“พี่สะใภ้?!”
เซี่ยต้าจวินใมาก เขาผิดหวังในตัวเซี่ยเสี่ยวหลานก็จริง แต่ไม่เคย้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าคุกกินข้าวแดง จางชุ่ยเป็คนน่าเชื่อถือมากที่สุดมาโดยตลอด พูดจาเช่นนี้มิใช่้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วยหรือ?
จางชุ่ยดีใจจนลืมตัว
เธอรู้สึกขายหน้าอยู่นิดหน่อย “ฉันเพียงร้อนรนเกินไป กลัวจางเสเพลจะพูดพล่อยๆ เสี่ยวหลานกับเ้าคนไม่เอาไหนนั่นไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่เงินครึ่งเหมา”
คนจากหมู่บ้านสือพัวจื่อกลับไม่เชื่อ ใครจะไม่รู้ว่าคนตระกูลเซี่ยนั้นไร้น้ำยาที่สุด คนธรรมดาต่อให้ลูกสาวถูกคนชั่วอย่างจางเสเพลข่มเหง ก็ต้องตามหาตัวคนมาคิดบัญชีสิ แต่ตระกูลเซี่ยนี่ช่างดีเหลือเกิน ทั้งๆ ที่สามพี่น้องล้วนแข็งแรงกำยำ แต่ดันปล่อยให้จางเสเพลแผลงฤทธิ์ได้ แล้วกลับไปกดดันลูกสาวที่บ้านเสียจนต้องพุ่งชนผนังฆ่าตัวตาย... นี่มันเื่บ้าอะไรกันนี่
คนผู้นี้อยากดูมุกตลก [1] ของพวกเซี่ยต้าจวิน จึงจงใจหัวเราะคิกคัก
“จางเสเพลถูกจับเพราะว่าบุกรุกลักขโมย เมื่อวานมีขบวนปราบปรามในตัวเมือง บนตัวมันมีป้ายอันโตเขียนข้อหาเอาไว้ ไอ้เลวนี่ต้องโดนโทษหนักแน่นอน คนในหมู่บ้านเขาเกลียดมันกันหมด ตอนนี้ก็ถือว่าเื่ร้ายได้คลี่คลายแล้ว”
แค่จางเสเพลไม่เตร็ดเตร่อยู่ในหมู่บ้าน เวลาผ่านไปนานเข้าใครจะยังจำข่าวลือพวกนั้นได้อีก นี่ถึงจะเป็การช่วยชีวิตหญิงสาวแห่งตระกูลเซี่ยโดยแท้จริง
รอจนเื่ราวซาไปค่อยแต่งงานเข้าบ้านสามีที่อยู่ห่างไกลออกไปสักหน่อย เื่นี้ก็ผ่านไปเองมิใช่หรือ?
หากมองด้วยสถานะคนนอก เซี่ยต้าจวินผู้เป็บิดานี่ช่างไม่เข้าใจเคล็ดลับการแก้ปัญหาเอาเสียเลย ทว่าจางเสเพลถูกจับแล้วเขาต้องยินดีอย่างแน่นอน
ป้าสะใภ้จางชุ่ยยิ้มแย้มด้วยความกล้ำกลืนเหลือทน อาสะใภ้สามหวังจินกุ้ยก็สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดอะไรกันอยู่
นี่คือตระกูลเซี่ยผู้เลี้ยงดูนักศึกษามหาวิทยาลัยหญิงมาหรือ?
คนจากหมู่บ้านสือพัวจื่อได้แต่ส่ายศีรษะกับตัวเอง
เซี่ยต้าจวินไม่ใส่ใจ “พวกเสี่ยวหลานยังไม่รู้ ฉันต้องไปบอกข่าวนี้กับพวกเขา”
เดินไปสองก้าวถึงนึกขึ้นมาได้ เขากับหลิวเฟินเพิ่งหย่าร้างกัน สองแม่ลูกเห็นเขาถูกคนของหมู่บ้านชีจิ่งทำร้าย ทว่ากลับเฉยเมยเหลือเกิน ความยินดีของเซี่ยต้าจวินหายวับไปในบัดดล
เขาลากฝีเท้าหนักๆ กลับตระกูลเซี่ย
จางชุ่ยคิดคำพูดไว้มากมาย หวังจินกุ้ยก็เหมือนมีความคิดบางอย่างเช่นกัน
แม่เฒ่าเซี่ยเห็นว่ามีเพียงสามคนที่กลับมาก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ คงไม่ได้พาคนกลับมาด้วยเป็แน่ รองเท้าผุพังเซี่ยเสี่ยวหลานนั่นอารมณ์ร้อนจะตายไป
“ทำไมกัน พวกหล่อนแม่ลูกยังสำคัญตัว รอให้ฉันไปเชิญด้วยตัวเองหรือ?”
เซี่ยต้าจวินส่ายหัว
หวังจินกุ้ยโพล่งออกมาตรงๆ “คุณแม่ พี่สะใภ้รองกับพี่รองหย่ากันแล้ว หลิวหย่งตามคนหมู่บ้านชีจิ่งกลุ่มหนึ่งมาทำร้ายพี่รอง ทั้งยังบังคับให้เขาพิมพ์ลายนิ้วมือเขียนสัญญาอะไรด้วย”
คนตระกูลเซี่ยล้วนไม่อยากเชื่อ
แต่ร่างกายของเซี่ยต้าจวินมีร่องรอยของาแ ทั้งสามคนก็คงไม่พูดโกหกในเื่แบบนี้
หญิงชราเซี่ยร้องคร่ำครวญตายแล้วขึ้นมาทันทีทันใด ด่าทอสาปแช่งเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาด้วยเสียงดังสนั่น หากเซี่ยเสี่ยวหลานคือหญิงสำส่อน หลิวเฟินก็คือคนชั้นต่ำ
“น้องสะใภ้จะพูดเื่หย่าได้อย่างไร? ต้องถูกตระกูลหลิวบังคับแน่”
เซี่ยฉางเจิงตั้งใจกู้หน้ากลับมาเสียหน่อย หวังจินกุ้ยกลับค้านอย่างโง่เขลา “โอ๊ย เป็หลิวเฟินที่พูดด้วยตัวเองเลย หน้าตาเฉยชาั้แ่ต้นจนจบ อย่างกับตระกูลเซี่ยติดหนี้เธอแล้วไม่คืน!”
หวังจินกุ้ยไม่เข้าใจการกระทำของหลิวเฟิน เธอคาดหวังให้มีคนมาขจัดความสงสัยให้
หญิงชราเซี่ยรู้สึกเหมือนหัวจะะเิ ั้แ่เซี่ยจื่ออวี้สอบติดมหาวิทยาลัย หญิงชราเซี่ยก็รู้สึกว่าสถานะของตระกูลเซี่ยสูงส่งกว่าคนอื่นหนึ่งระดับ เธอเกลียดที่หลิวเฟินมีลูกชายไม่ได้ จะกวาดพวกหลิวเฟินออกจากบ้านไปให้หมดก็ย่อมได้ ทว่าการกดขี่พวกเธอสองแม่ลูกนั่นเป็สิ่งที่แสดงถึงอำนาจของตระกูลเซี่ยน่ะสิ!
หลิวเฟินคนชั้นต่ำนั่น กล้าพูดเื่หย่าได้อย่างไร?
แม่เฒ่าเซี่ยหายใจแรงจนหลอดลมใหญ่โต ด่าทอจนครึ่งหมู่บ้านยังได้ยิน ช่างเป็เื่ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ภรรยาของเซี่ยต้าจวินหนีกลับบ้านแม่ไปสิบกว่าวัน ตอนเช้าฟ้ายังไม่ทันสางเซี่ยต้าจวินก็ตามไปรับ นอกจากคนไม่กลับมาแล้วหลิวเฟินยังหย่ากับเขาด้วย?!
เื่ขำขันของตระกูลเซี่ยในปีนี้คุยกันหนึ่งปีก็ยังไม่จบ
เซี่ยต้าจวินสับสนงุนงง ความรู้สึกนับถือในตนเองของชายชาตรีถูกทำลายลงอย่างรุนแรง ในใจจึงตั้งมั่นเอาไว้ หากวันไหนหลิวเฟินเสียใจแล้วอยากกลับมาที่บ้านนี้ อย่าสนใจว่าผู้หญิงคนนั้นร้องไห้น่าสงสารเพียงใด เขาจะไม่ใจอ่อนแน่นอน!
ข่าวคราวเื่หลิวเฟินพูดถึงการหย่าปะทุออกไปจนตระกูลเซี่ยเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ หมู่บ้านต้าเหอพากันแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ นานา
เซี่ยฉางเจิงปลอบใจเซี่ยต้าจวินที่เหี่ยวเฉาไม่กี่ประโยค แล้วให้จางชุ่ยเล่าสถานการณ์ตอนนั้นให้เป็การส่วนตัว
“หย่าจริงหรือ?”
“จะหลอกได้ที่ไหน เขียนสัญญาเหมือนกันไว้สามฉบับ ต้าจวินกับหลิวเฟินพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านชีจิ่งนั่นยังบอกอีกว่าจะนำหนังสือสัญญาไปส่งสถานีพลเมือง”
จางชุ่ยกังวลใจมากเล่าต่อว่า “ระหว่างเดินทางกลับมาฉันได้ยินว่าจางเสเพลโดนจับแล้ว บอกว่าเขาบุกรุกลักขโมยต้องรับโทษหนัก คุณว่าพวกเราควรส่งโทรเลขให้จื่ออวี้หรือไม่?”
จางเสเพลถูกจับแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะมีความสัมพันธ์ชู้สาวที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่โดนหางเลขแน่นอน ข้อกล่าวหานี้จึงไร้ประโยชน์ ก่อนเซี่ยจื่ออวี้ไปปักกิ่งได้กำชับไว้ให้พวกเขาจับตามองเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้ ทั้งครอบครัวไม่คาดคิดว่าหลิวเฟินจะหย่ากับเซี่ยต้าจวิน ต่อไปยังจะให้จับตาดูเซี่ยเสี่ยวหลานอีกได้อย่างไร? พวกเธอไม่มีทางกลับตระกูลเซี่ยด้วยซ้ำ!
เซี่ยเสี่ยวหลานหลุดพ้นจากการควบคุมไปแล้ว
พึ่งความสามารถของจางชุ่ยแก้ไขไม่ไหว เซี่ยฉางเจิงก็ไม่มีความคิดเห็น
“พรุ่งนี้ฉันหาข้ออ้างเข้าตัวเมืองเสียหน่อย ส่งโทรเลขให้จื่ออวี้แล้วค่อยสืบเสาะเื่ของจางเสเพล”
ตระกูลเซี่ยตกอยู่ในความวุ่นวาย
*************
ณ บ้านหลิวในหมู่บ้านชีจิ่ง หลี่เฟิ่งเหมยตระเตรียมอาหารเลี้ยงแขกสามโต๊ะด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนบ้าน เชิญผู้คนใจกว้างผู้ช่วยเหลือเื่วันนี้มารับประทานอาหารและดื่มสุรา เลี้ยงอาหารไม่เพียงแต่เชิญผู้ชายเท่านั้น ภรรยาที่บ้านก็ต้องพามาด้วยเช่นกัน ทุกคนรู้กันดีว่าไม่ต้องนำลูกเด็กเล็กแดงมา นโยบายวางแผนการมีบุตรเพิ่งดำเนินการได้ไม่ถึงสองปี ลูกคนเดียวจึงมีน้อยมาก หากเรียกเด็กๆ ในบ้านมาด้วยจริง สามโต๊ะต้องนั่งไม่พอแน่นอน
โถงกลางบ้านจัดไว้หนึ่งโต๊ะ เฉินวั่งต๋านั่งที่นั่งกิตติมศักดิ์[2]
เฉินวั่งต๋าพาคนมาจำนวนหนึ่ง นอกจากภรรยาก็มีแค่หลานชายอย่างเฉินชิ่ง
แขกผู้มารับประทานอาหารไม่คาดฝันว่าอาหารจะหรูหราถึงเพียงนี้ มันฝรั่งผัดซี่โครง กุยช่ายผัดไข่ ปลาหมูทอดแห้ง ซุปเต้าหู้ปลาไน ต้นหอมผัดตับ และยังมีผักเขียวผัดกระเทียมอีกด้วย ตรงกลางโต๊ะจัดบะหมี่เนื้อแพะชามโตไว้เป็อาหารหลัก... หลิวหย่งซื้อเนื้อดีๆ ไม่ได้จึงได้นำเนื้อแพะกลับมานิดหน่อย
บะหมี่เนื้อแพะกองเป็พะเนินสูง เนื้อแพะแต่ละแผ่นไม่ได้ทำอย่างขอไปทีเลยแม้แต่น้อย
ขนาดฉลองตรุษจีนยังไม่รับประทานอาหารหรูหราถึงเพียงนี้
หลิวหย่งไม่ลืมวางบุหรี่และสุราไว้บนโต๊ะทุกตัว ชาวบ้านที่ถูกเชิญมาล้วนชมเชยเขาไม่หยุด
“พี่หย่ง วันนี้พี่ใจป้ำเกินไปแล้ว!”
“อาหารมื้อนี้ช่างดีจนพูดไม่ออก!”
เฉินวั่งต๋าก็ไม่ผิดหวัง ยิ้มแย้มพลางหยอกว่าหลิวหย่งหาเงินเท่าไรก็ใช้ฟุ่มเฟือยเสียได้
หลิวหย่งยกจอเหล้าขึ้นมา “ลุงต๋า วันนี้ผมดีใจมาก! อาเฟินไม่เหมือนกับน้องสาวคนเล็กที่เอาแต่ใจ เธอโอนอ่อนผ่อนตามจนเป็นิสัย ต้องโทษที่ตอนผมยังหนุ่มทำตัวอวดดีไม่มีความรับผิดชอบ ตัวเองไร้ความสามารถ ไม่สามารถช่วยเหลือน้องสาวได้... ลุงรู้ดี พ่อแม่ผมจากไปเร็ว น้องสาวสองคนออกเรือนไปก็มีชีวิตที่ไม่สู้ดี ผมช่างน่าละอายยิ่งนัก!”
แม้ยังไม่ทันดื่มสุรา หลิวหย่งก็เริ่มเปิดงานประชุมตำหนิติเตียนตนเองเสียแล้ว
สิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เื่โกหก เฉินวั่งต๋าจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ตอนเธอยังหนุ่มน่ะเหลวไหลอยู่ทีเดียว ดีที่หลังจากมีครอบครัวก็รู้จักรับผิดชอบ ภรรยาเธอเคยกังวลใจไม่น้อยนะ”
หลี่เฟิ่งเหมยไม่ทันได้ถอดผ้ากันเปื้อนที่อยู่บนตัว ได้ยินการยอมรับของหัวหน้าหมู่บ้านเฉินเข้าเธอเลยรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย ก่อนเธอจะแต่งงานกับหลิวหย่งเคยออกเรือนมาแล้วครั้งหนึ่ง ครอบครัวสามีเกลียดเธอเพราะแต่งงานเป็สิบปีแต่ไม่มีลูก จากนั้นได้ไล่เธอออกจากบ้าน ต่อมาได้แต่งเข้าครอบครัวหลิวผ่านการแนะนำของแม่สื่อจับคู่ ขณะนั้นหลิวหย่งอายุสามสิบกว่าแต่ยังไม่มีความคิดสร้างเนื้อสร้างตัว หลี่เฟิ่งเหมยหลบใต้ผ้าห่มร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง
โชคดีที่การมีลูกชายทำให้หลิวหย่งมีใจรับผิดชอบ สองปีมานี้ชีวิตในครอบครัวถึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
หลิวหย่งเอาใจใส่เธอขึ้นมากเช่นกัน
หลิวหย่งรีบขอบคุณภรรยาที่คอยดูแลครอบครัวเสมอมา
หลี่เฟิ่งเหมยดีต่อน้องสาวและหลานสาวของเขา ในใจหลิวหย่งมีความรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ
เฉินวั่งต๋าพูดถึงเื่ทะเบียนบ้านของเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาอีกครั้ง “ในอีกสองสามวันนี้ เดี๋ยวฉันไปกับเธอเอง ไปย้ายทะเบียนบ้านให้พวกเธอสองแม่ลูกกลับมาที่หมู่บ้านเรา เื่นี้ยิ่งจัดการไวเท่าไหร่ยิ่งดี”
หลิวเฟินอิหลักอิเหลื่อ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานรินเหล้าให้เธอหนึ่งจอก เธอจึงจิบไปเล็กน้อย
ผู้คนที่มารับประทานอาหารมิได้ดูสถานการณ์ไม่ออกขนาดนั้น ในใจคิดอย่างไรก็เก็บไว้ก่อน ล้วนออกปากกล่าวกับหลิวเฟินว่าความขมขื่นสิ้นสุดลงและความหวานกำลังจะมา ชีวิตที่ดีก็อยู่ตรงหน้านี่เอง
เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งอยู่กับมารดา อีกด้านหนึ่งเป็เฉินชิ่งพอดิบพอดี
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดอะไรในใจขึ้นมาได้ “พี่เฉินชิ่ง อีกสักครู่ฉันมีเื่อยากปรึกษากับพี่เสียหน่อย”
เฉินชิ่งถือตะเกียบไว้ไม่กล้าแม้แต่จะคีบอาหารต่อ มิใช่ว่าเขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กสาวอายุพอๆ กันมาก่อน เพื่อนนักเรียนหญิงในโรงเรียนก็อายุไม่ต่างกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าพวกเธอเ่าั้ไม่มีใครรูปโฉมแบบเซี่ยเสี่ยวหลานนี่... เฉินชิ่งกับเซี่ยเสี่ยวหลานแค่นั่งด้วยกัน ใบหน้าเขาก็แดงเสียแล้ว โชคดีว่าทำงานในไร่นาจนคล้ำแดดจึงดูไม่ค่อยออก
พอนึกได้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีเื่จะถามไถ่เขา เขาลุกลี้ลุกลนตอบไปเพียง “ได้” เสียงดังกว่ายุงไม่มากเท่าไรนัก
“เสี่ยวหลาน มาคุยกับผู้ใหญ่ คุณลุงคุณอาทุกท่านหน่อย!”
หลิวหย่งเรียกเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานวิ่งไปอย่างสดชื่นแจ่มใส เฉินชิ่งมองตามแผ่นหลังของเธอ รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นจนแทบหลุดออกมา
เชิงอรรถ
[1]看笑话 ดูมุกตลก หมายถึง นำเื่ที่เสียเกียรติของผู้อื่นมาเป็มุกตลก
[2]上座 ที่นั่งกิตติมศักดิ์ คือ ที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้าุโเวลามีงานเลี้ยง โดยมักจะเป็เก้าอี้ที่หันหน้าออกทางประตู