หน้าประตูจวนแม่ทัพฮวาเวย
หลินฮวาเหนียนกับหลินเซี่ยงตี๋พาผู้คนมารออยู่ที่หน้าประตู เตรียมรอรับเสด็จ
รอบด้านยังเต็มไปด้วยเหล่าชาวเมืองที่พากันมายืนรายล้อมกันอย่างครึกครื้น
เนื่องด้วยยังอยู่ใน่ฤดูหนาว ท้องฟ้ายังอยู่ใน่เช้าตรู่ ทำให้มองเห็นขบวนขันหมากมาแต่ไกล
หีบสินสอดสีแดง โคมไฟประดับสีแดง ผู้คนสวมชุดสีแดงที่อยู่บนหลังม้าคอสูงต่างค่อยๆ มุ่งตรงมายังจวนแม่ทัพ
เมื่อมาถึงหน้าประตู หลินฮวาเหนียนนำเหล่าผู้คนในจวนคุกเข่าคำนับ “ถวายบังคมจ้านหวัง”
“ทุกคนลุกขึ้นเถิด วันนี้ข้ามารับพระชายา”
อวี้ฉู่จาวแต่งกายด้วยเสื้อคลุมผ้าแถบสีดำปักดิ้นสีทอง ปักด้วยลายัใหญ่สีแดงเข้มและใบไผ่ฉลุ สายคาดเอวสีทองประดับด้วยหยก อาภรณ์หรูหรามีราคาเหมาะที่กับผู้สวมใส่ ยิ่งทำให้ท่านอ๋องผู้นี้ดูมั่งคั่งและสง่ามากกว่าเดิม
หลังจากทุกคนพากันยืน พวกเขามองไปทางหีบใส่สินสอด แค่เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าในนั้นต้องมีสินสอดมหาศาล
ขบวนขันหมากที่ขนสินสอดมายาวจนสุดลูกหูลูกตา ขบวนทั้งหมดกำลังเคลื่อนเข้ามาในจวนแม่ทัพฮวาเวย
นางซ่งและคนอื่นๆ ต่างยืนมองกันด้วยความตะลึง
หลินหร่านช่างวาสนาดีอะไรเช่นนี้ ได้แต่งงานกับบุคคลผู้ร่ำรวย พูดง่ายๆ ก็เหมือนหนูตกถังข้าวสาร
นอกจากจะมีคนอิจฉาริษยาแล้ว ก็ยังมีผู้คนมากมายที่พากันตาร้อน
ร่างกายของหลินเหลียงยังรู้สึกไม่ค่อยดีนักทำให้เดินออกมาดูไม่ได้
หลินเสี่ยวฉีโดนขังมาตลอดหนึ่งเดือน แต่เพราะในจวนกำลังจะมีงานมงคล นางถึงได้ถูกปล่อยตัว
ตอนนี้นางไม่มีผู้เป็มารดาอยู่แล้ว ทำให้ตำแหน่งในบ้านไม่ได้สูงส่งเหมือนแต่ก่อน
ในเวลานี้ เมื่อมองไปทางท่านอ๋องรูปงามของหลินหร่านที่มาพร้อมกับสินสอดมากมาย ทำให้นางอดริษยาไม่ได้ ความรู้สึกภายในใจของนางเริ่มเป็สิ่งที่ยากจะหยั่งรู้
“ท่านอ๋องโปรดรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ เซี่ยงตี๋” หลินฮวาเหนียนให้หลินเซี่ยงตี๋เข้าไปพาหลินหร่านออกมาจากในเรือน
สำหรับพี่ชายของหลินหร่านอย่างหลินเซี่ยงตี๋ หน้าที่นี้เป็เขาทำย่อมเหมาะสมที่สุด
“ช้าก่อน” อวี้ฉู่จาวะโห้ามพลางเอ่ยต่อ “ให้เปิ่นหวังเข้าไปรับด้วยตนเองเถิด”
หลังเอ่ยจบก็ไม่รอให้หลินฮวาเหนียนตอบกลับ อวี้ฉู่จาวก้าวเข้าไปในจวนแม่ทัพโดยพลัน
หลินฮวาเหนียนกับหลินเซี่ยงตี๋ได้แต่มองหน้ากันด้วยความตะลึง ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่รีบตามเข้าไป
อวี้ฉู่จาวคุ้นชินกับจวนตระกูลหลินเป็อย่างดี โดยเฉพาะเรือนชุนอวี่ที่เคยมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่จำเป็ต้องมีคนนำทางให้ แต่ก็พากันเดินตามมาอยู่ข้างหลังเขาเป็ขบวน
“เสด็จแล้ว เสด็จแล้ว”
เมื่อผู้ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนชุนอวี่เห็นว่ามีคนเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อะโบอกคนในเรือน
เหล่าแม่นมรีบพากันตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง มีของอะไรที่ตกหล่นไปหรือไม่
หลินหร่านก็ได้ยินเสียงเช่นกัน เขากลัวว่าจะทำให้เครื่องแต่งกายที่สวมอยู่บนร่างกายไม่เป็ระเบียบเรียบร้อยจึงไม่กล้าที่จะขยับตัวนัก ได้แต่เอ่ยปาก “อาหร่วน ท่านอ๋องมาแล้วหรือ”
ติงหร่วนที่ยืนอยู่ข้างกายของหลินหร่านั้แ่แรกตอบ
“น่าจะใช่ขอรับ นายท่านเคยบอกเอาไว้ว่าเป็ถึงท่านอ๋อง ไม่ควรจะเข้ามารับเ้าสาวด้วยตนเอง ต้องให้คุณชายใหญ่เข้ามารับคุณชายน้อยออกไปส่งให้ท่านอ๋องขอรับ”
“อ่า” หลินหร่านตอบรับเพียงเล็กน้อย
เพียงแค่รอให้ท่านพี่เข้ามารับ เช่นนั้นเท่ากับว่าท่านอ๋องได้มาถึงแล้ว
“คุณชายน้อยไม่ต้องตื่นเต้นไปนะขอรับ” พอเห็นฝ่ามือของหลินหร่านเริ่มอยู่ไม่สุข ติงหร่วนรับรู้ได้ทันที
คุณชายน้อยของเขาคงตื่นเต้นไม่น้อย “คุณชายน้อยก็รู้จักสนิทสนมกับท่านอ๋องดีแล้ว วางใจเถอะขอรับ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
“ข้ารู้แล้ว แต่ข้าตื่นเต้นนี่”
เมื่อเห็นท่าทีของหลินหร่านเป็เช่นนี้ ติงหร่วนก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร แต่ช่างเถอะ นี่คงเป็เื่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของคุณชายน้อยของเขาแล้ว ไม่แปลกหรอกหากจะตื่นเต้น แม้แต่ตัวเขาเองยังตื่นเต้นและเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งคืน
“ส่งตัวเ้าสาว!”
เสียงจากข้างนอกะโเข้ามา ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก
นอกประตูมีเหล่าแม่นมยืนอยู่ โดยภายในห้องมีเพียงติงหร่วนกับหลินหร่านอยู่กันสองคน
หลังจากติงหร่วนทอดสายตาไปเห็นท่านอ๋องเดินเข้ามาด้วยตนเองพลันตะลึงงัน
ต่อมา ติงหร่วนได้รับสัญญาณจากอวี้ฉู่จาว เขาจึงปิดปากเงียบไม่ส่งเสียงพลางหลีกทางให้
อวี้ฉู่จาวก้าวเข้ามาใกล้หลินหร่าน
หลินหร่านรู้สึกว่ากำลังมีคนก้าวเข้ามา ในใจคิดเพียงว่าคงจะเป็พี่ชายของตนเอง เขาจึงไม่ได้ตระหนัก
เมื่อก้มลงมองจากใต้ผ้าที่คลุมหัวอยู่ มองเห็นเท้าคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้จึงเอ่ย “ลำบากท่านพี่แล้วขอรับ”
“เราจะเข้าพิธีด้วยกันอยู่แล้ว เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเรียกข้าว่าท่านพี่เสียล่ะ”
น้ำเสียงที่น่าดึงดูด ช่างคุ้นเคยและชวนให้ใจเต้น
“ท่าน...ท่านอ๋อง”
“เป็ข้าเอง ข้ามาสู่ขอเ้าแล้ว อวิ๋นซี เ้าไปกับข้าเถอะ”
คำพูดประโยคนี้ทำให้หลินหร่านตื้นตันใจจนอยากร้องไห้ แต่วันนี้เป็วันมงคล เขาควรระบายยิ้มอย่างมีความสุขมากกว่ามิใช่หรือ
“...พ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านตอบรับ อวี้ฉู่จาวโอบอุ้มอีกคนลงจากเตียงก่อนเดินออกมาจากห้อง ก้าวผ่านผู้คนหนาแน่นออกมาจากเรือนชุนอวี่
หลินฮวาเหนียนรีบพาผู้คนเดินตามหลังไปโดยไม่กล้าทิ้งห่าง
อวี้ฉู่จาวอุ้มหลินหร่านไปวางไว้บนเกี้ยวที่มารับเ้าสาว ซึ่งมีคนแบกถึงแปดคน
ฝ่ามือของหลินหร่านชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อวี้ฉู่จาวแกะมือของหลินหร่านออกแล้วช่วยเช็ดเหงื่อให้ “ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ด้วย”
หลินหร่านไม่ตอบกลับแต่พยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากนั้น อวี้ฉู่จาวเดินไปขึ้นบนหลังม้าหัวสูง เตรียมนำขบวนขันหมากผ่านถนนจูเชวี่ยเพื่อกลับไปยังตำหนัก
่เวลานี้ อวี้ฉู่จาวพลันนึกถึงเมื่อชาติก่อนขึ้นมา
ชาติก่อนนั้นเขาไม่เต็มใจจะเข้าพิธีอภิเษก เขาเพียงส่งคนนำเกี้ยวไปรับหลินหร่านมา
การคำนับฟ้าดินอะไรเ่าั้...ไม่มีเลยด้วยซ้ำ จัดเพียงพิธีเรียบง่ายเสียยิ่งกว่าตอนรับพระสนมเข้าวังอีกกระมัง
เขาได้ทำผิดต่ออวิ๋นซีเสียแล้ว เขารู้สึกผิดยิ่งนัก
อีกทั้งในชาติก่อน กว่าฮ่องเต้ฉงเต๋อจะทรงมาทอดพระเนตรก็เป็่ที่พระชายาเข้าไปอยู่ในตำหนักแล้ว ต่อจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย
ตอนนี้ลองมาคิดๆ ดู เขาให้เกียรติอวี้ฉู่ซวนเกินไป ทำให้ตนเองกลายเป็ตัวตลกในเมืองอวี้อัน
อวี้ฉู่จาวหันไปมองเกี้ยวเ้าสาวที่อยู่ข้างหลังตนเอง ความสุขใน่เวลานี้ทำให้เขาที่หวนนึกถึงเหตุการณ์ในชาติก่อนลืมเื่ราวทั้งหมดในทันที
หลังจากถึงตำหนักในวังหลวง เหล่าทหารต่างก็พากันมาถึง
ณ ตอนนี้ ในตำหนักของเทพเ้าแห่งาดูครื้นเครงเป็พิเศษ
อวี้ฉู่จาวประคองหลินหร่านลงมาจากเกี้ยวเ้าสาว พามาถึงห้องโถงใหญ่เพื่อทำการคำนับฟ้าดิน
หลินหร่านประหม่า อาการคล้ายกับเป็คนตาบอด ดีที่มีอวี้ฉู่จาวอยู่ข้างกาย จึงนำเขาทำทุกขั้นตอนให้ผ่านพิธีนี้ไปได้อย่างราบรื่น
“ส่งตัวเข้าเรือนหอ!”
หลังจากข้าหลวงผู้ดูแลด้านพิธีกรรมะโเสียงดัง หลินหร่านถึงรู้สึกผ่อนคลาย
ตามที่แม่นมเคยบอก หากส่งเข้าห้องหอก็หมดหน้าที่ของเขาแล้ว ให้รอจนท่านอ๋องกลับเข้ามา พวกเขาทั้งคู่ก็…ก็สามารถ...ส่งตัวเข้าหอจริงๆ ได้เสียที
อวี้ฉู่จาวไม่ให้คนอื่นพาตัวหลินหร่านเข้าไป เมื่อคำนับฟ้าดินเสร็จเขาอุ้มหลินหร่านขึ้นมาทันที
หลินหร่านตกตะลึง แต่ไม่กล้าส่งเสียง
ผู้คนรอบข้างล้วนตะลึงงันกันหมด ก่อนพากันกระซิบกระซาบ บ้างก็เกิดความสงสัย
แต่อวี้ฉู่จาวไม่คิดจะใส่ใจ ั้แ่ตอนที่ลงมาจากเกี้ยวเ้าสาว เขาก็รับรู้ได้ว่าเท้าของหลินหร่านอาจไม่มีแรง คงเป็เพราะกฎระเบียบอันเข้มงวดบ้าบอที่คนพวกนั้นไม่ให้ชายาของเขากินอะไรอย่างแน่นอน
ติงหร่วน ลุงตง และเหล่านางกำนัลจำนวนหนึ่งเดินตามหลังเข้าไปในเรือนหอ
หลังจากคำนับฟ้าดิน เหล่าขุนนางระดับสูงและบุคคลสำคัญเริ่มพากันทยอยเข้ามานั่ง พวกเขาต่างรอเ้าบ่าวออกมาชนจอกรินสุรา
ในความเป็จริงแล้ว หากทำตามลำดับขั้นตอนในพิธี เ้าบ่าวอย่างอวี้ฉู่จาวต้องเป็ผู้รินสุรา แต่อวี้ฉู่จาวเป็ถึงเทพเ้าแห่งาเชียวนะ
เขาคือท่านอ๋องเพียงผู้เดียวในต้าอวี้ ใครจะกล้ารอให้ท่านอ๋องเป็คนรินสุราให้กันล่ะ ต้องเป็พวกเขาต่างหากที่รินสุราเลิศรสอวยพร
……
“เฮ้อ ดูท่าข้าจะหาชายาที่ถูกใจให้กับน้องสามสินะ” วันนี้เป็ครั้งแรกที่อวี้ฉู่ซวนได้เห็นความใส่ใจของอวี้ฉู่จาวที่มีต่อหลินหร่านกับตาตัวเอง ถึงแม้ว่าเื่นี้เขาจะเป็คนวางแผน แต่เมื่อเขาเห็นท่าทีพึงพอใจเช่นนี้ของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกไม่พอใจเป็อย่างมาก
อวี้ฉู่เฉิงที่ยืนอยู่ข้างกายไม่ตอบอะไร ได้แต่จ้องมองไปยังทิศทางที่คนทั้งคู่เดินออกไป
“เหม่ออะไร” เมื่อไม่มีคนตอบ อวี้ฉู่ซวนเลยหันไปมองจึงพบว่าอวี้ฉู่เฉิงมีท่าทีเหม่อลอย น้ำเสียงไม่พอใจถูกเปล่งออกมา
อวี้ฉู่เฉิงเรียกสติคืนมาก่อนจะก้มหน้าตอบ “เปล่าพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาของเขาดูมืดมนไร้แสงนำทาง ใบหน้าก็ไร้ซึ่งความรู้สึก
“ทำท่าทีอย่างกับจะตายอยู่ทุกวัน!” อวี้ฉู่ซวนบอกด้วยความโมโหแล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นไม่นาน อวี้ฉู่เฉิงถึงเดินออกไปเช่นกัน
-------------------------------------------