นอกประตูเมืองทางทิศเหนือของเมืองชางตาน ขบวนรถยาวเหยียดเรียงต่อกันเป็ราวกับัตัวเขื่อง
รถม้าสีแดงอมน้ำตาลม่านโปร่งสีขาวราวกับหิมะลอยละล่องจอดนิ่งอยู่ข้างประตูเมือง
เมิ่งเฉิงเจ๋อเอนกายในท่วงท่าเอ้อระเหยอยู่ข้างรถ โบกพัดไผ่หยกในมืออย่างเบื่อหน่าย
รอบกายเขาห้อมล้อมด้วยผู้คนที่เข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น เมิ่งเฉิงเจ๋ออดทนพูดคุยกับพวกเขาตามมารยาท
พอถึงครึ่งยามเหม่าซึ่งเป็เวลาออกเดินทาง เงาร่างของคนทั้งสี่ค่อยเยื้องกรายมาถึงประตูเมืองทิศเหนือ
"ต้าเหนียงจื่อ ในที่สุดพวกท่านก็มากันแล้ว" ต่งชิ่งรอรับอยู่ที่หน้าประตูเมืองรีบเดินเข้ามา
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกผิดอยู่บ้าง เดิมทีพวกเขาออกมาแต่เช้าตรู่ แต่เพราะแวะกินอาหารเช้าก็เลยมาสายไปหน่อย
"พี่เหลียน" เมิ่งเฉิงเจ๋อเห็นพวกเขาก็สาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา
ผู้คนที่มาห้อมล้อมข้างกายเขาต่างเผยสีหน้าตกตะลึง คนที่เมิ่งเฉิงเจ๋อมารอแต่เช้าก็คือพวกเขา?
ผู้แต่งกายสามัญเรียบง่ายสี่คนนั้นคือผู้ใด ไยถึงได้รับความสำคัญจากนายน้องสกุลเมิ่งเพียงนี้
"นายน้อยเมิ่ง ลำบากให้ท่านต้องรอนานแล้ว" เหลียนเซวียนก้าวเข้ามาช้าๆ
เมิ่งเฉิงเจ๋อเห็นเขาเดินอย่างคนไม่มีแรง แต่สีหน้ายังคงยิ้มอย่างจริงใจ "ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน ข้าก็เพิ่งมาถึง"
สีหน้าของผู้ติดตามเ่าั้ยิ่งฉายแววประหลาดใจหนักกว่าเดิม
เห็นชัดอยู่ว่าเมิ่งเฉิงเจ๋อรอมาสองเค่อแล้ว เหตุใดถึงถ่อมตนว่าเพิ่งมาถึง
รถม้าหลังคาทรงแบนสีดำสูงใหญ่กว้างขวางเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ ชายรูปร่างบึกบึนสองคนก้าวลงมาจากตำแหน่งบังคับม้า
"นี่คือสองพี่น้องข่งจินกับข่งหยิน เป็สารถีบังคับรถจากเมืองชางตานไปยงหนิงมาหลายปี ระหว่างการเดินทางหากพี่เหลียนมีธุระอันใดสามารถเรียกใช้งานพวกเขาได้" เมิ่งเฉิงเจ๋อแนะนำสองฝ่ายให้รู้จักกัน
ข่งจินกับข่งหยินเข้ามาคารวะ
เหลียนเซวียนผงกศีรษะน้อยๆ สีหน้าสงบนิ่งดุจน้ำบ่อลึก รับการคารวะอย่างไม่สะทกสะท้าน
"ขอบคุณนายน้อยเมิ่ง"
ชายวัยกลางคนสวมอาภรณ์แขนสอบสีดำเหลือบแดงควบอาชาสีน้ำตาลแดงตัวหนึ่งตรงเข้ามา หลังพลิกกายลงจากหลังม้า ก็ประกบฝ่ามือทำความเคารพเมิ่งเฉิงเจ๋อ
"นี่คือผู้คุ้มกันหวงอี้ซานรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในครั้งนี้" เมิ่งเฉิงเจ๋อแนะนำอีกครา
เหลียนเซวียนมองหวงอี้ซาน ดวงตาแจ่มใสมีชีวิตชีวา จุดไท่หยางนูนเล็กน้อย ร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจนมองทะลุผ่านอาภรณ์ เป็ยอดฝีมือนอกสำนักที่มีความสามารถสูงส่ง
"การเดินทางครั้งนี้ต้องรบกวนผู้คุ้มกันหวงแล้ว"
หวงอี้ซานเป็ผู้คุ้มกันมาครึ่งชีวิต มีประสบการณ์ผ่านโลกมามาก ผู้ที่นายน้อยแห่งวาณิชสกุลเมิ่งมาส่งด้วยตนเองย่อมมิใช่สามัญ
แม้บุรุษตรงหน้าจะสวมชุดผ้าฝ้ายสีเขียวแบบเรียบง่าย แต่ความน่าเกรงขามไม่ธรรมดา แม้มองตื้นลึกหนาบางไม่ออก แต่กลับมีรังสีทรงอำนาจที่มิอาจดูแคลนง่ายๆ กำจายจากทั่วร่าง
ผู้ที่สามารถเข้ามาทำมาหากินในชางตานย่อมไม่ใช่คนเบาปัญญา
"มิกล้า การเดินทางครานี้หากหลางจวินมีเื่อันใดเอ่ยปากได้เลย สหายของนายน้อยเมิ่งก็คือสหายของข้าหวงอี้ซานเช่นกัน"
หวงอี้ซานตบอกปึ้กๆ ให้ความเชื่อมั่น
เซวียเสี่ยวหรั่นมองกล้ามเนื้อเป็มัดๆ ที่อกของเขา ก็จุปากอย่างอดไม่ได้ คนผู้นี้ถ้ามาอยู่ในยุคปัจจุบันก็คงเป็นักเพาะกายได้สบาย
"ขอบคุณผู้คุ้มกันหวง" แม้เหลียนเซวียนจะพูดคุยกับผู้อื่นตามมารยาท แต่พฤติกรรมเล็กน้อยของเซวียเสี่ยวหรั่น เขาย่อมเห็นอยู่ในสายตา
เขาลอบใช้หางตามองผ่านเรือนกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของหวงอี้ซาน คิดในใจ รูปร่างหยาบหนาเช่นนี้น่ามองนักรึ?
ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ได้เวลาที่ขบวนรถจะออกเดินทาง
เมิ่งเฉิงเจ๋อรับห่อผ้าใบใหญ่มาจากมือของลวี่หลัว "ต้าเหนียงจื่อ น้องสาวไม่สะดวกเดินทางมาส่ง นี่คือของขวัญเล็กน้อยที่นางฝากมาให้"
เซวียเสี่ยวหรั่นตกตะลึง ไม่นึกว่าเมิ่งหว่านเหนียงจะมอบของขวัญห่อใหญ่ให้
เธอมองเหลียนเซวียน เห็นเขาสีหน้าเรียบเฉย มิได้แสดงทีท่าอันใด จึงยังลังเลอยู่ชั่วขณะ
"ต้าเหนียงจื่อมิมีสิ่งใดต้องกังวล นี่เป็น้ำใจเล็กน้อยของสตรี หาใช่ของล้ำค่า" เมิ่งเฉิงเจ๋อเห็นท่าทีลังเลใจของนางก็ยิ้มพลางอธิบาย
เซวียเสี่ยวหรั่นจำต้องรับไว้ "ฝากขอบคุณหว่านเหนียงแทนข้าด้วย"
"ต่อไปหว่านเหนียงยัง้าการดูแลจากต้าเหนียงจื่ออีกมาก" เมิ่งเฉิงเจ๋อเผยจุดประสงค์
พอนึกถึงภายหน้ายังสามารถพบเจอกับเมิ่งหว่านเหนียงที่แคว้นฉี เซวียเสี่ยวหรั่นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ถึงเวลาค่อยมอบของขวัญตอบแทนกลับอย่างดีก็ได้
เซวียเสี่ยวหรั่นขึ้นรถม้าไปก่อน พอมองเข้าไปด้านในก็พบว่ากว้างขวางกว่ารถม้าที่เคยนั่งก่อนหน้านี้มากนัก ด้านข้างยังของบางอย่างกองอยู่ เซวียเสี่ยวหรั่นหันกลับมามองเมิ่งเฉิงเจ๋อ
เมิ่งเฉิงเจ๋อยิ้มกล่าวว่า "บนรถมีของฝากเล็กน้อย ล้วนเป็ของพื้นเมืองแบบดั้งเดิม คู่สามีภรรยามาเยือนแคว้นหลีทั้งที ก็ต้องได้ชิมอาหารพื้นเมืองของที่นี่ด้วย"
พอถูกคนเรียกว่าคู่สามีภรรยา ใบหูของเซวียเสี่ยวหรั่นก็แดงซ่าน เข้าไปในรถ
"ขอบคุณนายน้อยเมิ่ง พวกเราค่อยพบกันที่เมืองหลวง" มุมปากเหลียนเซียนโค้งขึ้นน้อยๆ กล่าวคำอำลาโดยตรงไม่มากวาจา
"ขอรับ พี่เหลียน พบกันที่เมืองหลวง" เมิ่งเฉิงเจ๋อรั้งเก็บรอยยิ้ม ประสานมือกล่าวอำลา
อูหลันฮากับเซวียเสี่ยวเหล่ยพาอาเหลยไปนั่งรถม้าคันหลัง
รถม้าค่อยๆ เคลื่อนที่ตามขบวนผู้คุ้มกันที่นำอยู่ด้านหน้า
เมิ่งเฉิงเจ๋อยืนมองรถม้าค่อยๆ ไกลออกไปอยู่ที่เดิม
"นายน้อยเมิ่ง นายท่านเหลียนชีผู้นั้นเป็ใครหรือ"
"จริงด้วยสิ ท่านถึงกับต้องลำบากมาส่งด้วยตนเอง"
"คงจะเป็ใต้เท้าท่านไหนจากแคว้นฉีเดินทางมาแบบปกปิดฐานะกระมัง"
ผู้คนที่กระจายออกไปโดยรอบกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
เมิ่งเฉิงเจ๋อสะบัดพัดไผ่หยกกางออกดังพรึ่บ รอยยิ้มประดับมุมปากชวนให้ยากแก่การคาดเดา เนตรหงส์เรียวทอประกายวาววับ
เขาคือผู้ใด? ตนเองจะบอกว่าไม่รู้ได้หรือ
แน่นอนว่าไม่สามารถ ดังนั้น...
เมิ่งเฉิงเจ๋อกวาดสายตามองพวกเรารอบหนึ่ง อมยิ้มประสานมือ หลังจากนั้นก็เดินไปยังรถม้าของตนเอง
ทิ้งให้คนกลุ่มนั้นมองหน้ากันอย่างงุนงง
"รถม้าคันนี้ช่างดียิ่ง ทั้งใหญ่ทั้งกว้างขวาง ไม่สั่นะเืเหมือนตอนนั้นเลย"
เซวียเสี่ยวหรั่นนั่งขัดสมาธิบนเบาะกลมรองนั่ง สายตามองสำรวจไปทั่ว
"อื้ม กันกระแทกที่เพลารถทำได้ดี" เหลียนเซวียนพยักหน้า
"แบบนี้คงไม่ทำให้เมารถอีกแล้ว ครั้งก่อนเสี่ยวเหล่ยนั่งรถของซีอู่ อาเจียนตั้งสองรอบ ดวงหน้าเล็กจ้อยซีดเผือดเชียว" แค่นึกถึงภายในอกของเธอก็ปั่นป่วนแล้ว
"ตอนหลังก็ดีขึ้นมากแล้วมิใช่หรือ" เหลียนเซวียนตวัดสายตามองนางปราดหนึ่ง
"สงสัยโคลงเคลงจนชินละมั้ง ฮ่าๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นอารมณ์ผ่อนคลาย
หันมาหยิบห่อผ้าที่เมิ่งหว่านเหนียงมอบให้มาเปิดดู ด้านในมีอาภรณ์หลายสีกองใหญ่พับมาอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย"
เซวียเสี่ยวหรั่นอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง "เหตุใดเมิ่งหว่านเหนียงถึงมอบเสื้อผ้าให้ข้ามากมายเช่นนี้ล่ะ"
เธอหยิบเสื้อคลุมตัวนอกสีฟ้าที่อยู่บนสุดขึ้นมาทั้งสอบเสื้อและแขนเสื้อล้วนปักลายบงกชงามวิจิตร
เซวียเสี่ยวหรั่นมาอยู่ที่นี่นานแล้ว รู้จักสิ่งของไม่น้อย อย่างเสื้อคลุมแบบนี้ ในหมู่บ้านชนบทไม่เคยได้เห็น แต่สำหรับคนมีฐานะร่ำรวยในเมือง เสื้อคลุมสวมทับชุดกระโปรงเห็นได้บ่อยครั้ง
เธอเองสวมแต่เสื้อตัวสั้นกับกระโปรงยาวที่ซีมู่เซียงตัดเย็บให้มาโดยตลอด ไม่เคยสวมเสื้อคลุมเช่นนี้มาก่อน
"ของมอบให้เ้า เ้าก็สวมใส่เสีย" เหลียนเซวียนมองชุดกระโปรงสีสันสดใสกองนั้น ก่อนมองชุดกระโปรงจืดชืดและธรรมดามากบนตัวนาง สายตาลุ่มลึกก็มีประกายวาบผ่าน
เป็เขาสะเพร่าเกินไป แม้จะบอกว่าอยู่นอกบ้านอย่าทำตัวโดดเด่นเป็ที่สังเกตได้ง่าย แต่ถ้าเรียบง่ายเกินไป อาจถูกผู้อื่นดูแคลน