จวนตระกูลเหยียนนั้นร่ำรวยมหาศาลแต่ขณะเดียวกันก็เป็ศัตรูต่อแคว้นเพราะความร่ำรวยนั้นด้วย ลูกหลานในตระกูลมีไม่มากนัก ทว่าภายในจวนกลับกว้างขวาง ด้านในมีทุกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็ศาลาริมน้ำหรือเส้นทางเดิน ทุกที่ล้วนงดงามตระการตา ภายในแบ่งออกเป็ลานเล็กๆ ที่มีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่เ้าของแต่ละคนที่มีความโปรดปรานที่แตกต่างกัน
ยกตัวอย่างเรือนหลานถิงที่ฮูหยินเหยียนอยู่ ทั่วชานเรือนเต็มไปด้วยกล้วยไม้ ล้วนาเป็หงาดเหงื่อและผลลัพธ์ที่ฮูหยินและนายท่านได้รวบรวมไว้มาหลายสิบปี บางสายพันธุ์มีมูลค่าการซื้อที่มากมายมหาศาล ทว่านอกจากการชมความงามของทิวทัศน์ที่ทำให้เกิดความสุขแล้ว พวกมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอื่นเลย ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นอดทอดถอนใจมิได้
“ฮูหยิน คุณชายรองและฮูหยินน้อยมาแล้วเ้าค่ะ”
สาวใช้เดินไปข้างหน้าเพื่อรายงาน เหยียนชิงและเว่ยซูหานยืนรออยู่ไกลๆ ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาช้า หวังว่าท่านแม่จะไม่ตำหนิ แม้ในใจนั้นยากที่จะสงบ แต่เหยียนชิงยังคงพยายามปลอบใจเว่ยซูหาน
“ท่านแม่มักจะใจกว้างกับผู้อื่นเสมอ เ้าไม่ต้องประหม่าจนเกินไป เป็เพราะข้าตื่นสายจนเสียเวลาเอง หากนางตำหนิเ้า ก็มอบให้เป็หน้าที่ของข้าก็พอ ไม่ต้องพูดอะไรมาก”
เว่ยซูหานรู้สึกอุ่นใจ แรงในมือเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย ตอบกลับเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว”
ในชาติที่แล้ว คืนแต่งงานของเขาถูกเหยียนิฮ่วนทำให้อับอายขายหน้าเสียสิ้น เขาถูกเหยียนิฮ่วนลากตัวไปดื่มชาแสดงความเคารพบิดามารดาั้แ่เช้าตรู่ ตอนก้มตัวคำนับ เป็เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยจึงทำให้ถ้วยชาหลุดมือ สุดท้ายก็ถูกเตะออกไปจากห้องโถงที่อยู่้าลงไปยังด้านล่าง มิหนำซ้ำจากนั้นยังถูกน้ำชาสาดใส่เต็มตัว สุดท้าย…
สุดท้ายชีวิตก็เริ่มเลวร้ายยิ่งกว่าหมูกว่าหมา เหยียนิฮ่วนใช้ยาจากลัทธินอกรีตกับตน ทำให้ตนไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ นี่ถือเป็การควบคุมและจำกัดเสรีภาพของเขา จากนั้นก็เปลี่ยนวิธีรังแกเขาพร้อมด้วยพวกสารเลวพวกนั้น…
เมื่อคิดทบทวนดูอย่างละเอียดในตอนนี้แล้ว เขาอยากจะทำลายตระกูลของเหยียนิฮ่วนให้สิ้นซาก! โชคดีที่วันนี้ตนไม่ต้องไปยกน้ำชาแสดงความเคารพให้พวกเขา ไม่อย่างนั้นเขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมตัวเองได้หรือไม่
“เ้าเป็อะไรไป…”
จู่ๆ ฝ่ามือก็เจ็บแปลบเพราะถูกเว่ยซูหานบีบแรงขึ้น เหยียนชิงหันกลับไปเห็นอีกฝ่ายหลุบตาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ รอบกายของเขาปลดปล่อยปราณชั่วร้ายออกมา เหยียนชิงจำต้องใช้มืออีกข้างบีบหลังมือเขาเพื่อปลอบประโลม
“ซูหาน…”
ความเ็ปเล็กน้อยทำให้เว่ยซูหานหลุดจากภวังค์ มือของเขาถูกบีบจนกลายเป็สีแดง เขาจึงพยายามชักมือออกมา
“ข้าบอกเ้าแล้วว่าไม่ต้องตื่นเต้นเกินไป ท่านแม่ไม่ทำให้เ้าลำบากใจแน่นอน… การแต่งงานครั้งนี้ ท่านพ่อได้ถามความยินยอมจากท่านแม่แล้ว”
ทั่วทั้งจวนมีเพียงมารดาที่เห็นด้วย อ้อ ยังมีเขาและเหยียนหานด้วย แต่ก็นับว่าทั้งครอบครัวเห็นด้วยแล้วกระมัง
“ข้า…ขอโทษ” เว่ยซูหานถอนหายใจยาวเหยียด เห็นมือของอีกฝ่ายแดง ก็ยกขึ้นมาเป่าให้ “ข้านึกถึงเื่อื่นพอดี ขอโทษนะ ทำเ้าเจ็บเลย…”
“เอ่อ ไม่เป็ไร…”
เขาคงคิดถึงเื่น่าสังเวชของตระกูลกระมัง เหยียนชิงคิดเช่นนั้น แต่การกระทำของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาใจเต้นแรง คิดจะชักมือกลับมา แต่เว่ยซูหานก็จับไว้แน่นเสียเหลือเกิน ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดหลังมือของเขาเบาๆ
“ถ้านวดอีก คงแดงกว่านี้สินะ”
เว่ยซูหานพูดตามที่เห็น กระทั่งบังเอิญเหลือบไปเห็นสาวใช้ที่หน้าและใบหูแดงก่ำยืนรอรายงานอยู่ข้างๆ จึงยอมปล่อยมือ เมื่อสาวใช้เห็นเขากระหนุงกระหนิงกันจบแล้ว ถึงได้เอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“คุณชาย… ฮูหยินน้อย… ฮูหยินใหญ่เชิญพวกท่านเข้าไปพบเ้าค่ะ…”
เหยียนชิงหน้าแดงก่ำไปถึงคอแล้ว เมื่อเงยหน้ามองก็พบว่าท่านแม่กำลังมองมาทางนี้ การกระทำของพวกเขาเมื่อครู่ก็อยู่ในสายตาของนางเกินครึ่ง… เอ่อ ควรจะอธิบายเช่นไรดี?
ใบหน้าของเว่ยซูหานก็ร้อนผ่าวเช่นกัน หลงลืมไปชั่วขณะ...ไม่สิ ควรจะบอกว่าเขาอดใจไม่ไหว เหยียนชิงเป็บัณฑิต ทั้งยังเป็คุณชายตระกูลร่ำรวยเนื้อตัวบอบบาง ฝ่ามือนุ่มนิ่ม เมื่อบีบแล้วจึงทำให้เสพติด ไม่เหมือนเขาที่ฝึกศิลปะการต่อสู้มาั้แ่เด็ก ฝ่ามือหยาบกระด้างเหมือนใยไหมที่ทับซ้อนกันหลายชั้น
บวกกับเมื่อครึ่งปีก่อน หลังจากเกิดใหม่เขาขยันหมั่นเพียรฝึกฝนอย่างหนัก ตอนนี้ฝ่ามือของเขาเหมือนมีเกราะอ่อนเป็ชั้นๆ หยาบกระด้างจนไม่อาจทนมองได้
แต่กระนั้น หลังจากเกิดใหม่ ครึ่งปีที่เขาไว้ทุกข์หน้าสุสานบรรพชน เขาทะลวงขั้นขึ้นไปไม่น้อย และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพวกวิปริตทำร้าย อีกไม่นาน เขาก็จะบรรลุไปจุดสูงสุดในชาติก่อนได้แล้ว การแก้แค้นสังหารคนก็จะง่ายขึ้นมาก