คุณปู่จัดการได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
แต่ไหนแต่ไรการใช้อำนาจเผด็จการมิใช่คุณลักษณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานชื่นชมแต่เธอก็เคยเป็หัวหน้ามาก่อน จึงรู้ดีว่าในบางครั้งจำเป็ต้องใช้อำนาจในการจัดการแก้ไขปัญหาบ้าง
“ขอบคุณปู่เฉิน”
หลังจากเธอเกิดใหม่ได้พบกับพวกเหลือเดนมาไม่น้อย แต่ก็ได้พบกับคนดีอยู่มากมายเช่นกันคุณตาหวังผู้โดดเดี่ยวที่เฝ้าคอกวัวในหมู่บ้านต้าเหอ โจวเฉิงและคังเหว่ยที่ช่วยชีวิตเธอไว้หูจู้เหลียงที่ทำธุรกิจขายบะหมี่ปลาไหลในเมืองซางตูและยังมีหัวหน้าหมู่บ้านเฉินที่เป็ธุระแทนพวกเธอสองแม่ลูกในเวลานี้
คนเหล่านี้ล้วนไม่มีความสัมพันธ์ญาติมิตรกับเธอ ไม่ต้องช่วยเหลือเธอเหมือนหลิวหย่งที่เป็ลุงของเธอด้วยซ้ำแต่พวกเขาก็ยื่นมือมาเกื้อกูล เซี่ยเสี่ยวหลานจดจำมิตรภาพนี้ไว้โดยไม่ได้บอกกล่าวใคร
เฉินวั่งต๋ามองมาที่เธอ “เธอเป็ลูกที่ดี ภายภาคหน้าใช้ชีวิตกับแม่เธอให้มีความสุขนะ”
เมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานเริ่มทำธุรกิจ เฉินวั่งต๋าก็เริ่มสังเกตเธอเช่นกันเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้หยิ่งยโสไร้แก่นสารเหมือนดั่งข่าวลือ เธออดทนต่อความลำบากได้ทำธุรกิจก็ค้ากำไรเท่าที่ตนเองควรจะทำ เฉินวั่งต๋าแสดงการยอมรับในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างเปิดเผย เขาคิดว่าหากสองแม่ลูกกลับไปยังหมู่บ้านชีจิ่งก็ย่อมสามารถยืนหยัดด้วยลำแข้งตนเองได้
“ลุงต๋า”
หลิวเฟินน้ำตาแทบร่วง ในมือเธอบีบหนังสือสัญญาเอาไว้ นี่หมายความว่าต่อจากนี้ไปตนเองกับตระกูลเซี่ยก็ไร้ซึ้งความเกี่ยวข้องกันแล้วใช่หรือไม่?
หลิวเฟินพูดไม่ออกว่าเป็ความรู้สึกอะไร
เธอแต่งงานกับเซี่ยต้าจวินั้แ่อายุ 16 ระยะเวลาที่อาศัยบ้านเซี่ยยาวนานกว่าอาศัยบ้านหลิวเสียอีกแรกเริ่มเดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็ไม่เลวร้ายต่อมาไม่รู้ว่าชีวิตกลายเป็เช่นนี้ได้อย่างไร เธอลำบากลำบนไม่ใช่เื่สำคัญแต่ไม่อาจปล่อยให้ลูกสาวอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานถูกรังแกต่อไปได้พี่สะใภ้หลี่เฟิ่งเหมยพูดถูกคนตระกูลเซี่ยใช้ประโยชน์จากเธอถึงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานเดือดร้อนได้
ถ้าเช่นนั้นก็หย่ากันเสียดีกว่าเธอกับตระกูลเซี่ยไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว พวกเขาไม่สามารถรังแกเซี่ยเสี่ยวหลานได้อีก
ต่อให้จางชุ่ยคารมคมคายแค่ไหนก็ไม่อาจกอบกู้สภาพการณ์เลวร้ายในวันนี้ได้หวังจินกุ้ยฉงนจนพูดไม่ออก หย่ากันโดยรวดเร็วฉับพลันเช่นนี้? หลิวเฟินไปเอาความกล้าหาญมาจากไหน ผู้หญิงอายุอานามจะสี่สิบแล้วทั้งไม่มีสมรรถภาพการให้กำเนิดลูก หน้าตารึก็ซูบผอมดำคล้ำไม่น่ามองลาจากเซี่ยต้าจวินไป หลิวเฟินจะยังแต่งงานกับใครได้อีก!
ทว่าพอลองคิดดูดีๆ หลิวเฟินไม่กลับบ้านเซี่ยแล้วก็ฉวยโอกาสสลัดเด็กสำส่อนอย่างเซี่ยเสี่ยวนั่นหลานไปเสียหวังจินกุ้ยเป็หนึ่งเดียวในสามคนที่แอบพึงพอใจอยู่ลึกๆ
คนหมู่บ้านชีจิ่งราวกับป้องกันศัตรูต้องรับประกันให้มั่นใจว่าพวกเขาออกจากเขตแดนของหมู่บ้านชีจิ่งแล้ว
เซี่ยต้าจวินฉีกหนังสือสัญญาเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วโยนทิ้งลงในคลองข้างทาง
ขนาดจางชุ่ยยังรู้ว่าสัญญามีอยู่สามฉบับฉีกทิ้งหนึ่งฉบับไปก็ไม่มีประโยชน์ “ต้าจวิน เธออย่าใจร้อนไปเลย รอน้องสะใภ้ใจเย็นลงก่อน ชีวิตคู่ของพวกเธอยังไปต่อได้...”
คำพูดของจางชุ่ยช่างแห้งแล้ง แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เชื่อมั่น
เซี่ยต้าจวินไม่หือไม่อือหวังจินกุ้ยนึกถึงตอนเห็นหลิวเฟินแน่วแน่เช่นนั้นอีกทั้งบอกว่าจะส่งสัญญาไปยังสถานีพลเมืองประจำตัวเมือง สามีภรรยาบ้านไหนทะเลาะเบาะแว้งกันแล้วเกิดเป็ปรากฏการณ์ใหญ่หลวงขนาดนี้บ้าง
หลิวหย่งต้องร่ำรวยแล้วแน่ๆ
หลิวเฟินมีพี่ชายผู้นี้คอยสนับสนุน ถึงได้มีความมั่นใจในการหย่า
หวังจินกุ้ยริษยาอย่างถึงที่สุด “กลับไปจะอธิบายกับคุณแม่อย่างไรดี?”
**************
คนในหมู่บ้านชีจิ่งไล่ตระกูลเซี่ยทั้งสามคนไปแล้ว
หลิวหย่งเอ่ยปากว่าจะเลี้ยงสุราพวกชาวบ้านที่กระทืบเซี่ยต้าจวินในวันนี้ต้องขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านเฉินวั่งต๋าด้วยใจจริงเซี่ยเสี่ยวหลานก็คิดว่าวันนี้เป็วันที่มารดาได้บอกลาอดีต เป็จุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ในอนาคตเื่ธุรกิจยังต้องเอาไว้ทีหลังก่อน
“ลุง ฉันไปซื้ออาหารนะ!”
หลิวหย่งรั้งเธอไว้ “หลานมีเื่อะไรให้ทำก็ไปทำเถอะ ตอนเย็นถึงค่อยเลี้ยงเลี้ยงอาหารต้องให้เด็กสาวอย่างหลานหน้าใหญ่วิ่งไปวิ่งมาจัดการแทนหรือ? หลานรอกินข้าวเย็นก็พอแล้ว”
หลิวหย่งเลี้ยงอาหารจะปล่อยให้หลานสาวออกเงินได้หรือ?
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังลำบากต่อให้เธอมีเงินเหลือใช้ก็ยังไม่ควรเอาออกมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายตอนนี้ ดังนั้นอาหารมื้อนี้ต้องให้หลิวหย่งเป็เ้าภาพเท่านั้น
หลี่เฟิ่งเหมยก็ไม่โต้แย้ง
สองสามีภรรยาไล่เซี่ยเสี่ยวหลานให้ออกไปก่อนหลิวเฟินอยู่บ้านก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อเพราะยังไม่หลุดภวังค์จากเื่หย่าเซี่ยเสี่ยวหลานจึงพามารดาออกไปรับซื้อปลาไหลด้วยกันเสียเลยเมื่อเซี่ยเสี่ยวหลานพามารดาออกไปแล้ว หลี่เฟิ่งเหมยก็เปิดตู้ที่หัวเตียงของตนหลิวหย่งตามเข้ามาด้วยกัน
“ตรงนั้นเธอยังเหลือเงินอีกเท่าไร?”
เงินที่หลิวหย่งหามาได้ส่วนใหญ่ส่งให้หลี่เฟิ่งเหมยทั้งหมดในเวลาครึ่งปีเขาออกไปทำงานข้างนอกสามหน นำเงินกลับเข้าบ้านทั้งหมดสองรอบเป็จำนวนประมาณเจ็ดแปดร้อยหยวน หากรวมกับหลิวหย่งซื้อจักรยานคันใหม่ด้วยครึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาหาเงินให้ครอบครัวได้พันกว่าหยวนแล้ว
หลี่เฟิ่งเหมยไม่ต้องนับก็แจ้งจำนวนให้หลิวหย่งได้
“ยังเหลืออยู่ 690 หยวน”
ครึ่งปีที่ผ่านมาหลี่เฟิ่งเหมยใช้เงินไปเพียงหนึ่งร้อยกว่าหยวนโดยรวมค่าใช้จ่ายในการพาเทาเทาไปหาหมอ ค่าใช้จ่ายสารพัดในบ้าน และค่าปุ๋ยต่างๆล้วนรวมอยู่ในนั้น หลิวหย่งย่นคิ้วเขาไม่รังเกียจหากหลี่เฟิ่งเหมยจะใช้เงินเก่งเกินไปแต่เขาไม่พอใจที่ตัวเองหาเงินได้ไม่มากพอ
“จางเสเพลโดนจับแล้ว วันนี้ก็ไล่พวกตระกูลเซี่ยไปได้อีกสักสองสามวันฉันจะออกไปทำงานข้างนอก เธออย่าจำกัดจำเขี่ยเงินเลยสิ่งที่ควรจ่ายอย่าประหยัดเกินควร เสื้อผ้าไม่ต้องใส่ใจมาก แต่เื่อาหารจะขี้เหนียวไม่ได้เสี่ยวหลานพูดไม่ผิด ต้มซุปกระดูกให้เทาเทากินมากหน่อย อนาคตตัวจะได้สูงบ้าง”
“เอาตามที่คุณว่า อย่างไรก็ตามวันนี้คงมีคนถึงสามโต๊ะสินะ? คุณบอกทีว่าจะเลี้ยงอาหารอย่างไร”
“หนึ่งโต๊ะต้องทำอาหารมีเนื้อสัตว์สักสี่ห้าอย่างที่เหลือเธอทำตามที่เห็นว่าสมควรแล้วกัน ฉันไปซื้อเหล้าในตัวเมืองเสียหน่อย เธอจะเอาเนื้อเท่าไร?”
หลี่เฟิ่งเหมยคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว ขอแค่ทำใจใส่น้ำมันให้มากสักหน่อยได้ปลาไนและปลาหมูล้วนกินอร่อยทั้งนั้น อ่างน้ำในบ้านเลี้ยงไว้อยู่ไม่น้อย ใครบอกว่าเนื้อปลามิใช่เนื้อสัตว์กัน? ไปในตัวเมืองตอนนี้ก็ซื้อเนื้อส่วนดีอะไรไม่ได้แล้วซี่โครงเปรี้ยวหวานที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำเมื่อวันนั้นรสชาติดีทีเดียว ไม่ได้สิ นำซี่โครงเพิ่มมันฝรั่งน้ำแดงเสียหน่อยค่อยขึ้นโต๊ะแล้วกัน
“ซื้อเนื้อหมูมาสามชั่ง ซี่โครงสองชั่งถ้ามีตับหมูซื้อด้วยมานิดหน่อย ไม่มีก็ช่างเถอะ”
หลิวหย่งเข้าตัวเมืองต้องซื้อบุหรี่กับสุราแน่นอน เลี้ยงอาหารแขกควรเป็เช่นนี้ยังต้องซื้อพวกอาหารว่างอย่างขนมหวานและเมล็ดทานตะวันด้วยหลี่เฟิ่งเหมยใส่เงินให้หลิวหย่งไป 50 หยวน คนจำนวนสามโต๊ะรับประทานอาหารในจำนวนเงินเท่านี้ก็เพียงพอ
หลิวหย่งยืมจักรยานในหมู่บ้าน ไม่ลีลาแล้วขี่ไปเขตอันชิ่งทันที
อีกด้านหนึ่งตระกูลเซี่ยทั้งสามคนที่ท้องร้องโครกครากกำลังเดินทางกลับหมู่บ้านต้าเหอ
ตอนขาไปพวกเขาพกความมั่นใจไปเต็มเปี่ยมขากลับกลายเป็ว่าคอตกหงอหงอย จะเดินทางกลับต้องผ่านหมู่บ้านสือพัวจื่อขณะผ่านที่นี่เซี่ยต้าจวินอยากหดหัวเดินใจจะขาด จางเสเพลผู้อยู่ในข่าวลือว่าเกลือกกลิ้งบนกองฟางกับเซี่ยเสี่ยวหลานก็คือคนของหมู่บ้านสือพัวจื่อ
เซี่ยต้าจวินรู้สึกอับอาย
ใครจะไม่กระอักกระอ่วนกัน
จะก้มหน้าเดินผ่านหมู่บ้านสือพัวจื่อ เซี่ยต้าจวินดันนึกถึงเื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงสีหน้าขุ่นเคืองพร้อมกล่าวว่าเธอกับจางเสเพลไร้ความสัมพันธ์ใดขึ้นมาทันทีทั้งยังถามว่าเขาผู้เป็บิดาเคยคิดจะจัดการกับจางเสเพลบ้างหรือไม่?เซี่ยต้าจวินลังเลเล็กน้อยแล้วหยุดฝีเท้า
“พี่สะใภ้ ใครเป็คนปล่อยข่าวลือว่าเสี่ยวหลานกับจางเสเพลมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมควรด้วยกัน?”
จางชุ่ยแววตาวูบไหว “เื่แบบนี้จะหาที่มาได้อย่างไร? คนในหมู่บ้านเห็นเข้าเลยลือๆกันมา มีคนไปถามจางเสเพล เขาก็ยอมรับอีก ถ้าไม่มีอะไรจริงๆจางเสเพลจะยอมรับได้หรือ?”
ครั้งนี้หวังจินกุ้ยยืนอยู่ข้างพี่สะใภ้ “นี่ลุงรอง ฉันว่าเสี่ยวหลานน่ะปากแข็ง ทำผิดแล้วยังไม่กล้ายอมรับ”
อุตส่าห์โยนรองเท้าเก่าออกไปได้แล้ว อย่าได้ตามกลับมาโดยเด็ดขาด
หวังจินกุ้ยและจางชุ่ยผลัดกันฝอยคนละประโยคสองประโยคทั้งสองคนได้เหยียบเซี่ยเสี่ยวหลานจมโคลนตมไปแล้วจริงๆเื่ราวที่ไม่มีมูลกลับพูดอย่างเป็จริงเป็จัง สุดท้ายจางชุ่ยจะไม่กล่าวถึงเซี่ยจื่ออวี้ก็ไม่ได้
“เสี่ยวหลานกับจางเสเพลยื้อยุดฉุดกระชากกันบนถนน จื่ออวี้ก็เห็นแล้วแต่จื่ออวี้ไม่เคยเอาออกไปนินทาเลยแม้แต่นิดเดียว”
ข่าวลือถูกแพร่เป็วงกว้างหลังจากที่เซี่ยจื่ออวี้และหวังเจี้ยนหัวลาจากบ้านไปเรียนหนังสือเซี่ยต้าจวินจึงไม่สงสัยในตัวหลานสาวคนโตโดยสิ้นเชิง
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่้ายอมรับในตัวพ่อบังเกิดเกล้าเซี่ยต้าจวินก็ผิดหวังในตัวลูกสาวคนนี้มาก มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวซี้ซั้วถึงกับทำให้ตระกูลเซี่ยอับอายขายหน้าจนหมดสิ้นยังมีหน้ามาโกหกพกลมแก้ตัวฉอดๆ อีก
สามคนอยากออกจากหมู่บ้านสือพัวจื่อให้เร็วกว่านี้แต่กลับถูกคนเรียกไว้
ล้วนเป็หมู่บ้านใกล้เคียงกันไปมาหาสู่กันประจำ ทำไมจะไม่รู้จักกันและกันได้?
คนคนนี้มีสีหน้าประหลาดใจ “ต้าจวิน แกรู้หรือยังว่าจางเสเพลถูกจับแล้ว? ถูกปราบปราม ถูกจับไปร่วมขบวนประจานด้วยฉันว่าคราวนี้มันหนีไม่รอดแน่!”
จางเสเพลถูกจับแล้ว?
ทันใดนั้นในสมองของจางชุ่ยมีความคิดที่บ้าระห่ำโผล่ออกมามีความสัมพันธ์ชู้สาวอย่างไม่ถูกต้องจะจับแค่ฝ่ายชายไม่สนฝ่ายหญิงได้หรือ? ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานถูกขังไว้หลายปีเช่นนั้นก็ลืมตาอ้าปากไม่ได้อีกแล้ว จางชุ่ยไม่อาจควบคุมหน้ากากสะใภ้ผู้แสนดี เสแสร้งแกล้งทำได้อีกต่อไปคว้ามือของคนผู้นี้ไว้โดยพลัน
“จางเสเพลได้ซัดทอดถึงหลานสาวของฉันด้วยหรือไม่?สันติบาลจะมาจับเธอไหม?”