ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวเยี่ยนตอบสนองรวดเร็วใช้ตัวเข้าไปบังธนูอย่างว่องไวในตอนนั้น เกรงว่าไทเฮาคง...
"พ่ะย่ะค่ะ ฉู่ชิงรับคำสั่ง" ฉู่ชิงประสานมือโค้งคำนับเดินไปด้านข้างของจ้าวเยี่ยน หยิบหัวธนูที่เอาออกมาจากตัวจ้าวเยี่ยนขึ้นมาดู
บรรยากาศในห้องแปลกประหลาดนัก ฮ่องเต้หยวนเต๋อเหลือบมองจ้าวเยี่ยนที่ยังคงนอนหลับสนิทเพราะไร้เรี่ยวแรง เอ่ยปากพูดขึ้นว่า"พี่สะใภ้ ทหารคุ้มกันของเจิ้นเฉื่อยช้าทำให้พี่สะใภ้ตื่นตระหนกใแล้ว"
"ฝ่าา ไม่ต้องใช้คนมากเช่นนี้หรอกเพคะบางทีเื่นี้อาจมีอะไรเข้าใจผิด ข้าออกบวชมาครึ่งชีวิตแล้วในใจได้ละทิ้งโลกทางโลกไปนานแล้ว รอให้ราชทูตหนานเยวี่ยกลับไป ข้าก็จะกลับชิงโหยวกว่านเพคะ"ฉางไทเฮาใบหน้าราบเรียบและสงบนิ่ง "ทว่าน่าสงสารเยี่ยนเอ๋อร์ต้องมารับความยากลำบากนี้แทนข้า"
"พี่สะใภ้..."
เมื่อฉางไทเฮากล่าวออกมาเช่นนี้สีหน้าของฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ยิ่งดูวิตกกังวลมากขึ้น "พี่สะใภ้วางใจเถิดเื่นี้ เจิ้นจะต้องชี้แจงต่อพี่สะใภ้ให้ได้"
ฉางไทเฮาฉีกยิ้มมุมปาก หัวเราะสรวล ท่าทียังคงไม่ค่อยใส่ใจมากนัก
“พี่สะใภ้พักอยู่ที่ชิงโหยวกว่านสบายดีหรือไม่?" ครู่หนึ่ง ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ให้หมอหลวงออกไป ในห้องเหลือเพียงฉางไทเฮา ฮ่องเต้หยวนเต๋อและจ้าวเยี่ยนที่นอนหลับใหลอยู่
ความกังวลในคำพูดของฮ่องเต้หยวนเต๋อไม่ได้ถูกซ่อนเร้นแม้แต่น้อยทั้งหมดอยู่ในสายตาของฉางไทเฮา ทว่ากลับแสดงท่าทีห่างเหิน"ขอบพระทัยความใส่ใจของฝ่าา ฝ่าาทรงส่งข้าหลวงมาดูแลโดยเฉพาะแน่นอนว่าต้องสบายดี เขาฉีชานเองก็อยู่ไม่ไกลจากพระราชสุสานนัก ยามปกติที่ข้าไม่มีเื่อะไรก็มักจะให้ข้าหลวงทั้งหลายไปหาอดีตฮ่องเต้ที่พระราชสุสานเป็เพื่อนเสมอ อดีตฮ่องเต้ทรงตได้ยี่สิบปีแล้วเขาอยู่ในพระราชสุสานก็คงจะเหงาด้วยเช่นกัน"
ฮ่องเต้พระองค์ก่อนหรือ?
สีหน้าของฮ่องเต้หยวนเต๋อแปรเปลี่ยนเล็กน้อย"ใช่ ยี่สิบกว่าปีแล้ว จำได้ว่าปีนั้นเจิ้นและเสด็จพี่สมรสพร้อมกัน...เื่ราวมากมายเ่าั้ ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน"
"ใช่ ยามนั้นฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฝ่าา ข้าและซินเอ๋อร์..."ฉางไทเฮาเองก็ดูเหมือนจะหวนคิดถึงเื่ราวในอดีต ในแววตาอันสงบนิ่ง เปรียบประหนึ่งความงดงามของโลกมนุษย์ทว่าชั่วครู่หนึ่ง กลับมีร่องรอยของความเ็ปในดวงตาคู่นั้นแล่นเข้ามา"พวกเราสามคนล้วนยังอยู่ ทว่าอดีตฮ่องเต้กลับ..."
ฉางไทเฮาอดไม่ได้ที่จะปาดน้ำตาฮ่องเต้หยวนเต๋อมองท่าทางเศร้าสร้อยของนาง คิดอยากจะเข้าไปปลอบทว่าเมื่อคิดถึงฐานะของทั้งสอง ในที่สุดก็ล้มเลิกความคิดไป
พวกเขาสองคน คนหนึ่งเป็ฮ่องเต้ อีกคนหนึ่งเป็หญิงม่ายซึ่งเป็ฮองเฮาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ตามหลักจริยธรรมแล้ว เื่บางเื่ก็จำเป็ต้องหลีกเลี่ยง
ในวันที่ห้าเดือนเจ็ดราชทูตจากหนานเยวี่ยและราชทูตจากตงหลีมาถึงเมืองชุ่นเทียนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายอย่างน่าคาดไม่ถึง
เื่ราวเกี่ยวกับการลอบสังหารฉางไทเฮาที่ประตูเมืองในวันนั้นไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆ ทว่าข่าวลือในหมู่คนนอกกลับไม่น้อยลงเลย
บางคนเล่าลือว่ามีใครบางคนในเมืองชุ่นเทียนไม่ปรารถนาให้ฉางไทเฮากลับวังหลวงยังมีคนพูดไปอีกว่า การลอบฆ่าครั้งนั้นคือการ่ชิงความโปรดปรานในวังหลังและมีความเกี่ยวข้องกับข่าวลือของอดีตฮ่องเต้ ฝ่าาและไทเฮาในครานั้นเล็กน้อยคำพูดวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าประชาชนมากมาย ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่บุคคลผู้หนึ่ง
ฮองเฮาองค์ปัจจุบัน...อวี่เหวินซิน
ฉางไทเฮากลับวังหลวงมาสองวันนี้ฮ่องเต้หยวนเต๋อแทบจะไม่ได้ไปว่าราชการ แต่กลับไปเยี่ยมเยือนถึงตำหนักฉางเล่อ
วันที่ห้าเดือนเจ็ดวันนี้ทันทีที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อจากไป ตำหนักฉางเล่อก็ต้อนรับแขกผู้ทรงเสน่ห์
ต้นหลิวสีเขียวริมทะเลสาบ นกกระจิบบินทำรัง
หมากกระดานตัวขาวและตัวดำ เ้ามา ข้าเดินเกือบจะเสมอกัน ทั้งสองตื่นเต้นยิ่งนัก ผ่านไปสักพัก บรรยากาศก็ค่อยๆ อวลกลิ่นความรื่นเริงเนิ่นนาน
"พี่สะใภ้ นิดหน่อยท่านก็ไม่ยอมให้ข้า"องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ย เมื่อเทียบกับในยามปกติมีความอ่อนโยนของเด็กสาวมากกว่าเล็กน้อย
ฉางไทเฮาชำเลืองมองนาง ดวงตาฉายแววรักใคร่อย่างมาก “หากข้าอ่อนข้อให้เ้าเ้าก็คงมีเหตุผลอื่นที่จะไม่มีความสุขอีก เดินหมากกับข้า เ้ามักจะบิดพลิ้วยังไม่เคยเห็นเ้าบิดพลิ้วต่อหน้าเสด็จพี่ของเ้าเลย เสด็จพี่ของเ้าก็พูดกับข้า ว่ารักเอ็นดูเ้าเกินไปแล้ว"
“เสด็จพี่…”มือที่ถือหมากขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอสั่นไหวเล็กน้อยไทเฮาทรงตระหนักอะไรบางอย่างและตรัสว่า “เ้าดูข้า หลายปีผ่านไปก็ยังไม่ลืมตอนที่เขาอยู่เมื่อครู่ที่เดินหมากกับเ้า ราวกับย้อนคืนวันวานในอดีต
“พี่สะใภ้ ท่านอย่าเศร้าใจไปเลย”องค์หญิงใหญ่ชิงเหอรู้ว่าพี่สะใภ้ผู้นี้และพี่ชายของตนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง รีบกล่าวปลอบโยนออกมาทันทีว่า“ท่านดูสิ อีกไม่กี่เดือน ท่านก็จะมีหลานตัวน้อยๆ เพิ่มมาอีกหนึ่งคนแล้วนะ”
"เ้าหมายถึง..."
ฉางไทเฮาถูกคำพูดขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอดึงดูดแทบไม่สนใจหมากในมือ นางเดินไปข้างๆ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ยื่นมือออกไปลูบครรภ์น้อยๆขององค์หญิงใหญ่ ััได้ถึงความโค้งนูนนั้น สีหน้ายากจะปกปิดความตื่นเต้น"ดี ดียิ่งนัก หากเสด็จพี่ของเ้ารู้เื่นี้ ดวงจิตบน์จะต้องมีความสุขกับเ้าด้วยแน่”
"ข้าสามารถกล่าวได้ว่าเด็กคนนี้เป็คนมีโชควาสนาคนหนึ่งเลยทีเดียวพบเจออันตรายมาสองครั้งสองครา อีกนิดเดียวก็..."องค์หญิงใหญ่ชิงเหอคิดถึงอุบัติเหตุก่อนหน้านี้สองครั้ง สีหน้ามืดมนลงไปทันทีทว่าเพียงชั่ววูบ ราวกับคิดถึงอะไรบางอย่างได้ สีหน้าก็กลับมายิ้มแย้มดังเดิม"ข้าโชคดีมากนัก จะกล่าวถึงเด็กสาวคนนั้นก็พิเศษมากเช่นกัน ข้ารับนางเป็บุตรีบุญธรรมวันหลังข้าจะต้องพานางมาพบพี่สะใภ้แน่"
“บุตรีบุญธรรมหรือ?" ฉางไทเฮาท่าทางตื่นเต้น ด้วยนิสัยของชิงเหอ นางรู้ดีที่สุด สามารถทำให้นางรับเป็บุตรีบุญธรรมได้ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่ "เช่นนั้นข้าก็อยากพบนาง"
จ้าวเยี่ยนที่เพิ่งออกมาจากห้องเมื่อครู่เขาได้ยินคำพูดขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอเช่นกัน
ท่าทีที่นางเอ่ยถึงเหนียนยวี่ทำให้หยุดชะงักฝีเท้า ราวกับมีอะไรแวบผ่านเข้ามาในหัว
ผิดแล้ว...ทั้งหมดผิดแล้ว!
จ้าวเยี่ยนจำเื่ที่เกิดขึ้นในตำหนักองค์หญิงใหญ่วันนั้นได้เป็ไปได้หรือไม่ว่าเหนียนยวี่ตั้งใจทำถ้วยชาหล่น?
พบเจออันตรายถึงสองครา...
สองครา...
ครั้งแรกที่ซื่อฟางกว่าน เหนียนยวี่ช่วยชีวิตองค์หญิงใหญ่ไว้แล้วครั้งที่สอง...หรือจะเป็วันนั้นที่ตำหนักองค์หญิงใหญ่งั้นหรือ?
ร่างของจ้าวเยี่ยนสั่นไหวเล็กน้อย ยิ่งเขาคิดถึงเื่นี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดามากขึ้นเท่านั้น ถ้วยชานั่น...
ใช่แล้ว เหนียนยวี่ตอนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้หยวนเต๋อสีหน้าไม่เปลี่ยน จิตใจไม่ลุกลน ความหนักแน่นสงบนิ่งเช่นนั้น จะมือลื่นถึงขนาดทำถ้วยชาตกเพราะประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ได้อย่างไร?
นางจงใจ และเขาก็ควรคิดเื่นี้ออกนานแล้ว!
เขาระมัดระวังอยู่เสมอ ทว่าไม่คิดถึงเื่นี้เลยเขากลับมองไปทางอื่น
เมื่อนึกถึงความห่างเหินของตนที่มีต่อเหนียนยวี่่นี้...สองคิ้วของจ้าวเยี่ยนก็ขมวดแน่น
ได้ยินว่าจ้าวอี้หนีไปที่จวนเหนียนทุกวัน เขารู้เื่ราวภายในหรือไม่?
ทว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่และเหนียนยวี่กลับจงใจแสร้งทำว่าเหนียนยวี่สูญเสียความโปรดปรานไปแล้วด้วยเล่า?
เกิดคำถามมากมายในใจของจ้าวเยี่ยน ทว่าสิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ชัดคือในใจขององค์หญิงใหญ่ คนที่นางเชื่อใจมีน้อยนัก ทว่าเหนียนยวี่กลับกลายเป็หนึ่งในนั้นแล้ว
เขาสูดหายใจเข้าลึก จ้าวเยี่ยนเดิมทีที่ก้าวเท้าออกมานอกห้องแล้วทว่ากลับเปลี่ยนทิศทางกลับเข้าไป
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะตามหลังจ้าวอี้ไปหนึ่งก้าวและเขาแน่นอนว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองถอยหลังเด็ดขาด
ดึกดื่นค่ำคืนแล้ว ลานเซียนหลานในจวนเหนียนเหนียนยวี่กลับนอนไม่หลับ
ใน่สองวันนี้ เหนียนยวี่ทราบข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการลอบสังหารนอกประตูเมืองชุ่นเทียน
นางไม่แน่ใจเื่สายสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้พระองค์ก่อนฝ่าา ไทเฮาฉางหนิงและฮองเฮาอวี่เหวินนัก และไม่รู้ว่าเื้ัเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนี้ แท้จริงเป็ผู้ใดที่อยู่เื้ักันแน่ นางรู้เื่ราวเพียงนิดเดียวเท่านั้น
หลังจากฉางไทเฮากลับมาครั้งนี้ก็ไม่เคยออกจากเมืองชุ่นเทียนอีกเลย
ในอากาศเจือกลิ่นอำพันทะเลอันคุ้นเคย มันดึงความคิดของเหนียนยวี่ให้กลับมาทันทีช่างหาได้ยากที่ผู้มาใหม่จะไม่เงียบเชียบเช่นแต่ก่อน
"เหตุใดถึงใจลอยเช่นนี้?" ฉู่ชิงเหลือบมองหญิงสาวบนเตียงข้างแสงจันทร์ความประหลาดใจในดวงตาของนาง ทำให้มุมปากของเขาภายใต้หน้ากากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย