‘ไปสู่สุคติเถิดนะฮวาชีเยว่ ข้ายืมร่างเ้ามาใช้ ย่อมต้องทวงคืนทุกสิ่งให้กับเ้า!’
ฮวาชีเยว่คิดกับตนเอง ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าความหนักหน่วงในใจพลันเบาบางลง
นางถอนหายใจ เอี่ยวตัวไปอีกทาง ตอนนั้นเองที่ปลายนิ้วััของเย็นๆ ที่เอว
ฮวาชีเยว่มองอย่างแปลกใจ เห็นเพียงประกายแสงสีเขียวบนเอว สิ่งที่แลบออกมาคือน้ำเต้าหยกเขียว
ฮวาชีเยว่หยิบน้ำเต้าออกมาดูอย่างสงสัย ไม่รู้เหตุใด นางรู้สึกว่ามันช่างดึงดูดเหลือเกิน
“คุณหนูใหญ่ ทำอะไรหรือเ้าคะ?” ลู่ซินอดมิได้ ถามขึ้นเมื่อเห็นฮวาชีเยว่มองน้ำเต้าหยกเขียวด้วยสีหน้าจริงจัง
ั้แ่ตอนที่คุณหนูใหญ่ฟื้นจากที่โดนตีจนสลบเมื่อคืน นางก็ดูราวกับกลายเป็อีกคนหนึ่ง แตกต่างจากตัวตนที่แสนขี้ขลาดแสนขี้อายคนก่อนหน้าเหลือเกิน
โหย่วชุ่ยและลู่ซินเห็นว่าแปลกเหลือเกิน ราวกับว่าสายตาในการสังเกตของฮวาชีเยว่จะแม่นยำเป็อย่างมาก ถึงกับเห็นแป้งบนร่างของหลานจู ทว่าอย่างไรหลานจูก็สวมชุดสีม่วง หากมีแป้งติดอยู่ย่อมต้องมีคนเห็น
“น้ำเต้าหยกอันนี้…” ฮวาชีเยว่นิ่วหน้า ในความทรงจำนาง กลับไม่พบข้อมูลของน้ำเต้าหยกนี้เลย
นางไม่รู้ว่าตนได้ของชิ้นนี้มาั้แ่เมื่อไหร่
“คุณหนู เหตุใดจึงลืมไวนักเล่าเ้าคะ? นี่เป็ของที่บ่าวขอจากวัดหรงฝูมาให้ท่านเมื่อเดือนก่อน ตามที่พระชราท่านบอก สิ่งนี้คือของที่ช่วยเก็บความโชคดี บ่าวจึงจ่ายไปสิบตำลึงเงินเพื่อซื้อมาให้ท่านเ้าค่ะ” โหย่วชุ่ยหัวเราะขึ้นมาทันที
ฮวาชีเยว่มึนงง ในความทรงจำนางกลับไม่ปรากฏเื่นี้ ดูไปแล้วเ้าของร่างน่าจะเป็คนขี้ลืมเลือนพอสมควร
“ใช่เ้าค่ะคุณหนูใหญ่ ไต้ซือเสวียนจีผู้นั้นมาจากที่ใดก็มิทราบ ทว่าดูดวงทำนายชะตาแม่นนัก ราวกับเทพพยากรณ์เลยเ้าค่ะ!”
ลู่ซินเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทางเคารพนับถือ
ฮวาชีเยว่ถามถึงรายละเอียดจึงทราบว่าไต้ซือเสวียนจีผู้นั้นเพิ่งจะมาที่วัดหรงฝูเมื่อเดือนที่แล้ว ทว่าเสียงร่ำลือว่าการทำนายทายทักของท่านแม่นยำนัก สตรีทั่วเมืองหลวงต่างนิยมไปหาท่าน
ดวงตาฮวาชีเยว่เปล่งประกายขึ้น “เอาละ เช่นนั้น หากผ่านวัดหรงฝูก็แวะเสียหน่อย ข้าจะไปเยี่ยมไต้ซือ”
โหย่วชุ่ยกับลู่ซินตกตะลึง “คุณหนู ท่านไม่เคยเชื่อเื่นี้มาก่อน”
“ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว ชะตาคือชะตา บางทีอาจเป็ดังไต้ซือกล่าว ยังคงมีโอกาสจะเปลี่ยนแปลงได้อยู่…” ดวงตาฮวาชีเยว่เปี่ยมความเยือกเย็น ทำให้ลู่ซินตัวสั่นเมื่อได้มอง
ฮวาชีเยว่ไม่กล่าวอะไรอีก เพื่อจะได้อ่านความทรงจำทั้งหมดของเ้าของร่าง ราวกับคนคนหนึ่งที่คิดถึงเื่ในอดีตขึ้นมา
ดวงตางดงามปิดลง น้ำเต้าหยกที่เอวพลันร้อนฉ่า ความร้อนแผ่ซ่านมายังฝ่ามือ มุ่งเข้าสู่หัวใจและสมองด้วยความไวดุจแสง!
ร่างฮวาชีเยว่สั่นสะท้าน ดวงตาคู่งามปิดแน่น แม้จะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็ยังมิอาจลืมตา ราวกับมีพลังลึกลับบางประการบังคับให้นางดำดิ่งลงสู่โลกใบอื่น!
แม้จะหลับตา ทว่าในนั้นยังคงมีแสงสายหนึ่งทอประกายอยู่เบื้องหน้า เสียงหัวเราะหยิ่งยโสของบุรุษผู้หนึ่งก้องสะท้อน ราวกับมีพายุก่อตัวขึ้นข้างกาย ฮวาชีเยว่ถูกดูดเข้าไปในโลกอีกใบหนึ่ง
นางลืมตาขึ้นช้าๆ
เบื้องหน้านางคือโลกที่แห้งแล้ง
ทุกที่ล้วนแต่แห้งผาก บนฟ้าครึ้มด้วยเมฆสีแดงฉานดังโลหิต ในประกายแสงสีแดง บุรุษร่างสูงผู้หนึ่งยืนตัวตรงตระหง่านกลางสายลม เขามีใบหน้าหล่อเหลา รูปลักษณ์ร้ายกาจ สวมชุดสีแดง และในดวงตาเปี่ยมด้วยแสงที่มิอาจสยบลง
บนริมฝีปากเขาปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์แสนกล เป็ความงดงามที่ยากหาใดเปรียบ ฮวาชีเยว่เคยคิดว่าโจวจื่อเฉิงคือบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดในปฐี ทว่าเปรียบกับบุรุษปีศาจผู้นี้ เขากลับไม่นับเป็ตัวอันใดเลย!
ที่นี่มันอะไรกัน?
ฮวาชีเยว่ตกตะลึงอย่างรุนแรง มิคาดในชั่วพริบตานางจะมายังโลกลึกลับเสียได้ ที่นี่มีทั้งผืนฟ้าและแผ่นดิน ทว่าทั้งโลกกลับเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของความรกร้างและความคับแค้น