ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยด้วยความช่วยเหลือของเว่ยซูหาน หลังจากดื่มน้ำแกงให้สร่างเรียบร้อยก็พากันออกไปจากห้องเพื่อพบกับสาวใช้ที่อยู่ข้างนอก เหล่าสาวใช้พาพวกเขาไปที่เรือนของฮูหยินเหยียน
“เอ่อ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว… จากดื่มชาเคารพตอนเช้าก็กลายเป็ดื่มชาเคารพตอนเที่ยง”
เหยียนชิงตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ตำหนิตัวเองที่ตื่นสายเกินไป บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันจำเป็ต้องตื่นแต่เช้า เพราะนอกจากท่านแม่แล้ว ท่านป้ากับญาติผู้ใหญ่ในตระกูลก็อยู่ที่นี่ด้วยเพื่อรอทำพิธีเคารพ นี่ถือว่าเสียมารยาทเข้าแล้วจริงๆ เว่ยซูหานเองก็ไม่รู้จักเรียกเขา… ประเดี๋ยวท่านแม่อาจจะตำหนิได้ หากตำหนิแค่ตัวเขาก็ว่าไปอย่าง กลัวแต่ว่าจะตำหนิเว่ยซูหานด้วย
เดิมทีการแต่งงานนี้ก็มีข้อพิพาทมากมายอยู่แล้ว…อย่าพูดถึงคนอื่นไกล พี่ใหญ่ ท่านแม่ล้วนไม่พอใจ หากไม่ใช่เพราะว่าท่านพ่อที่ล่วงลับไปแล้วตัดสินใจโดยลำพังก็คงไม่เป็เช่นนี้ อย่างไรก็ตามตระกูลเหยียนจ่ายการชดใช้ครั้งนี้ด้วยราคาที่แพงเกินไป
เว่ยซูหานไม่เอ่ยปากออกเสียง เดินตามพวกเขาไป สาวใช้ที่เดินนำพวกเขามีไหวพริบรู้ว่าเ้านายเป็กังวลจึงหันมาปลอบใจด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้ฮูหยินได้รับประทานอาหารเช้ากับฮูหยินใหญ่แล้ว บอกว่าคุณชายไม่ค่อยได้เคยดื่มสุรา เพราะอาการเมาค้างก็เลยตื่นสาย หลังจากขอบคุณพวกญาติๆ ที่มาร่วมกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินก็ให้พวกเขากลับไปก่อน ตอนนี้ฮูหยินรอคุณชายและฮูหยินน้อยอยู่ที่เรือนหลานถิงผู้เดียว คุณชายกับฮูหยินน้อยไม่ต้องไปที่ห้องโถงใหญ่แล้วเ้าค่ะ”
“อ้อ เป็เช่นนั้นก็ดี” เหยียนชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปขยิบตาให้เว่ยซูหานเพื่อบอกเขาว่าไม่ต้องกังวล
เว่ยซูหานพยักหน้า ท่าทางซุกซนนั้นคล้ายยิ้มอยู่ในใจ
แม้ว่าตระกูลเหยียนจะมีกิจการใหญ่ เป็ทั้งพ่อค้ารายใหญ่ของแคว้นเทียนซู และเป็ตระกูลที่มีชื่อเสียงร่ำรวย แต่นายท่านมีชายาเอกเพียงคนเดียว และอนุเพียงคนเดียวก่อนจะเสียชีวิต จึงมีลูกชายสองคน ลูกสาวหนึ่งคนเท่านั้น
เหยียนชิง เหยียนหานเป็บุตรของชายาเอก มารดาผู้ให้กำเนิดคือหลิ่วซื่อ ส่วนนายท่านเหยียนเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
คุณชายใหญ่เหยียนลั่วเป็บุตรชายคนโต มารดาผู้ให้กำเนิดก็คือฮูหยินเหยียนในปัจจุบัน ผางซื่อ หลังจากมารดาของเหยียนชิงจากไป ผางซื่อก็กลายมาเป็ฮูหยินใหญ่แทน
ที่ลูกชายอนุโตกว่าลูกชายชายาเอกก็เพราะตอนนั้นร่างกายของหลิ่วซื่อไม่แข็งแรงนัก
หลังจากนายท่านเหยียนตายไป เื่เล็กเื่ใหญ่ล้วนอยู่ภายใต้การดูแลของฮูหยินเหยียนและคุณชายใหญ่ เหยียนชิงทำได้เพียงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เท่านั้น ตั้งใจเพียงอ่านตำราเรียน ทำเพื่อความ้าสุดท้ายของนายท่านเหยียนคือต้องสอบเป็ขุนนางให้ได้ อาศัยอำนาจทางตำแหน่ง ช่วยเหลือตระกูลเว่ยสืบหาฆาตกรที่อยู่เื้ัตามคำสั่งเสียก่อนตายของนายท่านเหยียน เรียกได้ว่าเป็ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเป็อย่างยิ่ง
น่าเสียดายที่ชาติก่อน เว่ยซูหานแต่งงานกับเหยียนิฮ่วน ถูกเหยียนิฮ่วนรังแก ทำให้ห่างไกลจากแผนที่ตนเองวางไว้
ทว่าตอนนี้เพียงคืนเดียวก็เกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดิน เื่ในชาติที่แล้วที่เว่ยซูหานต้องถูกดูถูกเหยียดหยามจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหวังว่าจะสามารถช่วยตระกูลเว่ยสะสางความคับข้องใจจากเจาเสวี่ยได้ราบรื่น และทำให้ตระกูลเหยียนผ่านพ้น่เวลาที่ยากลำบากไปได้ เว่ยซูหานเป็คนมีน้ำใจและรักความยุติธรรม ตอนนี้ทำดีกับเขา ต่อไป… ต่อให้มีอันตราย อย่างน้อยก็ยังมีทางหนีทีไล่
สิ่งที่เหยียนชิงไม่รู้ก็คือ สิ่งที่เขาคิดเหมือนกับสิ่งที่เว่ยซูหานคิดเช่นกัน
ในตระกูลเหยียน เหล่าเ้านายล้วนมีเรือนเล็กเป็ของตัวเอง ไม่เพียงแต่ตอนที่นายท่านเหยียนล่วงลับแล้ว แม้แต่ตอนที่เขายังอยู่ จวนตระกูลเหยียนก็สะอาดสะอ้านกว่าจวนตระกูลร่ำรวยตระกูลอื่นมาก นอกจากกินข้าวด้วยกันในวันตรุษจีนแล้ว วันธรรมดาก็ต่างคนต่างอยู่ในเรือนเล็กของตัวเอง มีเื่อะไรก็มารวมตัวกัน หากไม่มีเื่อะไรก็อยู่ใครอยู่มันอย่างสงบสุข
สวนกล้วยไม้ของฮูหยินเหยียน ก็เป็เหมือนชื่อเรือน มีกล้วยไม้เต็มลานเป็สถานที่ที่นางชื่นชอบเป็อย่างยิ่ง
เรือนเซียวเหยาเป็เรือนของคุณชายใหญ่เหยียนลั่ว เป็เรือนที่สมดั่งชื่อ ตกแต่งอย่างหรูหรา ก็คือเรือนหอของเหยียนชิงและเว่ยซูหาน
ส่วนที่อยู่ของเหยียนชิง ชื่อหอชิงเฟิง เป็สถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของตำรา ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ
เหยียนหาน ลูกสาวของชายาเอกที่ถูกเลี้ยงดูเหมือนไข่มุกในมือ อาศัยอยู่ในเรือนฮุ่ยหลาน ความหมายของชื่อเรือนก็คือหัวใจของกล้วยไม้ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับภาพลักษณ์ของเ้าของเรือน แต่เมื่อหลายวันก่อน เหยียนหานตามอาจารย์ออกไปศึกษาหาความรู้ที่นอกเรือนตอนนี้ยังไม่กลับมา สุดท้ายก็มาไม่ทันงานมงคลของพี่ชาย
ตอนที่ก้าวเข้าไปในเรือนหลานถิง ลานบ้านล้วนเต็มไปด้วยต้นกล้วยไม้ที่บานสะพรั่งตรงฤดูพอดี กลิ่นหอมโชยแตะจมูก ใกล้ๆ พวกเขานั้นมีศาลาเล็กๆ ตั้งอยู่ ฮูหยินเหยียนรอพวกเขามานานแล้ว หัวใจของเว่ยซูหานเต้นแรง ยื่นมือออกไปจับมือของเหยียนชิงและกำเอาไว้แน่น มือของเหยียนชิงเล็ก เขาเป็บัณฑิตฐานะดี มือทั้งสองข้างขาวเนียนและนุ่มนิ่ม เมื่อจับแล้วก็ทำให้คนรู้สึกสบายอกสบายใจ
เหยียนชิงหันกลับมาอย่างเขินอาย แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เมื่อถึงประตูศาลาก็เข้าใจว่าต้องแสร้งทำให้มารดาดูจึงไม่ได้สะบัดมือนั้นทิ้งไป
ใครบอกว่านักยุทธ์ตระกูลแม่ทัพไม่เข้าใจความเป็มนุษย์หรือไร้หัวใจ เว่ยซูหานเข้าใจเื่พวกนี้ดี เขามีชีวิตมาสองชาติ จะไม่มีไหวพริบในครานี้ได้อย่างไร?