เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวากลับมาจากตลาด ไม่เพียงแต่ซื้อผงยาสลายกำลังกลับมา ยังซื้อพริกป่นชนิดเผ็ดจัดมาอีกสี่ห่อ
เซวียเสี่ยวเหล่ยมองผงพริกที่แบ่งมาในมือของตนเองอย่างอึ้งงัน
ก่อนมองเซวียเสี่ยวหรั่นที่กำลังใส่ห่อผงพริกในช่องด้านข้างของกระเป๋าสะพายหลังอย่างลังเล
ครั้งก่อนตอนเจอโจรป่า เซวียเสี่ยวหรั่นคุ้มครองอยู่ข้างกายเขา เซวียเสี่ยวเหล่ยเห็นชัดแจ้งว่าในมือของนางถือของบางอย่างที่คล้ายขวดใบเล็ก แค่กดทีเดียวก็พ่นละอองน้ำกระจายออกมา ละอองฝอยเ่าั้น่าจะเป็ละอองพริก
โจรป่าที่ถูกพ่นใส่ต่างเผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหลพราก
การใช้ผงพริกป้องกันตัวไม่ใช่เื่แปลก แต่ที่น่าแปลกก็คือของอะไรสามารถพ่นพริกออกมาเป็ละอองฝอยได้แบบนั้น
สถานการณ์ตอนนั้นอยู่ใน่หน้าสิ่วหน้าขวาน เซวียเสี่ยวเหล่ยไม่มีเวลาใช้สมองขบคิด แต่พอมาตรองดูภายหลัง ถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างชอบกล
ทว่านับั้แ่ครั้งนั้น เขาก็ไม่เห็นเ้าขวดเล็กๆ นั่นอีกเลย
"ถ้าโจรป่ามา ข้าก็จะให้พวกเขาได้ลิ้มรสไม้กระบองเอาให้กระดูกหักไปเลย" อูหลันฮวาฉีกยิ้ม พลางกวัดแกว่งกระบองในมือที่เพิ่งซื้อมาใหม่
กระบองอันนี้เซวียเสี่ยวหรั่นซื้อมาให้อูหลันฮวาใช้เป็อาวุธโดยเฉพาะ มีความทนทานแต่ไม่แข็ง ยืดหยุ่นได้ดี ยามตีถูกตัวจะโค้งงอแต่ไม่หัก ใช้เงินซื้อมาสองตำลึง
อูหลันฮวาถือมันราวกับเป็ของรักของหวง
เซวียเสี่ยวเหล่ยลืมเื่สเปรย์พริกไปสนิท มองอูหลันฮวากวัดแกว่งกระบองใหม่อย่างอิจฉาริษยา
"เสี่ยวเหล่ย เ้าชอบกระบองรึ ซื้อให้สักอันดีหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแววตาริษยาของเขาก็ถามอย่างอดไม่ได้
เซวียเสี่ยวเหล่ยรีบส่ายหน้า "ไม่เอา ไม่เอาขอรับพี่สาว ข้าไม่ชอบ"
ซื้อกระบองในเมืองต้องใช้เงิน เขาไม่อาจสิ้นเปลืองกับเื่แบบนี้ เอาไว้ระหว่างการเดินทาง ค่อยหาท่อนไม้เหมาะมือข้างทางมาใช้สักอันก็ได้
เขารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เซวียเสี่ยวหรั่นเลิกคิ้ว
"คุณชายน้อย ท่านลองดูสิ" อูหลันฮวาส่งกระบองให้เขา "กระบองนี้ภายนอกดูเหมือนกระบองก็จริง แต่พอมือัักลับต่างกัน เ้าดูสิ มันแข็งแรงทนทาน สามารถโค้งงอได้ ยามกวัดแกว่งก็มีเสียงขวับๆ แลดูน่าเกรงขาม"
เซวียเสี่ยวเหล่ยหยิบกระบองที่มีความยาวสูงกว่าตนเองมาลองกวัดแกว่งสองสามที ก็รู้สึกชอบใจจนไม่อยากวางมือ
เซวียเสี่ยวเห็นแล้วก็หัวเราะโดยไม่รู้ตัว เด็กหนอเด็ก ปากบอกไม่ชอบ แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์กว่ามาก
เธอหยิบห่อผงยาสลายกำลังไปให้เหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนใช้สายตาบอกเป็นัยให้วางไว้บนโต๊ะ สีหน้ายังคงเ็า ไม่คิดจะสนทนากับนาง
ชิ ทำตัวเป็เด็กเล็กๆ ไปได้ เซวียเสี่ยวหรั่นเม้มปากพลางตวัดสายตาใส่เขา
"แฮ่ม ข้าซื้อกระบองให้หลันฮวาเป็อาวุธ แพงจนน่าขนลุก จ่ายไปสองตำลึงแน่ะ ท่านอยากซื้อมีดบินหรือไม่ ระหว่างทางจะได้ใช้ป้องกันตัว"
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะคิกคักเข้ามาพูดคุยกับเขา
ลูกผู้หญิงยืดได้หดได้ ใช้ความอ่อนโยนพิฆาตความแข็งกร้าว ใช้ความหน้าหนาสยบูเาน้ำแข็ง เฮ่อ... ใครใช้ให้เธอปากพล่อยล่วงเกินผู้อื่นเองเล่า
เหลียนเซวียนปรายตามองนางอย่างเฉยชา ความหมายในแววตา เซวียเสี่ยวหรั่นย่อมเข้าใจแจ่มแจ้ง
"ไม่จำเป็หรือ งั้นก็ช่างเถอะ ท่านมีสิ่งใดอยากได้เพิ่มเติมหรือเปล่า"
เหลียนเซวียนมองท้องฟ้านอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด ก่อนเขียนใบรายการส่งให้
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบมาดู "เอ่อ... เบาะรองนั่ง...แบบกลม พัด...ใบจาก ผ้า... แถบผ้าขาว ยา... อะไรสักอย่างเซียงเจิ้งชี่ นี่มันอักษรอะไรเนี่ย"
หัวกระดาษมีตัวอักษรอยู่แถวหนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นทำตาปริบๆ จ้องมองเขา
เธอเอียงคอ มุมปากโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มงามพิลาส เหลียนเซวียนเห็นแล้วสีหน้าที่ขึงเครียดก็ผ่อนคลายลงอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
"ฮั่ว" เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ภายในห้อง
เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้มจนดวงตาโค้งเป็รูปจันทร์เสี้ยว ที่จริงนางอ่านออก เพื่อยั่วให้เขาพูด เธอแกล้งโง่สักหน่อยก็ได้
สายตาของเหลียนเซวียนตกมาอยู่บนดวงหน้าอาบรอยยิ้มของนาง ใบหูแดงระเรื่อ
แค่เห็นรอยยิ้มอ่อนหวานของนาง เขาพลันรู้สึกสิ้นเรี่ยวแรงต้านทาน หัวใจทั้งหวานล้ำและฝาดเฝื่อนในเวลาเดียวกัน
"ซื้อยาฮั่วเซียงเจิ้งชี่ [1] ทำไมหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขายอมปริปากแล้ว ก็รีบถามต่อทันที หลังจากนั้นก็มองเขาด้วยสีหน้าเฝ้ารอ
เหลียนเซวียนเบนสายตาไปด้านข้างเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงเบากลับมา "เข้าหน้าร้อนแล้ว"
ช่างเถอะ เขาจะถือสาอันใดกับนาง มุมปากของเขาโค้งขึ้นน้อยๆ
คำพูดประโยคเดียว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เข้าใจแจ่มแจ้ง เข้าฤดูร้อนแล้ว ระหว่างเดินทางแสงแดดร้อนแรงอาจทำให้เป็ไข้หวัดแดดได้ง่าย จึงต้องเตรียมของป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า"
"อืม จริงด้วยสิ ข้าจะซื้อถั่วเขียวกับน้ำตาลกรวดมาด้วย ระหว่างทางจะได้ต้มถั่วเขียวดับร้อน เอาล่ะ เดี๋ยวข้ากับหลันฮวาจะออกไปอีกรอบ"
พูดจบก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นวิ่งออกไป
พอแล่นมาถึงประตู ก็พบเซวียเสี่ยวเหล่ยพาต่งชิ่งเข้ามาพอดี
"เหลียนต้าเหนียงจื่อ" ต่งชิ่งประสานมือคำนับ
"ท่านพ่อบ้านต่ง" เซวียเสี่ยวหรั่นค้อมกายคำนับกลับไป
เหลียนเซวียนอยู่ในห้องเห็นแล้วก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ นางไม่รู้ธรรมเนียมมารยาทแม้แต่น้อย ต่อไปสิ่งที่ต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก
"ชีหลางจวิน" ต่งชิ่งตามเซวียเสี่ยวเหล่ยเดินเข้ามา
"พ่อบ้านต่ง" เหลียนเซวียนผงกศีรษะน้อยๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเหลียนเซวียนสีหน้าเรียบเฉย รังสีทรงอำนาจคล้ายมีคล้ายไม่มีก็กำจายออกมาอย่างเงียบเชียบ
แท้จริงแล้วคนผู้นี้มีศักดิ์ฐานะใดก็สุดจะรู้ได้
"สำนักคุ้มภัยเจิ้นเวยจะออกเดินทางเช้าวันมะรืน นายน้อยแจ้งทางสำนักคุ้มภัยไว้แล้ว วันมะรืนครึ่งยามเหม่า [2] หลางจวินเดินทางไปรอที่ประตูเมืองทางทิศเหนือ จะมีรถม้าเตรียมไว้สองคัน สารถีเป็ผู้ชำนาญด้านการบังคับรถของวาณิชสกุลเมิ่ง ไม่ทราบว่าหลางจวินเห็นว่าการเตรียมการเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่"
ต่งชิ่งแสดงท่าทางนอบน้อมอย่างยิ่ง
รถม้ากับสารถีก็เตรียมไว้แล้ว? เซวียเสี่ยวหรั่นประหลาดใจอยู่บ้าง เมิ่งเฉิงเจ๋อจะกระตือรือร้นเกินไปหน่อยหรือไม่
เหลียนเซวียนกวาดตามองต่งชิ่ง ไม่ได้ให้คำตอบทันที
เขาไม่อยากใช้รถม้ากับสารถีของสกุลเมิ่ง จากชางตานไปถึงชายแดนแคว้นฉี อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบวัน ใช้คนของพวกเขา เบาะแสอาจถูกเปิดโปงได้ง่าย
แต่ได้รถม้าและสารถีจากสกุลเมิ่ง ก็คงสะดวกสบายไม่น้อย พวกเขาล้วนชำนาญเส้นทาง บอกกล่าวคนจากสำนักคุ้มภัยไว้เรียบร้อย ระหว่างทางหากพบเหตุร้ายกะทันหัน ก็จะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
เหลียนเซวียนนิ่งคิดอยู่นาน "พ่อบ้านต่ง กลับไปฝากขอบคุณนายน้อยของพวกท่านด้วย"
น้ำใจของเมิ่งเฉิงเจ๋อครานี้ เขาขอรับไว้
ต่งชิ่งเผยสีหน้ายินดี นี่เท่ากับตอบตกลงแล้ว
หลังส่งต่งชิ่งกลับ กำหนดการเดินทางเป็ที่แน่นอนแล้ว ทุกคนก็เริ่มยุ่งอีกครั้ง
ของที่ควรซื้อก็ซื้อมาแล้ว ของที่ควรเก็บก็เก็บเรียบร้อย วันที่ยี่สิบเดือนสี่ ยามฟ้าสาง ทั้งสี่คนกับลิงหนึ่งตัวก็มุ่งหน้าสู่ประตูเมืองทางทิศเหนือ
แม้จะเป็เวลาเช้าตรู่ แต่บนถนนก็มีคนสัญจรไม่น้อย ร้านขายอาหารเช้าริมทางก็มีคนนั่งกินมากมาย
"เหลียนเซวียนยังพอมีเวลาหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นได้กลิ่นหอมจากแผงขายอาหารริมทางก็น้ำลายสออย่างอดใจไม่อยู่
เหลียนเซวียนเงยหน้ามองฟ้า "ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วยามกว่า"
"เช่นนั้นพวกเราแวะกินก๋วยเตี๋ยวน้ำสามเซียนกันก่อนเถอะนะ ออกจากชางตานไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กินเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าวร้อนๆ เช่นนี้อีกหรือเปล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นมองแผงขายก๋วยเตี๋ยวเส้นข้าวควันโขมง แววตาวับวาวอย่างตะกละตะกราม
เหลียนเซวียนเห็นแล้วก็นึกขันหัวเราะเบาๆ "ได้สิ"
...
[1] เป็ชื่อยาแผนโบราณ ช่วยบำบัดอาการหูอื้อตาลาย วิงเวียนศีรษะ ปวดหัวตัวร้อน แก้ไข้สี่ฤดู บรรเทาอาการท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย
[2] ยามเหม่า คือ่ 7.00-9.00 ครึ่งยามเหม่าหมายถึง่ 8.00