ฉันทำไม่ได้
แท่งเนื้อของฮั่วเฉิงโจวหนาและบวมราวกับจะะเิได้ทุกเมื่อ เขาอยากดันเข้าไปให้สุดทางจริงๆ!
แต่เขาก็เมินเฉยต่อน้ำตาที่คลอเบ้าของเสิ่นอันอันไม่ได้...
“อันอัน” เขายังไม่ยอมแพ้และ้าความยินยอมจากเธอ จึงพยายามทำให้เธอใจอ่อน
“ฮั่วเฉิงโจว ฉันทำไม่ได้จริงๆ อย่าบังคับฉันเลย” เสิ่นอันอันพูดเสียงต่ำ ก่อนจะร้องไห้อย่างหนัก
เป็เหตุให้เขาใจอ่อนลง
“อันอัน อย่าร้อง” ฮั่วเฉิงโจวเกลี้ยกล่อมเธอแล้วก้าวถอยหลัง “ผมไม่บังคับคุณแล้วครับ”
เขาลงจากร่างเธอและพาัที่แข็งตัวออกมาจากปากถ้ำ
เมื่อแก้ไขวิกฤตได้สำเร็จ หัวใจที่กระสับกระส่ายของเสิ่นอันอันก็ผ่อนคลายลง แต่ดวงตาของเธอยังคงสีแดงก่ำ ทำให้ฮั่วเฉิงโจวรู้สึกผิดอย่างมาก
เขาล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอ หอบหายใจอยู่พักหนึ่งก่อนจะสงบลง
เขาไล่ความคิดฟุ้งซ่านในใจออกไปและกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขน “อันอัน ผมไม่บังคับแล้ว คุณอย่าร้องไห้เลย”
เขาทำใจมองเธอร้องไห้เพราะตัวเขาเองไม่ได้
ระหว่างการเติมเต็มความปรารถนาของตัวเองกับการไม่ทำให้เธอร้องไห้ เขาเลือกอย่างหลัง
เขาแตกต่างจากเจียงอี้เฉิน เขาไม่คิดจะบังคับเสิ่นอันอัน แม้มันจะเป็วิธีที่โหดร้ายกับตัวเองก็ตาม
เสิ่นอันอันกอดแขนของเขาร้องไห้ และอาจเป็เพราะความเหนื่อย เปลือกตาบางจึงปิดลงแล้วค่อยๆ เข้าสู่ภวังค์นิทรา
ในค่ำคืนเงียบสงัด มีเพียงชายหนุ่มที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เอาเถอะ อดทนหน่อย
ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องเป็ของเขา ไม่จำเป็ต้องเร่งรัดเอาตอนนี้
...
แสงจันทร์ยามค่ำคืนจางหายไปและแทนที่ด้วยแสงแดดสว่างจ้า
เข็มสั้นของนาฬิกาบนผนังกวาดมาใกล้ถึงเลขเก้าอยู่รอมร่อ
เสิ่นอันอันเพิ่งตื่น เธอลืมตาขึ้นก็ได้ยินเสียงแหบแห้งข้างหู “ตื่นแล้วเหรอ?”
เมื่อหันไปมอง ดวงตาของเธอก็เหมือนกวางที่ตื่นตระหนกทันที
หลังจากเห็นใบหน้าหล่อเหลาสง่างามอย่างชัดเจน เหตุการณ์เมื่อคืนก็ค่อยๆ กลับมาในความคิดทีละฉากราวกับภาพย้อนหลัง
“ฮั่ว...ฮั่ว” เธอพูดอย่างคนติดอ่าง เสียงสะดุดขาดๆ หายๆ “ฮั่วเฉิงโจว เรา...”
“ไม่ต้องห่วง ระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ถึงขั้นนั้นแล้วยังบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกงั้นเหรอ?
อะไรที่ไม่ควรทำก็ทำไปหมดแล้ว ขาดก็แค่ขั้นสุดท้าย
เสิ่นอันอันหน้าแดงอีกครั้ง เธอกัดริมฝีปากราวกับ้าพูดอะไรบางอย่างเพื่อคลายความอับอาย แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร
ฮั่วเฉิงโจวเอ็นดูการแสดงออกของเธอ เขาเอื้อมมือไปััใบหน้าเล็กเรียว แต่เธอก็ถอยห่างด้วยความกลัว
เสิ่นอันอันเงยหน้าขึ้นพร้อมความเย้ายวนใจที่ซ่อนอยู่ในดวงตาเปียกชื้น
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “อันอัน ผมไม่ได้จะกินคุณสักหน่อย”
ไม่ได้จะกินเหรอ?
เมื่อคืนเขาแทบจะแทะกระดูกเธอด้วยซ้ำ
เสิ่นอันอันอ้าปากจะปฏิเสธ แต่ก็อายเกินกว่าจะพูดเช่นนั้น เธอจึงกลืนคำพูดทั้งหมดกลับเข้าไป
บรรยากาศเงียบลงชั่วขณะ
“ฮั่วเฉิงโจว!” เธอพองแก้มและพูดด้วยสีหน้าหดหู่
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยและตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมอยู่นี่”
“ฉันจะแต่งตัวแล้ว” เสิ่นอันอันพูดพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง “คุณออกไป”
ฮั่วเฉิงโจวยิ้มและพูดว่า “ได้”
เมื่อพูดจบเขาก็ลุกออกจากเตียง
เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าเช่นกัน ร่างเปลือยเปล่าองอาจจึงเปิดเผยสู่สายตาของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น เ้าั์ที่หว่างขาของเขาก็กำลังฟื้นตัว...
..........................................................................................................................................
หย่าร้าง
เสิ่นอันอันเผลอมองอย่างไม่ตั้งใจและรีบหลบสายตา
ฮั่วเฉิงโจวค่อยๆ สวมเสื้อผ้าทีละชิ้น การเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของเขาดูเป็สุภาพบุรุษอย่างมาก
เสิ่นอันอันคิดจริงๆ ว่าคนเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เขา
ปกติคนตรงหน้าเธอดูสูงส่งเกินเอื้อม ราวกับดอกไม้บนูเาสูงที่ไม่มีทางได้ยล การกล่าวถึงตัณหาทางโลกนั้นคล้ายจะเป็การดูิ่เขา
หลังจากฮั่วเฉิงโจวออกไป เธอก็ค่อยๆ คลานออกมาจากผ้าห่มอย่างระมัดระวังและรีบแต่งตัว
แม้จะแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่เสิ่นอันอันก็ยังคงกังวลอยู่ เธอนั่งบนเตียงและจ้องมองเท้าเล็กๆ ของตัวเองอย่างเหม่อลอย
อีกเดี๋ยวก็ต้องออกไปเจอเขา เธอควรจะเริ่มอย่างไรดี? แล้วควรจะพูดอะไรต่อ?
เธอเก็บฉากเมื่อคืนไว้ในใจทีละภาพ มันชัดเจนจนเธอลืมไม่ลง และเขาก็คงไม่ลืมเช่นกัน
แต่ลืมไม่ได้แล้วจะทำอย่างไรต่อล่ะ?
ความคิดของเสิ่นอันอันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วอย่างกังวล
เธออยู่ในห้องนอนเป็เวลานาน ไม่ได้ขยับไปไหน หมกมุ่นอยู่กับความคิดวุ่นวายของตัวเอง จนกระทั่งฮั่วเฉิงโจวเคาะประตู เธอถึงได้ดึงความคิดที่ล่องลอยกลับมา
“อันอัน” เขายืนอยู่นอกประตูโดยไม่ได้เปิดเข้าไป “คุณแต่งตัวเสร็จหรือยัง?”
เสิ่นอันอันตอบอย่างเร่งรีบและกระวนกระวาย “ฉัน...ฉันจะเสร็จแล้ว”
“่บ่ายผมมีสอน คงต้องกลับมหา’ลัยก่อน” เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ถ้าคุณมีอะไร คุณโทรหาผมได้เลยนะ”
อะไรกัน? ใส่กางเกงแล้วปฏิเสธผู้คน[1]งั้นเหรอ?
แต่นี่ก็คือสิ่งที่เสิ่นอันอัน้า
ถ้าเขาไม่ไป เธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร ตอนนี้เขาไปแล้ว เธอจะได้ใช้โอกาสนี้บรรเทาความอึดอัดลงไปบ้าง
“ถ้าคุณยุ่งคุณกลับไปก่อนก็ได้” เธอตอบผ่านแผงประตูห้องนอน ซ่อนตัวไม่กล้าออกมา
เขารู้ว่าทำไมเธอถึงซ่อนอยู่ข้างในและไม่คิดจะบังคับเธอ “ได้ครับ งั้นหลังเลิกงานแล้วผมจะมาหา”
ริมฝีปากบางของเสิ่นอันอันเม้มเป็เส้นตรง ไม่ตอบกลับไป ส่วนฮั่วเฉิงโจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงประตูเปิดและปิด พร้อมกับเสียงฝีเท้าของเขาที่ค่อยๆ เบาลงจนหายไป
เส้นประสาทที่ตึงเครียดของเสิ่นอันอันผ่อนคลายลง
เธอถอนหายใจยาวๆ แล้วลุกขึ้นเปิดประตูห้อง ขณะกำลังจะออกไปโทรศัพท์มือถือบนเตียงก็ดังขึ้น
เธอหันกลับไปมองโทรศัพท์และเห็นหมายเลขของเจียงอี้เฉินแสดงบนหน้าจอ
หลังจากกดรับสาย ก็มีเสียงคำรามสนั่นดังขึ้นทันที “เสิ่นอันอัน เธออยู่ไหน?”
เสิ่นอันอันขยับโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย แล้วถามด้วยน้ำเสียงเ็า “มีอะไรเหรอ?”
รอยยิ้มเ็าส่งผ่านมาตามสาย “ไม่เจอกันไม่กี่วัน ไม่ใช่ว่าเธอไปขลุกอยู่กับคนป่านั่นอีกแล้วหรอกนะ?”
“ใช่ แล้วไงต่อ?”
เธออดนึกถึงฉากเมื่อคืนไม่ได้ เสียงครวญครางที่คลุมเครือ การเคลื่อนไหวของผู้ชายที่หอบห้าวอย่างหยาบกระด้าง และกำหนัดอันเปียกโชกในอากาศ
ดูเหมือนว่าหว่างขาจะแฉะขึ้นมาอีกแล้ว…
เจียงอี้เฉินโกรธมากจนใบหน้าเปลี่ยนเป็สีเขียว และแล้วความมีเหตุผลของเขาก็หายไปทันที “ได้ ไม่ใช่ว่าเธออยากหย่าเหรอ? ไปวันนี้ ไปเดี๋ยวนี้เลย!”
เขาไม่ได้เต็มใจทำตามที่เธอ้า และไม่ได้ยอมรับข้อแลกเปลี่ยนของฮั่วเฉิงโจวด้วย แต่ความโกรธจนขาดสติทำให้เขาตัดสินใจเซ็นใบหย่า
ภาพในหนังสือพิมพ์วันนั้นกลายเป็เื่ขบขันของสาธารณชน ผู้คนในเมืองอวิ๋นเฉิงต่างก็รับรู้ข่าวว่าภรรยาของเจียงอี้เฉิงไปนอนกับชายอื่น
แล้วคุณชายเจียงผู้เย่อหยิ่งจองหองมาโดยตลอด จะอดทนต่อรอยเปื้อนบนตัวภรรยาได้อย่างไร?
เธออยากหย่าไม่ใช่เหรอ? งั้นก็หย่าเลย
เพราะเขาก็ไม่ชอบเธอเหมือนกัน!
[1] ไร้ความรับผิดชอบ หรือแสร้งทำเป็ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากทำสิ่งนั้นเสร็จแล้ว (มักใช้วลีนี้อธิบายการปฏิเสธการยอมรับข้อเท็จจริงหรือปัดความรับผิดชอบเมื่อเื่จบลง)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้