พ่อบ้านชิวเห็นกู้ชิงฮั่นเดินมา เดิมที่ยิ้มหัวเราะอยู่ก็เปลี่ยนเป็เคารพยำเกรง เหมือนจะรีบวิ่งขึ้นไปหา แล้วพูดอย่างเคารพว่า “ฮูหยินสาม มีเื่สำคัญต้องรายงานให้ท่านทราบ”
“เ้าไปหาท่านใหญ่สามมาหรือยัง?” กู้ชิงฮั่นสีหน้าท่าทางเรียบเฉย ไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้าที่สวยงามเมื่อไม่มีรอยยิ้ม ไม่เพียงมีสง่าราศี ยังดูน่ายำเกรงอีกด้วย
พ่อบ้านชิวรีบตอบกลับไปว่า “ไปมาแล้ว ข้าน้อยกล่อมอยู่นาน ท่านใหญ่สามใจเย็นลงมาไม่น้อย แต่ว่า...!”
“แต่ว่าอะไร?” กู้ชิงฮั่นมองไปด้วยสีหน้าอันเ็า “แต่ว่ายังคงจะให้ฉีอวี้เฝ้าศพต่อไปงั้นหรือ?”
พ่อบ้านชิวพูดอย่างลำบากใจว่า “ฮูหยินสาม ข้าน้อยรู้ดีว่าในเมื่อซื่อจื่อกลับมาแล้ว ให้ฉีอวี้เฝ้าศพต่อมันไม่เหมาะสม แต่ว่าท่านใหญ่สามบอกว่าต่อให้ฉีอวี้ไม่ใช่ลูกเมียแต่ง แต่เขาก็เป็เืเนื้อเชื้อไขของท่านโหว ท่านโหวสิ้นแล้ว แม้แต่การเฝ้าศพแสดงความกตัญญูก็ไม่ให้เขาเลย มันก็ไม่เหมาะเหมือนกัน” แล้วมองไปทางหยางหนิง แล้วพูดเบาๆ ว่า “ความหมายของท่านใหญ่สามก็คือ ต่อไปกลางวันก็ให้ท่านซื่อจื่อเฝ้าศพไป ส่วนกลางคืนก็ให้ฉีอวี้ทำแทน เมื่อเป็อย่างนี้แล้ว ที่โถงบรรพชนก็จะมีคนเฝ้าศพอยู่ตลอดเวลา ส่วนท่านซื่อจื่อเองก็มีเวลาพักผ่อนด้วย”
กู้ชิงฮั่นพูดอย่างเรียบเฉยว่า “พ่อบ้านชิว ความหมายของพวกเขา คนอื่นไม่เข้าใจ แต่ท่านน่าจะเข้าใจดี ท่านอยู่ในจวนโหวนี่มากว่ายี่สิบปี ตอนที่ท่านแม่ทัพยังอยู่ ดีกับเ้าอย่างไร ท่านเองก็น่าจะรู้ดีแก่ใจ” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ค่อยๆ กะพริบตา “ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร เราต้องทำตามเจตนารมณ์ของท่านแม่ทัพที่มีแต่แรกเท่านั้น”
พ่อบ้านชิวยิ้มแล้วพูดว่า “ฮูหยินสามกล่าวถูกแล้ว ข้าน้อยจะทำอย่างสุดความสามารถ” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “งั้นข้ากลับไปรายงานท่านใหญ่สาม ไปบอกเขาว่าวิธีนี้ไม่ได้?”
กู้ชิงฮั่นขมวดคิ้ว ใช้ความคิด แล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ จะให้ฉีอวี้เฝ้าศพตอนกลางคืนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีแขกมา ก็จะต้องให้หนิงเอ๋อร์ออกหน้ารับแขกเท่านั้น เขาจะต้องกลับไปอยู่ด้านหลังโถงบรรพชนทันที”
“รับทราบ” พ่อบ้านชิวพูดพร้อมโค้งคำนับ
จากนั้นกู้ชิงฮั่นก็เดินไปหาหยางหนิง ใบหน้าที่สวยงามมีรอยยิ้มอีกครั้ง “หนิงเอ๋อร์ ให้เ้าไปที่โถงบรรพชน เ้ามาทำอะไรที่นี่? แอบมาเล่นอยู่ตรงนี้อีกแล้วใช่ไหม?” คำพูดของนางเหมือนตำหนิเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนมาก แทบไม่เหมือนการตำหนิเลย
พ่อบ้านชิวติดตามอยู่ข้างๆ กู้ชิงฮั่น ยังไม่ได้ไปไหน กู้ชิงฮั่นััได้ ก็เลยหยุดเดิน แล้วถามว่า “พ่อบ้านชิวยังมีเื่อะไรอีกงั้นหรือ?”
พ่อบ้านชิวลังเล แล้วพูดว่า “เป็เื่สำคัญมากจะต้องปรึกษากับฮูหยินสามโดยด่วน”
“เื่อะไรกัน?”
พ่อบ้านชิวมองไปที่หยางหนิง แล้วหยุดพูด หยางหนิงโกรธมาก ก็เลยพูดไปตรงๆ ว่า “มองข้าทำไม? สิ่งที่เ้าจะพูดข้าอยู่ฟังไม่ได้หรือไงกัน?”
พ่อบ้านชิวรีบตอบกลับว่า “ซื่อจื่อท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้า...ข้าไม่ได้ไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น”
“ถ้าไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นยังไม่รีบพูดมาอีก?” หยางหนิงมองบน เขารู้สึกว่าพ่อบ้านชิวคนนี้ทำอะไรลับๆ ล่อๆ มีลับลมคมในตลอด เหมือนมีความลับปกปิดเอาไว้
กู้ชิงฮั่นจ้องไปที่หยางหนิง ขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่พ่อบ้านชิว แล้วพูดขึ้นมาว่า “พ่อบ้านชิว สรุปแล้วมันเื่อะไรกัน?”
“เอ่อ...!” พ่อบ้านชิวลังเล แต่สุดท้ายก็พูด “ฮูหยินสาม ในคลังเงินของจวนนั้น...คลังเงินของจวนเหลือเงินอีกไม่มากแล้ว คิดว่าน่าจะยื้อไว้ได้อีกไม่นานนัก”
กู้ชิงฮั่นสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที แล้วถามว่า “เมื่อหลายวันก่อนยังเห็นว่าเหลืออยู่พอควรอนี่ ทำไมจู่ๆ ถึงได้หมดแล้วเล่า?”
พ่อบ้านชิวยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “หลายวันมานี้คนที่มาเคารพศพล้วนแล้วแต่เป็เชื้อพระวงศ์ขุนนางขั้นสูงต่างๆ พวกเขาต่างก็อยู่ทานอาหารที่นี่กันหมด เราต้องรักษาหน้าของจวนโหวเอาไว้ ค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยเลย อีกอย่างยังมีรายการจุกจิกอีกมากมาย แต่เดิมคิดว่าอะไรประหยัดได้ก็ประหยัดไป อย่างน้อยก็ยื้อให้ทางวังหลวงหรือไม่ก็ทางเจียงหลิงส่งเงินสมทบเข้ามา แต่ว่า... แต่ว่าตอนนี้ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อแล้ว ค่าใช้จ่ายมีเยอะมากเลย ทางคลังเงินก็ไหลออกเป็สายน้ำทุกวัน” เขายื่นสมุดบัญชีออกมาเล่มหนึ่ง “ฮูหยินสามท่านลองดูนี่ ค่าใช้จ่ายเรียงรายทั้งนั้น ในนี้มีระบุรายละเอียดเอาไว้หมดแล้ว”
กู้ชิงฮั่นส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ในเมื่อพ่อบ้านชิวพูดมาขนาดนี้แล้ว ก็คงไม่ผิด” นางไม่ได้หยิบสมุดบัญชีมาดู
หยางหนิงเห็นทุกอย่างชัดเจน ในใจชื่นชมกู้ชิงฮั่นจัดการทุกอย่างได้อย่างมืออาชีพ ตอนนี้ไม่ใช่่เวลาปกติ กู้ชิงฮั่นถึงแม้จะดูแลภาพรวมทุกอย่าง แต่อย่างไรก็เป็ผู้หญิง เื่ภายในจวนทุกอย่างก็คงให้พ่อบ้านชิวออกหน้าไปทำแทนทั้งหมด หากรับสมุดบัญชีมา ก็หมายความว่าไม่เชื่อมั่นในตัวของพ่อบ้านชิว ก็จะทำให้เกิดรอยร้าว สถานการณ์ตอนนี้ จะให้พ่อบ้านชิวเสียหน้าไม่ได้
“สงสัยเงินเดือนเดือนนี้ของคนในจวนคงจะไม่สามารถจ่ายได้ตรงเวลา ยังมีทางด้านหอตำรา วันก่อนที่ท่านจัวมา ถึงแม้จะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ความหมายก็ค่อนข้างชัดเจน เหมือนตำหนิว่าเราไม่ยอมส่งเงินไปยังหอตำราเสียที” พ่อบ้านชิวส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ฮูหยินสาม หากเป็แบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ ตามธรรมเนียมแล้ว อีกห้าวันพิธีศพของท่านแม่ทัพถึงจะเสร็จสิ้น วันที่เหลือ ค่าใช้จ่ายก็คงไม่น้อย เื่ของท่านแม่ทัพ อย่างไรก็เป็เื่ใหญ่ จะทำลวกๆ ไม่ได้ จะให้เสียหน้าไท่ฟูเหรินไม่ได้เด็ดขาด”
สีหน้าของกู้ชิงฮั่นเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิ้วที่โก่งโค้งราวกับคันศรขมวดติดกัน “เงินในร้านค้าทั้งสองร้านโยกย้ายมาหรือยัง?”
“ข้ากำชับให้โยกเงินมาเสริมตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้ว” พ่อบ้านชิวพูดว่า “ทางร้านยา้าเครื่องยาจีน ครึ่งเดือนก่อนเราเลยจ่ายเงินซื้อไปจำนวนหนึ่ง ตอนนี้เลยเหลือเงินอยู่ไม่มาก”
จากที่หยางหนิงฟัง ตอนแรกเขาคิดว่าบ้านเศรษฐีตระกูลใหญ่ คงไม่มีทางเครียดเื่เงินๆทองๆแน่ๆ แต่ตอนนี้ เงินกลายเป็ปัญหาใหญ่ของจวนโหวซะแล้ว
คิ้วของกู้ชิงฮั่นขมวดกันแน่น พ่อบ้านชิวพูดว่า “ในวังหลวงก็ไม่มีข่าวอะไรเลย ผิดปกติมาก ฮูหยินสาม เราควรจะส่งคนไปสืบดูหน่อยไหม ดูว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าน้อยรู้จักกงกงในวังอยู่บ้าง จะไปสืบดูสถานการณ์ให้”
“ไม่ได้เด็ดขาด” กู้ชิงฮั่นรีบพูดขึ้นมา “เื่แบบนี้ หากไม่มีราชโองการของฝ่าาแล้ว เราก็ต้องรอ ไม่ควรเข้าวังไปพูดก่อน” นางใคร่ครวญ แล้วจึงพูดว่า “เงินจากทางเจียงหลิง ตามหลักน่าจะมาถึงในสิบวัน แต่ทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเลย? คนทางนั้นได้ส่งคนมารายงานหรือเปล่า?”
พ่อบ้านชิวส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ยังไม่มีใครมา ข้าน้อยคิดว่าน่าจะมีอะไรทำให้ล่าช้า เื่แบบนี้แต่ก่อนก็เคยเกิดขึ้น บางทีก็ล่าช้าไปตั้งครึ่งเดือน แต่ก็มาถึงอย่างครบถ้วนปลอดภัย หากไม่เกิดเหตุอะไร ก็น่าจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน”
กู้ชิงฮั่นพูดว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่เงินจากเจียงหลิงมาถึง ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายลง”
“แต่ว่าตอนนี้ค่อนข้างตึงเครียด” พ่อบ้านชิวพูดอย่างลำบากใจ “คลังเงินจะไม่มีเงินไม่ได้ เื่เล็กเื่น้อยในจวนจะขาดเงินไม่ได้เลย มันเป็สิ่งจำเป็ จะให้เสียหน้าจวนโหวเพราะไม่มีเงินไม่ได้ ฮูหยินสาม ท่านว่าเรา... ควรจะไปยืมเงินคนอื่นก่อนไหม?”
กู้ชิงฮั่นย้อนถาม “ต้องใช้เงินประมาณเท่าไร?”
“หากยืมได้สักสองสามพันตำลึงก็น่าจะหมดปัญหาไปได้” พ่อบ้านชิวตอบอย่างมั่นใจ
ตอนแรกหยางหนิงคิดว่าจวนโหวคงไม่ขาดเงินมาก แต่เมื่อได้ยินว่าสองสามพันตำลึง ก็ถือว่าไม่ใช่จำนวนที่มากเท่าไร บ้านตระกูลใหญ่แบบนี้ มานั่งเครียดเพราะเงินสองสามพันตำลึง หยางหนิงคาดไม่ถึงจริงๆ
"ในเวลาเช่นนี้หากไปยืมเงินจากข้างนอกมาคงไม่ดีเท่าไร" กู้ชิงฮั่นคิด "ในมือข้ายังมีของมีค่าอยู่จำนวนหนึ่ง เช่นนั้น..."
“ฮูหยินสาม ไม่ได้เด็ดขาด” พ่อบ้านชิวก็หัวไว รู้ทันทีว่ากู้ชิงฮั่นหมายถึงอะไร “เื่นี้เป็เพราะข้าสะเพร่าเอง ไม่ได้ตามให้ทางเจียงหลิงส่งเงินมาให้ตรงเวลา จะให้ฮูหยินสามเอาเครื่องประดับมีราคาไปจำนำได้อย่างไร? หากเื่นี้แพร่ออกไป คนอื่นจะเอาไปนินทาเอาได้ อีกอย่างจวนของเราก็มีโรงรับจำนำ จะเปิดร้านเพื่อเอาของไปจำนำคงไม่เหมาะหรอกจริงไหม? จริงๆ เื่นี้ก็แก้ไม่ยาก ทางร้านสองสามวันก็มีคนมาซื้อขาย มีเงินเข้าออกอยู่ไม่น้อย ร้านยาเองก็ค้าขายดี อดทนอีกสักสองสามวัน ก็น่าจะดีขึ้น เรายืมเงินมากันฉุกเฉิน ไม่ใช่เื่ยาก ข้าจะทำอย่างรอบคอบที่สุด ไม่ให้เื่นี้แพร่งพรายไปได้”
กู้ชิงฮั่นคิด แล้วพูดว่า “งั้นก็ทำตามที่เ้าว่าล่ะกัน ไปยืมมาก่อนสักสามพันตำลึง รอเงินของจวนโหวมาถึง ก็รีบคืน”
“ฮูหยินสาม ท่านก็รู้ ตอนท่านโหวยังอยู่ ไม่ยอมให้เราไปมาหาสู่กับใครเื่เงินเลย” พ่อบ้านชิวพูดขึ้นมาว่า “ครั้งนี้เรายืมทีก็จะเอาตั้งสามพันตำลึง ถึงแม้ไม่ใช่เื่ใหญ่ แต่ก็ต้องเอาอะไรไปค้ำประกันเอาไว้ มันเป็กฎ”
“เื่นี้ข้ารู้ดี” กู้ชิงฮั่นพูดว่า “เ้าลองไปสืบดู ว่าควรจะเอาอะไรค้ำ แล้วค่อยมาปรึกษากันอีกที”
พ่อบ้านชิวพูดว่า “เอาอย่างนี้ไหม เราเอาโรงรับจำนำไปค้ำ ร้านของเรามีความน่าเชื่อถือมาก การค้าก็ไม่เลว เราเอาโรงรับจำนำไปค้ำ เงินสามพันตำลึงก็น่าจะเอามาได้”
“โรงรับจำนำหรือ?” กู้ชิงฮั่นรู้สึกลังเล
พ่อบ้านชิวรีบพูดว่า “ร้านขายยาของเราเป็ร้านที่สืบทอดมาจากท่านเหล่าโหว เป็เืเนื้อของจวนโหวของเรา แตะต้องไม่ได้เด็ดขาด อีกอย่างเราแค่ใช้มันแค่ชั่วคราว ไม่กี่วันเงินก็มาแล้ว ต่อให้ใช้โรงรับจำนำค้ำไว้ ก็ไม่กระทบต่อการค้าของโรงรับจำนำแน่ๆ”
“ในเมื่อเ้าคิดว่าแบบนี้ดี ก็เอาตามนี้แล้วกัน” กู้ชิงฮั่นนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “เ้าบอกพวกเขานะว่า เราจะคืนเงินพวกเขาให้เร็วที่สุด ดอกเบี้ยที่ควรคิด ก็ให้คิดไป”
พ่อบ้านชิวยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อเป็อย่างนี้ ในจวนก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ฮูหยินสาม ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” แล้วเขาก็ออกไป
เมื่อพ่อบ้านชิวออกไป หยางหนิงก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ซานเหนียง จวนของเราไม่มีเงินแล้วหรือ?”
“ไม่ทำงานบ้านก็ไม่รู้หรอกว่าข้าวแพงแค่ไหน” กู้ชิงฮั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “ค่าใช้จ่ายในจวนเื่เล็กเื่ใหญ่มีไม่น้อย ตอนนี้ยังมีงานศพของท่านแม่ทัพอีก...!” แล้วก็มองไปที่หยางหนิง “ทำไมจู่ๆ เ้าถึงสนใจเื่นี้เล่า? ปกติไม่เคยสนใจว่าเงินจะมาอย่างไรไปอย่างไร”
หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเห็นซานเหนียงเครียดเพราะเงิน ก็เลยถาม”
“โอ้โห หนิงเอ๋อร์ของเราเป็ห่วงคนอื่นด้วย” กู้ชิงฮั่นยิ้มแล้วพูดว่า “แต่ว่าเื่นี้เ้าไม่ต้องห่วง เื่เครียดๆ ให้ซานเหนียงทำก็พอแล้ว รอเ้าเป็นายของบ้านนี้อย่างเต็มตัว ค่อยมาเครียดเื่จุกจิกพวกนี้แล้วกัน” แล้วมองไปที่ต้วนชางไห่ เห็นหน้าของเขายังแดงอยู่เล็กน้อย ก็พูดแล้วขมวดคิ้วว่า “กินเหล้าอีกแล้วหรือ?”
ต้วนชางไห่รู้สึกเขิน มือจับไปที่หลังหัวแล้วพูดว่า “ก็... ก็แค่ดื่มไปสองจอก...!”
กู้ชิงฮั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเ้าไม่สบายใจ แต่ว่ามีอีกหลายเื่ที่เรายังต้องทำมันต่อไป อีกอย่างหลายวันมานี้เื่ในจวนก็มีมาก เ้าเองก็มีเื่ต้องทำอีกไม่น้อย”
“ข้าน้อยทราบดี” ต้วนชางไห่รีบพูดว่า “ฮูหยินสามวางใจ ข้าน้อยจะไม่กินเหล้าอีกแล้ว” จากนั้นก็ขมวดคิ้ว พูดเบาๆ ว่า “ฮูหยินสาม ในวังหลวงไม่ได้พูดอะไรถึงเื่ที่ท่านแม่ทัพสิ้นเลยหรือ?”
กู้ชิงฮั่นพยักหน้าเบาๆ พูดอย่างสงสัยว่า “ข้าก็แปลกใจอยู่ ตามหลักแล้วในวังหลวงก็น่าจะมีราชโองการอะไรลงมาแล้วถึงจะถูก แต่จนถึงตอนนี้ ไม่เพียงไม่มีข่าวคราวเลย ทางจงอี้โหวเอง ท่านก็ไม่ได้มาด้วยตัวเอง ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆ”