เมื่ออวี่เสี้ยนจู่ได้ยินพ่อบ้านพูดถึงจวิ้นจู่น้อยและพระชายา สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปในทันใด “จวิ้นจู่น้อย? พระชายา? ท่านอ๋องของพวกเ้าแต่งภรรยาั้แ่เมื่อใด? ” เื่นี้ไม่เห็นมีข่าวคราวมาถึงเมืองหลวงเลยสักนิด แต่เหตุใดพอนางมาถึงที่นี่ เขากลับแต่งงานไปแล้ว ซ้ำร้ายคนยังมีลูกแล้วด้วย?
บรรดาสาวใช้ที่ยืนอยู่เื้ัล้วนมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ หลายวันมานี้พวกนางต่างต้องเร่งรีบเดินทาง เมื่อเข้ามาในนครหานโจวนี้ก็ไม่ได้แม้แต่จะแวะชมที่ใด แต่มุ่งตรงมายังจวนอ๋องโดยทันที ทั้งยังไม่ได้ทำกระทั่งส่งคนไปสืบข่าวเื่ท่านอ๋อง
แน่นอนว่า พ่อบ้านสังเกตเห็นสีหน้าของหยวนอวี่ได้อย่างชัดเจน แต่ว่านายท่านเคยกำชับเขาไว้นานแล้ว จวนอ๋องแห่งนี้เมื่อมีพระชายาเข้ามาในจวนก็ย่อมหมายถึงสตรีนางนั้นผู้เป็นายหญิงเพียงหนึ่งเดียว หรือก็คืออวิ๋นซีนั่นเอง ดังนั้น บุคคลที่คนในจวนจักต้องให้ความเคารพก็มีเพียงอวิ๋นซีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เื่ใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหยวนอวี่เสี้ยนจู่ผู้นี้ก็หาใช่สิ่งสำคัญ
นอกจากนี้ การที่นางได้รับพระบัญชาให้มาพักผ่อนอยู่ที่นี่ก็นับว่าดีมากแล้ว เพราะจวนอ๋องจะให้นางได้กินดื่มอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ให้นางต้องอดตายอยู่ในจวนแน่
“ตอบเสี้ยนจู่ ยามนี้จวิ้นจู่น้อยมีพระชันษาเกือบสามปีแล้วขอรับ อีกทั้งท่านอ๋องและพระชายาเองก็ทรงรักใคร่กันดีมาก ถึงแม้ทั้งสองพระองค์จะเพิ่งเข้าพิธีมงคลกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทว่าพระชายาเป็สตรีที่มีจิตใจดี ทรงปฏิบัติกับคนในจวนอย่างมีเมตตา ทั้งยังทรงช่วยเหลือคนในหานโจวไว้หลายคนทีเดียว พูดก็พูดเถอะ พระชายาและท่านอ๋องนับเป็คู่พรหมลิขิตที่์สร้างขึ้นมาจริงๆ ยิ่งกว่านั้น ท่านอ๋องยังเคยบอกข้าน้อยผู้ชราไว้ว่า ชาตินี้พระองค์ทรง้าเพียงพระชายาผู้นี้ผู้เดียว ไม่ทรง้าสตรีอื่นใด ทั้งยังไม่คิดเสียดายหรือเสียใจด้วยขอรับ” พ่อบ้านคิดว่าตนอุตส่าห์พูดถึงเพียงนี้แล้ว หากหยวนอวี่เสี้ยนจู่ผู้นี้รู้จักวางตัวบ้างย่อมรู้แก่ใจว่าตนควรจะกลับเมืองหลวงไป โดยไม่คิดรั้งอยู่เพื่อเพิ่มความยุ่งยากให้ท่านอ๋องและพระชายา
พ่อบ้านติดตามท่านอ๋องมาจากเมืองหลวง จึงเป็คนหนึ่งที่ได้เห็นท่านอ๋องมาั้แ่เล็กจนโต และในที่สุดจวนอ๋องแห่งนี้ก็ได้มีนายหญิงสักที มิหนำซ้ำสตรีผู้นั้นก็ยังเป็คนที่ท่านอ๋องพอพระทัยมากอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ตลอดสองวันที่ผ่านมา ผู้ชราจึงได้เห็นรอยยิ้มจริงใจบนพระพักตร์ของท่านอ๋องมากกว่ายามปกติหลายเท่า ทำให้เขาได้แต่หวังว่าขออย่าได้มีใครเข้ามาทำลายความสุขสงบนี้เลย
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดสองท่านบนบัลลังก์ทองที่พำนักอยู่ในเมืองหลวงจึงไม่สนใจความเป็ความตายของท่านอ๋องมานานเพียงนี้ อีกทั้ง เหตุใดจึงได้ส่งสตรีมาให้ในยามสำคัญเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรคนก็ไม่เข้าใจในเหตุและผลเหล่านี้จริงๆ
เมื่อหยวนอวี่ได้ยินคำของพ่อบ้าน นางก็ได้แต่แค่นเสียงเ็าในใจ พระชายาที่แต่งอยู่ที่หานโจว แต่ทั้งราชสำนัก และคนในราชวงศ์ต่างไม่ได้ให้การยอมรับ ต่อให้สตรีนางนั้นจะตบแต่งเข้ามาแล้วจะอย่างไร อีกประการ พระชายาที่หาได้จากที่นี่ ต่อให้จะมีฐานะสูงส่งแค่ไหนก็คงมีข้อจำกัดอยู่ ทว่า พี่จวินเหยียนเป็ใคร? เป็บุตรที่์รักใคร่ โอรสสายตรงของฮ่องเต้ ดังนั้น สตรีทั่วไปจะคู่ควรกับเขาได้เช่นไร
นางไม่มีทางยอมเชื่อในคำพูดของพ่อบ้านผู้นี้หรอก อีกทั้ง คำพูดนั้นยังชัดเจนว่า้าให้นางรับรู้ถึงความยากลำบากแล้วล่าถอยกลับไปแต่โดยดี ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ หยวนอวี่มิใช่คนที่เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบากแล้วคิดจะล่าถอยโดยง่ายเพียงนั้น “ข้า้าพบท่านอ๋องของพวกเ้า”
นางอดทนรออยู่ที่นี่มานานเพียงนี้แล้ว แต่พี่จวินเหยียนกลับไม่ยอมออกมาเจอนาง หรือว่าเขาจะลืมหยวนอวี่ไปแล้ว? เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในใจนางก็เริ่มเกิดความกลัวขึ้นมา นางลำบากเดินทางมาไกลแสนไกลเพื่อมายังสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อพี่จวินเหยียน หากว่าพี่จวินเหยียนลืมเลือนตนแล้วไปรักผู้อื่น เช่นนั้นการมาถึงที่นี่จะมีประโยชน์อันใดกัน?
อวิ๋นซีเฝ้าฟังอยู่ด้านนอกมาได้พักหนึ่งแล้ว ตอนที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายอยากพบจวินเหยียน นางก็ค่อยๆ เดินเข้าไปด้านใน และในตอนนั้นเองที่พ่อบ้านเหลือบเห็นอวิ๋นซีเข้ามาพอดี ดวงตาของชายชราพลันส่องประกายสุกสกาว ก่อนจะรีบเดินเข้าไปคารวะ “พระชายา”
“ลุงเฉียว หากมีเื่ใดให้ต้องทำก็ไปทำเถิด ที่นี่มีข้าอยู่” อวิ๋นซีให้ความเคารพในตัวบ่าวชราผู้นี้อยู่หลายส่วน เนื่องจากนางได้ทราบความมาจากเพ่ยเอ๋อร์ว่า เมื่อก่อนนี้จวินเหยียนเคยช่วยลุงเฉียวไว้ ทว่าในตอนหลังเป็เพราะวาสนาและความบังเอิญ ท้ายที่สุดลุงเฉียวก็ได้เข้ากองทัพ และกลายมาเป็องครักษ์ข้างกายจวินเหยียนนับแต่นั้น แต่ต่อมาจวินเหยียนถูกเนรเทศ ชายชราผู้นั้นกลับไม่สนคนอื่นที่มาขัดขวาง ละทิ้งอนาคตอันสดใส และเลือกที่จะติดตามจวินเหยียนเดินทางไกลมายังหานโจว สถานที่ที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าเป็เช่นไรแห่งนี้นี่เอง
คนที่มีใจภักดี คู่ควรที่ทุกคนจะให้ความเคารพ
“บ่าวชราทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” ลุงเฉียวยิ้มและถอยออกไป แต่ก่อนจะจากไปเขายังคงลอบมองอวิ๋นซีด้วยสายตาเป็กังวลไปทีหนึ่ง พระชายาตนเป็คนดี นี่เป็เื่ที่คนทั้งหานโจวล้วนรู้ดี ยิ่งกว่านั้นนางยังมีวิชาแพทย์สูงส่งติดตัว เป็ผู้ที่มีเมตตาต่อผู้อื่น หากได้ลองไปแอบฟังคำคนทั่วหานโจวก็จะรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็คนยากจนหรือคนร่ำรวยล้วนแต่ให้คำนิยามอวิ๋นซีไว้สูงยิ่ง
ทว่า ไม่ว่าจะอย่างไรพระชายาก็มาจากตระกูลต่ำศักดิ์ ส่วนหยวนอวี่นั้นเป็ถึงธิดาของหยวนจวิ้นอ๋อง สตรีสูงศักดิ์ที่ทั้งฮองเฮาและไทเฮาล้วนชมเชย เขาจึงเป็กังวลว่า อวิ๋นซีจะรับมือกับคนเยี่ยงหยวนอวี่ไม่ไหว
เมื่อพ่อบ้านถอยออกไปแล้ว อวิ๋นซีก็ก้าวเข้าไปยังที่นั่งหลัก
ทางด้านหยวนอวี่ เมื่อได้เห็นการแต่งกายของอวิ๋นซีก็เป็ต้องอึ้งงันไป ในความทรงจำของนาง ยามที่อยู่ในเมืองหลวงก็มีสตรีผู้หนึ่งที่ชมชอบการแต่งกายให้ดูสูงศักดิ์สง่างาม แต่กลับเลือกใช้เพียงเครื่องประดับธรรมดาๆ เช่นนี้
นี่นางคือพระชายาของพี่จวินเหยียน?
อวิ๋นซีนั่งลงบนที่นั่งหลัก ก่อนจะยกยิ้มมุมปากมองไปยังหยวนอวี่ “หยวนอวี่เสี้ยนจู่มิทราบว่าเ้าอยากจะพบสามีของข้าหรือ? ”
หยวนอวี่ คิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อเราได้เจอกันอีกครั้งจะเป็ไปในรูปแบบนี้ พิเศษมากเลยใช่หรือไม่เล่า แต่ก็ไม่รู้ว่าเ้าจะรู้สึกใบ้างหรือเปล่า เพราะตัวข้าเองก็ยังไม่ทันได้กลับไปเมืองหลวง แต่เ้ากลับรนหาที่มาหาข้าถึงที่นี่ด้วยตนเองเสียอย่างนั้น อวิ๋นซีคิด
เ้าอยากจะแต่งให้จวินเหยียน ข้าก็จะไม่ขัดขวางทางเ้า แต่ยามนี้เ้ากลับรีบร้อนเกินไปเสียหน่อย หากยอมรอสักสองสามปี รอจนข้าได้แก้แค้นแล้ว บางทีเ้าอาจยังมีโอกาสนั้น บางครั้งท่ากินน่าเกลียดเกินไป [1] ก็ทำให้คนรู้สึกพะอืดพะอม
ไม่ว่าในใจนางจะสับสนมากเพียงใด แต่ตอนนี้นางกับจวินเหยียนอยู่ในสถานะของคนที่ร่วมมือกัน จึงมีความจำเป็ยิ่งที่จะต้องรักษาฐานะชายาหานอ๋องนี้ไว้ ดังนั้น นางจะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมาทำลายแผนการของตนเป็อันขาด
หยวนอวี่มองไปยังอวิ๋นซี และพยายามกดข่มความโกรธในใจลง นางลุกขึ้นยอบกายคารวะไปทางอีกฝ่าย “หยวนอวี่คารวะแม่นาง”
อวิ๋นซีพิจารณาท่าทางและคำพูดของอีกฝ่าย จากนั้นก็อดหัวเราะออกมามิได้ “มิคาดสตรีที่กลายเป็ภรรยาผู้อื่นไปแล้วเช่นข้าจะยังถูกคนเรียกว่าแม่นางอีก” เมื่อพูดจบนางก็หันไปพูดกับเซียงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย “ประเดี๋ยวเมื่อเรากลับไปแล้วจะต้องทูลท่านอ๋องเสียหน่อย ว่าข้าผู้นี้ยังเป็แม่นางอยู่ ตัวข้ายังเด็กยิ่ง เช่นนั้นสำหรับท่านอ๋องคงต้องเรียกว่าโคแก่กินหญ้าอ่อนแล้วกระมัง”
ถึงกระนั้นอวิ๋นซีกับจวินเหยียนก็มีอายุห่างกันอยู่หลายปี หากให้พูดตามตรง จวินเหยียนก็คล้ายว่าจะเป็โคแก่กินหญ้าอ่อนจริงๆ
เซียงเอ๋อร์รีบพยักหน้า “เพคะ หม่อมฉันจะต้องนำคำเหล่านี้ไปทูลองค์ชายแน่นอนเพคะ”
อวิ๋นซียิ้มบางๆ ขณะเสมองไปทางหยวนอวี่ “หยวนอวี่เสี้ยนจู่เรียกข้าเด็กเกินไปแล้ว ตัวข้านั้นเป็สตรีที่แต่งงานออกเรือนแล้ว ทั้งยังมีบุตรสาวที่อายุได้สองขวบกว่าอีกด้วย ดังนั้น คำว่าแม่นางของเ้านี้ ถึงแม้จะเรียกให้ดูอ่อนเยาว์ แต่ว่าข้าชอบให้คนเรียกว่า ‘ชายาหานอ๋อง’ มากกว่า หากเ้าเรียกข้าเช่นนี้ข้าจะยินดีกว่า อีกทั้งสามีข้าเองก็จะยิ่งยินดีด้วย”
หยวนอวี่หน้าเขียวคล้ำจ้องมองอวิ๋นซี สตรีนางนี้ช่างหน้าไม่อายจริงๆ ใครจะไปเรียกนางว่าชายาหานอ๋องเล่า คนเยี่ยงนางคู่ควรกับสถานะนี้ด้วยหรือ? หากเป็คนที่เกิดในหานโจว สถานที่ที่นกยังไม่อึ [2] เช่นนี้ ต่อให้จะเป็คนที่มีฐานะก็คงไม่เท่าไรหรอก
“คำพูดคำจาของแม่นางช่างน่าขันนัก ต่อให้ตอนนี้เ้าจะกลายเป็สตรีของหานอ๋องแล้ว อย่างมากก็คงเป็ได้แค่ชายารองเท่านั้น เพราะหานอ๋องทรงเป็ถึงพระโอรสสายตรงของฝ่าา ดังนั้น พระชายาของเขาก็จำต้องเป็สตรีที่ฝ่าาเลือกและพระราชสมรสให้ด้วยพระองค์เอง” หยวนอวี่มองไปยังอวิ๋นซีด้วยสีหน้าแฝงแววยิ้ม ไม่ว่าจะยามใด นางก็จะยอมเสียหน้าไม่ได้ อีกทั้ง สตรีนางนี้ก็ไม่ได้สูงศักดิ์อะไร รอไปก่อนเถอะ นางจักต้องมีวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียใจที่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
อวิ๋นซีเอนกายพิงเก้าอี้ และใช้มือสองข้างเท้าคางมองหยวนอวี่อย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงส่งเสียงอ้อออกมา ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ฝ่าาพระราชทานสมรสหรือ? หากให้พูดตามความจริง ในพระหัตถ์ของหานอ๋องเรามีราชโองการพระราชทานสมรสอยู่จริงๆ ฝ่าาพระราชทานให้ท่านอ๋องเมื่อหลายปีก่อนตอนที่ต้องละจากเมืองหลวงมา ส่วนเื่ที่ว่าคู่สมรสจะเป็ใครนั้น ฝ่าาทรงอนุญาตให้ท่านอ๋องเป็ผู้เลือกด้วยพระองค์เอง”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ท่ากินน่าเกลียดเกินไป(吃相太难看)นอกจากจะหมายถึงคนที่กินมูมมามไม่น่ามองแล้ว ยังหมายถึงคนๆ หนึ่งทำเื่บางอย่างเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยไม่สนมารยาท ไม่รักษากฎจนดูน่าเกลียด
[2] สถานที่ที่นกยังไม่อึ(鸟不拉屎的地方)หมายถึง สถานที่กันดารห่างไกล สภาพย่ำแย่