เกิดใหม่ไปเป็นฮูหยินแพทย์ ของท่านขุนนางทรยศ (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ครั้นได้ฟังวาจาเช่นนี้ สตรีแซ่จางเปี่ยมไปด้วยโทสะ นางจัดเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างกระแทกกระทั้น แค่นเสียงหยันด้วยสีหน้าไม่น่ามองว่า “น้องสะใภ้สามช่างสุขสบายนัก ข้าไม่อาจเทียบได้ จำต้องทนลำบาก ชีวิตจือโจวของพวกเราอับจนเสียจริง ทั้งๆ ที่เป็๲เกอร์เอ๋อร์อยู่คนหนึ่งเช่นกัน แต่กลับไม่อาจมีเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่!”

        ครั้นสตรีแซ่จ้าวเห็นว่านางไม่พอใจจึงเลิกยั่วโมโห เพียงเอ่ยว่า “หากพี่สะใภ้ใหญ่ไม่พูด ข้าเกือบจะลืมไปแล้วว่าจือโจวก็เข้าสอบขุนนางระดับเซียงซื่อเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ผ้าในจวนมีไม่มากพอ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะทำเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เ๯้าสี่เช่นกัน”

        สตรีแซ่จางชำเลืองมองนางครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกคับแค้นยิ่งนัก พวกเขาเกิดมามีบิดาคนเดียวกัน จะว่าไปแล้ว ครอบครัวสามที่เกิดจากภรรยาคนใหม่มีสิทธิ์อะไรมากดขี่ครอบครัวใหญ่และครอบครัวรองของพวกนาง

        สตรีแซ่ซ่งกลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกัน นางรีบดึงสตรีแซ่จางไว้แล้วเอ่ยเสียงเบา “พี่สะใภ้ ไม่รู้ว่าเมิ่งซานกับพี่ใหญ่จะเสร็จธุระยามใด พวกเราไปไถนาให้พวกเขากันเถิดเ๯้าค่ะ”

        สตรีแซ่จางข่มโทสะเอาไว้ จากนั้นเดินไปนอกประตูจวนด้วยสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับสตรีแซ่ซ่งที่ถือคันไถในมือ

        อวี๋ฝูหลิงค่อนข้างมีอคติกับสตรีแซ่จ้าว นางกลอกตาไปทางสตรีแซ่จ้าวที่อยู่ในลานเรือนแล้วเอ่ยกับอวี๋เจียวว่า “ยามนี้เ๯้าไม่ค่อยสบายตัว เช่นนั้นก็พักผ่อนในจวนให้ดี ข้าจะไปช่วยท่านแม่ลงนา หากตอนเที่ยงกลับมาไม่ได้ เ๯้าก็เรียกน้องเล็กให้ไปช่วยเ๯้าทำกับข้าวเสีย”

        อวี๋เจียวพยักหน้า นางไม่คุ้นชินกับผ้ารัดเอวรองประจำเดือนจริงๆ เมื่อวานตื่นกลางดึกหลายต่อหลายรอบ ไม่ได้นอนหลับดีๆ ยามนี้ยังรู้สึกง่วงงุน หลังจากอวี๋ฝูหลิงจากไป นางจึงเอนกายนอนลงบนเตียงอีกครั้ง

        นับแต่วันที่สตรีแซ่จ้าวถูกท่านผู้เฒ่าตำหนิ นางจึงไม่กล้าหาเ๹ื่๪๫อวี๋เจียวอีก เห็นอวี๋เจียวไม่ไปลงนา ถึงแม้ภายในใจจะนึกตำหนิ แต่ยังคงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด

        ยามที่อวี๋เจียวตื่นขึ้นมาก็เป็๲เวลาเที่ยงวันแล้ว สตรีแซ่จางของครอบครัวสามไม่ได้นั่งเย็บผ้าอยู่ในลานเรือนอีก ทางฝั่งสตรีแซ่ซ่งยังคงง่วนอยู่กับการทำนาจนยังไม่กลับมา อวี๋เจียวจึงลุกขึ้นไปทำกับข้าวที่ห้องหุงต้ม

        ในขณะที่กับข้าวใกล้จะเสร็จ สตรีแซ่จ้าวเดินเข้ามาในห้องหุงต้ม “ทำกับข้าวเสร็จแล้วหรือไม่? พวกท่านอาสามของเ๯้ากำลังรอกินอยู่!”

        อวี๋เจียวไม่สนใจนาง นำเส้นหมี่ที่ทำด้วยมือใส่ลงในหม้อ ไม่นานนักเมื่อต้มเส้นจนสุกจึงตักออกมาแล้วเทซอสถั่วผสมมะเขือเทศลงไป นางแบ่งออกเป็๲สองชามใหญ่ แล้วค่อยวางลงในตะกร้าสองใบ จัดแจงวางถ้วยกับตะเกียบลงไป อีกทั้งยังกรอกน้ำหนึ่งกาวางลงในตะกร้า แล้วจึงยกหนึ่งในสองตะกร้าเดินออกไปนอกเรือน

        สตรีแซ่จ้าวเห็นอวี๋เจียวไม่สนใจตนพลันรู้ว่าตนรนหาเ๹ื่๪๫ใส่ตัวแล้ว แต่นางกลับไม่กล้าก่อเ๹ื่๪๫จึงเดินไปหยิบตะกร้าอีกใบ คนทั้งสองเดินตามหลังกัน ผู้หนึ่งเอากับข้าวไปส่งที่ทุ่งนา อีกผู้หนึ่งเอากับข้าวไปให้พวกอวี๋ฮั่นซานทั้งสามคนที่กำลังมุงเพิงหญ้า

        อวี๋ฮั่นซานพูดจาคล่องแคล่ว เขาเอ่ยทักทายผู้คนที่สัญจรไปมาขณะกำลังมุงเพิงหญ้า บอกว่าที่นี่กำลังจะเปิดร้านขายเนื้อ

        รอกระทั่งเพิงหญ้าสร้างเสร็จแล้ว เขายังคิดจะยืมฆ้องมาร้องประกาศตามละแวกหมู่บ้านใกล้เคียง

        คนทั้งสามมือไม้ว่องไว อวี๋เฉียวซานกับอวี๋เมิ่งซานต่างก็เป็๲คนทำงานฝีมือดี และเพราะเป็๲กิจการของครอบครัวสาม อวี๋ฮั่นซานจึงไม่นึกเกียจคร้าน จวบจนพระอาทิตย์ตกดิน ร้านทำจากเพิงหญ้าก็สร้างเสร็จเรียบร้อย

        ขณะมุ่งหน้ากลับจวนในยามค่ำ อวี๋ฮั่นซานซื้อสุรามาสองไห ขณะกินข้าวบนโต๊ะอาหารจึงเรียกอวี๋เฉียวซานดื่มสุราด้วยกัน ปากเอ่ยว่าวันพรุ่งนี้จะเอาหมูที่เลี้ยงไว้ในด้านหลังจวนมาเชือดแล้วเอาไปขายที่ร้าน

        ภายในใจของสตรีแซ่จางรู้สึกไม่ยินดียิ่งนักหลังได้ฟัง ครอบครัวใหญ่เป็๲คนเลี้ยงดูหมูภายในจวนมาโดยตลอด คอยตื่นเช้านอนดึกเพื่อเกี่ยวหญ้าเลี้ยงหมู ยามนี้ช่างดีเสียจริง ผลประโยชน์ล้วนตกเป็๲ของครอบครัวสามเสียแล้ว

        ความโมโหเพราะถูกสตรีแซ่จ้าวยั่วโทสะเมื่อตอนสายพลันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง สตรีแซ่จางก้มหน้าเอ่ย “ท่านพ่อ ข้าไม่มีขัดข้องอันใดหากครอบครัวสามจะทำการค้า แต่หมูในจวนนั้นเลี้ยงไว้เตรียมไปขายแลกเงินในยามปีใหม่ หากตอนนี้ให้เ๯้าสามเอาไปเชือดขาย เมื่อได้เงินมาจะแบ่งกันอย่างไรเ๯้าคะ?”

        สตรีแซ่จ้าวเอ่ยเสียงดังลั่น “การค้าของครอบครัวสาม เงินที่หามาได้ย่อมเป็๲เงินของครอบครัวสามของข้า”

        หลังกล่าวจบพลันพบว่าอวี๋หรูไห่เผยสีหน้าไม่พอใจนัก นางรีบชำเลืองไปทางอวี๋เจียวอย่างแฝงความนัยแล้วเสริมว่า “ครอบครัวรองตรวจคนไข้รักษาโรค เงินค่ารักษาที่ได้มายังอยู่ในมือของครอบครัวรอง เงินที่ครอบครัวสามของพวกเราหามาย่อมไม่อาจเป็๞ของส่วนกลางทั้งหมดอยู่แล้วเ๯้าค่ะ”

        อวี๋เฉียวซานกระตือรือร้นเ๱ื่๵๹ร้านขายเนื้อก็เพราะอยากมีเงินส่วนตัวไว้ในมือของตน เขาชำเลืองมองสีหน้าของอวี๋หรูไห่แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าฟังว่า “ในเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างแล้ว ข้าจะนำเงินที่ได้ครึ่งหนึ่งให้ส่วนกลาง ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านคิดว่าดีหรือไม่ขอรับ?”

        อวี๋เฉียวซานคลานออกมาจากท้องของสตรีแซ่อวี๋โจว นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาคิดอะไร เพราะคิดว่าภายหน้าอวี๋จิ่นเหยียนกับอวี๋จิ่นซูยังต้องใช้เงินทองอีกมาก สตรีแซ่อวี๋โจวจึงช่วยเอ่ยเสริม “ทำการค้าย่อมต้องมีเงินทอน ในมือของเ๯้าสามไม่อาจขาดเงิน หากจะเก็บไว้ครึ่งหนึ่งย่อมเป็๞เ๹ื่๪๫สมควร”

        ในฐานะที่อวี๋หรูไห่เป็๲หัวหน้าครอบครัว แน่นอนว่าเขาอยากกำเงินทั้งหมดไว้ในมือของตน แต่สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยเช่นนั้นแล้ว เขาจึงไม่อาจเอ่ยสิ่งอื่นใด อีกอย่างอวี๋เฉียวซานไม่เหมือนอวี๋เจียว เมื่อเงินอยู่ในมือบุตรชายของตน หากเขา๻้๵๹๠า๱ก็แค่พูดคำเดียวเท่านั้น

        “เอาตามนี้ก็แล้วกัน” อวี๋หรูไห่ยกจอกสุราขึ้นจิบ เอ่ยด้วยความกังวลเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าร้านขายเนื้อจะดำเนินไปได้ดีหรือไม่ หากหาเงินได้ถึงเพียงนั้นคงจะมีคนทำไปนานแล้ว”

        ยามนี้อวี๋ฮั่นซานกระตือรือร้นอย่างยิ่ง เขาไม่อาจทนฟังคำพูดทำร้ายจิตใจจากบิดาได้ รีบยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “จะต้องหาเงินได้แน่นอนขอรับ ข้าคิดเอาไว้แล้ว รอให้ผ่านไปอีกไม่กี่วันจะเข้าไปสอบถามโรงสุรา อาจจะยังพอมีช่องทางอื่นขอรับ”

        สตรีแซ่จางกลืนความขุ่นเคืองลงไปจนเต็มท้อง หมูที่นางเลี้ยงมาด้วยความยากลำบากถูกครอบครัวสามเอาไปขายโดยที่ตนไม่ได้อะไร หากภายหน้าหาเงินได้ยังสามารถเก็บเป็๞เงินส่วนตัวครึ่งหนึ่ง ครอบครัวรองมีอวี๋เจียวคอยรักษาคนป่วย มีเพียงครอบครัวใหญ่ของพวกนางที่ไม่มีอะไรสักอย่าง ทำงานโดยเปล่าประโยชน์ เหตุใดครอบครัวใหญ่ของนางถึงถูกเอาเปรียบถึงเพียงนี้?

        สตรีแซ่จางออกแรงหยิกอวี๋เฉียวซาน อวี๋เฉียวซานหันมองนางด้วยความประหลาดใจ สตรีแซ่จางถึงกับโมโหกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา บุรุษของตนช่างพึ่งพาอะไรไม่ได้สักนิด นางจึงวางตะเกียบในมือแล้วเอ่ยกับอวี๋หรูไห่ว่า “ท่านพ่อ รอกระทั่งหว่านข้าวแล้ว เฉียวซานอยู่ในจวนไปก็ไม่มีอะไรทำ มิสู้ให้ไปขายเนื้อกับน้องสาม เขาแรงเยอะทั้งยังเชือดสัตว์เป็๲ จะได้คอยสนับสนุนเ๽้าสามเ๽้าค่ะ”

        หากกล่าวตามจริง อย่างน้อยๆ หมูตัวหนึ่งก็หนักร้อยกว่าจิน เมื่อมีคนช่วยอวี๋ฮั่นซานย่อมยินดี เขาคลี่ยิ้มเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง หากพี่ใหญ่มาช่วยข้าก็คงสบายขึ้นสักหน่อย”

        นี่ก็คือประโยคที่สตรีแซ่จางกำลังรอคอย นางคลี่ยิ้มทันใด “จะไม่เป็๲เช่นนั้นได้อย่างไร เพียงแต่แม้จะเป็๲คนครอบครัวเดียวกัน แต่พี่ใหญ่ของเ๽้าก็ไม่อาจช่วยเปล่า ในเมื่อท่านพ่อบอกว่าเงินที่ได้มาจะแบ่งให้ครอบครัวสามห้าส่วน ครอบครัวใหญ่ของพวกเราก็ไม่ละโมบ การค้านี้พวกเ๽้าสองสามีภรรยาเป็๲คนคิด ครอบครัวใหญ่ของพวกเราจะขอส่วนแบ่งแค่สองส่วนดีหรือไม่?”

        สตรีแซ่จางร้อนใจทันใด นางไม่สนใจอาหารในปากก็โพล่งวาจาออกมาเสียแล้ว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านก็ช่างหน้าไม่อาย ไม่เคยได้ยินว่าคนครอบครัวเดียวกันช่วยเหลือกันก็ยังจะเอาเงิน นอกจากนั้นอ้าปากยังขอส่วนแบ่งสองส่วน เหตุใดท่านถึงไม่ไปปล้นชิงเสียเลยเล่า? ไม่ต้องให้พี่ใหญ่ช่วยแล้ว ครอบครัวสามของพวกเราทำเองได้!”

        รอยยิ้มบนใบหน้าของสตรีแซ่จางเลือนหายไป เพระอยากระบายโทสะออกมาแต่ต้น ยามนี้นางจึงไม่เก็บเอาไว้อีกต่อไป เอ่ยเสียงดังลั่นออกมาว่า “ถุย! ต่อให้ข้าหน้าไม่อายเพียงใดก็สู้เ๽้าไม่ได้! ครอบครัวสามของเ๽้ามีสิทธิ์อะไรมากอบโกยผลประโยชน์ไปจนหมด? เดิมทีพวกเ๽้าก็ใช้เงินส่วนกลางเปิดกิจการ หมูในจวนข้าก็เป็๲คนเลี้ยงมาโดยตลอด ๻ั้๹แ๻่เช้าถึงเย็นต้องลำบากไม่น้อย ปีใหม่ก็จะขายได้เงินจำนวนไม่น้อยแล้ว ยามนี้พวกเ๽้าเอาไปเชือดขาย มีสิทธิ์อะไรถึงไม่แบ่งเงินให้ครอบครัวใหญ่ของพวกเราสองส่วนกัน?”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้