“เ้ายังจำได้หรือไม่ ว่าครั้งที่แล้วเหตุใดข้าจึงได้รับาเ็” องค์ชายเจ็ดยืนอยู่หน้าูเาจำลองที่ห่างออกไปหลายร้อยหมี่ มือทั้งคู่ไพล่อยู่เื้ั บนใบหน้าแขวนไว้ด้วยความโทสะที่รุนแรง
“ระหว่างทางที่องค์ชายเจ็ดกลับเมืองหลวงถูกคนไล่ล่าสังหาร จุดเกิดเหตุอยู่นอกประตูเมืองที่ชีหลี่พัวพ่ะย่ะค่ะ” จนถึงบัดนี้ โจวฉี่เยี่ยนยังจำได้ว่า เหตุการณ์ในวันนั้นร้ายแรงเพียงใด
คนชุดดำสามสิบกว่าคน ล้วนแต่เป็ยอดฝีมือ เพื่อปกป้ององค์ชายเจ็ด แม้แต่เขาก็เกือบจะมอบชีวิตออกไปแล้ว แต่ก่อนที่คนชุดดำคนสุดท้ายจะตาย ยังคงแทงองค์ชายไปกระบี่หนึ่ง
องค์ชายเจ็ดเพื่อรักษาชีวิต รีบฟาดแส้เร่งม้ากลับเมืองหลวง นี่จึงเป็เหตุผลว่า เหตุใดเขาจึงควบม้าในเมืองวันนั้น จนเกือบชนหลิงมู่เอ๋อร์ ในใจของโจวฉี่เยี่ยนจะมากน้อยก็ยังมีความเคืองแค้น
องค์ชายเจ็ดหมุนกายกลับมา สายตาที่แหลมคมคู่หนึ่งราวกับเหยี่ยวกลางเวหา ร้ายกาจและหนาวเหน็บ “เ้ากลับมีความจำที่ดีนัก เช่นนั้น เ้ารู้หรือไม่ว่ายามนั้นเป็ผู้ใดที่มอบยาถอนพิษให้?”
ในวันนี้ เพื่อช่วยหลิงมู่เอ๋อร์ และเพื่อปิดบังฐานะของตน เขามิได้ติดตามองค์ชายเจ็ดกลับเข้าวังด้วย แต่ภายหลัง เซิงเอ๋อร์ยังคงเล่าให้เขาฟัง “ได้ยินว่าฝ่าาทรงมีราชโองการให้หมอหลวงทั้งหมดไปที่จวนองค์ชาย แต่…”
“แต่อะไร?” องค์ชายเจ็ดมีเจตนาจะทดสอบความสามารถของโจวฉี่เยี่ยน
เมื่อก่อนยามอยู่นอกด่าน โจวฉี่เยี่ยนไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมาก่อน แต่ที่นี่คือเมืองหลวง คือกำแพงเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและอันตราย หากเขาไร้ความสามารถที่จะครองตำแหน่ง ก็อาจต้องไสหัวไปทุกเมื่อ
“แต่ผู้าุโฟู่ เป็แพทย์าุโแห่งสำนักหมอหลวง ที่ได้รับการแนะนำจากองค์รัชทายาทให้เข้าสำนักหมอหลวงเมื่อหลายปีก่อน ” ดวงตาที่สงบนิ่งในยามปกติเต็มไปด้วยไฟโทสะ เนื่องจากผู้าุโฟู่ผู้นี้ก็คือคนที่เคยใส่ร้ายจนตระกูลโจวของพวกเขาถูกปะาล้างตระกูล “เื่นี้เป็ฝีมือของรัชทายาท ในใจของพระองค์มีข้อสรุปอยู่นานแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ ที่ไท่จื่อทรงร้อนพระทัยจนกระทำการอย่างเปิดเผยถึงเพียงนี้ แสดงว่าบัดนี้ ทรงตั้งใจลงมืออย่างถึงที่สุดแล้ว องค์ชายเจ็ดทรงมีคำสั่งใดพ่ะย่ะค่ะ?”
“อย่าคิดว่าเขาเป็ไท่จื่อ บัลลังก์นี้ก็จะตกเป็ของเขาอย่างแน่นอน หากเสด็จพ่อทรงให้ความสำคัญกับเขาจริงๆ แล้วจะทรงใช้เื่นั้นมาข่มขู่ให้ข้ากลับเมืองหลวงได้อย่างไร” โจวฉี่เยี่ยนพูดได้ถูกต้อง ที่รัชทายาททรงร้อนใจถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้ถึงสถานการณ์ของตนในเมืองหลวงดี ทว่า ตัวเขา ‘ฉินเสวียนถิง’ ก็มิใช่ผู้ที่ไร้ความสามารถเช่นกัน!
“ในเมื่อไท่จื่อมีความสนใจในการทดลองสมุนไพรเช่นนี้ เยี่ยงนั้น ก็ให้เขาได้วิเคราะห์ให้เด็ดขาดไปอีกเสียหน่อย!”เมื่อทิ้งคำพูดไว้แล้ว องค์ชายเจ็ดก็หมุนตัวจากสง่างามเป็ธรรมชาติ
“อะไรนะ? ผู้ที่สั่งการให้ภรรยาของจางต้า มาใส่ร้ายข้าคือหลันเชี่ยนหยิ่ง?” เมื่อหลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินคำบอกเล่าของโจวฉี่เยี่ยนก็ประหลาดใจเป็อย่างมาก
ในสมองย้อนคิดถึงปฏิสัมพันธ์ที่มีกับหลันเชี่ยนหยิ่งทั้งหมด พวกนางเคยพบหน้ากันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น กระทั่งยังไม่เคยทักทายกันด้วยซ้ำ คำยังมิได้พูดแม้แต่ครึ่งคำ
“ใช่ ข่าวที่ผู้ว่าการเมืองหลวงส่งมาไม่มีทางเป็เท็จ” โจวฉี่เยี่ยนพยักหน้า “ท่านมหาเสนาบดีมีเจตนาจะเชื่อมความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานกับตระกูลซู ส่วนซูเหล่าฟูเหรินก็เห็นด้วยกับเื่นี้ แต่บัดนี้ มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าซูเช่อมีความรู้สึกต่อเ้า ที่หลันเชี่ยนหยิ่งทำเช่นนี้ก็มีเหตุผลของนาง” ในรถม้า โจวฉี่เยี่ยนกำลังวิเคราะห์ แต่เพียงครู่เดียวคำพูดก็เปลี่ยนเื่ “หากมู่เอ๋อร์อยากให้ข้าจัดการเื่นี้ ก็อย่าได้เกรงใจข้าอย่างเด็ดขาด”
หลิงมู่เอ๋อร์กำลังโมโหอย่างมาก เนื่องจากกำลังหอบหายใจ หน้าอกจึงกระเพื่อม ในพื้นที่เล็กๆ นางโมโหจนดวงหน้าเล็กๆแดงก่ำ ทำเอาโจวฉี่เยี่ยนมองจนสติหลุดลอยไปชั่วขณะ
“องค์ชายเจ็ดเป็ผู้ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนล้ำลึก มีทั้งความกล้าหาญและไหวพริบ มิใช่ผู้ที่จะยอมเสียเปรียบอย่างแน่นอน กลัวว่า เื่การถูกพิษเขาคงไม่ยอมจบเพียงเท่านี้แน่ ใน่นี้ ท่านคงจะต้องยุ่งมากกระมัง?” แม้นางจะโมโห แต่อย่างน้อยก็มิได้โมโหจนทำให้สมองเลอะเลือน
หลันเชี่ยนหยิ่ง คุณหนูใหญ่ของจวนมหาเสนาบดี ในงานเลี้ยงที่เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเป็ผู้จัด คำแรกที่นางกล่าวออกมา ก็คือการประจบประแจงไท่จื่อเฟย การกระทำที่จงใจสอพลอเอาใจนั้น นั่นเป็พฤติกรรมที่นางไม่ชอบที่สุดในยามปกติ
นางรู้ว่า นับั้แ่ครั้งแรกในวันนั้นที่หลันเชี่ยนหยิ่งเห็นตน ก็ไม่คิดจะปล่อยนางไป! แต่นางคิดว่า เื่ที่ผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์หลวงสนิทสนมกับนางก็เป็ที่รู้กับไปทั่วเมืองหลวงแล้ว นางไม่มีความสนใจในตัวซูเช่อ ด้วยสติปัญญาของหลันเชี่ยนหยิ่งย่อมไม่มีทางไม่ทราบ แต่นางกลับมาใช้แผนการชั่วร้ายเล่นงานนาง ทำให้นางเสียชื่อเสียง?
หาที่ตาย!
“ถูกต้อง องค์ชายเจ็ดให้ข้าไปวางแผนทำร้ายไท่จื่อ” โจวฉี่เยี่ยนตอบอย่างรวบรัด
หลังจากหลิงมู่เอ๋อร์เบิกตาโตไปสามวินาทีก็รีบปิดปากเขา ส่งเสียงชู่ว่า “เ้าบ้าไปแล้ว เื่สำคัญเช่นนี้ก็บอกกับข้าแบบนี้แล้ว?”
บนร่างของนางมีกลิ่นหอมของสมุนไพรสายหนึ่ง กลิ่นหอมบนฝ่ามือยิ่งเข้มข้น ทำให้คนดมแล้วราวกับสามารถขจัดความอ่อนล้าทั่วร่างได้
นิ้วมือทั้งห้าที่ขาวราวต้นหอมอ่อนที่นุ่มเรียว ความอุ่นร้อนกลางฝ่ามือถ่ายทอดไปทั่วร่างของเขา มีเสี้ยววินาทีหนึ่ง ที่ทำให้โจวฉี่เยี่ยนอยากเปิดปากจุมพิตลงไป เขารู้ว่า ขอเพียงเขาขยับริมฝีปาก ก็จะสามารถลิ้มลองััที่ตนปรารถนาได้ แต่เขาไม่อยากให้นางรู้สึกไม่ดี
เบี่ยงสายตาที่บ่งบอกถึงการกระทำที่เกินเลยลง หลิงมู่เอ๋อร์กลับไม่รู้สึกถึงสิ่งใด “ข้ามิได้มีความสนใจการต่อสู้ในราชสำนัก แม้ข้าจะมีความทะเยอทะยาน แต่ก็เพียงหวังให้ทักษะการแพทย์ของตนพุ่งขึ้นสู่จุดสู่จุดสูงสุด เผยแพร่ไปทั่วหล้า ได้ใช้ชีวิตที่ข้าปรารถนาเท่านั้น ระหว่างไท่จื่อและองค์ชายเจ็ด้าทำสิ่งใด ข้าไม่รู้ ไม่ฟัง และไม่เห็น ทว่า โจวฉี่เยี่ยน เ้าเป็เพื่อนที่ข้าให้ความสำคัญ”
ที่หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะสื่อความสองเื่ หนึ่ง นางไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นต่อเ้า โจวฉี่เยี่ยน สอง จะต้องระมัดระวังให้มาก
“ยาเม็ดนี่เ้าเก็บไว้ ในยามจำเป็ สามารถรักษาชีวิตของเ้าได้ ยังมีสิ่งนี้…” หลิงมู่เอ๋อร์หยิบขวดยาออกมาจากอกสองขวดติดต่อกัน ส่งไปยังอ้อมอกของโจวฉี่เยี่ยน “ยาแม้จะช่วยคนได้ แต่ก็สามารถฆ่าคนได้ นี่เป็ผงสะกดิญญาที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง ไร้สี ไร้รส ทันทีที่เข้าสู่ปากจะทำให้คนทั่วร่างไร้เรี่ยวแรง ทั่วทั้งร่างเกิดอาการคันราวถูกหมื่นมดรุมไต่ ในยามจำเป็ หวังว่ามันจะช่วยท่านได้”
โจวฉี่เยี่ยนราวได้รับของวิเศษล้ำค่า เก็บขวดยาเข้าไปในกระเป๋าในอกเสื้อ “ขอบคุณเ้ามู่เอ๋อร์ ตัวข้าโจวฉี่เยี่ยน มีคุณธรรมหรือความสามารถใดจึงได้มีโอกาสรู้จักกับเ้า”
เดิมคำพูดเยินยอเช่นนี้มิใช่สิ่งที่นางชอบฟัง แต่ครั้งนี้ก็ราวกับขับไล่ความมืดมนที่นางเผชิญมาเมื่อครู่ไป “อย่างน้อยก็ได้รู้จักกันมา่หนึ่ง ข้าไม่อยากให้คนที่อยู่ข้างกายข้าไม่ว่าผู้ใด อยู่ดีๆก็จากไปอย่างไม่รู้เวลา โจวฉี่เยี่ยน เ้าเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?”
หลิงมู่เอ๋อร์อยากกล่าวว่า เมืองหลวงอันตรายเป็อย่างมาก แม้เขาจะอยากแก้แค้น แต่ก็ต้องรักษาร่างกายของตนเอง
โจวฉี่เยี่ยนจะไม่รู้ได้อย่างไร? แต่เขาแบกรับคดีปะาล้างตระกูลไว้ น้องรุ่ยก็ตายไปเพราะเขาอีก ความแค้นนี้เขามิอาจไม่ชำระ ถึงแม้ว่า…เขาจะต้องตาย
“พี่มู่เอ๋อร์ เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ได้เล่า?” ปฏิเสธความหวังดีของโจวฉี่เยี่ยนที่จะช่วยแก้แค้นหลันเชี่ยหยิ่ง หลิงมู่เอ๋อร์ตรงไปยังจวนจวิ๋นอ๋อง ่นี้เจาหยางจวิ้นจู่น้อยนิสัยเปลี่ยนไปมาก ได้ยินพ่อบ้านกล่าวว่าเป็นางมาเยือน ก็ราวกับเป็ผีเสื้อดอกไม้พุ่งออกมา กอดแขนของนางไว้ไม่ยอมปล่อย “ข้ากำลังจะไปหาหลิงจือเซวียนที่จวนสกุลหลิง อีกครู่พวกเราไปด้วยกันดีหรือไม่?”
เจาหยางเดิมก็เป็สาวน้อยที่งดงาม เพียงแต่ถูกภาพลักษณ์ภายนอกที่เกเรเอาแต่ใจบดบังสายตาผู้คน บัดนี้เนื่องเพราะความรักจึงเผยด้านที่บริสุทธิ์จริงใจออกมา ก็น่ารักอยู่หลายส่วน
“ข้ามีธุระ พี่ชายของเ้าเล่า?” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ในอดีต มารร้ายผู้นั้นมักจะวนเวียนอยู่ด้านหลังของนาง บัดนี้ เหตุใดจึงไม่เห็นแม้แต่เงา?
“พี่มู่เอ๋อร์มิใช่สนิทสนมกับผู้บัญชาการหน่วยราชองครักษ์ซั่งกวนเซ่าเฉินหรือ เหตุใดจึงมาหาพี่ชายของข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ได้?” เจาหยางสงสัย พลันนางก็ราวกับเข้าใจขึ้นมา “อ้อ ท่านจะต้องพบข้อดีของพี่ชายของข้าเข้าแล้วใช่หรือไม่?”
“อย่างไรซะ ตอนนี้ซั่งกวนเซ่าเฉินก็ไม่อยู่ที่เมืองหลวง พอดีให้ท่านกับพี่ชายข้าได้ลองใกล้ชิดกันดู ท่านจะต้องค้นพบข้อดีของพี่ชายข้าแน่นอน เขาเป็ถึงชายงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเชียวนะ มีคุณหนูสูงศักดิ์จำนวนมากเท่าใด…เอ๊ะ พี่สาว ท่านจะไปที่ใดกัน?”
คำพูดของเจาหยางจวิ้นจู่น้อยยังไม่ทันจบ ก็พบว่าหลิงมู่เอ๋อร์สะบัดมือนางออก เดินมุ่งไปด้านนอกแล้ว นางรีบตามไปอย่างรีบร้อน “ถือว่าข้าพูดมาก พูดมากไปแล้วยังไม่ได้หรือ? ฝ่าาเรียกเข้าพบ ตอนนี้ท่านพี่อยู่ในวังหลวงน่ะ คาดว่าต้องรออีกซักพักถึงจะกลับมา ไม่เช่นนั้น เ้าก็รอซักครู่ ถือซะว่าอยู่เป็เพื่อนข้า?”
หลิงมู่เอ๋อร์คิด นอกจากสมองของนางจะเสียแล้ว จึงจะรั้งอยู่เป็เพื่อนสาวน้อยเสียสติที่มีวงจรความคิดที่ล้ำหน้าอย่างมากนางนี้
“บอกซูเช่อว่าข้ามีเื่จะพบเขา ในยามที่สะดวกให้ไปหาข้าที่โรงหมอ” หลิงมู่เอ๋อร์ทิ้งคำพูดไว้ก็จะจากไป เห็นเจาหยางคิดจะติดตามมา นางก็รีบหันศีรษะกลับมา พูดอย่างรวดเร็ว “พี่ชายของเ้าไม่อยู่บ้าน พี่ชายของข้าก็บังเอิญไม่อยู่บ้านเช่นกัน จวิ้นจู่น้อยยังคงเป็เด็กดีอยู่ในจวนดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปแล้วผิดหวัง แล้วพบกันใหม่ ”
จวิ้นจู่น้อยมองแม่นางเซียนแพทย์ในชุดขาวตลอดร่างหายไปจากสายตา เจาหยางมุ่ยปาก โมโหจนกระทืบเท้า
“รอดูเถอะ รอข้าเป็พี่สะใภ้ของเ้าแล้ว ดูว่าเ้าจะยังกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้อีกหรือไม่!”
เมื่อกลับมาถึงโรงหมอ หลิงมู่เอ๋อร์ก็ถูกป้าเฉินขวางทางไว้ หลายวันมานี้ ป้าเฉินก็คือผู้จัดการของโรงหมอ ไม่เพียงจดบัญชีได้อย่างยอดเยี่ยม แม้แต่ยาต่างๆก็จัดการได้อย่างเรียบร้อย หากมิใช่กลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์ที่ติดตัวนางมาแต่เดิมไม่เข้ากับโรงหมอ หลิงมู่เอ๋อร์ยังคิดอยากจะเชิญนางให้เป็ผู้จัดการประจำแล้ว
“ป้าเฉินมีธุระหาข้าหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รีบร้อน นั่งอยู่ที่แท่นตรวจ ตั้งใจจะแขวนป้ายตรวจตอนบ่าย
ป้าเฉินคว้าข้อมือของหลิงมู่เอ๋อร์ แรงของนางมากนัก การเคลื่อนไหวที่จับนางไว้นั้นทำให้ซางจือกับเจี้ยงเซียงใแล้ว
“ท่านป้าเฉิน นี่ท่านทำอะไร ปกติแล้วคุณหนูของเราก็ดีต่อท่านไม่น้อย” สีหน้าของซางจือร้อนรน เตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปปกป้องหลิงมู่เอ๋อร์ทุกเมื่อ
“นั่นสิท่านป้าเฉิน ท่านมีเื่ใดไม่อาจพูดดีๆได้ มาลงมือกับคุณหนูได้อย่างไร?” เจี้ยงเซียงก็ใจะแย่แล้ว หลังจากได้รับสายตาส่งสัญญาณจากซางจือ นางก็แสดงท่าทีเตรียมพร้อมที่จะบุกไปเรียกทัพหนุนมาช่วยเหลือตลอดเวลาออกมา
บัดนี้ หลิงมู่เอ๋อร์เป็ถึงเซียนแพทย์ผู้ได้รับความรับจากเหล่าราษฎร ขอเพียงนางบุกออกไปร้องะโทีหนึ่งว่า คุณหนูมีอันตราย คาดว่าจะต้องมีคนมากมายเข้ามาปกป้อง สายตาของป้าเฉินในยามนี้ร้ายกาจเป็อย่างมาก แต่อย่างไรก็เป็สตรีที่มีอายุมากแล้ว หนึ่งคนยากจะต้านสี่มือ ที่เสียเปรียบยังคงเป็นาง
“ข้ามีคำพูดจะถามเ้า ขอเพียงเ้าตอบตามตรง ข้าย่อมไม่ให้เ้าต้องลำบากใจ” น้ำเสียงของป้าเฉินอ่อนลง สายตาก็มิได้เยียบเย็นเช่นเมื่อครู่
เดิมหลิงมู่เอ๋อร์มิได้เห็นนางอยู่ในสายตา อย่าพูดถึงว่าป้าเฉินไม่มีวรยุทธ์ ต่อให้มีก็มิใช่คู่ต่อสู้ของนาง หลังเรียกให้ซางจือและเจี้ยงเซียงเปิดประตูรับตรวจ นางก็พาป้าเฉินไปที่เรือนด้านหลัง “ป้าเฉินได้เตรียมพร้อมที่จะกล่าวถึงเหตุผลที่รั้งอยู่ที่ข้าไม่ยอมจากไปแล้วหรือไม่?”
ป้าเฉินตกตะลึง มองแววตาที่ลึกซึ้งของหลิงมู่เอ๋อร์ คิ้วของนางก็ขมวด
นางถามตนว่าอยู่ในวังหลังมานานหลายปี ผ่านแผนการแก่งแย่งชิงดีมานับไม่ถ้วน มีความสามารถในการตรวจสอบทุกสรรพสิ่ง ขอเพียงเป็ดวงตาของคน นางก็จะสามารถมองทะลุได้ แต่สาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าสีหน้าอ่อนโยน มั่นคงและงดงาม นี่เป็ครั้งแรกที่นางมองไม่ออกแล้ว
“ข้าเคยบอกแล้วว่า ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกเ้า ก่อนจากไป ก็จะไม่ทำลายความสงบที่เป็ของพวกเ้า แต่สาวน้อย เ้าได้ะโเข้าไปในหลุมโคลนหลุมหนึ่งแล้ว ด้วยความเฉลียวฉลาดของเ้า ย่อมไม่มีทางไม่สังเกตเห็น หากบัดนี้เ้าถอนมือก็ยังทัน ”