บทที่ 45 ความรู้สึกแปลกประหลาด
เื่ที่หมู่บ้านมียุวปัญญาชนมาใหม่ ไม่ใช่เื่แปลกใหม่อะไรสำหรับหมู่บ้านซ่างสุ่ยอีกต่อไป
วันรุ่งขึ้นขณะที่สวี่จือจือไปถางไร่ข้าวโพดก็ได้พบกับยุวปัญญาชนที่มาทำงานร่วมกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือฟางย่วนย่วน
“จุ๊ๆ...” หลิวเหมียวที่อยู่ข้างๆ กระซิบกระซาบกับสวี่จือจืออย่างออกรส “เมื่อวานเธอไปดูความวุ่นวายมาหรือเปล่า?”
“อะไรเหรอ?” สวี่จือจือถาม
“ก็พวกยุวปัญญาชนที่มาใหม่น่ะสิ บอกว่าสภาพความเป็อยู่ที่จุดพักย่ำแย่มาก เมื่อคืนเลยโวยวายกันใหญ่” หลิวเหมียวพูดพลางเชิดคางไปทางฟางย่วนย่วน “ก็คนนั้นไง ที่ห่อตัวเองเหมือนบ๊ะจ่าง”
เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าสวี่จือจือทำอะไรเกินไปที่ห่อตัวเองมิดชิดขนาดนั้น แต่พอเทียบกับยุวปัญญาชนฟางคนนี้แล้ว สวี่จือจือกลายเป็แค่เด็กๆ ไปเลย
“ไปทำงานกันเถอะ” สวี่จือจือบอก
“เอ๊ะ” หลิวเหมียวมองไปข้างหน้า “นั่นใช่พี่สาวเธอหรือเปล่า?”
สวี่จือจือมองตามไปก็เห็นว่าเป็สวี่เจวียนเจวียนกำลังเดินมาทางพวกเธอ
“มีอะไรเหรอ?” สวี่จือจือถาม
“แม่ให้แกไปบ้านพรุ่งนี้” สวี่เจวียนเจวียนขมวดคิ้วพูด “แต่งงานไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่คิดจะกลับไปดูหน้าพ่อแม่บ้างเลยเหรอ?”
“ปู่ย่าก็ดีกับแกขนาดนั้น แกก็ไม่คิดจะไปเยี่ยมพวกเขาบ้างเลย”
“รู้แล้ว พรุ่งนี้รอฉันเลิกงานก่อนค่อยไป” สวี่เจวียนเจวียนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
สวี่จือจือตอบรับ ไม่้าทะเลาะกับอีกฝ่ายตรงนี้ ใครจะรู้ว่าสวี่เจวียนเจวียนพูดจบแล้วก็ยังไม่ไปไหน แต่กลับมองไปรอบๆ
“พี่มองอะไร?” สวี่จือจือถาม
“จิ่งซานล่ะ?” เธอสอดส่ายสายตา “ฉันได้ยินว่า่นี้เขาช่วยแกทำงานไม่ใช่เหรอ?”
“ข่าวพี่ไวจริงๆ” สวี่จือจือหัวเราะเยาะ
“ฉันก็แค่เป็ห่วงแก” สวี่เจวียนเจวียนมองสวี่จือจืออย่างรังเกียจ “ดูตัวเองตอนนี้สิ ทำตัวเป็อะไรไปแล้ว?”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ” เธอพูดเสียงต่ำ “เื่นั้นแกต้องรีบจัดการซะ”
“แล้วก็พวกยุวปัญญาชนเพิ่งมาใหม่ในหมู่บ้านเรา” เธอพูดต่อ “แกต้องจับตาดูจิ่งซานให้ดี ฉันได้ยินว่ามีคนหนึ่งสวยเป็พิเศษด้วยนะ?”
“พี่คิดว่าทุกคนเป็เหมือนหวงรุ่ยเซิงหรือไง?” สวี่จือจือกลอกตา “ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ อย่ามาทำให้ฉันเสียงาน”
สวี่เจวียนเจวียน “...” โมโหจนแทบตายแล้ว
“ไม่ฟังคำเตือนดีๆ ระวังจะเสียใจภายหลัง” สวี่เจวียนเจวียนพูดด้วยความโมโห “อย่ามาร้องไห้ทีหลังก็แล้วกัน ถ้าเกิดจิ่งซานไปชอบคนอื่นแล้วทิ้งแกไปน่ะ”
“นั่นมันเื่ของฉัน” สวี่จือจือพูด “พี่ไม่ต้องห่วงหรอก ความสัมพันธ์ของเราดีมาก เขาหลงฉันหัวปักหัวปำ ขาดฉันไปไม่ได้เลยล่ะ”
“ถ้าจะห่วงก็ห่วงหวงรุ่ยเซิงของพี่นั่นแหละ” สวี่จือจือกลอกตา
ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปที่ไร่ ก็ได้สบกับดวงตาคมลุ่มลึกของลู่จิ่งซาน
สวี่จือจือ “...” ใครก็ได้บอกเธอที ทำไมลู่จิ่งซานถึงมายืนอยู่ตรงนี้
เขามาั้แ่เมื่อไหร่? แล้วคำพูดเมื่อกี้ของเธอ เขาคงไม่ได้ยิน...มั้ง?!
“ผมมาช่วยคุณถางไร่” ลู่จิ่งซานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แล้วมองไปที่สวี่เจวียนเจวียน “มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไร แค่แม่ให้ฉันกลับบ้านพรุ่งนี้หลังเลิกงาน” เธอพูดพลางหน้าแดง
“ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมไปกับคุณด้วย” ลู่จิ่งซานบอก
สวี่จือจือตั้งใจจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสวี่เจวียนเจวียนที่ยืนทึ่มทื่อมองมาอย่างใจจดใจจ่อ เธอก็เปลี่ยนใจ แล้วยังจับต้นแขนสีข้าวสาลีดูสุขภาพดีของลู่จิ่งซานที่โผล่พ้นเสื้อมาเอาไว้
เด็กสาวยิ้มหวานพูด “เอาสิคะ” แล้วพูดต่อ “จิ่งซาน คุณดีกับฉันจริงๆ เลย”
ถึงจะรู้ว่าเธอพูดให้สวี่เจวียนเจวียนได้ยิน แต่หัวใจของลู่จิ่งซานก็ยังเต้นผิดจังหวะ
ขนทั่วร่างลุกชัน ความรู้สึกทั้งหมดมารวมอยู่ที่แขน ตรงนั้นมีมือเล็กๆ นุ่มนิ่มจับอยู่ เหมือนมีขนนกมาปัดป่ายที่หัวใจ เป็ความรู้สึกที่แปลกประหลาด!
“จิ่งซาน” สวี่เจวียนเจวียนมองลู่จิ่งซานด้วยดวงตาแดงก่ำ
ในใจคิดว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่มองเธอเลย? ทั้งๆ ที่เธอรู้จักเขามาก่อน พวกเขาเป็เพื่อนร่วมชั้นกันนะ
“ผมไปที่ไร่ก่อน” ลู่จิ่งซานไม่สนใจสวี่เจวียนเจวียน บอกกับสวี่จือจือแล้วก็ถือจอบของเธอไปที่ไร่
สวี่จือจือ “...”
สายตาเศร้าสร้อยนี่ ถ้าไม่รู้มาก่อนคงนึกว่าลู่จิ่งซานเป็เฉินซื่อเหม่ย[1] ผู้ชายใจดำที่ทอดทิ้งคนรักไปเสียแล้ว
“แกไปบอกอะไรเขาหรือเปล่า?” สวี่เจวียนเจวียนดึงแขนสวี่จือจือแล้วถามด้วยสีหน้าเ็า “ไม่งั้นทำไมเขาถึงทำเ็ากับฉันแบบนี้”
“ประสาท” สวี่จือจือกลอกตา
สวี่เจวียนเจวียนมองลู่จิ่งซานอีกครั้ง แล้วจ้องสวี่จือจือนาน สุดท้ายก็พูด ‘พรุ่งนี้รีบกลับมา’ แล้วก็เดินจากไป
พวกยุวปัญญาชนที่อยู่ไกลๆ มองสวี่จือจืออย่างอิจฉา เห็นชัดๆ ว่าเป็หญิงสาวชาวบ้านแท้ๆ แต่กลับได้แต่งงานกับผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้ยุวปัญญาชนหญิงอิจฉามากที่สุดก็คือผู้ชายคนนี้เอาใจใส่ แถมยังช่วยภรรยาทำงานอีกด้วย
ต้องรู้ไว้ว่าถึงแม้พวกเธอจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่พ่อแม่และเพื่อนฝูงรอบข้าง ยังไม่เคยเห็นผู้ชายบ้านไหนเอาใจใส่ภรรยาขนาดนี้มาก่อนเลย ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!
“มองอะไรกันนักหนา?” ฟางย่วนย่วนมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ อย่างรังเกียจ “ต่อให้อิจฉาแค่ไหน นั่นก็สามีคนอื่นอยู่ดี”
คิดอะไรกันอยู่? แต่ละคนตาแทบจะติดอยู่ที่ตัวลู่จิ่งซานแล้ว
“ย่วนย่วน” เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ ที่ชื่อว่าอันฉินดวงตากลิ้งกลอก “เธอสวยขนาดนี้ ต่อไปต้องได้แต่งกับผู้ชายที่เก่งกว่าหัวหน้าลู่แน่นอน”
ฟางย่วนย่วนขมวดคิ้วมองอันฉินอย่างไม่ใส่ใจ “นั่นยังต้องให้เธอพูดอีกเหรอ?”
อันฉินถึงกับพูดไม่ออก
“ถ้ามีคนมาช่วยพวกเราทำงานบ้างก็ดีสิ” อันฉินพูดอย่างเศร้าสร้อย “งานในไร่ข้าวโพดยากจัง ดูแขนฉันสิ โดนใบข้าวโพดบาดไปหมดแล้ว”
“ย่วนย่วนเตือนพวกเราแล้ว” เด็กสาวใบหน้ากลมอีกคนพูด “ที่พวกเราไม่ทำตามก็เพราะรู้สึกว่ามันร้อนแล้วก็ยุ่งยาก พรุ่งนี้ฉันก็จะห่อตัวเหมือนย่วนย่วนบ้าง ร้อนหน่อยก็ทนเอา”
“โอ๊ย ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันขอไปพักก่อน” ฟางย่วนย่วนพูดจบก็ไม่รู้ว่าไปหาใบไม้เล็กๆ มาจากไหน แล้วก็เริ่มพัด “พวกเธอรีบทำงานไปเถอะ ฉันจะไปนั่งตรงนั้น”
คำพูดนี้...หมายความว่ายังไง ให้พวกเขารีบทำ!
อันฉินโมโหขึ้นมา! แต่ก็ทำได้แค่มองฟางย่วนย่วนบิดเอวเล็กเดินไปที่ริมคันนา
เธอไม่ได้มีฐานะทางบ้านเหมือนฟางย่วนย่วน ทั้งยังไม่สวยเหมือนคนอื่นเขา ที่จะมีคนแย่งกันมาช่วยเธอทำงาน
คนเราเทียบกันแล้ว น่าโมโหแทบตาย!
บอกว่าอย่ามองคนที่ภายนอกอะไรกัน? ทุกคนเป็เหมือนเธออย่างนั้นเหรอ?
อันฉินมองไร่ข้าวโพดที่อยู่ตรงหน้า แค่ทำงานวันแรก เธอก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่หาที่พึ่งจะทำยังไง?
ทางด้านสวี่จือจือกลับไม่รู้เื่อะไรพวกนี้ หลังจากที่ทำเป็ช่วยงานในไร่ได้สักพัก เธอก็ถูกลู่จิ่งซาน ‘ไล่’ กลับบ้าน
“ถ้างั้นฉันกลับไปต้มซุปถั่วเขียวให้คุณดื่มนะ?” สวี่จือจือพูด
ยังไงซะ ในใจก็ยังรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
“ร้อน อย่าวิ่ง” ลู่จิ่งซานบอก
ก็ได้ สวี่จือจือตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“เขาดีกับเธอไหม?”
ขณะที่เดินผ่านป่าเล็กๆ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น หวงรุ่ยเซิงไม่รู้ว่าไปยืนพิงต้นไม้อยู่ั้แ่เมื่อไหร่ แล้วกำลังมองมาที่เธอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อกี้เธอถึงรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องเธออยู่
โรคจิต
สวี่จือจือี้เีจะสนใจเขา
“จือจือ” หวงรุ่ยเซิงเรียกเธอจากข้างหลัง “เธอกลับเมืองไปกับฉันเถอะ”
บ้าไปแล้ว!
.............................
[1] เฉินซื่อเหม่ย หมายถึง ตัวละครในตำนานพื้นบ้านจีนและงิ้วจีน เป็สัญลักษณ์ของผู้ชายใจดำที่ทรยศภรรยาเพราะความโลภและอำนาจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้