“การประลองรอบแรกจบลงแล้ว 300 คนที่เหลือผ่านเข้ารอบต่อไป ทุกท่านเชิญพักผ่อนที่ด้านล่างเวทีประลองสักประเดี๋ยว การประลองรอบที่สองจะเริ่มขึ้นในอีกสักครู่”
เสียงของขุนนางผู้ดำเนินการผู้นั้นดังขึ้น จากนั้นทุกคนทยอยลงจากเวทีประลอง
“สวะ เมื่อครู่ข้าสองคนไม่ได้ลงมือ ถึงทำให้เ้ามีโอกาสเข้ารอบมาได้ แต่ทางที่ดีเ้าอย่าเพิ่งได้ใจไป ข้ากับพี่เว่ยมาที่อาณาจักรจ้าวก็เพื่อมาเอาชีวิตของเ้า!”
ตอนที่เว่ยเจิ้นเทียนและหวงเหยียนิเดินผ่านเย่เฟิง จู่ ๆ หวงเหยียนิกล่าวกับเย่เฟิงเช่นนั้นด้วยเสียงเ็า
เย่เฟิงนั้นก่อปัญหาที่เมืองลอยฟ้า ทำลายหอการค้าเทียนจี๋ ไม่ว่าเมืองลอยฟ้าต้องจ่ายราคาแสนแพงเพียงใดก็ต้องเอาชีวิตของเย่เฟิงมาให้จงได้
“อย่าไปพล่ามไร้สาระกับสวะนี่เลย ไว้ข้าจะจัดการเขาเอง!” เว่ยเจิ้นเทียนกล่าวเสียงเย็น
“ผู้ที่้าฆ่าข้ามีมากมาย แต่ส่วนใหญ่ล้วนตกตายในน้ำมือของข้า รวมถึงคนเ่าั้ของเมืองลอยฟ้า พวกเ้ารู้ดีถึงจุดจบของผู้ที่้าฆ่าข้า เพราะฉะนั้นข้าขอแนะนำพวกเ้า ตอนที่ลงมือฆ่าข้าก็จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ซะ แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!” เย่เฟิงตักเตือนสองคนนั้นอย่างไม่เกรงใจ นี่ทำให้หลาย ๆ คนในที่แห่งนั้นนิ่งอึ้ง พวกเขาไม่นึกว่าเย่เฟิงจะล่วงเกินเว่ยเจิ้นเทียนและหวงเหยียนิ อีกอย่างฟังจากบทสนทนาของทั้งสามคนเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าความแค้นระหว่างพวกเขาจะไม่ตื้นเขิน เช่นนั้นเย่เฟิงอาจจะผ่านการประลองรอบที่สองไปได้ยาก
เว่ยเจิ้นเทียนและหวงเหยียนิกลายเป็ูเาสองลูกที่เย่เฟิงยากจะก้าวข้ามไปได้
ผู้เข้าแข่งขัน 300 คนพักผ่อนครบครึ่งชั่วยาม จากนั้นขุนนางผู้ดำเนินการลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ผู้ใด้าเป็ราชบุตรเขยขององค์หญิงซินอี๋แห่งอาณาจักรจ้าว นอกจากพลังต่อสู้แล้วก็ต้องมีพลังจิตอันแกร่งกล้า ดังนั้นการประลองต่อไปก็คือการทดสอบพลังจิตของทุกท่าน”
“ทดสอบพลังจิต? แข่งขันกันอย่างไร?”
ขุนนางผู้ดำเนินการพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“กฎเรียบง่ายมาก ต่อจากนี้ทุกท่านจะเข้าสู่ค่ายกลมายา ทุกการกระทำของพวกเ้าในค่ายกลมายาจะดำเนินการในรูปแบบภาพลวงตา ซึ่งค่ายกลมายาสร้างขึ้นจากปรมาจารย์ค่ายกลหลายท่านที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรจ้าว เมื่อเข้าสู่ค่ายกลมายาแล้วจะออกกลางคันไม่ได้ เพราะฉะนั้นจุดประสงค์ของการประลองรอบนี้ก็คือความเร็วในการหลุดพ้นจากค่ายกลมายา 20 คนแรกที่ออกมาได้เร็วที่สุดจะเข้ารอบต่อไป” ขุนนางผู้ดำเนินการกล่าวต่อจากเมื่อครู่
ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็นิ่งอึ้ง ในฐานะอัจฉริยะระดับหัวกะทิ พวกเขามีน้อยคนนักที่เคยเข้าค่ายกลมายา ที่นั่นคือภาพลวงตาเสมือนจริง ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับพลังจิต นั่นหมายความว่าผู้มีพลังจิตแกร่งกล้าจะได้เปรียบมากที่สุดในค่ายกลมายา
“จาก 300 คนแต่มี 20 คนที่จะผ่านเข้ารอบสุดท้าย อัตราการคัดออกแต่ละรอบช่างโหดมาก!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวเช่นนี้ทันทีที่ได้ยินกฎการทดสอบ
“ใน 300 คนนี้ไม่มีผู้ใดอ่อนแอเลย พลังจิตของพวกเขาน่าจะพอ ๆ กัน แต่ไม่รู้ว่าใครจะผ่านการประลองรอบนี้ไปได้?” ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุดหย่อน
“ค่ายกลมายาก็คือค่ายกลลวดลายเทวะประเภทหนึ่ง ก่อนหน้านี้ที่ข้าเข้าค่ายกลมายาก็ััถึงลวดลายเทวะไม่ได้ ครั้งนี้ข้าจะคว้าโอกาสไว้ให้ได้ เพื่อดูความน่ามหัศจรรย์ของค่ายกลมายาลวดลายเทวะ”
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ หลังจากราชันมารชื่อเทียนให้เขาัักับลวดลายเทวะ เย่เฟิงไม่เพียงแต่รู้ซึ้งถึงความกว้างขวางของลวดลายเทวะ แต่ยังหลงใหลในทักษะด้านนี้อย่างลึกซึ้ง ตราบใดที่เย่เฟิงมีโอกาสก็ไม่มีทางปล่อยไปอย่างแน่นอน
เย่เฟิงนั้นไม่สนใจอัตราการคัดออกของการประลองรอบนี้ เขานั้นมองออกั้แ่มีิญญาาคู่แล้ว เพราะพลังจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่ว ๆ ไป
หากผู้ฝึกยุทธ์้าปลุกิญญาาก็ต้องเปิดประตูิญญาก่อน แต่ในระหว่างการปลุกิญญาา สิ่งที่ต้องพึ่งพาก็คือความเข้าใจต่อพลังแห่งวิถีฟ้าดินและการสื่อสารของผู้ฝึกยุทธ์ ซึ่งรากฐานของทุกอย่างนี้ก็คือพลังจิต อาจกล่าวได้ว่าแม้มีพลังจิตที่แกร่งกล้าก็ไม่แน่ว่าจะปลุกิญญาาระดับสูง ๆ ได้ แต่ถึงอย่างนั้นการปลุกิญญาาระดับสูงก็ขาดพลังจิตไปไม่ได้
เย่เฟิงปลุกิญญาาเทพัขั้นครามและิญญาาวิหคเทพะขั้นฟ้า ซึ่งต้องพึ่งพาพลังจิตอันแกร่งกล้าในการควบคุม อีกอย่างเย่เฟิงฝึกทักษะหล่อิญญาถึงระดับสูง เปิดร่างเจตจำนง ชำระล้างร่างกายผ่านผลึกิญญา อำนาจฟ้าดินบรรลุขั้นกายา่ต้น ศักยภาพเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเพิ่มพูนพลังจิต ดังนั้นแม้เย่เฟิงอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่ก็สู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ หรือกระทั่งต่อต้านผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะได้
ดังนั้นการประลองรอบนี้จึงไม่ยากสำหรับเย่เฟิง พลังจิตของเขาสามารถต่อกรกับผู้อื่น รวมทั้งซือคงเสวียน เว่ยเจิ้นเทียน และคนอื่น ๆ พวกเขาล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ซือคงเสวียนต้องได้อันดับที่หนึ่งเป็แน่ เขาปลุกิญญาาขั้นครามคู่ ทั้งยังอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ไม่รู้ว่าพลังจิตของเขาจะทรงพลังมากเพียงใด?” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองซือคงเสวียนด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา ซือคงเสวียนเฉิดฉายที่สุดในบรรดา 300 คน ความเฉิดฉายของเขากลบเว่ยเจิ้นเทียนมิด กระทั่งคนอื่น ๆ ก็มิอาจทัดเทียม
ดังนั้นในความคิดของจงเหริน อันดับที่หนึ่งของการประลองยุทธ์เลือกคู่ไม่เป็ของซือคงเสวียนก็เป็ของเว่ยเจิ้นเทียน
เว่ยเจิ้นเทียนได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนก็ตาเผยประกายเย็นเยือก ในฐานะสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น เว่ยเจิ้นเทียนจะคิดว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่นได้อย่างไร? แต่เขาก็ทำได้เพียงรอคอยที่จะพิสูจน์ตัวเองในการประลองรอบถัดไป
“เอาละ การประลองรอบที่สองเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!” ขุนนางผู้ดำเนินการกล่าวอีกครั้ง
นาทีต่อมามีสี่เงาร่างทะยานมาปิดล้อมทั้ง 300 คน จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์สี่คนนี้ผสานมือ ก่อนจะปลดปล่อยพลังเคล็ดวิชา จู่ ๆ อักขระประหลาดปรากฏที่เหนือหัวของทุกคน พร้อมกับเปล่งแสงประหลาด ซึ่งอักขระนั้นโคจรไม่หยุด ราวกับหลอมห้วงอากาศ ก่อนจะกลายเป็ม่านแสงอักขระและเข้าปกคลุมร่างทั้ง 300 คน
ลวดลายบนม่านแสงอักขระเห็นได้อย่างชัดเจนราวกับมีวิถีโคจรพิเศษ ประหนึ่งแผนภาพโบราณอันเก่าแก่ก็ไม่ปาน
เย่เฟิงเห็นฉากนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อยพลางคิดในใจว่า “ดูท่าความสำเร็จด้านลวดลายเทวะของผู้กางค่ายกลจะไม่ต่ำต้อยตามคาด!”
เมื่อเทียบกับการสร้างลวดลายเทวะ ระดับการกางค่ายกลถือว่ายากมาก ผู้สร้างต้องมีศักยภาพรอบด้าน จึงจะสามารถกางค่ายกลระดับนี้ได้ เช่นนั้นผู้สร้างต้องอยู่ระดับปรมาจารย์
“วูบ!” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น พลังมายาพวยพุ่งออกจากม่านแสงอักขระ ก่อนจะห่อหุ้มร่าง 300 คนในพริบตา ซึ่งผู้มีพลังจิตอ่อนแอได้เข้าสู่แดนมายาแทบจะในทันที
“ค่ายกลมายานี้สร้างขึ้นจากพลังมายาอันแกร่งกล้า ชักจะน่าสนใจแล้วสิ!” ตอนที่พลังมายามาเยือนร่างเย่เฟิง เขาก็รับรู้ได้ถึงกฎเกณฑ์ทั่วไปของค่ายกลนี้ทันที
พลังมายาคือพลังวิเศษอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็พลังแห่งกฎเกณฑ์ อย่างเช่น การต่อสู้ การบ่มเพาะพลัง สติปัญญา สภาพจิตใจ เป็ต้น
แม้ใช้พลังมายาในการโจมตีไม่ได้ แต่กลับใช้พลังมายารบกวนอีกฝ่ายได้ อย่างเช่น ใช้บดบังวิสัยทัศน์ ทำให้อีกฝ่ายเห็นภาพหลอน และใช้โอกาสนี้คว้าชัยชนะ
เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ควบคุมพลังมายาได้อย่างชำนาญมักจะใช้สร้างฝันให้กับอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายจมดิ่งอยู่ในแดนมายา เช่นนั้นผู้สร้างฝันก็สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย กระทั่งยอดฝีมือผู้ครองพลังมายาในตำนานยังสามารถสร้างฝันในหนึ่งความคิด ดังนั้นผู้ครองพลังมายาจึงไม่ยินดีที่จะยั่วยุใครก่อน
ทว่ามีไม่กี่คนที่ควบคุมพลังมายาได้และหาแทบไม่ได้ในแดนชิงอวิ๋น ดังนั้นยอดฝีมือที่สร้างฝันได้ในหนึ่งความคิดจึงยิ่งปรากฏตัวได้แค่ในตำนาน ส่วนในค่ายกลนี้มีพลังมายาแต่ไม่ใช่ว่าผู้สร้างจะสามารถควบคุมพลังมายาได้ เพียงเพราะว่าลวดลายเทวะของค่ายกลนี้ช่างน่ามหัศจรรย์และสามารถรวบรวมพลังมายาที่ล่องลอยไปมาในอากาศได้เอง
เย่เฟิงมิได้ต่อต้านการกัดกร่อนพลังมายานั้น ไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ที่นี่ไร้ซึ่งวรยุทธ์และการต่อสู้ฆ่าฟัน คนที่นี่มีเพียงความสามัคคีที่มีไมตรีจิตต่อกัน ทุกอย่างช่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเย่เฟิงอยู่ในโลกนี้ราวกับได้เกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขาคิดว่าตัวเองได้หลอมรวมจนกลายเป็ส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ จนกระทั่งเขา้าอุทิศชีวิตตนให้กับโลกใบนี้เลยทีเดียว
เย่เฟิงรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในโลกใบนี้มาเนิ่นนาน ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และรู้สึกว่าที่นี่เป็โลกสมบูรณ์แบบสำหรับเขา
ขณะที่เย่เฟิงจมดิ่งอยู่ในแดนมายา คนอื่น ๆ ก็อยู่ในแดนมายาของตนเองเช่นกัน ซึ่งผู้สร้างค่ายกลมายาล้วนปรับแดนมายาให้เข้ากับแต่ละลักษณะบุคลิก
การทดสอบหลักของการประลองรอบที่สองคือพลังจิตของผู้เข้าร่วมแข่งขัน ดังนั้นแดนมายาที่สร้างส่วนใหญ่จะเป็โลกสมบูรณ์แบบในจิตใจของผู้เข้าแข่งขัน มีเพียงในโลกมายาสมบูรณ์แบบ ผู้เข้าแข่งขันจึงมิอาจถอนตัวออกมาได้ กระทั่งอาจจะถอนตัวออกจากแดนมายาได้ยาก เนื่องจากมีพลังจิตที่อ่อนแอ
โลกมายาสมบูรณ์แบบของทุกคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นแดนมายาที่พวกเขาอยู่จึงต่างกัน
บางแดนมายาฝันว่าตนเป็จักรพรรดิโบราณ พลังสูงสุด ปกครองใต้หล้า
บางแดนมายาฝันว่าตนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอด ทัศนาจรทั่วแผ่นดินใหญ่ ไร้ซึ่งผู้ใดยั่วยุ ดื่มด่ำกับชีวิตแสนสุขสบาย
แม้กระทั่งมีแดนมายาหนึ่งฝันว่าตนได้ดื่มด่ำไปกับสาวงามทั้งวันทั้งคืนไม่มีที่สิ้นสุด
………
อย่างไรก็ตามในโลกมายาสมบูรณ์แบบ แม้เป็ผู้มีพลังจิตแกร่งกล้าก็ยากที่จะหลุดพ้นในระยะเวลาอันสั้น ขนาดผู้มีพลังจิตแกร่งกล้าอย่างซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนก็มิอาจทำได้
“เยี่ยเอ๋อร์ เ้าคิดว่าการประลองรอบนี้ใครจะหลุดพ้นจากค่ายกลมายาเป็คนแรก?”
บนอัฒจันทร์หลัก องค์าาเอ่ยถามจ้าวเยี่ยขณะมองผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 300 คนในค่ายกลมายา
“ซือคงเสวียนกับเว่ยเจิ้นเทียนมีความหวังมากที่สุด ส่วนคนอื่น ๆ ลูกไม่แน่ใจ” จ้าวเยี่ยลุกขึ้นจากที่นั่งช้า ๆ ก่อนจะกล่าวกับองค์าาพร้อมคำนับ
ซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนมีศักยภาพมากที่สุด แม้แต่จ้าวเยี่ยก็ทายว่าสองคนนี้จะออกจากแดนมายาก่อนใคร
“เช่นนั้นเ้าคิดว่าเย่เฟิงจะผ่านรอบนี้หรือไม่?” องค์าาเอ่ยถามต่อ ทุกคนต่างรู้ดีว่าซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียนแข็งแกร่งที่สุด แม้แต่องค์าาก็คิดเช่นนี้ แต่เขายังคงสนใจเย่เฟิง ชายหนุ่มที่อายุไม่ถึง 17 ปีแต่กลับทำให้เขามองไม่ทะลุปรุโปร่ง
“ไม่น่าจะมีปัญหา ด้วยพร์ของเย่เฟิง ลูกเชื่อว่าเขาจะผ่านเข้ารอบสุดท้าย” จ้าวเยี่ยกล่าว แต่ในใจกลับเป็ห่วงเย่เฟิง ถึงอย่างไรเย่เฟิงคือผู้มีตบะที่ต่ำต้อยที่สุดในบรรดา 300 คน เมื่อตบะสูงส่ง พลังจิตก็จะสูงขึ้นไปด้วย
“มีเพียง 20 คนจาก 300 คนที่จะผ่านเข้ารอบสุดท้าย เย่เฟิงเขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แล้วจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้อย่างไร น้องรองไม่พูดเกินความจริงไปหน่อยหรือ!”
เมื่อสิ้นเสียงจ้าวเยี่ย จ้าวหยางก็พูดขึ้นมาทันที และน้ำเสียงยังแฝงด้วยความดูถูก
“ยังไม่ถึงจุดจบ มิมีผู้ใดตัดสินได้ ข้าเชื่อว่าเย่เฟิงจะเป็หนึ่งใน 20 คนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย” จ้าวเยี่ยกล่าว โดยยังคงเชื่อใจเย่เฟิง
“เช่นนั้นพวกเราก็รอดูกันต่อไปเถอะ!”
จ้าวหยางเหยียดยิ้มอย่างเ็า โดยไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย ในความคิดของเขา เย่เฟิงถูกกำหนดให้ไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย
“เย่เฟิง เ้าพยายามเข้านะ”
จ้าวซินอี๋กำหมัดแน่น พร้อมกับให้กำลังใจเย่เฟิงอยู่ในใจ นางรู้ว่าเย่เฟิงพยายามเพื่อนางมาตลอด บัดนี้เย่เฟิงอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 และเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่ที่มีแต่ผู้แข็งแกร่ง แต่นางก็เชื่อมั่นว่าเย่เฟิงจะทำสำเร็จและมารับตัวนาง แม้ล้มเหลว แต่นางก็ไม่มีทางแต่งกับผู้อื่นนอกจากเย่เฟิง ต่อให้นางต้องตายก็ตาม
