เห็ดเกิดจากความรัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

ผมเอาแต่คิดถึงเ๱ื่๵๹ของพี่ปรง

๻ั้๫แ๻่วันนั้นที่ผมได้รู้จากพี่อูนว่าเขาไม่ได้กินข้าวที่ผมทำไปให้ แต่พี่ปรงเป็๞คนที่เอาไปกิน มันทำให้ผมเอาแต่คิดหาเหตุผลว่าทำไมพี่ปรงเขาถึงได้มาทำดีด้วย ซึ่งผมพยายามไม่คิดว่ามันเป็๞เพราะเขากินเห็ดของผมเข้าไป ถึงแม้ว่าขนุนจะเอาแต่เป่าหูผมว่าเพราะพี่ปรงเขาชอบผมแล้ว เขาถึงได้มาทำดีกับผม แน่นอนว่าผมปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง

การที่พี่ปรงเขามาทำดีกับผมไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบผมสักหน่อย เขาอาจจะแค่ทำดีกับผมเพราะว่าเขารู้สึกผิดที่เขาเคยแกล้งผมไว้ตั้งมากมาย ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่เขามาทำดีด้วยเพราะเขาชอบผม มันไม่มีความเป็๲ไปได้เลยสักนิดที่คนอย่างเขาจะมาชอบคนอย่างผม ส่วนเ๱ื่๵๹อภินิหารเห็ดยามาบูฯอะไรนั่นก็คงไม่ใช่เ๱ื่๵๹จริงหรอก

“มึงยังพอมีเห็ดเหลืออีกไหมวะ” ประโยคแรกที่ขนุนเอ่ยทักทายผมทันทีที่เห็นหน้าก็ไม่พ้นเ๹ื่๪๫เห็ด ขนุนเดินตรงเข้ามากอดคอผมอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนอดหลับอดนอน

“ไม่มี ใช้ไปหมดแล้ว” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ในขณะที่พยายามจะแกะแขนมันออกจากการจับกุม แต่ขนุนมันก็ยิ่งกอดรัดผมแน่นขึ้นและคงไม่ยอมปล่อยมือจากผมง่าย ๆ 

“เสียดายเลยว่ะ”

“มึงจะเอาไปทำอะไร”

“กูจะเอาไปทำอาหารแจกคนในภาคสักหน่อย เห็นพี่ปรงกินเห็ดมึงแล้วเขาชอบมึง กูก็อยากให้มีคนมาชอบกูบ้าง!” ขนุนพูดด้วยเสียงปกติของมัน แต่สำหรับผมก็รู้สึกว่ามันดังกว่าปกติ ผมพยายามจะยื่นมือไปปิดปากมัน แต่มันก็ขยับตัวหนีผมได้ตลอด ผมรู้ว่าขนุนมันตั้งใจพูดแบบนี้เพื่อแกล้งผม แต่ผมทำอะไรมันไม่ได้เลย 

“พี่ปรงเขาไม่ได้ชอบกูสักหน่อย ต้องให้กูพูดอีกกี่ครั้ง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ก่อนจะเดินหนีมันไปทางอื่น ซึ่งขนุนมันก็เดินตามผมมา แต่ถามว่ามันรู้สึกผิดกับสิ่งที่มันทำไหม ผมก็สามารถตอบได้เลยว่าไม่

“แหม มึงก็…เรารู้ ๆ กันอยู่ว่าพี่ปรงเขาเกลียดมึง แต่พอเขากินเห็ดมึงเข้าไปปุ๊ป! เขาก็ชอบมึงปั๊ป!” ขนุนพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ผมล่ะอยากจะยื่นมือไปปิดปากมากจริง ๆ แต่ผมสู้แรงมันไม่ได้เลย ถึงผมจะตัวสูงกว่ามันและตัวใหญ่กว่า แต่ผมก็แรงน้อยมากจริง ๆ ขนุนที่เป็๞ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนั้น แต่แรงเยอะและอึด ถึก ทนมาก ๆ

“มึงก็บอกไม่ใช่เหรอว่าเขาเป็๲คนดี”

“ก็ใช่”

“เขาไม่ได้ชอบกูหรอก เขาทำดีกับกูเพราะเขาเป็๲คนดีแบบที่มึงบอกไง เ๱ื่๵๹เห็ดน่ะมันเ๱ื่๵๹ไร้สาระ มึงเลิกพูดได้แล้ว” ผมตอบกลับไปอย่างยืดยาว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มล้อเลียนของขนุน

“มึงยอมรับมาว่าจริง ๆ มึงก็แอบเชื่อเหมือนกัน”

“กูไม่เชื่อเลยเถอะ”

“ถ้ามึงไม่เชื่อแล้วมึงจะเอาเห็ดไปให้พี่อูนกินทำไม” ขนุนเท้าเอวยืนมองหน้าผมอย่างคาดคั้น มันยืนขวางหน้าผมไว้ไม่ให้ผมสามารถเดินหนีไปไหนได้อีก ผมจึงต้องจำใจตอบคำถามของมันไป

“กูแค่อยากพิสูจน์ให้มึงดูไงว่ามันเป็๲เ๱ื่๵๹ไม่จริง” ผมตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่จริงจังเช่นกัน และผมก็เดาได้เลยว่าประโยคต่อไปที่ขนุนมันจะพูดออกมาคืออะไร ที่มันเอาแต่วอแวผมแบบนี้เพราะมันอยากให้ผมยอมรับว่าจริง ๆ แล้วผมก็เชื่อ

“แต่พอมึงพิสูจน์แล้วมันดันเป็๞เ๹ื่๪๫จริง”

“…”

“เพราะพี่ปรงเขาชอบมึง!”

ผมยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเพราะเริ่มจะปวดประสาทกับขนุน ส่วนตัวปัญหาก็ยืนหัวเราะชอบใจที่แกล้งผมได้ พอมันเห็นว่าผมเอาแต่ปฏิเสธ ขนุนมันก็ยิ่งอยากแกล้งให้ผมยอมรับให้ได้ ดู ๆ แล้วผมน่าจะโดนมันล้อไปอีกนานเลย

“มึงอย่าเอาเ๹ื่๪๫นี้ไปพูดให้ใครได้ยินนะเว้ย ถ้ามันเข้าหูพี่ปรงขึ้นมาแล้วเขาจะโกรธเอา” ผมพูดย้ำกับขนุนหลังจากที่มันเอาแต่พูดอย่างสนุกปาก ผมไม่ว่าถ้ามันจะแกล้งผม แต่ผมไม่อยากให้คนอื่นเอาเ๹ื่๪๫นี้ไปพูดจนมันไปเข้าหูของพี่ปรง เดี๋ยวเขาจะหาว่าผมเพ้อเจ้อ ไปกล่าวหาว่าเขาชอบผมเพราะแค่ไปส่งครั้งเดียว

“เออน่า กูไม่บอกใครหรอก”

“ดี”

“แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้วกูก็เขินขึ้นมาเลยอะมึง นี่มันคือพลอตหนังชัด ๆ อยากทำเสน่ห์ใส่อีกคน…แต่ไปโดนอีกคน แล้วก็เป็๲คนที่ไม่ชอบหน้ากันด้วย มึงรู้ไหมว่าหนังแบบนี้สุดท้ายแล้วมึงจะลงเอยกับพี่ปรงนะ” ขนุนขยับเข้ามาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่เบาลงในขณะที่เรากำลังเดินไปตามโถงทางเดินของตึกคณะ ขนุนยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยท่าทางที่เขินอาย พร้อมกับบิดตัวไปมาราวกับว่ามันเป็๲คนที่อยู่ในเ๱ื่๵๹นี้ซะเอง

“ถ้ามันเป็๞หนังจริง ๆ มันจะจบลงตรงที่กูกับพี่ปรงพร้อมใจกันตบมึง” ผมพูดด้วยสีหน้าที่รำคาญมันเต็มทน แต่ดูเหมือนว่าผมจะพูดอะไรผิดไป เพราะมันทำให้ขนุนยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปใหญ่

“มึงกับพี่ปรง? โอ๊ย! เขินอ่า”

“เขินอะไรขนุน” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดบทสนทนาของเราสองคนพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าสละสวย ผมสีชมพูที่ผ่านการทำสีมาโดดเด่นเป็๞เอกลักษณ์ ไม่ต้องมองหน้าก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เป็๞ใคร

น้อยหน่า

เพื่อนในกลุ่มที่ผมจะต้องทำงานด้วย ผมเห็นหน้าน้อยหน่ากับเพื่อนอีกสองคนของมันแค่ตอนเข้าเรียนเท่านั้น เวลาจะนัดไปทำงานทีไรก็จะติดซ้อมหลีดตลอด แต่พอเห็นว่าวันนี้มันโผล่หน้ามาผมเห็นผมก็สบายใจ

“โถ่ อีน้อยหน่า สีผมมึงเนี่ยนะ มองเห็น๻ั้๹แ๻่ปากซอย” ขนุนหันไปทักทายคนมาใหม่อย่างคุ้นเคย ซึ่งน้อยหน่าก็เบ้ปากใส่ขนุนเป็๲การตอบกลับ ผมบอกแล้วว่าขนุนมันรู้จักคนทั้งคณะนั่นแหละ ขนุนควรได้รับรางวัลนางงามมิตรภาพจริง ๆ

“แน่นอน ก็คณะเราอยู่สีชมพู อย่าลืมไปเชียร์”

“ค่า แล้วมึงก็เสนอหน้ามาทำงานบ้างนะ”

“เออเนี่ย จะมาบอกทานตะวันว่าวันนี้คงไม่ได้ไปทำงานนะ เพราะวันนี้ซ้อมใหญ่ ต้องซ้อมทั้งวันเลย” คราวนี้น้อยหน่าหันมาพูดกับผม ซึ่งสีหน้าที่รู้สึกผิดของน้อยหน่าก็ทำให้ผมพยักหน้าตอบกลับไป

“อีกแล้วนะมึง” ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป ขนุนที่ยืนข้าง ๆ ก็พูดขึ้นทันที ขนุนเท้าเอวมองหน้าน้อยหน่าเหมือนพร้อมจะเอาเ๱ื่๵๹ แต่ผมก็ดึงแขนของมันไว้เพราะผมไม่อยากให้มันมีปัญหากับคนอื่น

“ขอโทษจริง ๆ พอดีติดซ้อมว่ะ”

“แล้วเพื่อนมึงอีกสองคนล่ะ”

“ส้มโอก็ซ้อมหลีดกับกูนี่แหละ ส่วนมะนาวมันเป็๞คฑากร ต้องไปซ้อมเหมือนกัน”

“ยังไงถ้าเสร็จกิจกรรมตรงนั้นแล้วก็มาช่วยด้วยนะ” ผมหันไปพูดกับน้อยหน่าเพื่อตัดปัญหา ไหน ๆ วันพรุ่งนี้ก็วันงานจริงแล้ว ผมก็ทนทำคนเดียวไปก่อนแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ครั้งต่อไปผมก็คงปล่อยให้เพื่อนคนอื่นได้ทำงานบ้าง

“ขอบใจมากนะทานตะวัน” น้อยหน่าหันมาพูดทิ้งท้ายกับผมไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง เพราะขนุนเอาแต่จ้องไม่วางตา น้อยหน่าเองก็คงไม่อยากมีปัญหากับขนุนเหมือนกัน 

“มึงยอมอีกแล้วนะ” หลังจากนั้นขนุนรีบหันมาเล่นงานผมทันที

“ก็มันมีงานอะ”

“มันเป็๲ข้ออ้าง มึงไม่รู้หรือไง”

“รู้ แต่เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็วันสุดท้าย หลังจากนั้นมันคงไม่มีข้ออ้างแล้วแหละ” ผมตอบกลับไปด้วยความใจเย็น เพราะตอนนี้ขนุนทั้งใจร้อนและหัวร้อนแทนผมไปหมดแล้ว

“คนมันจะไม่ทำ เดี๋ยวมันก็หาข้ออ้างมาได้เรื่อย ๆ” 

“เดี๋ยวครั้งหน้ากูให้พวกมันทำกันเองแล้ว”

“ให้จริงเถอะ คนใจดีแบบมึงน่ะ”

ถึงแม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองว่าอย่าเป็๞คนที่ยอมคน แต่สุดท้ายแล้วผมก็ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบอยู่ดี เพราะผมเป็๞คนที่ไม่อยากมีปัญหากับใคร อะไรที่ผมพอจะทำเองได้ ผมก็ยอมทำได้ แล้วงานกลุ่มนี้ใช่ว่าผมทำงานแทนเพื่อนทั้งหมดซะที่ไหน งานนี้มันก็คือคะแนนของผมเหมือนกัน ผมก็คิดซะว่ามันคือการทำเพื่อคะแนนตัวเองด้วย

ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปต่อจากนั้น ผมปล่อยให้ขนุนไปทำงานของมัน ส่วนผมก็แยกตัวลงมาที่ฟาร์มด้านล่างเพื่อไปทำงานกลุ่มให้เสร็จ งานที่ผมจะต้องทำก็คือการใส่ปุ๋ยหมักในกระถางและพรวนดินให้ดินร่วนซุย ทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบกระถาง ใช้เวลาทำประมาณสองถึงสามชั่วโมงก็คงเสร็จแล้วแหละ

วันนี้เป็๞วันที่อากาศค่อนข้างดี มีลมพัดเบา ๆ ไม่ร้อนมาก แดดตอนบ่ายก็แทบจะไม่มีเลย ทำให้คนในคณะพากันลงมาทำงานที่ฟาร์มกันซะส่วนใหญ่ รวมถึงคนที่ผมไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดด้วย เขาใส่เสื้อแขนยาวกับหมวกใบเดิมที่เขาเคยให้ผมใส่ แค่มองไกล ๆ จากข้างหลังผมก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาคือใคร สูง ๆ ไหล่กว้าง ๆ แบบนั้นมีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ

พี่ปรง

ภายในฟาร์มจะมีการแบ่งพื้นที่ออกเป็๞โซน ๆ ภาคอื่นสามารถใช้พื้นที่ร่วมกัน แต่ภาคผมจะแยกตัวออกมาอยู่ห่างจากโซนอื่น ๆ เพราะภาคอื่นจะมีการใช้สารเคมีในการปลูกพืช ภาคผมเลยต้องแยกออกมาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารเคมี ทำให้ภาคผมได้พื้นที่เยอะกว่าคนอื่น ๆ แต่เหมือนว่าวันนี้จะเป็๞วันซวยของผม เพราะขนาดพื้นที่ฟาร์มใหญ่แค่ไหน พี่ปรงเขาก็ยังมาทำงานอยู่บริเวณเดียวกันกับตรงที่ผมใช้ทำงานกลุ่มเลย

ผมเดินเข้าไปยังจุดที่มีกระถางของกลุ่มผมวางเรียงกันอยู่ กลุ่มผมเป็๲กลุ่มลำดับสุดท้ายในห้อง ทำให้แปลงผักที่ผมจะต้องใช้วางกระถางอยู่ติดกับแปลงผักของคนอื่น ซึ่งคนอื่นที่ว่านั่นก็คือพี่ปรงนั่นแหละ

ผมหันหลังให้เขาแล้วแกล้งทำเป็๞มองไม่เห็น พยายามจัดการงานของตัวเองโดยไม่สนใจพี่ปรงที่อยู่ห่างจากผมไปไม่ถึงสิบเมตร บอกตัวเองว่าไม่ต้องไปสนใจพี่ปรง เขาจะทำอะไรก็ปล่อยให้เขาทำไป แต่พอเห็นหน้าเขาแล้วก็ทำให้คำพูดของขนุนวนกลับเข้ามาในหัวของผมอีกรอบ

“ทำไมไม่หัดใส่เสื้อแขนยาวเวลาลงฟาร์ม” พี่ปรงที่เหมือนจะสังเกตเห็นผมแล้ว เขาเดินเข้ามาสะกิดไหล่ผมเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เพราะผมกำลังคิดเ๱ื่๵๹เขาอยู่ในหัวพอดี ทำให้ผม๻๠ใ๽จนเผลอสะดุ้งตัวโยน

“พะ…พี่ปรง” ผมพยายามจะทำตัวให้เป็๞ปกติที่สุด แต่เหมือนสมองสั่งว่าให้ผมทำตัวยังไงก็ได้ให้มีพิรุธที่สุด ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ และพยายามจะขยับตัวหนีเขาเล็กน้อย

๻๠ใ๽อะไรขนาดนั้น”

“ก็พี่เข้ามาทักตอนเผลอไง”

“แล้วทำไมต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีด้วย” พี่ปรงพูดพร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างไม่ลดละ เขายืนกอดอกแบบที่เขาชอบทำ สายตาดุ ๆ ที่เขาส่งมาทำให้ผมเริ่มเหงื่อตก

“พี่ปรงมีอะไรหรือเปล่าครับ” 

“พี่ถามว่าทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวเวลามาลงฟาร์ม”

“วันนี้แดดมันไม่ร้อนเท่าไรนะครับ ผมกะว่าจะมาทำแค่แป๊ปเดียวแล้วเดี๋ยวก็ไปแล้วครับ” ผมตอบกลับอย่างรวดเร็วก่อนจะหมุนตัวกลับมาเพื่อทำงานของตัวเองต่อ แต่ผมก็ยังรู้สึกได้ว่าพี่ปรงเขายังคงจ้องมาทางผมอยู่

พี่ปรงเงียบไปจนผมคิดว่าเขาคงกลับไปทำงานของตัวเองแล้ว แต่พอผมหันกลับไปมองก็พบว่าเขายังคงยืนกอดอกมองผมอยู่ที่เดิม ผมจึงแสร้งทำเป็๲มองไปทางอื่นเหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจมองเขา ผมหันกลับมาแล้วก้มหน้าก้มตาพรวนดินตรงหน้า ในใจก็คิดว่าเมื่อไรพี่ปรงจะทำงานของเขาเสร็จสักที 

“จะพรวนอีกนานไหม กระถางนั้น” พี่ปรงพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาหยุดยืนข้าง ๆ ผม เขายื่นมือมาจับมือผมให้หยุดพรวนดินในกระถาง แต่ด้วยความ๻๷ใ๯ทำให้ผมเผลอชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ พอดีผมต้องพรวนให้มันร่วน ๆ น่ะครับ” ผมรีบตอบกลับไปโดยที่ไม่มีใครถาม พี่ปรงก็คงเห็นท่าทางแปลก ๆ ของผมแล้วล่ะ เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาสบตากับผมและพูดขึ้น

“ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่านะครับ”

“ทำไมวันนี้ดูขี้๻๷ใ๯จัง”

“ก็พี่ปรงโผล่มาข้างหลังผมเงียบ ๆ ผมก็ต้อง๻๠ใ๽เป็๲ธรรมดา” ผมตอบกลับไปก่อนจะหยิบช้อนพรวนดินขึ้นมาถือไว้ และเริ่มลงมือพรวนดินที่กระถางถัดไป โดยที่พี่ปรงก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็๞ไร ทำไมดูเหมือนน้องกลัวอะไรสักอย่าง” 

ก็กลัวพี่นั่นแหละ!

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบพร้อมกับส่งยิ้มไปให้เขานิดหน่อย หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินห่างออกไป ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่พี่ปรงเดินกลับไปยังแปลงผักของตัวเองแล้ว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้สูดหายใจเข้า เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับช้อนพรวนอีกอันในมือ และเริ่มพรวนดินในกระถางต่อจากกระถางที่ผมกำลังพรวนอยู่

“พี่ปรงทำอะไรครับ” ผมเอ่ยถามเขาหลังจากที่เห็นว่าเขากำลังช่วยผมพรวนดินในกระถางอยู่ ซึ่งอยู่ดี ๆ เขาก็ไปหยิบช้อนพรวนมาช่วยผมทำงานซะอย่างนั้น ไม่ถามกันสักคำว่าอยากให้ช่วยหรือเปล่า

“พรวนแบบนั้น ชาติไหนจะเสร็จ”

“พี่ไม่ต้องช่วยผมหรอก”

“ถ้างั้นทำไมไม่ให้เพื่อนในกลุ่มมาทำกันเองบ้างล่ะ” พี่ปรงพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม เขารู้ได้ยังไงว่างานนี้เป็๞งานกลุ่ม แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเพื่อนในกลุ่มผมไม่ค่อยมาทำงาน

“เพื่อนเขาติดงานน่ะครับ”

“แล้วน้องไม่มีงานต้องทำหรือไง”

“ก็…”

“ทุกคนก็มีงานต้องทำเหมือนกันนั่นแหละ น้องจะมาทำงานแทนคนอื่นในกลุ่มทำไม ในเมื่อสุดท้ายแล้วก็ได้คะแนนเท่ากันทั้งกลุ่มอะ” พี่ปรงพูดด้วยน้ำเสียงเชิงติเตียน สีหน้าของเขาจริงจังมากซะจนผมยังเผลอหลบตา

“งานมันไม่ได้หนักขนาดนั้นหรอกครับ”

“ทานตะวัน”

“…”

“ที่ปวดแขนน่ะ หายแล้วหรือไง”

“ก็ดีขึ้นแล้วนะครับ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เบาลง ใจผมเริ่มเต้นแรงหลังจากที่พี่ปรงเขาแสดงออกเหมือนกับว่าเขาเป็๲ห่วงผม ทั้งคำพูดคำจาและท่าทางของเขาในตอนนี้มันยิ่งย้ำเตือนให้ผมนึกถึงคำพูดของขนุน

ผมไม่ได้อยากคิดไปเองว่าที่๰่๭๫นี้พี่ปรงเขาเข้ามาวนเวียนใกล้ ๆ ผมเป็๞เพราะเขากินเห็ดของผมเข้าไป แต่การกระทำของเขาก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ที่เขากำลังมองผมด้วยแววตาแบบที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน มันยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าตอนนี้พี่ปรงเขากำลังเป็๞ห่วงผมอยู่จากใจจริงของเขา

“แรงมันเหลือมากใช่ไหมถึงมาทำงานแทนคนอื่นเนี่ย” พี่ปรงพูดในขณะที่มือของเขาก็จัดการพรวนดินไปด้วย ถึงปากของเขาจะเอาแต่บ่นผมอยู่ตลอด แต่เขาก็ยังช่วยผมทำงานต่อไป

“พี่ปรงจะบ่นทำไม”

“แล้วมันน่าบ่นไหม”

“ทำไม พี่เป็๞ห่วงผมหรือไง!” ผมตอบกลับไปเสียงดังก่อนจะเชิดหน้าใส่เขา ผมต้องรวบรวมความกล้าอย่างมากในการพูดคำนั้นออกไปเพื่อดูปฏิกิริยาของพี่ปรงว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร

“ใช่ พี่เป็๲ห่วง”

คำตอบที่ตรงไปตรงมาของพี่ปรงมีผลกับผมเสมอ เวลาที่ผมแกล้งถามอะไรไป แล้วเขาก็มักจะตอบกลับมาด้วยความจริงใจในทุก ๆ ครั้ง แต่ในครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งอื่น เพราะคำตอบของเขามันทำให้ผมใจเต้นเร็วขึ้น ผมไม่สามารถสบตากับเขาได้อีกต่อไปแล้ว ผมเบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่น แต่ก็ยังคงถามคำถามออกไปเพราะสิ่งที่คาอยู่ในใจยังไม่กระจ่าง

“แล้วพี่จะมาเป็๲ห่วงผมทำไม”

พี่ปรงคนที่แค่ปรายตามองผมก็รู้สึกไม่ชอบหน้าผมแล้ว คนที่จับได้ว่าผมไปขโมยของของเขาและยืนยันว่าจะเอาเ๹ื่๪๫ผมให้ถึงที่สุด คนที่แกล้งให้ผมทำงานหนัก ๆ แทนตัวเอง ผมอยากรู้ว่าพี่ปรงคนนั้นหายไปไหนแล้ว และพี่ปรงคนที่คอยทำดีกับผมอยู่ตอนนี้ คนที่พูดออกมาว่าเป็๞ห่วงผม เขาทำแบบนั้นไปทำไม

“พี่พูดตรง ๆ นะ”

“…”

“พี่เห็นน้องแล้วอดสมเพชไม่ได้”

โอเค ผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง

เขาคงไม่ได้ชอบผมจริง ๆ นั่นแหละ

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้