ณ สำนักร้อยบุปผา
ภายในลานอันเงียบสงบ หนิงเทียนกำลังเล่าทุกรายละเอียดของแดนลับต่ออาจารย์ของตน
เมื่อเยี่ยหลิงหลานถามถึงกายาสุวรรณะนิรันดร์ หนิงเทียนก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ทั้งยังบอกวิธีการฝึกฝนแบบสมบูรณ์ให้นางฟังอีกด้วย
ขั้นตอนการสร้างรากฐานของกายาสุวรรณะนิรันดร์นั้นพิเศษมาก หนิงเทียนฝ่าด่านเคราะห์ถึงเก้าครั้งจนสามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา แม้ผู้อื่นจะรู้วิธีฝึกฝน แต่หากไม่มีการผจญด่านเคราะห์ที่สอดคล้องกัน พวกเขาก็ไม่สามารถเทียบกับหนิงเทียนได้
เยี่ยหลิงหลานตรวจสอบสภาพร่างกายของหนิงเทียนอย่างถี่ถ้วน ใบหน้างดงามฉายแววเคร่งขรึม “รากบ่มเพาะของเ้าช่างน่ากลัว ทุกการเลื่อนระดับในขอบเขตจิตหยั่งลึกจำเป็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขหลายประการ ซึ่งเ้าอาจติดอยู่ในขอบเขตนี้ได้โดยง่าย”
หนิงเทียนเองก็ตระหนักถึงเื่นี้เช่นกันและได้แสดงให้เห็นถึงปัญหานี้แล้ว จากการที่เขาดูดกลืนแก่นแท้โลหิตเข้าไป ทว่าขอบเขตกลับไร้การพัฒนา
“ท่านอาจารย์มีหนทางดีๆ บ้างไหม?”
“ูเาไป่หลิงมีความพิเศษอย่างยิ่ง ทั้งยังมีโอกาสในการก้าวหน้าสำหรับเ้า นอกจากนี้จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ที่ยอดเขาหมื่นอสูร ทั้งสี่สำนักภายในเมืองไป่หลิงจะนำลูกศิษย์ของพวกเขาเข้าร่วม เ้าเองก็สามารถร่วมเสี่ยงโชคได้ด้วย”
“ยอดเขาหมื่นอสูร? ที่นั่นเป็สถานที่เช่นใด?”
เยี่ยหลิงหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เขาหมื่นอสูรมีชื่อเสียงพอๆ กับูเาไป่หลิง มันเป็หนึ่งในสองูเาศักดิ์สิทธิ์ในจักรวรรดิเชียนซาน ทว่ามันเป็ของสำนัก์ ซึ่งเต็มไปด้วยอสูรร้ายและรากบ่มเพาะสายรากอสูร จึงเหมาะกับผู้บำเพ็ญจื๋อซิว ทั้งยังมีโชคลาภอันยิ่งใหญ่ซ่อนเร้นอยู่ด้วย”
“รากพฤกษาและรากอสูรไม่ได้แข่งกันหรอกหรือ? ศิษย์จากสายพฤกษาจะได้รับอนุญาตให้ร่วมการชุมนุมบนยอดหมื่นอสูรหรือ?”
“บนูเาไป่หลิงไร้เหล่าอสูร เหมาะสำหรับการบำเพ็ญของสายรากพฤกษาเท่านั้น แม้ยอดเขาหมื่นอสูรจะเป็สรวง์สำหรับเหล่าอสูร แต่ก็มีิญญาอสูรมากมายเช่นกัน จึงอนุญาตให้ศิษย์สายรากพฤกษาเข้าไปได้ อีกสองวันจะมีการชุมนุมดังกล่าว สำนักวั่นจื๋อก็จะเข้าร่วมด้วย”
“อาจารย์ไปด้วยหรือไม่?”
“ข้าว่าจะไปสังสรรค์ที่นั่นเสียหน่อย”
ในขณะพูดอยู่ จู่ๆ เยี่ยหลิงหลานก็เงยหน้ามองท้องฟ้า บนนั้นมีสายรุ้งสีเขียวพาดผ่าน พร้อมปล่อยคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวที่ยึดครองจิติญญาออกมาไม่หยุดหย่อน
หนิงเทียนถามอย่างประหลาดใจว่า “ท่านอาจารย์ นี่คืออะไร?”
“ชวีจงจื๋อแห่งสำนักวั่นจื๋อ ตานั่นค่อนข้างมีชื่อเสียง เขาคงมาหาตี๋เยี่ยนจวินแห่งสำนักทะยานเวหา”
ถ้อยคำของนางยังก้องอยู่ในหู ทว่ากลับมีเสียงหัวเราะแสนอบอุ่นดังขัดขึ้นมา
“นางเซียนเยี่ยรับศิษย์ที่ดีเช่นนี้มา เหตุใดไม่แจ้งให้เราทราบสักหน่อยเล่า?”
ห้วงอากาศบิดเบี้ยว แสงและเงาสุกใสปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เขาเป็ชายวัยกลางคนร่างสูง ทุกส่วนบนใบหน้าดูซื่อตรง มีคิ้วหนาและดวงตากลมโต กลิ่นอายบนร่างน่าสยดสยองราวเขาไท่ซานกดทับ ทำให้คนกลัวที่จะมองตรงๆ
ยอดฝีมือแห่งสำนักร้อยบุปผารีบแสดงตนอย่างรวดเร็ว ทุกคนล้วนคารวะชวีจงจื๋อแห่งสำนักวั่นจื๋ออย่างนอบน้อม
ยอดฝีมือจากสำนักั์พฤกษา สำนักเชียนเฉ่า และสำนักทะยานเวหาก็รีบเข้ามาคารวะเช่นกัน
“ไม่ต้องพิธีรีตองหรอก ข้าได้ยินมาว่าสำนักทะยานเวหามีศิษย์ที่ดี ไปเรียกมาให้ข้าดู”
ตี๋เยี่ยนจวินออกมาคารวะและดูเหมือนชวีจงจื๋อค่อนข้างถูกใจเขา
“ไม่เลว รากบ่มเพาะค่อนข้างแข็งแกร่ง ทั้งยังมีสภาพร่างกายเป็เลิศ”
ยอดฝีมือแห่งทะยานเวหายินดีเป็อย่างยิ่งเมื่อได้ยินเช่นนี้ ขณะที่เหล่ายอดฝีมือแห่งสำนักร้อยบุปผาเชิญปรมาจารย์แห่งสำนักวั่นจื๋อทั้งสองเข้าไปสนทนาด้านใน
“เชิญผู้าุโชวีด้านในขอรับ”
ชวีจงจื๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เชิญนางเซียนเยี่ย”
เยี่ยหลิงหลานพยักหน้าเบาๆ ให้หนิงเทียนที่ยืนอยู่ข้างกายออกมาคารวะอีกฝ่าย หลังกล่าวถ้อยคำสุภาพแสนเรียบง่ายเพียงไม่กี่คำ พวกเขาก็มายังศาลาบุปผาอันเงียบสงบ
“อีกสองวัน นอกจากสำนักวั่นจื๋อจะเข้าร่วมการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ที่ยอดเขาหมื่นอสูรแล้ว ว่ากันว่าสำนักหยวนซิวบางสำนักในจักรวรรดิเชียนซานก็จะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน”
คำพูดของชวีจงจื๋อทำให้เยี่ยหลิงหลานประหลาดใจ และทำให้ผู้ดูแลและผู้าุโของสำนักสายรากพฤกษาทั้งสี่สับสน
เยี่ยหลิงหลานกล่าว “สำนัก์้าทำอะไรกันแน่?”
ชวีจงจื๋อตอบ “เท่าที่เราทราบ เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วเกิดคลื่นผันผวนแปลกประหลาดในยอดเขาหมื่นอสูร ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งยอดฝีมือหยวนซิวบางคนสังเกตเห็นเื่นี้ ขณะที่่นั้นฝ่ายเรายังคงถูกปิดหูปิดตา การชุมนุมใหญ่ในคราวนี้จึงประกอบด้วยศิษย์หลักและเสริมด้วยศิษย์ฝ่ายใน โดยแบ่งออกเป็สามส่วนหลักๆ ยอดฝีมือหยวนซิวสามารถเข้าสู่พื้นที่สาธารณะได้ แต่เราไม่เคยคิดหาเหตุผลของเื่นี้”
เยี่ยหลิงหลานครุ่นคิดครู่หนึ่ง “สำนัก์้ายืมมือหยวนซิวทำบางสิ่งหรือ?”
“ข้าก็สันนิษฐานไว้เช่นนั้น ทว่ารายละเอียดเฉพาะสามารถกำหนดได้หลังจากไปถึงที่นั่นเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ให้ทั้งสี่สำนักเตรียมตัว เลือกกลุ่มศิษย์หลักและศิษย์ฝ่ายใน แล้วรอดูว่าสำนัก์จะมีกลอุบายอย่างไร?”
นั่นคือสิ่งที่ชวีจงจื๋อตั้งใจมาแจ้ง และทั้งสี่สำนักต่างก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็เดินทางไปสำนักทะยานเวหา ขณะที่สำนักเชียนเฉ่าและสำนักั์พฤกษาต่างก็กลับไปเตรียมตัว
หนิงเทียนกำลังฝึกฝนอย่างเงียบๆ ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ของเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับสาม เขายังไม่คุ้นเคยกับมันมากนักและยังต้องฝึกฝนอย่างเข้มข้น
สำนักร้อยบุปผาคัดเลือกศิษย์หลักหนึ่งร้อยคนและศิษย์ฝ่ายในอีกห้าสิบคน หนึ่งในนั้นคือหนิงเทียน เสินซินจู๋ และซิ่งอวี่เจวียน
“พี่สาวซิ่งเป็ศิษย์หลักหรือ?” หนิงเทียนใมาก
ซิ่งอวี่เจวียนกล่าวอย่างลังเล “ขะ...ข้ารับหน้าที่ผู้าุโเป็การชั่วคราวเท่านั้น”
หนิงเทียนเกิดความสงสัย ซิ่งอวี่เจวียนดูลังเลที่จะพูด ราวกับนางกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง
“รวมตัว!”
ศิษย์จากทั้งสี่สำนักพร้อมออกเดินทางแล้ว จำนวนคนของแต่ละสำนักล้วนเท่ากันทุกประการ
“ออกเดินทาง!”
ตามคำสั่งของชวีจงจื๋อ ทั้งสี่สำนักต่างเรียกใช้อาวุธิญญาจื๋อซิวของตน ได้แก่ ดอกไม้ หญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ แต่ละชิ้นมีความสูงหลายพันจั้ง ทั้งยังส่องประกายด้วยแสงิญญาอันเจิดจ้า แบกเหล่ายอดฝีมือของตนโบยบินข้ามนภา
หนิงเทียนจ้องมองอย่างอยากรู้อยากเห็น นี่เป็ครั้งแรกที่เขาออกเดินทางพร้อมกับสำนัก ทั้งยังได้ขี่อาวุธิญญาจื๋อซิว ซึ่งเป็ดอกเชียนหนิว[1]สีฟ้าที่สูงถึงหนึ่งพันสองร้อยจั้ง แต่ละใบของมันยาวหลายสิบจั้ง และมีศิษย์สำนักร้อยบุปผาจำนวนมากยืนอยู่้า
รากของดอกเชียนหนิวยาวหลายสิบจั้ง แต่ละรากเคลื่อนไหวราวโบยบิน มันพาทุกคนเคลื่อนตัวไปได้หลายพันจั้งในการขึ้นลงแต่ละครั้ง ซึ่งความเร็วนี้ค่อนข้างน่าทึ่ง
“คิดว่ามันแปลกใช่หรือไม่?”
ซิ่งอวี่เจวียนสังเกตเห็นปฏิกิริยาของหนิงเทียน จึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ
“มีอาวุธิญญาแปลกประหลาดมากมาย ซึ่งพวกมันล้วนเกิดตามธรรมชาติ มีไม่มากนักที่มีความก้าวร้าว เหตุผลที่จื๋อซิวไม่อาจเทียบหยวนซิวได้นั้นไม่เพียงเพราะความแตกต่างทางสายเืและร่างกาย แต่ยังรวมถึงความแตกต่างด้านอาวุธิญญาด้วย แม้จะไม่ได้หมายความว่าอาวุธจื๋อซิวย่อมด้อยกว่าอาวุธิญญาหยวนซิวเสมอไป ทว่าก็มีความแตกต่างอย่างมากในสัดส่วนโดยรวม”
เสิ่นซินจู๋ยิ้มพร้อมกล่าวเสริม “ในภายภาคหน้า ความรับผิดชอบที่สำคัญในการฟื้นฟูสายรากพฤกษาคงต้องฝากไว้กับเ้าแล้ว”
“เช่นนั้นข้าควรพยายามให้มากขึ้นใช่ไหม?” หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจ้องมองไปทางอาจารย์
เยี่ยหลิงหลานกับชวีจงจื๋อเดินผ่านห้วงอากาศ ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังกล่าวถึงสิ่งใด
ตี๋เยี่ยนจวินกลายเป็ศิษย์ของชวีจงจื๋อ ซึ่งทำให้สำนักทะยานเวหาตื่นเต้นเป็อย่างมาก และยังทำให้สำนักเชียนเฉ่าและสำนักั์พฤกษาอิจฉาอีกด้วย
ยอดเขาหมื่นอสูรตั้งอยู่ในจักรวรรดิเชียนซาน ห่างจากูเาไป่หลิงกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันลี้
อาวุธิญญาจื๋อซิวของทั้งสี่สำนักเคลื่อนที่อย่างดุเดือดในแดนรกร้าง พวกมันวิ่งเป็เวลาสามชั่วยามจนมาถึงเมืองไป่เซิ่ง ซึ่งตั้งอยู่ด้านล่างยอดเขาหมื่นอสูร
ที่นี่เป็เมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองและงดงามยิ่งกว่าเมืองไป่หลิง
นอกเหนือจากสี่สำนักของเชื้อสายรากอสูรแล้ว ยังมีสำนักหยวนซิวบางสาขาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
วันนี้เมืองไป่เฉิงเปิดรับแขกจากทั่วสารทิศ ผู้บำเพ็ญจากทั้งในและนอกเมืองต่างมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็ผู้บำเพ็ญรากอสูร รากพฤกษา หยวนซิว และซิงซิว ทั้งหมดล้วนมารวมตัวกันที่นี่
“คนเยอะมาก!”
เสิ่นซินจู๋ดึงหนิงเทียนแล้วมองไปรอบๆ นางเห็นผู้บำเพ็ญหลายคนในวัยเดียวกัน
พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน มีต้นกำเนิดแตกต่างกัน และล้วนเปี่ยมไปด้วยพลัง
ผู้บำเพ็ญสายรากอสูรส่วนใหญ่มีกลิ่นอายแข็งแกร่ง ทั้งยังมีรูปร่างสูง ดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงแห่งอสูรร้าย ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความก้าวร้าวรุนแรง
ทางด้านหยวนซิว เนื่องจากมีวิธีบำเพ็ญที่แตกต่างออกไป ภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย
หนิงเทียนเห็นผู้บำเพ็ญซิงซิวหลายคน พวกเขาล้วนมีรูปดาวปักอยู่บนหน้าอก ซึ่งสะดุดตาเป็พิเศษ
ศิษย์ซิงซิวส่วนใหญ่เ็าและหยิ่งผยอง ด้วยความรู้สึกว่าตนเองคือผู้ชอบธรรม
สำนัก์ เป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้บำเพ็ญสายรากอสูร โดยแบ่งเป็สี่กลุ่มหลัก คือ อสูรปีก อสูรสัตว์ อสูรแมลง และอสูรปลา ซึ่งก่อตั้งขึ้นเป็สำนักร้อยอสูร นิกายวิหคเหิน ลัทธิพันแมลง และโถงมัจฉาั ด้วยจำนวนคนที่มากของสำนักร้อยอสูรและนิกายวิหคเหิน ทั้งสองสำนักนี้จึงเป็ผู้ทรงพลังที่สุดในกลุ่ม
ยามนี้ผู้รับผิดชอบการต้อนรับคือศิษย์ฝ่ายในของสำนักร้อยอสูร แผนกต้อนรับตั้งอยู่ในจัตุรัสกลางเมืองไป่เซิ่ง
“สี่สำนักสายพฤกษา ดอกไม้ ต้นไม้ ต้นหญ้า และเถาวัลย์จากเมืองไป่หลิง เดินทางมาถึงแล้ว!”
เสียงประกาศแพร่กระจายไปทั่ว ดึงดูดความสนใจของผู้คน
“สำนักเชียนเฉ่าสาขาเมืองชิงหยวนมาถึงแล้ว สำนักั์พฤกษาสาขาเมืองเยี่ยซีมาถึงแล้ว”
“นิกายวิหคเหินสาขาเมืองตงจิ้งมาถึงแล้ว สำนักหานเทียนเชื้อสายหยวนซิวมาถึงแล้ว”
ภายในจักรวรรดิเชียนซาน ไม่ว่าจะเป็เชื้อสายรากพฤกษาหรือรากอสูร ล้วนไม่อาจเทียบฝีมือกับเมืองไป่หลิงและเมืองไป่เซิ่งได้ ดังนั้น จื๋อซิวจากที่อื่นล้วนมาเพื่อเข้าร่วมเท่านั้น
เมื่อหนิงเทียนได้ยินคำว่าสำนักหานเทียน รอยยิ้มบนใบหน้าก็แทนที่ด้วยความเฉยเมยทันที
บิดาของเขาเสียชีวิตด้วยน้ำมือจางเฟิงหยางแห่งสำนักหานเทียน นี่เป็ความแค้นที่หนิงเทียนไม่มีวันลืม มันคือความเกลียดชังลึกซึ้งที่มีต่อสำนักหานเทียน
วันนี้ในเมืองไป่เซิ่ง จะมียอดฝีมือจากสำนักหานเทียนปรากฏตัวขึ้น นี่คือสิ่งที่หนิงเทียนไม่เคยคิดมาก่อน
ความเกลียดชังทำให้หนิงเทียนอยากรู้อยากเห็น เขามองไปยังทางเข้า แล้วเห็นว่ามีศิษย์จากสำนักหานเทียนหลายร้อยคน
ที่ทางเข้ามีคนมากมาย ทว่าหนิงเทียนกลับไม่พบร่องรอยของซูอวิ๋นและจางเฟิงหยาง เขาจึงค่อนข้างผิดหวัง
ยอดเขาหมื่นอสูรเป็ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเชื้อสายรากอสูร และเป็อันตรายต่อหยวนซิวอย่างยิ่ง
กิจกรรมต่างๆ อย่างการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ โดยทั่วไปแล้วสำนักหยวนซิวจะไม่ส่งลูกศิษย์ที่โดดเด่นมาเข้าร่วม เนื่องจากเกรงว่าจะถูกวางแผนต่อต้านโดยจื๋อซิว
ผ่านยามอู่[2]มาสามเค่อ กลุ่มต่างๆ ในเชื้อสายรากพฤกษาและรากอสูรล้วนมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว ทั้งยังมีสำนักหยวนซิวอีกเจ็ดสำนัก และศิษย์ซิงซิวมากกว่าสิบคนที่มาเข้าร่วม
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เมืองไป่เซิ่งและการชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ที่จัดขึ้นทุกๆ สามปีของยอดเขาหมื่นอสูร...”
ร่างสูงปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขาคือผู้ดูแลหู่เยวี่ยแห่งสำนักร้อยอสูร ณ เมืองไป่เซิ่ง
“เดิมทีนี่เป็งานที่ยิ่งใหญ่สำหรับเชื้อสายจื๋อซิว แต่เพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของจื๋อซิวและหยวนซิว พื้นที่สาธารณะในยอดเขาหมื่นอสูรจึงถูกกำหนดขึ้นเป็กรณีพิเศษ เพื่อให้ศิษย์หยวนซิวได้ฝึกฝนและแสวงหาความสนุกสนาน ไม่มีการแบ่งแยกขอบเขตสูงต่ำ ส่วนศิษย์หลักจากสำนักจื๋อซิวจะสามารถเคลื่อนไหวได้ในพื้นที่เขตหนึ่งและพื้นที่สาธารณะ และศิษย์ฝ่ายในเคลื่อนไหวได้ในพื้นที่เขตสองและพื้นที่สาธารณะ ซึ่งข้าหวังว่าทุกคนจะสามารถอยู่ร่วมกันเป็อย่างดี”
ผู้ดูแลหู่เยวี่ยกล่าวเพิ่มเติมว่า
“ในชุมนุมครั้งนี้ ได้กำหนดสิ่งตอบแทนที่แตกต่างกันสำหรับสามพื้นที่หลักไว้แล้ว สิ่งตอบแทนสูงสุดในพื้นที่สาธารณะคือกริชเหมันต์์ ซึ่งเป็อาวุธิญญาระดับสูง!”
สิ้นคำของหู่เยวี่ย เสียงอุทานจากยอดฝีมือหยวนซิวก็ดังขึ้นทันที
กริชเหมันต์์ เป็อาวุธิญญาชั้นยอดที่ได้รับการขัดเกลาโดยยอดฝีมืออาวุธ ทั้งยังมีพลังอันน่าสยดสยอง ซึ่งถือเป็แรงดึงดูดชั้นเลิศสำหรับหยวนซิว
“การชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ครั้งนี้จะใช้เวลาเก้าวัน ผู้ใดก็ตามที่ล่าอสูรได้มากที่สุดจะเป็ผู้ชนะ!”
หลายคนส่งเสียงโห่ร้อง ทว่าหนิงเทียนกลับสับสนเล็กน้อย งานชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์นี้ฟังดูไม่น่าดึงดูดนัก แต่เหตุใดทุกคนถึงมาร่วมงาน?
“พี่สาวซิ่ง ในจักรวรรดิเชียนซานมีสำนักหยวนซิวมากน้อยเพียงใดหรือ?”
“มีเจ็ดสำนัก”
หนิงเทียนได้ยินคำตอบแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น การที่สำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดมารวมตัว ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาจะต้องรู้อะไรบางอย่างและไม่ได้มาเพื่อกริชเหมันต์์อย่างแน่นอน
---------------------------------------
[1] ดอกเชียนหนิว (牵牛花) หมายถึง ดอกมอร์นิงกลอรี
[2] ยามอู่ (午时) หมายถึง ่เวลา 11.00-13.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้