“เดิมทีเสด็จพ่อยังคิดว่าข้าไม่รู้อะไรสักอย่างเมื่อทดสอบข้าแล้วจึงรู้สึกประหลาดใจมาก ทั้งยังพระราชทานรางวัลให้ข้ามากมายอีกประเดี๋ยวข้าจะให้คนนำมาให้ท่านนะ”
“ถือว่าเ้ายังมีน้ำใจทว่าในเมื่อเสด็จพ่อมอบให้เ้า ข้าก็ไม่้าของเหล่านี้แล้วเ้ายังจำคำพูดของข้าได้หรือเปล่า?” กงอี่โม่คลี่ยิ้มอย่างพอใจ
นางหวังว่าก่อนปีกของกงเจวี๋ยจะแข็งแกร่งทรงพลังเขาต้องสร้างภาพให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ แต่มีเพียงร่างกายแข็งแกร่งเท่านั้นกงเจวี๋ยพยักหน้า “ข้าจำได้อย่างดี ส่วนใหญ่ข้าทำตัวไม่โดดเด่นแต่ก็ไม่แย่จนเกินไป”
มีเพียงความสามารถธรรมดาจึงจะเป็เื่ปกติที่สุด ผู้ที่โดดเด่นหรือย่ำแย่เกินไปมักจะถูกจับตามองตอนนี้เขายังไม่สามารถปกป้องตัวเอง จึงทำได้เพียงเท่านี้
กงเจวี๋ยสีหน้าขรึมลงเวลานี้ปลายนิ้วของกงอี่โม่พลันลากผ่านหน้าอกที่มีกล้ามเนื้อขึ้นเป็ลูกเล็กๆเขาสั่นสะท้าน ความคิดต่างๆ ถูกโยนทิ้งไปหมดแล้ว ใบหน้าของเขาพลันแดงขึ้นกะทันหันราวกับสามารถทอดไข่ได้เลยทีเดียว
“เอ่อเดี๋ยวข้าจัดการด้านหน้าเองก็ได้”
ขณะที่กล่าวนั้นเขาจึงทำท่าหยิบขวดยา แต่ใครจะรู้ว่ากงอี่โม่กลับชูมือสูงขึ้นใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์
“ที่แท้คุณชายของข้าช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้เองแต่เป็แบบนี้ไม่ได้นะ หากไร้เดียงสาเกินไปเวลาเริ่มมีความรักมักจะถูกสตรีนางอื่นล่อลวงไป ข้าต้องฝึกเ้าตรงส่วนนี้ก่อน”
ขณะที่กล่าวนั้นนางไม่ได้สนใจร่างกายเกร็งค้างของกงเจวี๋ยแต่นางยังคงทายาบนร่างของเขาต่อไป
ไม่รู้ว่านางตั้งใจหรือเป็ความบังเอิญ ปลายนิ้วของนางลากถึงส่วนท้องของเขาเขาหายใจติดขัด รู้สึกว่าอากาศกลายเป็ความร้อนรุ่ม ทว่าเขากลับไม่กล้าต่อต้านนางเสด็จพี่มักเป็เช่นนี้เสมอ มีความคิดไม่เหมือนคนอื่นนางไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านี้เลย ส่วนเขาแค่คิดก็มักจะกลัวนางเสียแล้ว
เขาเงยศีรษะพยายามควบคุมตนเองอย่างเงียบๆ ริมฝีปากบางเม้มสนิททว่าดวงตาสีน้ำหมึกคู่นั้นกลับเหมือนกำลังกล่าวอะไรบางอย่างกงอี่โม่รู้สึกว่านางไม่สามารถมองเขานานไปกว่านี้ มิฉะนั้นนางเกรงว่านางอาจกลายร่างเป็หมาป่า มันก็คงไม่ดีนัก ถึงนางจะคิดเช่นนี้อยู่ในใจ ทว่ามือของนางยังคงซุกซนอย่างอดไม่ได้ นางลูบตรงนี้ที คลำตรงนั้นที ท่าทางพออกพอใจ
“สมกับเป็เด็กน้อยที่ข้าเลี้ยงมาจนโตจริงๆ กล้ามเนื้อช่างสวยงามนักต่อไปหากมีสตรีนางอื่นเข้าใกล้เ้า เ้าจะต้องระวังถูกคนอื่นลวนลามล่ะ”
กงเจวี๋ยคว้ามือซุกซนของนางไว้อย่างกะทันหัน เขาพยายามควบคุมสายตาร้อนรุ่มของตนทว่าการกระทำของเขาทำให้กงอี่โม่ต้องกลืนคำพูดทั้งหมดคืนกลับไป
กงอี่โม่ถูกมองจนหัวใจสั่นสะท้าน นางมองเขาด้วยสายตาไม่เข้าใจเวลานี้ระหว่างพวกเขานั้น มีคนหนึ่งกำลังโน้มตัวลง ร่างทั้งสองใกล้ชิดกันอากาศรอบๆ พลันร้อนระอุราวกับมีเปลวเพลิง
“ไม่มีคนอื่น”
“หืม?”
กงเจวี๋ยมองนางนิ่งมือที่กุมมือของนางไว้ค่อยๆ วางลงบนหน้าอกของตน เขาเอ่ยปากอย่างช้าๆ
“ไม่มีคนอื่นมีเพียงเสด็จพี่เท่านั้นที่สามารถเข้าใกล้ข้า ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว”
ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาทำให้กงอี่โม่ตกตะลึงในทันทีนางดึงมือของตนกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าพลันแดงก่ำ นางควบคุมสีหน้าไม่ได้จริงๆสายตาของนางเบือนมองไปทางอื่น ทว่านางยังคงััถึงสายตาเร่าร้อนที่มองมายังตนมันชัดเจนและจริงจัง
เวลานี้นางไม่สามารถมองอีกฝ่ายเป็เด็กน้อยคนหนึ่งแล้ว ที่แท้เขาเติบโตขึ้นโดยที่นางไม่รู้ตัวสายตามุ่งมั่นจริงจังน่าเชื่อถือราวกับผู้ใหญ่
กงเจวี๋ยเป็ผู้ใหญ่แล้ว?
เมื่อคิดถึงจุดนี้กงอี่โม่จึงรีบปัดความคิดเช่นนี้ทิ้งไป นางกล่าวอย่างคลุมเครือ
“พูดจาเลอะเทอะอะไรต่อไปเ้าต้องแต่งงาน หากไม่ััภรรยาเ้าคิดจะไม่มีผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลหรืออย่างไร”
เมื่อกล่าวออกไปแล้วนางจึงรู้สึกว่านางคิดไปไกลเกินไป ตอนนี้กงเจวี๋ยเพิ่งเก้าขวบเท่านั้นเขายังไม่เข้าใจเื่ผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลที่นางกล่าวถึงหรอก
ทว่านางลืมไปแล้วว่าในสมัยโบราณอายุเก้าขวบถือว่าไม่เด็กแล้ว
เด็กในสมัยโบราณเป็ผู้ใหญ่เร็วมากอายุสิบสี่ปีสามารถแต่งงานมีภรรยา อายุยี่สิบปีมีบุตรก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไรกงอี่โม่ใช้มาตรฐานของคนปัจจุบันในการประเมินอยู่เสมอ ดังนั้นนางจึงมองว่าเขาเป็เด็กมาตลอด
เมื่อเห็นเสด็จพี่หลบตาอย่างชัดเจนกงเจวี๋ยจึงรู้สึกว่าคำพูดเมื่อสักครู่ทำให้นางใ เขาหลับตาลงเมื่อลืมตาอีกครั้งเขาจึงกลับมามีสภาพเหมือนแต่ก่อน เป็ท่าทางเ็าแกมเขินอายทว่าไม่มีใครรู้ว่าความคิดที่แท้จริงของเขาเป็เช่นไร
“ไม่มีผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลก็ไม่เป็ไร เสด็จพี่เป็ผู้ที่ดีกับข้าที่สุด ขอแค่มีเสด็จพี่ก็พอแล้ว” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ช่างเป็เด็กฉลาดรู้จักคิดจริงๆ กงอี่โม่ลืมความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่จนหมดสิ้นนางแอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ชาตินี้นางจะต้องหาหญิงสาวดีๆ ให้กับกงเจวี๋ยส่วนซูเมี่ยวหลันคนนั้น ขอเชิญอยู่ห่างๆ เสียเถิด
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วอาการาเ็ของกงเจวี๋ยหายดีแล้ว
ในที่สุดเขาก็ได้เจอพี่น้องของเขาครบทุกคนเมื่อนับจนครบทุกคนแล้ว เขามีพี่น้องทั้งหมดสามสิบเก้าคนอายุมากที่สุดอยู่ที่ยี่สิบสองปี ตอนนี้มีจวนเป็ของตัวเอง ส่วนอายุน้อยที่สุดยังเป็ทารกน้อยอยู่
เนื่องจากกงอี่โม่เป็ที่โปรดปรานของชั้นเลิศที่ฮ่องเต้พระราชทานจึงถูกส่งเข้าตำหนักไท่จี๋อย่างต่อเนื่องราวกับสายน้ำทว่ากลับถูกกงอี่โม่ย้ายไปไว้ที่ตำหนักไท่เหออย่างโจ่งแจ้ง การกระทำเช่นนี้ในเมื่อฮ่องเต้ยังทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้คนอื่นๆ จึงไม่กล้ากล่าวอะไร
ดังนั้นกงเจวี๋ยจึงถูกใครๆ ดูถูกแกมริษยา ทว่ากลับไม่มีใครระแวงในตัวเขา
กงเจวี๋ยในฐานะที่เป็หนึ่งในต้นเื่ย่อมััถึงความอิจฉาริษยาจากพี่น้องคนอื่นๆเนื่องจากฮ่องเต้มีบุตรจำนวนมากมาย ทว่าบุตรที่เป็ที่โปรดปรานกลับมีอยู่ไม่กี่คนเด็กๆ เหล่านี้ต่างอยู่ในวัยที่โหยหาความรักจากบิดาพวกเขาไม่กล้าทำอะไรกงอี่โม่โดยตรงแม้ว่านางจะแอบี้เีไม่ยอมไปเรียนหนังสืออย่างเปิดเผยก็ตามแต่ทุกคนต่างกล้าแสดงออกกับกงเจวี๋ยอย่างไม่เกรงใจ
กงเจวี๋ยเติบโตอยู่ในตำหนักเย็นความคิดความอ่านของเขาจึงเติบโตเต็มที่แล้ว เขาไม่สนใจสายตาเหล่านี้แม้แต่น้อยเสด็จพี่ออกคำสั่งสูงสุด ก่อนที่เขาจะเติบโตอย่างแท้จริง นางจะเป็ผู้ปกป้องเขาเอง
กงเจวี๋ยรู้สึกอ่อนใจบางครั้งเขาก็รู้สึกอึดอัด ทว่าความรู้สึกที่มากยิ่งกว่าก็คือความอบอุ่นในสายตาของเขานั้น เสด็จพี่คือหนึ่งเดียวของเขา แล้วเสด็จพี่จะไม่คิดเหมือนกันได้อย่างไร?
วันนี้หลังจากกงเจวี๋ยเลิกเรียนแล้วเขาถูกเด็กชายที่อายุมากกว่าเขาหนึ่งปีขวางไว้ เมื่อเห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็ใครแล้วใบหน้าของกงเจวี๋ยพลันเคร่งเครียด เขาแอบระวังตัวอยู่เงียบๆ
ผู้ที่มาคือกงฉี่บุตรชายของหลิ่วเสียนเฟย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกงเจวี๋ยพลันคิดถึงมารดาของตนขณะที่เสียชีวิตอย่างอดไม่ได้ตอนนั้นมารดาของเขาถูกวางยาพิษร้ายแรง เพียงไม่กี่วันร่างของนางจึงซีดเซียวทว่าเมื่อสืบข้อมูลแล้ว หลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่หลิ่วเสียนเฟยทว่าหลังจากมารดาของเขาได้เจอหน้าหลิ่วเสียนเฟยแล้วจิตใจของนางกลับเหลือแต่ความสิ้นหวัง นางจากไปในคืนนั้นเอง
“น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสเห็นเ้าเติบโตเป็ผู้ใหญ่” ก่อนสิ้นใจมารดาของเขาจับมือของเขาไว้ นางรำพึงรำพันพร้อมน้ำตา
ตอนนั้นกงเจวี๋ยยังเล็กนักเขาไม่เข้าใจว่าสายตาเศร้าสร้อยของมารดามีเื้ัเป็เช่นไรมีคำพูดมากมายขนาดไหน เขาจำได้เพียง ในตอนท้ายมารดาของเขาจับมือเขาไว้อีกทั้งยังกล่าวซ้ำๆ หลายครั้ง
“การตายของแม่ เป็สิ่งสมควรแล้ว ไม่ต้องแก้แค้นไม่ต้องแก้แค้น”
ขณะที่นางกล่าวประโยคเ่าั้นางไม่้าให้เขาแก้แค้นจริงๆ จนกระทั่งบัดนี้ กงเจวี๋ยยังคงไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดนางจึงกล่าวเช่นนั้น
กงฉี่มองกงเจวี๋ยอย่างดูถูกดูแคลนก็แค่เด็กที่ไม่มีมารดาคนหนึ่ง อีกฝ่ายต้องอาศัยเด็กผู้หญิงเพื่อเอาตัวรอดอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขาจำเป็ต้องยอมรับมัน นั่นก็คือเขารู้สึกอิจฉาริษยามากมายนัก
การปรากฏตัวของกงอี่โม่เป็การดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้ไปทั้งหมดแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยเป็ที่โปรดปรานอยู่ไม่น้อย ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จพ่อมากว่าครึ่งเดือนแล้ว
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกริษยาที่กงอี่โม่เป็ที่โปรดปราน ยิ่งไปกว่านั้นเขาริษยาที่กงอี่โม่ทุ่มเททั้งกายและใจเพื่อกงเจวี๋ยคนเดียวกงเจวี๋ยมีอะไรดี?!
“ท่านมีธุระหรือ?”กงเจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรข้าก็แค่อยากมาดูเท่านั้น ข้าอยากดูว่าองค์ชายที่ต้องอาศัยสตรีนางหนึ่งเพื่อเอาตัวรอดมีหน้าตาเป็อย่างไรตอนนี้พอได้เห็นแล้ว ข้าก็รู้สึกว่าเ้าช่างงามยิ่งกว่านางกำนัลรอบๆตัวข้าเสียอีก”