หลิวเฟินตัดสินใจว่าจะไม่กลับตระกูลเซี่ยพอดีกับตระกูลเซี่ยก็กำลังหารือกันเื่ของพวกเธอสองคนแม่ลูก
ตระกูลเซี่ยมีสมาชิกสิบกว่าคน คนเยอะที่ดินเยอะ แต่แรงงานที่ใช้งานได้จริงกลับมีน้อยสามพี่น้องตระกูลเซี่ยซ่อมคันกั้นน้ำ ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้พักจนแล้วเสร็จกลับมาถึงบ้านสิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือ่ฤดูเก็บเกี่ยว ระหว่างนั้นไม่มีเวลาให้พักผ่อนร่างกายแข็งแกร่งราวกับเหล็กยังทนไม่ไหวอีกทั้งไม่มีหลิวเฟินผู้เป็วัวแก่ที่ทำงานมากแต่กินน้อยตัวนี้แล้วแม้แต่จางชุ่ยที่ไม่ได้ทำงานเท่าไรนักยังต้องลงไร่นาสะใภ้สามอย่างหวังจินกุ้ยก็แอบี้เีไม่ได้แล้วแม่เฒ่าเซี่ยและเซี่ยหงเซี๋ยอยู่บ้านทำอาหารเลี้ยงเด็กๆคนทั้งบ้านเหนื่อยแทบขาดใจกว่าจะนำข้าวเข้ายุ้งได้แต่ละคนรู้สึกว่าการเก็บเกี่ยวของปีนี้ช่างเหนื่อยมากเหลือเกิน เซี่ยจื่ออวี้นำเงินเก็บของบ้านไปแล้วเงินที่สามพี่น้องตระกูลเซี่ยได้จากการซ่อมคันกั้นน้ำยังต้องส่งไปให้เซี่ยจื่ออวี้อีกบัญชีกลางของตระกูลเซี่ยร่อยหรอจนเกือบไม่มีเงินกินข้าวแล้วโดยพื้นฐานอาหารในฤดูเก็บเกี่ยว่ใบไม้ร่วงของปีนี้จึงไม่มีเนื้อสัตว์ในกระเพาะไม่มีสารอาหารเพียงพอ ทำงานย่อมไร้ซึ่งแรงกายแรงใจสนับสนุน
เมื่อนำข้าวเก็บเข้ายุ้งด้วยความยากลำบากได้แล้วในที่สุดตระกูลเซี่ยก็สามารถรวมตัวประชุมกันในครอบครัวได้ปรึกษาหารือกันเื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดา
“ต้าจวิน แกคิดอย่างไร? พวกมันสองแม่ลูกกลับตระกูลหลิวไปนานขนาดนี้แม้แต่่เก็บเกี่ยวก็ยังไม่กลับมา ไม่คิดว่าตัวเองเป็ส่วนหนึ่งของบ้านเซี่ยแล้วหรือชีวิตไร้เมียและลูกแบบนี้จะดำเนินต่อไปได้หรือ?”
ใบหน้าของแม่เฒ่าเซี่ยเต็มไปด้วยความกังวล
แม่เฒ่าเซี่ยมีภูมิปัญญาในการใช้ชีวิตเป็ของตนเอง อยู่ต่อหน้าคนต่างกันเธอย่อมสวมใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลานสาวสุดที่รักเซี่ยจื่ออวี้เธอคือคุณย่าผู้โอบอ้อมอารีมีเมตตาแน่นอนว่าหญิงชราเซี่ยมิได้เอ็นดูเซี่ยจื่ออวี้ถึงเพียงนั้นมาั้แ่แรกเธอมีแิแบบชนบทในการให้ความสำคัญกับเพศชายมากกว่าเพศหญิงรักที่สุดย่อมต้องเป็หลานชายสามคน ทว่าอยู่ดีๆ หลังเซี่ยจื่ออวี้เรียนจบมัธยมต้นก็เริ่มหัวไวขึ้นทุกคำพูด ทุกการกระทำล้วนร่วงหล่นฝังอยู่ในก้นบึ้งจิตใจของหญิงชราเซี่ย เธอเรียนเก่งอีกทั้งยังมีอนาคตไกลใจของหญิงชราเซี่ยจึงได้ค่อยๆ เอนเอียง พอเซี่ยจื่ออวี้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วในสายตาของหญิงชราเซี่ยนั้น ตำแหน่งหลานชายจึงเรียงแถวต่อกันหลังหลานสาวคนโต
เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสะใภ้ที่ไม่มีลูกชายและเซี่ยเสี่ยวหลานเธอคือสตรีผู้เ้าเล่ห์เพทุบายไร้ความปรานี
หากไม่เอาเปรียบคนชนชั้นล่างของตระกูลเซี่ยอย่างหลิวเฟินจะก่อเกิดอำนาจในการปกครองของแม่เฒ่าเซี่ยได้อย่างไร?
เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกชายโดยเฉพาะลูกชายคนรองที่มีแต่กำลังทว่าไม่ฉลาดคิด แม่เฒ่าเซี่ยคือมารดาผู้ใส่ใจเธอมิใช่ดอกบัวขาว[1] แต่ที่เธอทำอะไรเสียดสีแดกดันลงไปก็มักจะพูดอย่างสง่าผ่าเผยว่าเพื่อให้เซี่ยต้าจวินได้ดีเพื่อให้ทั้งตระกูลเซี่ยได้ดี จิตใจเปี่ยมรักเช่นมารดาของเธอนั้น มักแสดงออกอย่างเป็กังวลว่าเซี่ยต้าจวินจะไม่มีลูกชายเคารพในวันสุดท้ายของชีวิตกังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานผู้เย่อหยิ่งเหยาะแหยะจะออกเรือนไปไม่รอดดังนั้นถึงให้เซี่ยต้าจวินดีกับเซี่ยจื่ออวี้ซึ่งมีอนาคตก้าวไกลไว้สักหน่อยให้หลิวเฟินที่ไม่มีลูกชายทำงานมากอีกสักนิด ให้สองสามีภรรยาอุทิศตนแด่ตระกูลเซี่ยมากขึ้นภายภาคหน้าเหล่าหลานชายจึงจะกตัญญูต่อทั้งสองคน—อย่างน้อยหญิงชราเซี่ยในใจของเซี่ยต้าจวินก็มีภาพลักษณ์เช่นนี้
เขามิใช่ไม่รับรู้ว่าหลิวเฟินอยู่ในบ้านแล้วได้รับความทุกข์โศก
ทว่าเซี่ยต้าจวินเคยชินเสียแล้ว และคิดว่าหลิวเฟินอดทนสักหน่อยเดี๋ยวก็จะดีเอง
เขาเองรู้สึกว่าการที่ครอบครัวไม่ส่งเซี่ยเสี่ยวหลานไปโรงพยาบาลในครั้งนั้นค่อนข้างทำเกินไปหน่อย แต่ในบ้านไม่มีเงินแล้วจริงๆ เด็กคนนั้นรึก็ดื้อรั้นเหลือทนเห็นของดีก็อยากแย่งชิง ยอมตกต่ำทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ครอบครัวจะว่ากล่าวสักประโยคสองประโยคยังไม่ได้เลยหรือ?
ยิ่งเซี่ยจื่ออวี้ใจกว้างเซี่ยเสี่ยวหลานยิ่งควรแสดงท่าที้าขออภัยออกมาจึงจะถูก
สิ่งเหล่านี้เป็ความคิดในใจของเซี่ยต้าจวินแต่วันนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานใช้กรรไกรจี้คอเพื่อต่อรองขอออกจากตระกูลเซี่ยอีกทั้งหลิวเฟินยังชนเขาให้พ้นทางอย่างรุนแรงเป็ครั้งแรกเซี่ยต้าจวินอดสงสัยไม่ได้... เขาทำผิดต่อครอบครัวตนเองไปแล้วใช่หรือไม่?
การทำเวลารีบเร่งเก็บเกี่ยวข้าวทำเอาเซี่ยต้าจวินอ่อนระโหยโรยแรงการประชุมในครอบครัวหลังจากเก็บข้าวเข้ายุ้งจึงทำให้เขาไร้เหตุผลในการโต้แย้งเมื่อหญิงชราเซี่ยถามเขาว่าชีวิตจะยังดำเนินต่อไปได้หรือ?เซี่ยต้าจวินรู้สึกเหมือนหนังหน้าของตนถูกเหยียบลงใต้เท้าแล้วจริงๆ
เขาให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ ถูกคนในชนบทเสียดสีว่าไร้ลูกหลานสืบสกุล
แม้แต่เป็ผู้นำให้ภรรยาและลูกสาวในบ้านก็ยังทำไม่ได้?!
“ฉันจะพาพวกเธอสองแม่ลูกกลับมาขอโทษแม่เอง”
ในการประชุมครอบครัวครั้งนี้ไม่มีผู้น้อยของบ้านเลยสักคนเซี่ยหงเซี๋ยแอบฟังอยู่ใต้หน้าต่างด้านนอกลุงรองของเธอยังอยากให้พวกเซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาเซี่ยหงเซี๋ยโกรธเคืองเสียจนเจ็บอก เซี่ยเสี่ยวหลานถือดียังไงมาจองหองถึงเพียงนั้นหน้าตาก็ไม่สง่างาม ไม่ควรค่าเทียบเทียมกับพี่สาวคนโตด้วยซ้ำกลับมาตระกูลเซี่ยย่อมต้องขัดขวางเื่การแต่งงานของเธอเป็แน่...เซี่ยหงเซี๋ยไม่อยากยอมรับ ปากเธอบอกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาไม่สง่างามแท้จริงแล้วกลับอิจฉาในรูปลักษณ์เช่นนั้น
คำพูดของเซี่ยต้าจวินทำให้คนตระกูลเซี่ยเงียบสงัด
ทุกคนเข้าใจแล้วว่าเซี่ยต้าจวินยังคงอยากดำเนินชีวิตต่อไปไม่มีความคิดเปลี่ยนภรรยาใหม่ชั่วคราว หลังจินกุ้ยร้อนผ่าวอย่างร้อนรน หลิวเฟินควรจะกลับมาหรือไม่เธอไม่มีความเห็นใด แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ควรกลับมาทำให้ชื่อเสียงของลูกสาวเธอเสียหายไปด้วยเธอกำลังจะพูด แต่เซี่ยหงปิงผู้เป็สามีกลับใช้สายตาจดจ้องเธอไว้
จางชุ่ยดึงแขนเสื้อของเซี่ยฉางเจิงเบาๆเซี่ยฉางเจิงจึงพยักหน้าพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแบบพี่ชายคนโต
“คนครอบครัวเดียวกันต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างให้เซี่ยเสี่ยวหลานกลับมาขอโทษย่าเสีย พวกเรายังเป็ครอบครัวสายเืเดียวกันนะเด็กคนนี้นี่ไม่รู้จักเหตุผลเกินไปแล้ว เื่ชื่อเสียงข้างนอกเอาไว้ก่อนเถอะ ดูเข้าสิเื่แค่นี้ก็ทำให้ใหญ่เสียจนย่าของเธอขุ่นเคือง”
เซี่ยต้าจวินมองมารดาของเขาตาละห้อย แม่เฒ่าเซี่ยถอนหายใจหนักๆออกมา
“ไม่ต้องให้มันมาขอโทษฉัน เกิดเื่น่าอายแบบนี้ขึ้น มันควรมาขอโทษจื่ออวี้มากที่สุดจื่ออวี้ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับมัน นั่นก็เพราะจื่ออวี้ใจกว้าง!”
คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผล
ในเมื่อความสัมพันธ์ของเซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวเปิดเผยแล้วทั้งสองคนเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ต้องแต่งงานกันแน่นอน คนบ้านเดียวกันขัดแย้งกันแต่อย่างไรก็ยังตัดไม่ขาดเซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ไปมาหาสู่กับพี่สาวและพี่เขยเลยหรือ?
อายุน้อยไม่รู้จักคิด จะต้องแย่งชิงเอาแพ้ชนะกับเซี่ยจื่ออวี้ให้ได้ทำความผิดแล้วยังเชิดคอไม่ยอมรับผิด... คนในครอบครัวจะชื่นชอบเธอได้อย่างไร?
“จื่ออวี้ไม่ได้โทษเธอ แต่นิสัยนั่นของเซี่ยเสี่ยวหลาน...ให้เธออยู่ในบ้านหลิวก็เกรงว่าจะก่อเื่ให้บ้านหลิวด้วยรับกลับมาให้พวกเราคอยดูเถอะ หลานอายุยังน้อย อบรมสั่งสอนดีๆต้องกลับตัวได้อยู่แล้ว”
จางชุ่ยได้ทีทำตัวเป็แม่พระแล้ว แต่หวังจินกุ้ยไม่พอใจอย่างมาก “มีเธอหัวโด่อยู่ในบ้าน ใครจะกล้ามาทาบทามหาคู่หงเซี๋ยของฉัน? หรือว่าพี่สะใภ้จะวานจื่ออวี้แนะนำนักศึกษาให้หงเซี๋ยสักคนกัน?”
กล่าวจนถึงประโยคหลัง แววตาของหวังจินกุ้ยก็ส่องประกาย เธอคาดหวังคำตอบมากจริงๆ!
จางชุ่ยเปลือกตากระตุกทันที แนะนำนักศึกษาสักคนให้เซี่ยหงเซี๋ย? เดี๋ยวนี้นักศึกษามหาวิทยาลัยไม่มีคุณค่าขนาดนั้นเชียวหรือเซี่ยหงเซี๋ยหน้าตาไม่โดดเด่นที่สุดในหมู่พี่น้องสามสาวตระกูลเซี่ยขนาดมัธยมต้นยังเรียนไม่จบ อีกทั้งใช้ทะเบียนบ้านชนบทซึ่งไม่สามารถสมัครงานได้มีแต่นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตาบอดเท่านั้นถึงจะเห็นด้วยในการคบหากับเซี่ยหงเซี๋ย
“เอาล่ะ อย่าพูดอะไรไร้สาระเลย ต้าจวินยังอยากใช้ชีวิตให้ดีต่อไปพรุ่งนี้ก็ไปรับคนที่บ้านหลิวกลับมาเสีย!”
หลิวหย่งมิใช่คนที่รับมือได้ง่ายหญิงชราเซี่ยจงใจให้เซี่ยต้าจวินไปเจอตะปู [2] เข้า ทว่าเซี่ยฉางเจิงกลับไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย “พรุ่งนี้ฉันไปเป็เพื่อนต้าจวินเอง”
จางชุ่ยเห็นสีหน้าไม่ยินยอมของแม่สามีเขียนแปะอยู่บนหน้าจึงรีบเสริมไปอีกประโยค “ให้ฉันไปกับต้าจวินดีกว่าผู้ชายอย่างพวกเธอพูดจาแข็งกระด้าง จะทำให้เื่ยากเข้าไปอีก”
เซี่ยต้าจวินมองพี่สะใภ้ด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ
หวังจินกุ้ยนึกอะไรบางอย่างออก “อย่างนั้นฉันจะไปด้วย ฉันร่วมแรงกับพี่สะใภ้ใหญ่ต่อให้ต้องแบกก็จะแบกพี่สะใภ้รองกลับตระกูลเซี่ยให้ได้!”
เชิงอรรถ
[1]老白莲 ดอกบัวขาว เดิมทีมีความหมายว่าดอกบัวเกิดจากดินโคลนแต่กลับบริสุทธิ์ผุดผ่องทว่าความหมายตามคำแสลงในโลกออนไลน์หมายถึง คนที่เสแสร้งว่าเป็คนดี จิตใจงดงามแต่แท้จริงแล้วในใจชั่วร้าย ความคิดเน่าเหม็น
[2]碰钉子 เจอตะปู หมายถึงพบกับการถูกปฏิเสธหรือถูกตำหนิ