หย่า?
หลิวเฟินบอกว่าจะหย่ากับเซี่ยต้าจวินด้วยตนเอง!
สมัยนี้พบการหย่ากันได้ยากมากอีกทั้งยังเป็หลิวเฟินผู้โอนอ่อนผ่อนตามมาโดยตลอดที่กล่าวขึ้นมาด้วยตนเองก่อขบถแล้วสินะ?
กลุ่มคนที่ยื่นหูฟังอยู่ด้านนอกบ้านหลิวล้วนตะลึงพรึงเพริดกันหมดเซี่ยเสี่ยวหลานเองยังนึกไม่ถึงว่ามารดาของเธอจะเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนี้นับประสาอะไรกับตระกูลเซี่ยทั้งสามคน
เซี่ยต้าจวินขบคิด หรือว่า่นี้เขาไม่ได้ตีภรรยาผู้นี้เท่าไรทำให้ในสายตาเธอไร้เงาของสามีตนเองแล้ว?!
เดินทางจากหมู่บ้านต้าเหอมาถึงหมู่บ้านชีจิ่งอีกทั้งพาพี่สะใภ้และน้องสะใภ้มาด้วย ใช้คนสามคนมาเพื่อรับสองแม่ลูกนั้นถือว่าไว้หน้าหลิวเฟินมากพอแล้วเธอมีลูกชายให้ไม่ได้ เซี่ยต้าจวินไม่ยินดีทว่าก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนภรรยามาก่อนตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแต่หลิวเฟินกลับบอกว่าไม่อยากอยู่ด้วยกันอีกต่อไปแล้ว้าหย่าขาด!
“เธอลองพูดอีกทีสิ!”
เซี่ยต้าจวินลุกพรวดพราดขึ้นมา เนื้อตัวแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าแข็งแรงกำยำ ราวกับขุนเขาที่เพียงแค่มองก็ประหวั่นพรั่นพรึง
“แกจะทำอะไร? จะทำตัวป่าเถื่อนในบ้านหลิวหรือ?”
หลิวหย่งคว้าคานหาบจากข้างกายได้ก็นำมาบังไว้ตรงหน้าน้องสาวส่วนหลี่เฟิ่งเหมยพุ่งตัวออกไปเรียกคน “ตีกันแล้ว มีคนรังแกพวกเราบ้านหลิว รังแกคนหมู่บ้านชีจิ่งแล้ว!”
หลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานหายใ เธอได้เดินไปดึงมือของมารดาไว้
หลิวเฟินได้รับการสนับสนุนและความกล้าหาญจากลูกสาวที่นี่คือตระกูลหลิว ไม่ใช่ตระกูลเซี่ย เธอจะกลัวเซี่ยต้าจวินไม่ได้
แม้ตอนนี้จะมีตระกูลเซี่ยหรือไม่ แต่ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิตหลิวเฟินก็ต้องพูดความจริง
“ฉันบอกว่าจะหย่า ต้าจวิน ฉันกับคุณไปด้วยกันไม่ได้แล้วพวกเราหย่ากันเถอะ”
เซี่ยต้าจวินกำหมัดและพยายามจะหิ้วตัวหลิวเฟินออกมาคานหาบของหลิวหย่งตีเข้าแสกหน้าเขาอย่างจัง ทว่าลงท้ายด้วยร่างกายและกำลังสู้ไม่ได้จึงถูกเซี่ยต้าจวินแย่งคานหาบไปทั้งสองคนสู้กันนัวเนีย เซี่ยเสี่ยวหลานพามารดาหลบด้านหลังของตนจางชุ่ยร้อนรนกระวนกระวาย
“เสี่ยวหลาน เธอบอกแม่ให้ใจเย็นก่อนมีเื่อะไรพวกเราไม่นั่งลงคุยกันดีๆ ล่ะ? ไม่ทันไรก็บอกว่าจะหย่ารู้ไหมว่าทำร้ายความรู้สึกกันมากเพียงใด?”
เซี่ยเสี่ยวหลานใบหน้าไม่แยแส “ถ้าอย่างนั้นตอนที่พ่อตีแม่ก็ไม่ถือว่าเป็การทำร้ายความรู้สึกหรือ? ป้าใหญ่ ตอนนั้นฉันไม่เคยเห็นป้าจะเกลี้ยกล่อมให้พ่อหยุดเลย”
จางชุ่ยอยากพูดออกไปผู้หญิงโดนตีมิใช่ธรรมเนียมที่มีมาั้แ่โบราณหรือ?
หลี่เฟิ่งเหมยได้พาคนในหมู่บ้านกลับมาด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่งจับเซี่ยต้าจวินกับหลิวหย่งแยกออกจากกันมีบางคนที่สนิทสนมกับหลิวหย่งยังแอบกระทืบเซี่ยต้าจวินไปหลายที
“จะทำไม? ยังกล้ามากร่างในหมู่บ้านพวกเราหรือ?”
“เล่นคนสารเลวอย่างมันให้ตายเถอะ ผู้ชายตีภรรยามันพวกชั่วช้ายังกล้าลงมือกับพี่หย่งอีก”
“บุกมาถึงหน้าประตูบ้าน คิดว่าหมู่บ้านชีจิ่งสู้ไม่ได้หรือ!”
ก็ไม่รู้ว่าขณะที่หลี่เฟิ่งเหมยไปตามคนมานั้นบอกกล่าวกันอย่างไรชาวบ้านยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ ร่วมมือกันรุมทำร้ายเซี่ยต้าจวินไปหนึ่งยกสองหมัดสู้สี่มือไม่ได้ เซี่ยต้าจวินถูกต่อยเสียจนนอนคว่ำลงกับพื้นหลิวเฟินจับมือเซี่ยเสี่ยวหลานเอาไว้แน่น และได้รู้ว่าผู้ชายที่ข่มขวัญเสียจนตัวเธอสั่นเทาก็ไม่ใช่จะไม่มีวิธีเอาชนะได้จริงๆเซี่ยต้าจวินอยู่ที่บ้านโบกกำปั้นใสเธอ อยู่ข้างนอกกลับเป็แค่ไอ้ขี้ขลาด
“วางมือให้หมด!”
ชายชราอายุราวหกสิบปีเดินมือไพล่หลังเข้ามาในบ้านตระกูลหลิว
ชาวบ้านจำนวนหนึ่งจับเซี่ยต้าจวินกดกับพื้นไว้ไม่ให้เขาขยับเขยื้อน
“ลุงต๋ามาแล้ว”
“ลุงต๋า ไอ้คนแซ่เซี่ยผู้นี่ช่างเลวยิ่งนัก”
“อย่าเพิ่งพูด ลุงต๋าต้องมีความคิดอะไรอยู่แน่นอน”
ลุงต๋ามีชื่อว่าเฉินวั่งต๋า เป็หัวหน้าหมู่บ้านชีจิ่ง เฉินก็คือสกุลใหญ่ของหมู่บ้านชีจิ่งเช่นกันเฉินวั่งต๋าดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี มีเกียรติศักดิ์มากนักในหมู่บ้านเมื่ออายุยังน้อยเฉินวั่งต๋าเคยเข้าร่วมกองทัพ แม้ว่าไม่ได้สร้างผลงานอะไรใหญ่โตแต่เขาคือทหารผ่านศึกปฏิวัติ [1] ตัวจริงถึงแม้เขาจะยินยอมเป็หัวหน้าหมู่บ้านอยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งแต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้สหายร่วมรบของเขาอาจได้ตำแหน่งสูงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
อย่าว่าแต่หมู่บ้านชีจิ่งเลยในเขตชนบทไปจนถึงในตัวเมืองนั้นเฉินวั่งต๋าก็แขวนชื่อเสียงเรียงนามของตนเอาไว้
เฉินวั่งต๋ายังเคยถูกเลือกเป็ผู้แทนประจำเขตตัวเมืองเพื่อเข้าร่วมสภาประชาชนอีกด้วยเมื่อก่อนถึงหลิวหย่งจะเหลวไหลแค่ไหนก็ไม่กล้าอหังการต่อหน้าเฉินวั่งต๋า
“ลุงต๋า ลุงมาแล้ว เชิญนั่งก่อน”
หลิวหย่งเชิญให้เฉินวั่งต๋านั่งก่อน เฉินวั่งต๋าจึงไม่เกรงใจก้นหย่อนลงแล้วถึงได้มองไปทางหลิวเฟิน
“ถึงครอบครัวของพวกเธอจะเป็คนสกุลนอกที่หลบหนีภัยแล้งมาไม่ได้จำเป็ต้องให้บรรพบุรุษสกุลเฉินของฉันดูแลแต่ในเมื่อใช้ชีวิตในหมู่บ้านชีจิ่งมาหลายสิบปี พวกเธอย่อมเป็คนของหมู่บ้านชีจิ่งพ่อแม่ของพวกเธอไม่อยู่แล้ว ฉันก็พอหน้าด้านเป็ผู้าุโแทนได้วันนี้ฉันจะเป็ตัวแทนให้กับเธอ หลิวเฟิน เธอบอกลุงต๋ามาจะหย่ากับสามีของเธอหรือไม่?”
หลิวหย่งบีบมือแน่น ขอบตาแดงรื้น
คนในหมู่บ้านไม่ทำเหมือนครอบครัวพวกเขาเป็คนนอกการแบ่งไร่นาแบ่งที่ดินล้วนมีครอบครัวพวกเขารวมอยู่ด้วย มีสิ่งดีก็ไม่กีดกัน ขนาดตอนนี้เฉินวั่งต๋าจะออกหน้าแทนหลิวเฟินหลิวหย่งยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจมาก
หลิวเฟินเองย่อมต้องซาบซึ้งมากแน่นอน
ด้วยเหตุผลแล้วเธอออกเรือนไปตั้ง 20 ปี อีกทั้งมิได้แซ่เฉิน เฉินวั่งต๋าจะไม่ใส่ใจเลยก็ย่อมได้
“ลุงต๋า ฉันจะหย่า รบกวนลุงเป็พยานให้ด้วยจ่ะ”
เฉินวั่งต๋าพนักหน้าตกลง “ฉันดูแลแค่ครั้งนี้นะ ถ้าวันไหนเธอเสียใจขึ้นมาทีหลังและอยากกลับไปลุงต๋าก็ถือว่าเธอเป็เพียงสามีภรรยาที่กลับมาคืนดีกันอย่างมีความสุขจะขอให้ฉันออกรับหน้าแทนนั้นไม่ได้อีกแล้ว หลิวหย่งไปเอากระดาษปากกาและหมึกประทับตรามา วันนี้ก็เขียนหนังสือรับรองให้เรียบร้อยเถอะ”
เซี่ยต้าจวินที่โดนคนเหยียบอยู่กับพื้นสำลักพลางะโกึกก้อง
“ฉันไม่ยอม เธอแต่งงานเข้าตระกูลเซี่ยของพวกเรามีชีวิตอยู่เป็คนตระกูลเซี่ย ตายแล้วก็ต้องเป็ผีตระกูลเซี่ย เธอเป็ภรรยาของฉัน!”
จางชุ่ยและหวังจินกุ้ยยังนึกไม่ถึงว่าวันนี้จะวุ่นวายได้ขนาดนี้พวกเธอทั้งสองไม่รู้จักสภาพการณ์ของหมู่บ้านชีจิ่งทว่าเห็นท่าทางของเฉินวั่งต๋าก็รู้ว่าไม่ใช่เล่นเห็นชัดเจนว่ามาไกล่เกลี่ยหลิวเฟินและลูกสาว แต่ทำไมไปๆ มาๆก็พูดถึงเื่หย่าร้างจากกันได้?
“เสี่ยวหลาน รีบยั้งแม่หลานเร็ว ตอนนี้แม่เธอกำลังอารมณ์ไม่ดีผู้หญิงคนหนึ่งหย่าแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร?ทะเบียนบ้านของแม่เธอก็ยังอยู่ในหมู่บ้านต้าเหอพวกเธอแม่ลูกอยู่ในหมู่บ้านชีจิ่งจะไม่มีแม้แต่ที่ดินสักแปลงเดียวนะ”
เกษตรกรไม่มีที่ดินแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร?
จางชุ่ยมิได้ห่วงใยหลิวเฟินและเซี่ยเสี่ยวหลานแต่เธอไม่้าให้สองคนนี้หลุดจากหูตาตน
เปลือกตาของเฉินวั่งต๋าไม่ขยับขึ้นด้วยซ้ำ “ย้ายทะเบียนบ้านของพวกเธอสองแม่ลูกมาก็ไม่ใช่เื่ยากอดีตพี่สะใภ้อย่างเธอนี่เป็กังวลแทนจังเลยนะ ไม่ต้องรบกวนเธอกังวลหรอกพวกเธอย้ายทะเบียนบ้านมาเมื่อไร หมู่บ้านชีจิ่งย่อมแบ่งไร่นากับที่ดินให้พวกเธอสองแม่ลูกอยู่แล้ว”
ถึงเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่หวงแหนไร่นาแม้แต่นิดเดียวและไม่คิดจะอยู่ในชนบทระยะยาวด้วยทว่าคำพูดของเฉินวั่งต๋าทำให้เธอรู้สึกขอบคุณมาก
เฉินวั่งต๋ากำลังสนับสนุนพวกเธอ
พอเห็นชาวบ้านเ่าั้ที่เหยียบเซี่ยต้าจวินไว้ทั้งยังมีคนในหมู่บ้านเดียวกันที่เมียงมองอยู่นอกบ้านเมื่อเฉินวั่งต๋ากล่าวว่าจะแบ่งที่ดินให้แก่หลิวเฟินและลูกสาวไม่ใช่ทุกคนจะยินดีแน่นอน แต่ไม่มีใครคัดค้านในทันทีเกียรติภูมิความน่าเชื่อถือของเฉินวั่งต๋าสูงมาก คนในหมู่บ้านชีจิ่งก็รู้ดีว่าเวลานี้ต้องสนับสนุนหลิวเฟินและลูกสาวจำเป็ต้องร่วมแรงร่วมใจกันรบศึกนอก จะโซ่หลุด [2] ไม่ได้โดยเด็ดขาด!
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต้องปริปากเองเลยเมื่อเฉินวั่งต๋าปรากฏตัวก็จัดการเื่นี้ให้จนแล้วเสร็จ
“ออกมาเขียนหนังสือสักคนหน่อย”
ชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคนที่ห้อมล้อมเซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักเขา เขามีชื่อว่าเฉินชิ่ง เป็หลานชายของหัวหน้าหมู่บ้านและเป็นักเรียนมัธยมปลายของหมู่บ้านด้วยเวลาเฉินชิ่งเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมักจะหน้าแดง ทว่าเขาที่ก้าวออกมาในตอนนี้แววตามั่นคงไม่วอกแวกให้ความรู้สึกของปัญญาชนไม่น้อย
นี่ไม่ใช่การหยอกเย้าแต่อย่างใด ในชนบทของปี 83 คนจบการศึกษาระดับมัธยมปลายนั้นถือว่าเป็ปัญญาชนแล้วเกาเข่าปีนี้เฉินชิ่งหลุดจากอันดับช่วยเหลืองานในนาในไร่ของครอบครัวเสร็จก็จะกลับไปเรียนซ้ำที่โรงเรียนนักเรียนมัธยมปลายไม่มีการแบ่งงาน [3] ให้ ที่พาดอยู่ตรงหน้าของเฉินชิ่งมีเพียงสองทางคือเรียนซ้ำแล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรือกลับชนบทไปเป็เกษตรกร
เฉินวั่งต๋ากล่าวหนึ่งประโยค เฉินชิ่งเขียนตามหนึ่งประโยค
หนังสือสัญญาลายมือแบบเดียวกันสามฉบับช่างละม้ายกับหนังสือหย่าในยุคอนาคตแต่หลิวเฟินและเซี่ยต้าจวินมีเพียงบ้านสองห้องแสนซอมซ่อไม่มีทรัพย์สินใดให้แบ่งเลยจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ต้องเลือกว่าจะอยู่กับใครเธออายุ 18 ปีเต็มแล้วไม่ต้องมีใครมาดูแลเธออีก
จางชุ่ยได้แต่ร้องห้าม หลิวเฟินยังคงไม่ไหวติง
เซี่ยต้าจวินไม่ยอมลงชื่อและพิมพ์ลายนิ้วมือเฉินวั่งต๋าไม่สนว่าเขายินดีหรือไม่วานให้คนจับมือของเซี่ยต้าจวินพิมพ์ลงกระดาษไปเสีย
หลิวเฟินได้รับสัญญาเธอมองไปยังเซี่ยเสี่ยวหลานรวมถึงพี่ชายกับพี่สะใภ้ ไม่มีใครคัดค้าน
เธอไม่มองเซี่ยต้าจวินแม้แต่นิดเดียวจุ่มหมึกแดงแล้วประทับนิ้วโป้งสองข้างลงไปอย่างหนักแน่น
เฉินวั่งต๋านำกระดาษแผ่นหนึ่งยัดให้จางชุ่ย “นี่เป็ฉบับของครอบครัวพวกเธอ อีกฉบับหนึ่งให้หลิวเฟินไว้ส่วนอีกชุดฉันจะส่งให้สถานีพลเมืองประจำเมืองเก็บเข้าคลังเอกสารด้วยตัวเองถ้าพวกเธอไม่มีธุระก็กลับไปได้แล้ว”
เชิงอรรถ
[1]老革命 ทหารผ่านศึกการปฏิวัติหมายถึง ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมปฏิวัติในประเทศจีนั้แ่ยุคแรกๆ ในที่นี้คือทหารที่เข้าร่วมาต่อต้านญี่ปุ่นใน่าโลกครั้งที่สองและาปฏิวัติภายใน
[2]掉链子 โซ่หลุด หมายถึง ทำผิดพลาดใน่เวลาสำคัญ
[3]工作分配 ระบบแบ่งงาน คือการจัดสรรงานให้กับนักศึกษาที่จบมหาวิทยาลัยหรือนักศึกษาสายอาชีพภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน