เมื่อหยวนอวี่ได้ยินคำพูดของอวิ๋นซี ร่างกายบอบบางก็ถึงกับซวนเซถอยหลังไปหลายก้าว นางมองอวิ๋นซีอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย “เ้าพูดจริงหรือ? ” ฝ่าาถึงกับมอบราชโองการพระราชทานสมรสเปล่าไว้ให้พี่จวินเหยียน เช่นนั้นพี่จวินเหยียนก็เขียนนามของสตรีนางนี้ลงไปบนราชโองการแล้ว?
หากเป็เช่นนี้จริง สตรีนางนี้ก็นับเป็ชายาของหานอ๋องที่ถูกต้องแล้วน่ะสิ ไม่ ไม่มีทางเป็เช่นนั้นแน่ หากอีกฝ่ายได้เป็ชายาหานอ๋อง แล้วตัวนางเล่า?
อวิ๋นซีพยักหน้า “ใช่แล้ว สามีข้าบอกว่า ราชโองการพระราชทานสมรสนี้แม้แต่หยวนจวิ้นอ๋องเองก็ทราบ เนื่องจากตอนที่ฝ่าามอบราชโองการนี้ให้สามีข้านั้น หยวนจวิ้นอ๋องเองก็อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย หรือว่าเื่นี้ บิดาเ้าจะไม่ได้บอกเ้า? ”
หยวนอวี่มองท่าทางของอวิ๋นซี ก่อนจะกัดริมฝีปากตนโดยแรง และแล้วก็เป็ความเ็ปที่ช่วยดึงสติสัมปชัญญะของนางกลับมา นางสูดลมหายใจเข้าอย่างเงียบๆ จากนั้นก็แย้มยิ้มแล้วพูดขึ้น “ด้วยเื่นี้เสด็จพ่อได้บอกต่อข้าแล้ว แต่เป็ข้าที่หลงลืมไปชั่วขณะ เมื่อครู่นี้หยวนอวี่ล่วงเกินท่านแล้ว หวังว่าพระชายาจะอภัยให้เพคะ”
อวิ๋นซีมองหยวนอวี่ที่กลับมามีสติสัมปชัญญะดังเดิมแล้ว ดวงตาของนางก็หรี่ลงน้อยๆ ดูท่า หากตอนนั้นตนกับหยวนอวี่อายุห่างกันไม่มาก ตนคงมิใช่คู่ประมือของสตรีนางนี้แน่
สตรีที่สามารถเรียกคืนสติตนให้กลับมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งยังสามารถกดความเกรี้ยวกราดลงไว้ในใจได้นับว่าเป็สตรีที่ไม่ธรรมดาจริงๆ หยวนอวี่ผู้นี้ ช่างเป็ศัตรูที่ทั้งแข็งแกร่งและน่ากลัว
“จะเป็ไรไปเล่า ต่อให้เสี้ยนจู่จะเข้าใจผิดไป ด้วยเื่นี้ก็หาได้ส่งผลอันใดต่อตัวข้ามากนัก เพราะท่านอ๋องเองก็อยู่ไกลถึงหานโจว และไม่ได้ติดต่อกับทางเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว สถานการณ์ของเขาที่นี่ พวกเ้าที่อยู่ในเมืองหลวงย่อมไม่ทราบก็ถือเป็เื่ปกติที่อภัยให้ได้ นอกจากนี้ ในเมื่อเสี้ยนจู่รับพระบัญชาของฝ่าาให้มาพักผ่อนที่หานโจวนี้ เช่นนั้นข้าก็จะให้คนเก็บกวาดเรือนฉิ่นเยว่ฝั่งตะวันตกที่ตั้งอยู่ในเรือนชั้นสี่ให้เป็ที่พำนักชั่วคราวของเสี้ยนจู่ เรือนฉิ่นเยว่นี้ถูกสร้างไว้อยู่ริมแม่น้ำ รอบข้างมีเรือนอยู่ไม่มากนัก จึงเป็สถานที่ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็อย่างยิ่ง”
เรือนฉิ่นเยว่สร้างอยู่ริมแม่น้ำฉิ่นเยว่ในจวนอ๋อง เป็สถานที่ที่ดีและเงียบสงบมาก เดิมทีอวิ๋นซีเองก็ชอบที่นั่นมาก หากไม่ใช่เพราะจวินเหยียนไม่อนุญาต นางก็คงย้ายไปพำนักอยู่ที่เรือนแห่งนั้น ตอนนี้นางจึงได้แต่ต้องฝืนยกเรือนนี้ให้หยวนอวี่ได้พำนัก เพราะว่าเรือนฉิ่นเยว่ตั้งอยู่ห่างจากเรือนของนางกับจวินเหยียนค่อนข้างไกล ดังนั้น อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็ต้องมาปรากฏกายต่อหน้าตนบ่อยๆ แล้ว
มือที่แอบซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหยวนอวี่กำเป็หมัดแน่น เล็บยาวๆ จิกลึกจนทำให้นางรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือ ทว่ามีเพียงทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะช่วยให้ตนอารมณ์เย็นลงได้ นางยิ้มแย้ม “ขอบพระทัยเพคะพระชายา”
อวิ๋นซียืนขึ้นยิ้ม และส่ายหน้าด้วยท่าทีงดงาม “ไม่เป็ไร เ้าเองก็รับพระบัญชาให้มาพักผ่อน แน่นอนว่าข้าย่อมต้องดูแลเ้าให้ดีอยู่แล้ว แต่ว่ามีเื่หนึ่งที่อวี่เสี้ยนจู่ต้องจดจำไว้ เ้าอย่าได้เข้าไปในเรือนชั้นห้าโดยพลการเป็อันขาด เพราะที่นั่นมีทั้งกับดัก และค่ายกลเต็มไปหมด ข้าจึงเกรงว่านั่นจะทำให้เ้าาเ็เอาได้”
เมื่อเพ่ยเอ๋อร์และสาวใช้คนอื่นๆ ที่ติดตามอยู่ด้านหลังอวิ๋นซีได้ยินเื่นี้เข้าก็อดให้มุมปากกระตุกไม่ได้ เรือนชั้นห้ามีกับดักและค่ายกลั้แ่เมื่อไรกัน เหตุใดพวกนางที่อยู่ในจวนอ๋องมาหลายปีกลับไม่เคยทราบ
หลังจากที่จัดแจงเสร็จ อวิ๋นซีก็ให้คนพาหยวนอวี่ รวมถึงสาวใช้ของอีกฝ่ายไปยังเรือนฉิ่นเยว่ ก่อนที่ตนจะกลับไปพักผ่อนเช่นกัน ทว่าระหว่างทางกลับไปยังสวนชิงเฟิงนั้น หวนเอ๋อร์ก็อดถามไม่ได้ “พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้คนไปวางกับดักและค่ายกลั้แ่เมื่อใดกันหรือเพคะ? ”
นางเม้มปากพลางมองบรรดาสาวใช้ที่ติดตามอยู่เื้ั จากนั้นจึงยิ้มตอบ “หลอกหยวนอวี่น่ะ” ถึงแม้พวกเขาจะพำนักอยู่ในจวนอ๋อง ทว่าเอกสารหรือข้อมูลสำคัญต่างๆ จวินเหยียนนั้นมิได้เก็บไว้ในจวนอ๋อง ดังนั้น เขาย่อมไม่มีทางมาเสียเวลากับการวางกับดักหรือค่ายกลอะไรไว้ที่นี่หรอก
“เป็เช่นนี้นี่เอง เมื่อครู่ตอนที่พระชายาตรัส หม่อมฉันก็ยังอึ้งๆ อยู่เลยเพคะ แต่ว่า เพียงแค่หยวนอวี่เสี้ยนจู่ลองถามไถ่จากเหล่าสาวใช้ในเรือนชั้นห้าก็น่าจะพอรู้แล้วมิใช่หรือเพคะว่าเรือนชั้นห้านั้นมีกับดักและค่ายกลจริงหรือไม่” หากเป็เช่นนั้น ถ้อยคำที่พระชายาโป้ปดไปก่อนหน้าก็จะมิถูกเปิดโปงแล้วหรือ
อวิ๋นซียักไหล่ แล้วกล่าวตอบเรียบๆ “หากเื่นี้จะถูกเปิดเผยก็ให้นางเปิดเผยไปสิ เพราะตัวข้าไม่ได้สนใจเื่พวกนี้อยู่แล้ว หรือพวกเ้าคิดว่าหยวนอวี่ผู้นั้นจะมาคิดบัญชีกับข้าเพียงเพราะประโยคนี้ประโยคเดียว? ”
เซียงเอ๋อร์ขบคิดแล้วพูดขึ้นบ้าง “นางจะต้องไปฟ้องท่านอ๋องว่าพระชายาตรัสเช่นนี้ เพื่อหวังจะขัดขวางมิให้นางได้พบท่านอ๋อง”
อวิ๋นซีชูนิ้วโป้งไปทางเซียงเอ๋อร์ ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบกลับ “อืม ถูกต้องๆ นางจะต้องไปฟ้องท่านอ๋องแน่” สิ่งที่ควรต้องรู้ การจะเป็ดอกบัวขาวได้นั้นจะต้องถนัดการเสแสร้งทำตัวอ่อนแอ และนิยมฟ้องผู้อื่นเพื่อหาความเป็ธรรมให้ตน ทว่า ระดับการฟ้องของพวกนางอาจเรียกได้ว่าเก่งกาจยิ่งกว่าคนทั่วไปอยู่นิดหน่อย
“หากเป็เช่นนั้นจริง แล้วเราควรจะทำอย่างไรกันดีเพคะ หากท่านอ๋องทรงเชื่อคำพูดนางขึ้นมาจริงๆ เล่าเพคะ? ” หวนเอ๋อร์ทักท้วง พระชายาตนเป็คนดีที่มักเห็นใจเหล่าข้ารับใช้อยู่เสมอ และดีต่อจวิ้นจู่น้อยมากทั้งๆ ที่ตนไม่ได้คลอดอีกฝ่ายออกมา
พวกนางล้วนไม่อยากให้ระหว่างพระชายาและท่านอ๋องต้องผิดใจกัน
อวิ๋นซียิ้ม “วางใจเถอะ ต่อให้นางจะไปฟ้องท่านอ๋องของพวกเ้าทุกวันก็ตามที ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อคำพูดของนางหรอก” ต่อให้จวินเหยียนจะรู้ว่าอวิ๋นซีเป็คนพูดเช่นนั้นจริงๆ เขาก็จะไม่มีทางมาซักไซ้ถามนางเพียงเพราะเื่เช่นนี้แน่ ด้วยเื่นี้ตัวนางเองก็ยังเชื่อใจในตัวเขาอยู่ อีกทั้งเป็เขาเองที่มอบเื่นี้ให้นางจัดการ ดังนั้น เขาย่อมไม่มีทางยื่นมือเข้ามายุ่งมากมายแน่
่ระยะเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักมักจี่ นางค้นพบว่าจวินเหยียนและโอวหยางเทียนหัวนั้นแตกต่างกันมากจริงๆ ถึงขนาดที่สามารถพูดได้ว่า พวกเขาเป็คนสองประเภทที่ไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย หรืออย่างน้อยๆ แม้ในตอนนี้นางจะยังไม่ได้หลงรักจวินเหยียน แต่นางก็เชื่อใจผู้ร่วมมือคนนี้เป็อย่างมาก หากเป็เมื่อก่อน ต่อให้นางจะรักโอวหยางเทียนหัว แต่ก็ยังมีเื่ให้ต้องปิดบังอีกฝ่ายอยู่มากราวกับในตอนนั้นนางกำลังเผื่อทางหนีทีไล่ไว้ให้ตนเอง
“จริงด้วย ท่านอ๋องไม่มีทางกริ้วพระชายาเพียงเพราะหยวนอวี่เสี้ยนจู่เป็เหตุหรอก” เพ่ยเอ๋อร์ยิ้มพยักหน้า เพียงได้เห็นคนทั้งสองอยู่ร่วมกันตลอดสองวันมานี้ นางก็พบว่าท่านอ๋องนั้นทรงรักพระชายามาก ถึงขนาดที่อาจจะรักใคร่และตามใจจนเกินขอบเขตไปแล้ว
เมื่ออวิ๋นซีกลับไปถึงสวนชิงเฟิงแล้ว นางก็ค่อยๆ นั่งลงด้านหนึ่งพลางมองเหล่าสาวใช้ข้างกาย ก่อนจะยิ้มแล้วจึงถามขึ้น “หยวนอวี่เป็ถึงธิดาของหยวนจวิ้นอ๋อง ในมือของหยวนจวิ้นอ๋องเองก็มีกำลังทหารอยู่มาก และคนยังได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าาเป็อย่างมากอีกด้วย หากท่านอ๋องของพวกเ้าได้แต่งงานกับหยวนอวี่จริงๆ สำหรับเขาแล้วก็ราวกับเป็เสือติดปีก พวกเ้าไม่ได้้าให้เป็เช่นนั้นหรือ? ”
จากวาจาและการกระทำต่างๆ เมื่อครู่ก็พอจะดูออกว่า สาวใช้ทั้งสี่กำลังปกป้องนางอยู่ ดังนั้น ต่อให้จวินเหยียนจะไม่สนใจหยวนอวี่ก็ช่างเถอะ แต่คนสนิทของเขาเองกลับเลือกที่จะปกป้องนาง โดยไม่คิดประจบหยวนอวี่แม้แต่น้อย ด้วยเื่นี้นับว่าเหนือความคาดหมายของนางจริงๆ
เพ่ยเอ๋อร์และสาวใช้คนอื่นๆ ต่างสบตากัน จากนั้นก็พากันคุกเข่าลงบนพื้น “พระชายา นับแต่ที่พวกเราพี่น้องทั้งสี่ได้เริ่มติดตามท่านในวันนั้น นายของพวกเราก็คือพระชายาเพคะ อีกทั้ง ท่านอ๋องเองก็ได้ตรัสไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็เื่ใดที่ข้องเกี่ยวกับพระชายาให้ถือเป็สำคัญทั้งหมด ส่วนเื่อื่นๆ ที่เหลือล้วนไม่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมหมายรวมถึงหยวนอวี่เสี้ยนจู่ผู้นั้นด้วยเพคะ อีกทั้งพวกหม่อมฉันเองก็เชื่อว่าพระชายาต่างหากที่เหมาะแก่การเป็ภรรยา หรือผู้ช่วยที่ดีของท่านอ๋อง ยามนี้ท่านอ๋องมีพระชายาแล้ว ดังนั้น การกลับไปเมืองหลวงก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
ท่านอ๋องยังเชื่อใจพระชายาถึงเพียงนี้ เช่นนั้นพวกนางที่เป็สาวใช้เองก็ต้องเชื่อใจพระชายาเช่นกัน
เมื่ออวิ๋นซีเห็นพวกนางทำเช่นนี้ก็รีบพูดขึ้น “รีบลุกขึ้นเถิด จู่ๆ พวกเ้าจะมาคุกเข่าให้ข้าเพื่ออันใดกัน หากอยู่กับข้าเพียงลำพัง ขอแค่ไม่ว่าจะมีเื่ใดก็ให้พูดออกมาตรงๆ และไม่จำเป็ต้องคุกเข่าให้ข้าด้วย รู้หรือไม่? ”
เมื่อก่อนตอนที่หลันจือและอาเถาคอยติดตามอยู่ข้างกาย ตัวนางเองก็เป็คนสบายๆ และเป็กันเองกว่านี้มาก
เมื่อคิดถึงสาวใช้ผู้ภักดีสองคนนั้น หัวใจของอวิ๋นซีก็ราวกับถูกบีบรัด