หรงซิวมาถึงช้า อวิ๋นอี้หน้าเป็ผัก [1] อยู่พอดี นางถูกคำพูดเรียบๆ ของลู่จงเฉิง โจมตีจนคิดหนักกับชีวิต
บุรุษผู้นั้นมาพร้อมกับร่ม เม็ดฝนหยดลงมาตามโครงของร่ม เดินตัวตรงสง่า เข้ามาช้าๆ เมื่อเห็นใบหน้าไม่น่าดูของอวิ๋นอี้ หรงซิวก็ยิ้มมุมปากแล้วลูบผมยาวของนางเบาๆ “เป็กระไรไปหรือ?”
จะกระไรเสียอีก ความต่างระหว่างชนชั้นมันกว้างเกินไป นางแทบจะไม่อยากอยู่เสียแล้ว
อวิ๋นอี้เม้มริมฝีปาก มองลู่จงเฉิงอย่างเศร้าๆ แล้วพูดกับหรงซิวว่า "กลับจวนกันเถิดเพคะ"
นางอารมณ์ไม่ดี ไม่ได้บอกลาลู่จงเฉิงเลยด้วยซ้ำ
ระหว่างทางกลับหรงซิวถามนู่นนี่ แต่ยังไม่พบต้นเหตุใดๆ ที่ทำให้อวิ๋นอี้เศร้า จึงทำได้เพียงยอมแพ้
โชคดีที่นางเป็คนลืมง่าย กลับมาถึงจวน กินข้าวเย็นเสร็จ ก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง
นางเข้าไปห้องหนังสือเพื่อหาของ หรงซิวอยากรู้ หลังจากเดินตามอวิ๋นอี้ไปก็รู้ว่านางกำลังมองหาหนังสือเกี่ยวกับการสอบเดือนวสันต์ประจำปี
“เ้าหาของพวกนั้นทำไมรึ?” หรงซิวพูด มือก็ช่วยค้นของบนชั้นหนังสือด้วย
อวิ๋นอี้ตอบอย่างคลุมเครือว่า “ข้าแค่อยากรู้การทดสอบของทุกปี ดูเหมือนว่าการทดสอบเดือนวสันต์กำลังจะเริ่มขึ้นมิใช่หรือเพคะ?”
หรงซิวเป็ผู้รับผิดชอบการสอบปีนี้ มิมีสิ่งใดดีไปกว่าการถามเขาอีกแล้ว
เขาโบกมือให้อวิ๋นอี้นั่งลง
นางเดินเข้าไปหาเขาด้วยความอยากรู้ เต็มไปด้วยความคาดหวัง ขณะที่ยืนนิ่งอยู่ บุรุษผู้นั้นก็ดึงข้อมือของนางแล้วกดตัวนางให้นั่งลงบนต้นขาเขา
ทันใดนั้น ความสนใจของอวิ๋นอี้ก็พุ่งไปที่ตักของเขาทันที
หรงซิวไม่ได้สังเกตเื่นี้ เขาจับคางของนางแล้วถามว่า "อยากรู้เื่การสอบหรือ? เ้าถามถูกคนแล้ว อยากรู้กระไรหรือ?"
ที่จริงอวิ๋นอี้เพียงแค่อยากรู้เวลาของการสอบ แต่มองดูหรงซิวทำหน้าเหมือนอยากคุยนัก
นางขยับตัวอย่างอึดอัด ถูกเขาตีเบาๆ หนึ่งที นางจึงพูดว่า "กระนั้นฝ่าาพูดมาคร่าวๆ เถิดเพคะ"
พูดถึงการทดสอบเดือนวสันต์ เป็เื่ที่อวิ๋นอี้คิดขึ้นได้โดยบังเอิญ
ธุรกิจของร้านตัดเสื้อตามที่เห็นในปัจจุบันกำลังค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดี
แม้ว่านางจะเคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงร้านตัดเสื้อด้วย แต่ยังเป็เพียงแค่ความคิด ไม่ควรจะรีบร้อน กิจการของลู่จงเฉิงมีถึงสองร้าน หลังจากจัดการให้อยู่หมัดแล้วร้านหนึ่ง ก็ต้องนึกถึงอีกร้านหนึ่งโดยปริยาย
ในเื่ของการทำการป่าวประกาศเื่โรงเตี๊ยมนี้ อวิ๋นอี้ตั้งใจที่จะใช้โอกาสเื่การทดสอบเดือนวสันต์
นางขอให้หรงซิวพูดเื่การสอบมาอย่างคร่าวๆ ที่ไหนได้บุรุษผู้นี้กลับเล่ามาั้แ่ประวัติความเป็มาอย่างไม่รู้หน่าย
อวิ๋นอี้ฟังจนงุนงง แล้วผล็อยหลับไป
โชคดีที่หรงซิวไม่กวนนาง คืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ
ไม่กี่วันต่อมา ร้านตัดเสื้อยังคงได้รับความนิยมมากอยู่เช่นเดิม อวิ๋นอี้เป็พระชายาที่มีหน้ามีตา นางจึงออกจากจวนทุกวันมิได้
มีจ่างกุ้ยอยู่ที่ร้านตัดเสื้อที่ต้องรับผิดชอบการดำเนินงานรายวัน ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเื่นี้
อวิ๋นอี้จึงกลับมาใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านกินๆ นอนๆ ในเรือนอีกครั้ง
อวิ๋นอี้นึกถึงเสี่ยวมู่อวี่ผู้ซึ่งถูกนางทอดทิ้งมาเป็เวลานาน ตั้งใจไปเจอเขาที่เรือนแต่เช้าตรู่
หลังจากที่เสี่ยวมู่อวี่เข้ามาในจวน เขาก็อยู่ดีกินดี หรงซิวยังหาอาจารย์มาสอนหนังสือเขาโดยเฉพาะอีกด้วย
เื่นี้ต้องบอกเลยว่าหรงซิวคิดได้รอบคอบนัก อาจเป็เพราะเหตุนี้ เมื่อเสี่ยวมู่อวี่พูดถึงหรงซิว ถึงอดยกนิ้วให้เขาไม่ได้
“พอได้แล้ว!” อวิ๋นอี้ยกมือขึ้นตบหัวเขาเบาๆ “ข้ารู้ว่าเ้าชอบหรงซิว มิต้องพูดตลอดก็ได้!”
“แต่องค์ชายดีกับข้านี่ขอรับ!” เสี่ยวมู่อวี่เอียงคอ แล้วก็หยิบถั่วเข้าปาก "องค์ชายดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่อยากกลับจวนแล้ว"
อวิ๋นอี้ตาเป็ประกาย พูดอย่างมีความสุข "ฝ่าาช่วยเ้าหาพ่อแม่พบแล้วหรือ?"
"ไม่ขอรับ" เสี่ยวมู่อวี่ส่ายหัว "ไม่มีข่าวคราวเลยขอรับ"
ไม่น่าจะเป็เช่นนี้นี่
นางไม่สงสัยในความสามารถของหรงซิวเลย นอกจากนี้หลังจากที่เขาสัญญาว่าจะช่วยเสี่ยวมู่อวี่หาพ่อแม่แท้ๆ ของเขา พวกเขาก็ได้ส่งประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง
ตอนนั้นมีคนมาหาอยู่หลาย แต่ก็ล้วนไม่ใช่
จากนั้นคนที่มาหาก็น้อยลงเรื่อยๆ
เมืองหลวงจะว่าเล็กก็ไม่ จะว่าใหญ่ก็มิได้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ค่อนข้างจะคงที่ หลังจากเกือบหนึ่งเดือนของการค้นหา กลับไม่พบกระไรเลยหรือ?
อวิ๋นอี้นั่งชันแก้มคิดหนัก รู้สึกสงสัยนัก ดันเสี่ยวมู่อวี่ที่กินไม่หยุดอยู่นั้น “เ้าจำผิดที่หรือไม่? อาศัยอยู่ในเมืองหลวงจริงหรือ?”
"แน่นอนสิขอรับ" เสี่ยวมู่อวี่พยักหน้ายืนกราน "เื่นี้ข้ามั่นใจขอรับ"
ท่าทางของเขาตอนพูดก็หนักแน่น แต่ดูไม่น่าเชื่อถือ อวิ๋นอี้มุ่ยปาก ทำได้เพียงพูดว่า “กระนั้นก็หาไปก่อนก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดกระไรกันมาก ถึงเวลาที่เสี่ยวมู่อวี่ต้องไปเรียนแล้ว
หลังจากอวิ๋นอี้ร่ำลาเขา ก็ออกจากเรือนไป นางจึงเดินเล่นไปทั่วจวน
กว่าจะรู้ตัวก็มาถึงสวนหลังจวน
บรรยากาศของวสันต์กำลังเบ่งบานเต็มที่ คิมหันต์กำลังมาเยือนอย่างเงียบๆ สวนหลังจวนที่มีดอกไม้ล้ำค่านับไม่ถ้วนซึ่งบางดอกได้ออกดอกตูมมาแล้ว ละเอียดอ่อนนุ่มพลิ้วไหวไปตามสายลม
นางจ้องมองที่ดอกไม้อยู่ครู่หนึ่ง
สวยน่ะสวยอยู่หรอก แต่มองไม่ถึงความลึกซึ้งใดๆ เลย
นางมิใช่คนที่ชอบชมความงดงามระดับสูงกระไร จึงไม่เข้าใจการเชยชมดอกไม้เป็ธรรมดา
หากดอกไม้ในสวนนี้ถูกแทนที่ด้วยเครื่องประดับทอง นางอาจจะมีความสุขมากกว่า
อวิ๋นอี้คิดไปเรื่อย แต่มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นในใจของนาง นางคิดจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาและกิจกรรมอื่นๆ ใน่ที่ดอกไม้บานเต็มที่
หากมีผู้ใดชอบดอกไหน ก็สามารถซื้อกลับไปได้
อย่างไรเสีย หากอยู่ในมือของนาง ก็จะมีเพียงสองผลลัพธ์ ดอกไม้ไม่บานก็ร่วงเท่านั้น
ตอนที่พ่อบ้านมาหานาง อวิ๋นอี้กำลังคิดถึงความเป็ไปได้ที่จะจัดงานเลี้ยงน้ำชาอยู่พอดี
เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว นางจึงหันไปทางพ่อบ้าน ชายชรารีบทำความเคารพและรายงาน “พระชายาขอรับ คุณชายอวิ๋นจ้านมาขอรับ”
อวิ๋นจ้านหรือ?
น้องชายของนางมิใช่หรือ?
อวิ๋นอี้ตามพ่อจวนไปที่ห้องโถงใหญ่ แล้วเห็นอวิ๋นจ้านที่ไม่ได้เจอมานาน
จริงอยู่ที่เทศกาลล่าสัตว์ ทั้งสองควรจะได้พบกัน แต่ได้รู้ว่าตอนนั้นเขาต้องไปสำนักศึกษา ออกมามิได้ หลังจากกลับมาจากเทศกาลล่าสัตว์ นางก็ยุ่งอยู่กับเื่กิจการ เกือบจะลืมน้องเล็กผู้นี้ไปเสียแล้ว
อวิ๋นจ้านที่เห็นนาง ะโอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่! ไม่ได้เจอกันนานเลยขอรับ คิดถึงแทบแย่ขอรับ!”
“......”
หนุ่มน้อยสุดกระฉับกระเฉง ขนตางอนงามราวกับวาด สดใสราวกับดวงตะวันที่แผดเผา อารมณ์ของเขาทำให้คนรอบข้างััได้ แค่ประโยคง่ายๆ เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้อวิ๋นอี้ยิ้มตามไปด้วย
นางยิ้มมองเขา “คิดถึงเ้าแทบตายเช่นกัน เหตุใดป่านนี้ถึงเพิ่งจะมาหาข้า?”
“ก็เป็เพราะต้องเรียนหนังสือน่ะสิขอรับ!” อวิ๋นจ้านถอนหายใจ “ท่านพ่อบอกว่าต้องเรียนหนังสือเท่านั้นถึงประสบความสำเร็จ แต่ข้าเหมาะกับกระไรอย่างนั้นที่ไหน? ข้าอยากแค่เพียงออกไปล่าสัตว์ขี่ม้าออกรบ”
อวิ๋นอี้หัวเราะ "แล้วก็กลายเป็นายพลที่ไม่รู้แม้กระทั่งอักษรน่ะหรือ?"
"ท่านพี่!" อวิ๋นจ้านถูกล้อเลียน กระฟัดกระเฟียดขึ้นมา “ท่านพูดเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร!”
“ข้ามิได้พูดความจริงหรอกหรือ?” นางยักไหล่ สาวใช้นำเครื่องดื่มมาให้ ทั้งสองก็นั่งลงที่โต๊ะกลม
อวิ๋นจ้านจิบชาให้ชุ่มคอแล้วพูดต่อ "ขอรับ ขอรับ ท่านเป็ท่านพี่ ท่านพูดสิ่งใดล้วนถูกทั้งสิ้นขอรับ พูดกระไรก็ถูก แต่ว่าข้ามาหาท่านพี่เพราะมีอีกเื่หนึ่งขอรับ อีกไม่กี่วันจะเป็วันเกิดของท่านพ่อแล้ว ข้ามาเตือนท่านโดยเฉพาะ เกรงว่าท่านพี่จะจำไม่ได้"
นางได้ยินก็ชะงัก "ข้าจำไม่ได้จริงๆ"
"...ข้ารู้อยู่แล้วเชียว" อวิ๋นจ้านพูด "กระนั้นจำไว้เสียขอรับ วันที่ห้าเดือนหน้า หากท่านคิดจะเตรียมของขวัญกระไร ควรจะเริ่มเตรียมได้แล้วนะขอรับ"
เกี่ยวกับอวิ๋นเส่าต้าว อวิ๋นอี้มีความประทับใจที่ดีต่อเขามาก
ชายชราที่อ่อนโยนและสง่างามผู้นั้น สงบอดกลั้น ไม่หวั่นไหวแม้เขาไท่ซานจะถล่ม เขามีตำแหน่งสูงศักดิ์ แต่เขากลับไม่ให้ความรู้สึกความน่าเกรงขามที่มาจากการข่มขู่ผู้น้อยเลย สบายใจที่จะอยู่ด้วยนัก
อวิ๋นอี้คิดถึงเสาหลักนี้ เกรงว่าในอนาคตจะต้องพึ่งพากันมากขึ้น ก็เลยถามอวิ๋นจ้านว่า "ท่านพ่อชอบกระไรหรือ? วันเกิดปีก่อนๆ ข้ามอบกระไรให้ท่านพ่อ?”
“ท่านพี่ให้ของขวัญเขามากมายหลายอย่างมากขอรับ ท่านพี่เป็สตรีคนเดียวในครอบครัวเรา ท่านพ่อรักและหวงแหนท่านพี่ที่สุด ท่านพี่เคยเขียนกวีให้เขามากมาย ทั้งยังมีภาพทิวทัศน์ โอ้ ใช่ขอรับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านพี่ได้มอบผ้าปักคำอวยพรอายุยืนให้ท่านพ่อด้วย ท่านพี่ปักอยู่กว่าครึ่งปีเชียวขอรับ!” อวิ๋นจ้านพูดเป็น้ำไหลไฟดับ
ภาพผ้าปักที่ใช้เวลาทำกว่าครึ่งปี ไว้ชีวิตนางเถิด!
อวิ๋นอี้ไม่รู้กระไรเกี่ยวกับเื่พวกนั้นเลยในตอนนี้ แค่พูดถึงก็พาให้ปวดหัวไปหมด
“แล้วท่านพ่อชอบกระไรหรือ?” ลบความคิดเื่ที่ทำจริงไม่ได้ออกไป อวิ๋นอี้ยังถามต่อ
อวิ๋นจ้านยิ้มแย้ม "เื่นี้ท่านพี่ไปถามท่านพ่อเองดีกว่าขอรับ เยี่ยงนี้กระไรขอรับ ท่านพี่ไม่ได้กลับจวนนานแล้วมิใช่หรือ? วันนี้กลับไปด้วยกันกับข้าดีหรือไม่ขอรับ?"
"ดีสิ!” นางกำลังเบื่ออยู่พอดี เมื่อทั้งสองคนตกลงได้แล้ว ก็ออกเดินทางไปจวนอวิ๋นทันที
เมื่อรีบกลับถึงจวนอวิ๋น แต่กลับได้รู้ว่าอวิ๋นเส่าต้าวไม่อยู่จวน
มีบุรุษลักษณะเหมือนพ่อบ้านอยู่ที่ประตู กล่าวเคารพ “แต่ท่านชายคงจะใกล้กลับมาแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ พระชายาไม่ได้กลับเรือนมานานแล้ว รออยู่ในจวนดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ ข้าจะส่งคนไปส่งสารให้ท่านชาย”
ทำได้เพียงเท่านั้น
หลังจากพ่อบ้านจากไป อวิ๋นจ้านบอกว่าอยากกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อวิ๋นอี้โบกมือ “ข้าก็จะกลับห้องด้วย เ้าเสร็จแล้วมาเรียกข้าก็แล้วกัน”
อวิ๋นอี้ยังมีแผนการอย่างอื่นอีก
จู่ๆ นางคิดว่าหากนางเข้าไปในห้องของเ้าของเดิม นางอาจเจอกับผ้าปักที่ปักเสร็จแล้วมาก่อน
เมื่อถึงเวลานั้นนางก็ยืมดอกไม้ถวายพระ มอบให้อวิ๋นเส่าต้าว ก็ได้แล้วน่ะสิ?
หลังจากไล่อวิ๋นจ้านออกไป ก็เดินกลับห้องตัวเองไป
ครั้งนี้ไม่ได้พาเซียงเหอกลับมาด้วย ทันทีที่เข้าไปในจวน อวิ๋นอี้ก็ปิดประตู เริ่มค้นตู้ทันที
ห้องของอวิ๋นอี้ไม่ใหญ่ แต่กลับมีของไม่น้อยเลย นางพบกล่องเครื่องประดับใต้เตียง เมื่อนางเปิดออกก็เป็สีทองระยิบระยับสวยงาม
อวิ๋นอี้ยิ้มอย่างมีความสุข นี่นางจะรวยแล้วใช่หรือไม่?
นางพยายามอย่างไม่ลดละ เอาเื่หาของขวัญวางไว้ก่อน ตอนนี้หันมาตั้งใจหาของมีค่า บังเอิญไปชนเข้ากับหนังสือบนชั้นหนังสือ กองม้วนกระดาษร่วงทลายลงมา อวิ๋นอี้ร้องเสียงหลงรีบเอามือบังหัว
เมื่อเสียงหยุดลง บริเวณโดยรอบก็รกไปเสียแล้ว
อวิ๋นอี้ลูบหน้าผากของนาง ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้กับกองหนังสือ จากทางหางตา นางบังเอิญเห็นว่ามีจดหมายหลายฉบับกระจายอยู่ระหว่างม้วนหนังสือ
จิติญญาความอยากรู้เื่ชาวบ้านเริ่มขึ้น นางนั่งยองทันที พยายามดูว่ามีกระไรเขียนอยู่
มิมีลงนามที่หัวจดหมาย แต่อวิ๋นอี้คาดเดาจากเนื้อหา เขาที่นางหมายถึงน่าจะเป็หรงซิว
เนื้อหาในจดหมายไม่มีกระไรเป็พิเศษ มีแต่เขียนว่าหรงซิวยุ่งมาก ยุ่งกับการวางแผนงานใหญ่ ส่วนงานใหญ่นั้นคือกระไร นางไม่ได้บอกไว้สักคำ
ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็ประโยชน์ใดๆ อวิ๋นอี้ก็หมดความสนใจไปในทันที
นางเก็บจดหมายทั้งหมดวางไว้ แล้วมองหาของขวัญต่อไป
น่าเสียดายที่หลังจากหามาเป็เวลานาน ก็พบว่ามีภาพวาดล้าสมัยเพียงไม่กี่ภาพเท่านั้น
อวิ๋นอี้ถอนหายใจ ดูเหมือนว่านางต้องเตรียมของขวัญด้วยตัวเองเสียแล้ว
เชิงอรรถ
[1] หน้าเป็ผัก 一脸菜色 หมายถึง หน้ามุ่ย สีหน้าไม่ดี