เล็บของฉงอี๋เหนียงค่อนข้างยาว กำลังจะข่วนลงไปที่หน้าของกู้ชิงฮั่น ใบหน้าที่สวยงามราวกับหิมะราวกับเปลือกไข่ หยางหนิงกำลังจะยื่นมือไปขวางแต่เห็นกู้ชิงฮั่นหลบ ฉงอี๋เหนียงพุ่งตัวมาค่อนข้างเร็ว เมื่อฮูหยินสามกู้ชิงฮั่นหลบแบบนี้ ทำให้เจอแต่อากาศ จากนั้นก็ค่อยๆ ไถลเสียหลักแล้วล้มลง
ฉีอวี้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ในที่สุดก็ลุกขึ้นมา แล้วตะคอกว่า “นังแพศยา เ้ากล้ารังแกแม่ข้าหรือ? ข้าจะฆ่าเ้า” เขามองไปรอบๆ ก่อนจะคว้ากระถางธูปขึ้นมาและขว้างมันใส่กู้ชิงฮั่น เด็กคนนี้แรงเยอะมาก ขณะที่กระถางธูปกำลังลอยเข้ามา ใบหน้าของกู้ชิงฮั่นก็ถอดสี เห็นได้ชัดว่ากระถางธูปนั้นกำลังจะปะทะเข้ากับร่างของกู้ชิงฮั่น ก็มีเท้าข้างหนึ่งปรากฏต่อสายตา ลูกเตะสวยงามถูกวาดไปทางกระถางธูป จากนั้นมันก็ถูกเตะจนลอยกลับไป
การโต้กลับแบบไม่คาดคิดนี้ ฉีอวี้ก็ตะลึงไป จนกระทั่งกระถางธูปกระแทกที่หน้าอกของเขา เขาถึงได้ร้อง “โอ๊ย” ออกมา แล้วนั่งลงไปกับพื้น แล้วใช้มือจับไปที่หน้าอก หายใจแทบไม่ทัน
ทุกคนรวมไปถึงกู้ชิงฮั่นต่างตะลึง เห็นหยางหนิงยกเท้าขึ้นมาข้างหนึ่ง กำลังค่อยๆ วางลง
“เขา...!” ท่านหกอ้าปากค้าง เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
เห็นหยางหนิงมองไปรอบๆ ทันใดนั้นเองก็หัวเราะออกมา ทุกคนจึงได้สติกลับมา
หยางหนิงคิดว่า พวกเขาคิดว่าซื่อจื่อเป็คนบ้า ตัวเขาก็จะฉลาดมากเกินไปไม่ได้ ทำหน้าตาเอ๋อๆ บ้างก็ได้ หัวเราะไม่มีสาเหตุบ้างคงไม่แปลก
ถึงแม้เขาไม่อยากจะแย่งตำแหน่งลูกที่กตัญญู แต่ก็รู้ว่ากู้ชิงฮั่นกำลังปกป้องตัวเขาอยู่ เพราะกู้ชิงฮั่นหน้าตาสวย และนางพยายามปกป้องตัวเขา เขาจึงยอมไม่ได้ที่จะให้นางถูกรังแก
ฉงอี๋เหนียงนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น เมื่อเห็นฉีอวี้ถูกกระถางซัดจนล้มลง ก็รีบวิ่งไปดู แล้วพูดว่า “อวี้เอ๋อร์ เ้าเป็อย่างไรบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ท่านใหญ่สามตอนนี้ลุกขึ้นมา พูดด้วยความโกรธว่า “มันอะไรกัน มันอะไรกัน” แล้วชี้ไปที่กู้ชิงฮั่นพูดว่า “พวกเ้า... พวกเ้ายังมีระเบียบกันอยู่ไหม? ที่นี่ห้องโถงบรรพชนนะ ลงไม้ลงมือได้อย่างไร กู้ชิงฮั่น เ้าบังอาจมากไปแล้วนะ”
กู้ชิงฮั่นดวงตาแดงก่ำ แต่ยังพูดต่อไปว่า “ท่านใหญ่สาม ท่านเองก็เห็นอยู่ พวกเขาไม่มีหลักฐานไม่มีพยานแต่ใส่ร้ายความบริสุทธิ์ของข้า หรือว่าพวกท่านไม่ได้ยิน? อย่างไรซะข้าเองก็เป็สะใภ้ตระกูลฉี เอาน้ำเสียมาสาดใส่ตัวข้าแบบนี้ มันก็เหมือนสาดของเสียใส่ตระกูลฉีน่ะสิ พวกท่านไม่สนใจเลยหรืออย่างไร?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดนางก็ทนไม่ไหว น้ำตาไหลออกมา
“ใส่ร้ายให้เ้าแปดเปื้อนงั้นหรือ?” ท่านหกพูด “ทำอะไรตรงไปตรงมาก็ต้องไม่กลัวสิ หากปกติเจียมตัวบ้าง ก็คงไม่มีใครเขาพูดหรอก”
“เ้า...!” กู้ชิงฮั่นโกรธมาก แต่แววตาเ็ป
ท่านใหญ่สามชี้ไปที่หยางหนิงแล้วพูดว่า “เ้ากล้าลงมือกับพี่น้องของตัวเองเลยหรือ ของหนักแบบนั้น หากโดนหัวขึ้นมาจะทำอย่างไร? ใครก็บอกว่าเ้ามันบ้า เป็อย่างนั้นจริงๆ ด้วย เ้าเป็แบบนี้ แล้วจะเฝ้าศพได้อย่างไรกัน?” แล้วพูดเสียงเข้มว่า “อีกไม่กี่วันก็จะต้องเปิดบ้านรับแขก คนที่มาก็มีแต่ท่านอ๋องกับเหล่าตระกูลใหญ่ สภาพเ้าแบบนี้ ตระกูลฉีไม่เสียหน้าแย่หรือ ต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จวนองครักษ์เสื้อแพรอย่างไรก็เป็หนึ่งในสี่ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของแคว้นฉู่ จะเสียหน้าไม่ได้โดยเด็ดขาด ข้าจะตัดสินว่า ให้อวี้เอ๋อร์เฝ้าศพแทน ส่วนเื่อื่นๆ ข้าจะช่วยจัดการเอง เ้าสองคนก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว”
ท่านห้าคนผอมๆ ก็พูดมาว่า “ถูกต้อง พวกเ้าดูเ้าบ้านี่สิ พ่อตัวเองเพิ่งตาย น้ำตาสักหยดก็ไม่มี มันได้หรือ? ให้คนแบบนี้ไปรับแขกได้หรือ?”
แต่หยางหนิงไม่ได้สนใจ แล้วค่อยๆ เดินไปที่ตำแหน่งเฝ้าศพ แล้วชี้หน้าฉีอวี้ ความหมายก็คือจะให้ฉีอวี้หลีกไป
หลังจากฉีอวี้หายใจหายคอได้แล้ว ก็ลุกขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความแค้น ยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “คนที่ควรไปคือเ้า เ้ามันคนบ้า เ้านี่นะ จะสืบทอดตำแหน่งขององครักษ์เสื้อแพร?”
หยางหนิงยกมือขึ้นมา กางห้านิ้วออก ทุกคนไม่รู้ว่าคนบ้าแบบเขาจะทำอะไรกันแน่ แต่เห็นหยางหนิงพับนิ้วเก็บทีละนิ้วทีละนิ้วจนเหลือสามนิ้ว แล้วยื่นไปจับคอเสื้อของฉีอวี้ ไม่รอฉีอวี้ตอบโต้ เขาสบัดตัวเขาไปอย่างแรง ฉีอวี้ถูกสลัดจนล้มลงไป
ฉงอี๋เหนียงร้องด้วยความใ คนอื่นเองก็เช่นกัน
“อวดดี จองหอง...!” ท่านใหญ่สามโกรธแล้วตะคอก “ฉีหนิง เ้าคิดจะทำอะไร?”
หยางหนิงคิดในใจว่าซื่อจื่อชื่อฉีหนิงจริงๆ ด้วย ดูท่าต่อไปตัวเขาก็จะใช้ชื่อนี้นี่แหละ เขามองไปที่ท่านใหญ่สาม แล้วย้อนถามว่า “ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไร?”
“บังอาจ!” ท่านห้าพูดด้วยความโกรธว่า “เ้ากล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าผู้าุโแบบนี้ได้อย่างไร?”
หยางหนิงชี้ไปที่ฉีอวี้ แล้วชี้ไปที่กู้ชิงฮั่น แล้วถามว่า “ฉีอวี้ทำผิด พวกท่านทำไมไม่จัดการล่ะ?”
ท่านใหญ่สามโกรธจนหน้าเขียว แล้วพูดเสียงเข้มๆ ว่า “กู้ชิงฮั่นไม่รู้จักเจียมตัว จะให้ข้าให้ความเป็ธรรมให้นางได้อย่างไร?”
“ท่านเป็ผู้ใหญ่แต่ไม่น่าเคารพ แล้วจะให้ข้าเคารพท่านได้อย่างไรกัน?” เมื่อหยางหนิงเอ่ยปากพูดทีเดียวะเืฟ้าทลายดินเลยทีเดียว “ฉีอวี้ทำผิดต่อฮูหยินสามพวกท่านไม่เพียงไม่สนใจ ยังหาข้ออ้างไปเรื่อย ข้าก็ทำแบบนี้กับท่านบ้าง นี่ก็เป็สิ่งที่ท่านสอนข้านิ”
ท่านใหญ่สามตะลึงไป กู้ชิงฮั่นเองก็ตะลึงไป แล้วรีบพูดว่า “หนิงเอ๋อร์...!”
หยางหนิงกลับยกมือขึ้นมาห้ามกู้ชิงฮั่นเอาไว้ แล้วพูดต่อไปว่า “ข้าเป็ใคร? ข้าเป็ลูกชายคนแรกของเมียแต่ง” แล้วชี้ไปที่ฉีอวี้ “เขาเป็ใคร? เขาเป็ลูกอนุ พวกท่านป่าวประกาศไปทั่วว่า จะต้องทำตามกฎอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่รู้ว่ากฎข้อไหนบอกพวกท่านหรือว่าลูกอนุฐานะสูงกว่าลูกเมียแต่ง?”
ในตอนนี้หยางหนิงเข้าใจแล้วว่า ตัวเขาคือซื่อจื่อ เป็ลูกคนแรกของเมียแต่งขององครักษ์เสื้อแพร ส่วนฉีอวี้เป็ลูกของฉงอี๋เหนียง ฉงอี๋เหนียงเป็แม่เลี้ยง ลูกของนางก็คือลูกอนุ
หยางหนิงไม่ได้มีอคติอะไรกับลูกเมียแต่งหรือลูกอนุ เพราะเขาไม่ใช่คนในยุคนี้ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากมายขนาดนี้ แถมยังต่อต้านด้วยเพราะจะเมียแต่งหรืออนุมันทำให้มีการแบ่งชนชั้นวรรณะมากเกินไป แต่เมื่อเห็นคนพวกนี้หยิ่งยโสไม่มีความเกรงใจ ก็รู้สึกไม่พอใจ เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็ซื่อจื่อได้อีกสักกี่วัน ดังนั้นในตอนนี้ ก็ทำอะไรให้มันสะใจไปเลยดีกว่า
คนอื่นทำให้เขาไม่มีความสุข เขาก็จะทำให้คนอื่นไม่มีความสุขเช่นกัน
สายตาของท่านห้าเหมือนจะกินคนได้ พูดด้วยความโกรธว่า “ฉีหนิง เ้ามันกำเริบเสิบสานมากไปแล้วนะ เ้า...!”
“ท่านเป็ใคร?” หยางหนิงเหลือบไปมองเขา แล้วพูดอย่างเฉยๆ ว่า “พวกท่านพูดคำว่ากำเริบเสิบสานได้อย่างเดียวหรือ? จริงสิ ท่านคือท่านห้าสินะ?”
“ข้าเป็ท่านอาห้าของเ้า” ท่านห้าพูด “เ้าคนไม่เอาไหน ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เ้าควรพูดอะไร”
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ที่นี่คือจวนองครักษ์เสื้อแพร หากข้าพูดไม่ได้ แล้วใครกันล่ะที่พูดได้?” เขามองไปรอบๆ เห็นทุกคนกำลังใช้สายตาแปลกๆ มองมาที่ตัวเขา
ในใจของเขารู้ดีว่า ซื่อจื่อคนนั้นปกติเป็บ้า คนพวกนี้น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขาย้อนคำพูดกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ คนพวกนี้จะใไม่ใช่เื่แปลก
กู้ชิงฮั่นสีหน้าท่าทางสายตาทั้งใทั้งตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“พวกท่านกังวลว่าข้าอยู่ที่นี่จะทำให้ขายหน้า” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “แต่เมื่อถึงเวลาแขกที่มาในงานเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงท่านพิธีเป็ลูกของอนุ ไม่รู้เหมือนกันว่าในใจของพวกเขาจะคิดอย่างไร? จะหัวเราะเยาะไหมว่าองครักษ์เสื้อแพรไม่มีผู้สืบทอดหรืออย่างไร?”
เขาเน้นย้ำไปที่คำว่า “ลูกอนุ” อยู่ตลอดเวลา ฉีอวี้โกรธจนหน้าเขียว กำหมัดแน่น สายตาเหมือนมีดาบที่พร้อมจะฟันไปที่หยางหนิงตลอดเวลา
หยางหนิงเหลือบไปมอง แล้วพูดว่า “สิ้นท่านพ่อไปแล้ว คนที่เป็พี่ชายก็เหมือนพ่อ ข้าเป็พี่ชายเ้า ก็เปรียบเหมือนเป็พ่อของเ้า เ้าอวดดีต่อหน้าข้า ในจวนองครักษ์เสื้อแพรยังมีกฎระเบียบกันอยู่ไหม?” เขามองไปที่กู้ชิงฮั่น แล้วถามว่า “ฮู... ฮูหยินสาม จวนองครักษ์เสื้อแพรของเราไม่มีกฎบ้านหรือ?”
กู้ชิงฮั่นมีอาการตกตะลึงอยู่ นางคิดไม่ถึงเลยว่าหยางหนิงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องตอบอย่างไร
“กฎบ้าน?” ท่านใหญ่สามยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “เ้าก็แค่เด็กไม่ประสา จะมาพูดเื่กฎบ้านหรือ? ตอนนี้ข้าเป็นายใหญ่ของบ้านตระกูลฉี หากจะพูดเื่กฎบ้าน ข้าเอง ฉีหนิง เ้าไม่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่อยู่ในสายตา อาละวาดในห้องโถงบรรพชน ข้าจะไม่ยอมให้เ้ากำเริบเสิบสานได้อีก ข้าให้เ้าได้ลิ้มรสกฎบ้าน” แล้วพูดเข้มๆ ว่า “ทหาร จับเ้าเดรัจฉานนี่ไว้ แล้วลงโทษเขาเดี๋ยวนี้!”
หยางหนิงโกรธมากแต่ก็สงสัย ในใจคิดว่าเ้าเฒ่านี่ทำไมถึงได้เอาแต่ปกป้องลูกอนุตลอดเวลา คงไม่ใช่แค่เพราะฉีหนิงสติสัมปชัญญะไม่ดีแค่นั้นหรือกนะ คิดว่าน่าจะมีอะไรอย่างอื่น
ท่านใหญ่สามพูดจบ ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามา กู้ชิงฮั่นสายตาเย็นะเื แล้วพูดว่า “หนิงเอ๋อร์เป็ซื่อจื่อ ใครกล้าแตะต้องเขา?”
คนที่เข้ามาใ ท่านหกคนอ้วนๆ ยิ้มแห้ง แล้วก็พุ่งขึ้นมา ใช้มือข้างหนึ่งจะจับไปที่คอของหยางหนิง
หยางหนิงหลบได้อย่างง่ายดาย แล้วยื่นมือไปจับแขนที่ยื่นมาของท่านหก ออกแรงกระชาก ทำให้ท่านหกไม่สามารถเก็บเท้าได้ทัน ล้มกลิ้งลงไป แล้วเขาก็ร้องออกมาอย่างใ ท่านหกคนอ้วนๆ ชนถูกท่านพิธี เชิงเทียนล้มลง ถาดผลไม้ล้มละเนละนาด
เชิงเทียนค่อยๆ กลิ้งไปถูกผ้าขาว จากนั้นไฟก็ลุก ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปหมด มีคนร้องะโออกมาแล้ว กู้ชิงฮั่นหน้าเสียไป แล้วร้องขึ้นมาว่า “รีบดับไฟเร็ว รีบดับไฟเร็ว!”
ไฟลามไปเร็วมาก คนด้านนอกยกน้ำเข้ามาดับไฟ ไม่ช้าไฟก็ดับลง ในห้องโถงบรรพชนตอนนี้มันเละเทะมาก
หยางหนิงเห็นท่านหกคนอ้วนกำลังลุกขึ้นมา เตรียมจะวิ่งหนี ก็เลยรีบพุ่งเข้าไปหา ยื่นขาเข้าไปขัดเขาจากด้านหลัง ท่านหกร้อ “โอ๊ย” แล้วล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง หยางหนิงรีบนั่งลงไปบนตัวเขา ดึงหมวกของเขาออก แล้วจับไปที่หัวเขา แล้วร้องะโว่า “ท่าน... ท่านกล้าทำลายห้องโถงบรรพชนหรือ? ข้าจะสู้กับท่านตอนนี้ ท่านต้องชดใช้ห้องโถงบรรพชนให้ข้าต้องชดใช้ห้องโถงบรรพชนให้ข้า...!” ยกหมัดขึ้นมาแล้วก็ชกไปที่หัวของเขา
ท่านหกร้องเหมือนหมูโดนเชือด ตอนนี้ในห้องโถงบรรพชนวุ่นวายไปหมด หลังจากไฟไหม้ ท่านใหญ่สามถูกพยุงออกจากห้องโถงไป ส่วนท่านห้าจริงๆ ก็ออกมาด้านนอกแล้ว แต่เมื่อเห็นหยางหนิงนั่งทับท่านหกอยู่ก็กำหมัดเตรียมขึ้นไปชก แล้วะโว่า “ฉีหนิง เ้ามันเดรัจฉาน อาแท้ๆ ของตัวเองยังกล้าทำร้าย...!” เขาเดินตรงเข้ามา ยกเท้าเตรียมที่จะถีบเข้าใส่หยางหนิง
หยางหนิงเตรียมตัวรับมืออยู่แล้ว เขายื่นมือออกไป จับขาของท่านห้าเอาไว้ แล้วดึงอย่างแรง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียง “แกร็ก” ท่านห้าร้องอย่างเ็ป แล้วล้มลงกับพื้น