคำ จากนั้นรีบเดินออกไป เวลานี้กงเจวี๋ยจึงเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย
ที่นี่เป็เพียงห้องโถงด้านนอก แต่กลับตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตากงเจวี๋ยพลันคิดถึงเสด็จแม่ของตนอย่างอดไม่ได้ทุกครั้งที่เสด็จพ่อพระราชทานของรางวัล นางจะเก็บสิ่งนั้นไว้ด้านในแต่ไม่ได้เหมือนหลิ่วเสียนเฟยที่ตั้งวางไว้ตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้รู้สึกไม่ค่อยยินยอมนักทว่ากงเจวี๋ยยังคงทำความเคารพหลิ่วเสียนเฟย เขาเห็นภาพหลังฉากรางๆเป็สตรีในชุดพระชายาพร้อมทรงผมเมฆายกสูงมีหยกล้อมรอบแม้ว่าจะมีฉากกั้นกลางระหว่างกัน แต่สายตาของนางที่มองมายังคงเต็มไปด้วยความเ็า
“ไม่ทราบว่าองค์ชายเก้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือ?”
“วันนี้หลังจากเรียนหนังสือเสร็จแล้วพี่หกกล่าวกับกระหม่อมด้วยประโยคบางอย่าง กระหม่อมรู้สึกไม่เข้าใจจึงต้องขอทูลถาม” กงเจวี๋ยไม่ได้พูดจาอ้อมค้อม เขากล่าวเข้าประเด็นทันที
เป็ไปตามคาด เขาร้อนใจมากจริงๆอีกทั้งยังกังวลเื่ราวเกี่ยวกับเด็กหญิงคนนั้นมาก ยิ่งสนใจก็ยิ่งดีนางอยากเห็นฉากมิตรภาพกลายเป็ความแค้นที่สุดแล้ว
“อ้อ?” น้ำเสียงอ่อนหวานมีเสน่ห์ดังขึ้นนางลากหางเสียงอย่างยาวนาน อีกทั้งยังกล่าวอย่างเจตนาร้าย
“ไม่ทราบว่าองค์ชายหมายถึงประโยคไหนหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กงเจวี๋ยจึงเม้มริมฝีปากแน่นผ่านไปชั่วครู่เขาจึงเอ่ยขึ้น “ทุกคนต่างทราบกันดีข้ากับเสด็จพี่ใกล้ชิดสนิทสนมกันไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดพี่หกจึงกล่าวอย่างมั่นใจว่า ในภายภาคหน้าเสด็จพี่จะทอดทิ้งข้าข้าจึงมาสอบถามเื่นี้”
“ฮึ” รักใคร่สนิทสนมกันดีนักนะ สตรีด้านหลังฉากพลันเปลี่ยนท่านั่งผ่านไปชั่วครู่นางจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างฉับพลัน
“ไม่ทราบว่าองค์ชายยังจำมารดาของเ้าได้หรือเปล่า?”
“จำได้แน่นอน”
เขาหรี่ตามองฉากกั้นเวลานี้เขารู้สึกว่าการเอ่ยถึงเสด็จแม่ของเขาต้องไม่ใช่เื่ดีอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้น” หลิ่วเสียนเฟยทิ้งสายตา นางคลี่ยิ้มยั่วยวนอย่างเ้าเล่ห์มากยิ่งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นเ้าทราบไหมว่ามารดาของเ้าเสียชีวิตด้วยเหตุอันใด?”
กงเจวี๋ยไม่ได้กล่าวอะไรเขาทราบเป็อย่างดีว่าหลักฐานทั้งหมดในตอนนั้นต่างชี้ตัวไปที่สตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้
“เ้าต้องเข้าใจว่าข้าเป็คนลงมือใช่ไหมล่ะ?” ขณะที่เขากำลังนิ่งเงียบนั้น อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“กระหม่อมไม่ได้คิดเช่นนี้” สีหน้าของกงเจวี๋ยพลันเปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ไม่ได้คิด? เสียงหัวเราะมีเสน่ห์ยั่วยวนดังขึ้นจากหลังฉาก
“อย่างนั้นหรือ? แต่ข้าจะบอกเ้าข้าเป็คนลงมือวางยาสังหารมารดาของเ้าด้วยตัวเองจริงๆ ”
หลิ่วเสียนเฟยพลันทิ้งประโยคอันน่าตกตะลึงราวกับฟ้าถล่มครั้งนี้ทำให้กงเจวี๋ยออกอาการผิดปกติ สีหน้าของเขาดูแย่มากจนถึงที่สุดเนื่องจากหลิ่วเสียนเฟยไม่มีทางโกหกเขาแต่เป็เพราะนางมั่นใจว่าตอนนี้เขาไม่สามารถแก้แค้นนางได้อย่างนั้นหรือ?
เวลานี้หลิ่วเสียนเฟยโบกมือเบาๆ นางกำนัลจึงผลักฉากกั้นหลังนั้นออกกงเจวี๋ยเห็นสตรีในชุดเต็มยศเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้หนานมู่ขอบทองนางกำลังคลี่ยิ้มอย่างลำพองใจ
ใบหน้าของนางไม่แสดงอาการรู้สึกผิดแม้แต่น้อยนางกล่าวประโยคนี้อย่างง่ายดาย กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ นางช่างหรูหราสูงส่งเมื่อเปรียบเทียบกับเสด็จแม่ผู้แสนเรียบง่ายในความทรงจำของเขาแล้วจึงดูแตกต่างราวฟ้ากับดิน กงเจวี๋ยเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้
“เพราะเหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้?”
เขาพยายามควบคุมความโกรธของตนเองเขาเกรงว่าการกระทำของเขาอาจสร้างความลำบากให้กงอี่โม่ทว่าความแค้นจากการสังหารมารดาย่อมไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันหากมารดาของเขายังไม่ตาย เขาคงไม่มีทางตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เช่นนี้
หลิ่วเสียนเฟยเห็นว่าแม้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้กงเจวี๋ยยังคงสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างดี สายตาของนางจึงสะท้อนประกายระแวดระวังทว่ามุมปากของนางกลับยกยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“ใช่ ข้าสังหารมารดาของเ้า ทว่าข้าถูกใครบางคนสั่งการลงมาอีกที”เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ นางพลันคลี่ยิ้มมากยิ่งขึ้น นางมองกงเจวี๋ยด้วยสายตาเ้าเล่ห์
“เ้าคิดว่า บนโลกนี้ ใครกันที่สามารถสั่งให้ข้าลงมือเช่นนี้?”
กงเจวี๋ยสะท้านไปทั้งร่างเขามองหลิ่วเสียนเฟยด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ จะเป็ใครได้อีก? มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้น มีเพียงฮ่องเต้พระองค์เดียว
“ไม่มีทาง เพราะอะไร?!”
กงเจวี๋ยไม่อยากเชื่อจริงๆ เขาไม่เข้าใจ ตลอดชีวิตของเสด็จแม่นางทำทุกอย่างเพื่อเสด็จพ่อเพียงคนเดียว เสด็จพ่อแย้มสรวลนางรู้สึกมีความสุขมากยิ่งกว่า เสด็จพ่อกริ้วโกรธ นางรู้สึกกังวลยิ่งกว่าสตรีนางหนึ่งทุ่มเททุกอย่างเพื่อเสด็จพ่อถึงเพียงนี้แล้วเพราะเหตุใดเสด็จพ่อจึงสั่งสังหารนาง?!
“เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะมารดาของเสด็จพี่คนดีของเ้านางนั้นน่ะสิ เสวี่ยเฟยไงล่ะ” หลิ่วเสียนเฟยหรี่ตาลงเล็กน้อย น้ำเสียงของนางพลันเย็นเฉียบราวกับว่าบุคคลที่ชื่อเสวี่ยเฟยคือคนที่นางรังเกียจจนไม่อยากกล่าวถึงนางมองกงเจวี๋ยด้วยสายตาเ็าแม้กระทั่งรอยยิ้มที่มักปรากฏอยู่บนใบหน้าของนางเสมอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย