บทที่ 42 แผนที่กระบี่ลึกลับ
เมื่อมองดูลวดลายแปลกๆ บนผนังด้านใน ฉู่อวิ๋นก็สงสัยว่า "ลายพวกนี้คืออะไร? ตระกูลของข้ามีความลับมากแค่ไหนกัน?"
แรกเริ่มมีม้วนกระดาษโบราณสีทอง จากนั้นก็มีอาวุธลึกลับร้อยกล และตอนนี้ก็มีรูปแผนที่ซ่อนอยู่ สุสานบรรพบุรุษนี้พิเศษมากจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ดึงดูดความสนใจของผู้าุโหกได้
ในเวลานี้ มู่หรงซินะโลงจากแท่นหิน พาขาหยกเรียวเดินไปที่ผนังพลางอุทานว่า "เส้นที่เรืองแสงพวกนี้มหัศจรรย์มาก! พวกมันต้องมีที่มาไม่ธรรมดาแน่"
“อืม แต่รูปแผนที่ที่ซ่อนอยู่หลังผนังนี่ บรรพบุรุษต้องไม่อยากให้คนอื่นรู้เื่นี้เป็แน่ แล้วเหตุใดพวกเขาถึงต้องทำเช่นนี้เล่า?” ฉู่อวิ๋นรู้สึกไม่คุ้นเคยกับตระกูลของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าคิดว่า เดิมทีบรรพบุรุษของเ้า้าที่จะส่งต่อภาพนี้ แต่พวกเขาก็กลัวว่ามันจะรั่วไหลได้ง่าย จึงแกะสลักมันไว้บนผนัง” มู่หรงซินจับจ้องไปที่เส้นที่เรืองแสงแล้วพูดอย่างครุ่นคิด
ฉู่อวิ๋นมองไปยังหมัดที่เปื้อนเืของเขา ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า "เมื่อครู่เหมือนเืข้าจะสาดไปที่เส้นพวกนั้น แล้วภาพทั้งหมดก็สว่างขึ้น หืม? เดี๋ยวนะ..."
เมื่อสังเกตผนังอย่างละเอียดอีกครั้ง ฉู่อวิ๋นก็พบว่า "ดูเหมือนว่าเส้นพวกนี้จะเรืองแสงอยู่แค่บางเส้น"
เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาคู่งามของมู่หรงซินก็สว่างขึ้น หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า "ข้าเข้าใจแล้ว! เพื่อที่จะปกป้องแผนที่นี้ บรรพบุรุษของเ้าอาจจะสร้างการป้องกันไว้สามขั้น! ขั้นแรกคือศิลาทลายั ขั้นที่สองคือกำแพงหิน และขั้นที่สามคือข้อจำกัดทางสายเื!”
“เมื่อแผนที่นี้ปรากฏขึ้น ก็จะต้องได้รับการกระตุ้นด้วยสายเืของตระกูลฉู่จึงจะเผยให้เห็นภาพที่แท้จริงได้ครบถ้วน”
“หากสุสานถูกบุคคลภายนอกบุกรุก ก็จะสามารถเก็บรักษาแผนที่นี้ไว้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเห็นภาพนี้”
มู่หรงซินวิเคราะห์อย่างช้าๆ ทำให้ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเคร่งขรึม คิ้วของเขาขมวดแน่น และเอาแต่ถูคาง
สุสานบรรพบุรุษของเขามีความลับมากมายนัก
ม้วนกระดาษเล่นแสงโบราณ กระบี่โบราณชื่อยวน และแผนที่ลับในหิน สิ่งใดคือสมบัติที่แท้จริงของตระกูลกัน?
“แผนที่ลับนี้คืออะไรกันแน่?” ฉู่อวิ๋นค่อยๆ ถอยกลับไปยังแท่นหินที่อยู่ตรงกลางสุสาน จ้องมองไปยังแผนที่ทั้งหมด และครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
มู่หรงซินก็สนใจอย่างมาก ยังคงััเส้นบนผนังด้านในด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน
ทว่า หลังจากผ่านไปสี่ชั่วยาม ทั้งสองก็ยังคงสับสน เส้นยุ่งๆ พวกนั้น ข้อความไม่ใช่ข้อความ รูปภาพไม่ใช่รูปภาพ ดูเหมือนจะไม่มีความหมายพิเศษอะไรเลย
“โอ๊ย! ไม่ได้ คุณหนูเช่นข้าจะบ้าตายอยู่แล้ว! หากเป็แบบนี้ต่อไปเราคงได้อดตายกันก่อนแน่” มู่หรงซินเป็คนแรกที่ทนไม่ไหว นางเอามือท้าวเอว โกรธมากจนต้องกระทืบเท้าซ้ำๆ และทุบกำแพงอย่างสิ้นหวังเพื่อระบายความโกรธ
“ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ!”
เสียงกระแทกกำแพง
เมื่อมองดูมู่หรงซินทุบซ้ำๆ ทันใดนั้นดวงตาของฉู่อวิ๋นก็ส่องแสงเปล่งประกาย และด้วยความคิดในใจ เขาหยิบกระบี่ชื่อยวนขึ้นมาจากพื้นและเริ่มเหวี่ยงมันโดยไม่รู้ตัว
"ฟิ้ว ฟิ้ว!"
ตามจังหวะการตี ฉู่อวิ๋นถือกระบี่ชื่อหยวนไว้ในมือ ฟันในแนวนอนและแทงตรง พลังของกระบี่ราวกับสายรุ้ง ทำให้เกิดเสียงะเิเสียดสีของลม
ในไม่ช้าเขาก็เข้าสู่สภาวะจิตไหวกระบี่ จิตใจของเขาสงบดุจน้ำนิ่ง ดวงตาแจ่มใสชัดแจ้งจนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
"ควั่บ!"
เงากระบี่เคลื่อนตัวเข้าหากัน พลังปราณพุ่งสูงขึ้น
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นรู้สึกแปลกๆ เขาจ้องมองไปยังแผนที่ที่เปล่งประกาย
ทันใดนั้น เส้นบนแผนที่ก็ดูเหมือนจะนำทางฉู่อวิ๋นให้เข้าสู่อาณาจักรลึกลับ เขาเหวี่ยงกระบี่ชื่อยวนอย่างต่อเนื่อง และครู่หนึ่ง ปราณกระบี่ปรากฏในแนวตั้งและแนวนอน ปิดล้อมครอบงำความว่างเปล่า
ฉู่อวิ๋นไม่คิดสิ่งใด เพียงเหวี่ยงกระบี่ตามสัญชาตญาณ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็แปลกใจที่พบว่าก้าวที่เขาก้าวไปและปราณกระบี่ที่เขาส่งออกไปนั้น แท้จริงแล้วเป็พื้นฐานของวิชากระบี่ดาวตก!
“ไม่ใช่กระมัง? หรือว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่บันทึกไว้ในแผนที่คือวิชากระบี่ดาวตก นี่เป็ทักษะกระบี่พื้นฐานที่ทุกคนในตระกูลฉู่สามารถเรียนรู้ได้!” ฉู่อวิ๋นสับสนจริงๆ เขาทำได้เพียงยกยิ้มบิดเบี้ยวแล้วร่ายรำกระบี่ชื่อยวนต่อ
ทว่าหลังจากผ่านไปสิบนาที ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวกระบี่ของเขาเปลี่ยนไป! บางครั้งก็เหมือนกับวิชากระบี่ดาวตก และบางครั้งก็เหมือนกับวิชากระบี่ที่วุ่นวาย
ฉู่อวิ๋นวาดกระบี่ต่ออีกห้านาทีและใช้กระบวนท่าประกายทมิฬ ทันใดนั้น รังสีกระบี่แสงดาวสามสิบหกมรรคาก็ควบแน่นเข้าด้วยกันและกลายเป็ม่านอากาศเชื่อมต่อกัน ล้อมรอบร่างกายของเขา
“์! นี่มันอะไรกัน?!” เมื่อมองดูม่านกระบี่สีม่วงที่ล้อมรอบร่างกายของเขา ฉู่อวิ๋นก็ใมาก เขาถึงขั้นสร้างสิ่งที่ไม่รู้จักเช่นนี้ขึ้นมาโดยบังเอิญได้
ในเวลานี้ มู่หรงซินก็ตื่นตระหนกไปด้วย นางเดินเข้าไปและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่ ข้าจำวิชากระบี่ดาวตกของเ้าได้ มันไม่มีกระบวนท่านี้ไม่ใช่หรือ? งามตานัก เหมือนกับว่ามีดวงดาวสามสิบหกดวงโคจรรอบตัวเ้าอยู่ตลอดเวลาเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็กลอกตา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจและพูดอย่างเคร่งขรึม "ลองยิงข้าดู"
“หืม? ยิง...ยิงอะไร?” มู่หรงซินใ จากนั้นนางก็เข้าใจว่าฉู่อวิ๋นหมายถึงอะไรและถามว่า "เ้า้าทดสอบพลังป้องกันของม่านกระบี่ดาวตกนี้? มีค่ายกลสายเือยู่ที่นี่ ข้าใช้พลังปราณของตัวเองไม่ได้ดอก”
“เ้าไม่ต้องใช้พลังปราณ แค่ใช้แรงโจมตีข้า มา!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเป็ประกาย เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และชี้ไปที่หน้าอกของเขา
มู่หรงซินกัดริมฝีปาก พยักหน้าหนักแน่นแล้วเดินไปหยิบลูกศรเหล็กออกมาแล้ววางลงบนคันธนูหยก ง้างคันธนูให้โค้งราวพระจันทร์เต็มดวงและเล็งไปที่ฉู่อวิ๋น
“เ้าอันธพาลตัวเหม็น ระวังด้วยเล่า! หากตายขึ้นมาแล้วข้าต้องอยู่ที่นี่คนเดียว…ข้าก็คงเบื่อตาย!”
ฉู่อวิ๋นมองอย่างแน่วแน่และะโ "ไม่เป็ไร อย่างไรก็ไม่ใช่ข้าที่เบื่อตาย ยิงมา!"
“ไม่เป็ไรกับหัวเ้าน่ะสิ เ้าคนสารเลว!” มู่หรงซินเมื่อได้ยินคำเมื่อครู่ก็โกรธเล็กน้อย และปล่อยมือขวาของตนเองอย่างกะทันหัน
“อ๊ะ!” หลังจากที่ลูกศรถูกยิงออกไป มู่หรงซินก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบทันที นางใมากจนหน้าซีดและเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ถ้าฉู่อวิ๋นตาย นางจะทำอย่างไร?
“ไม่!” มู่หรงซินร้องออกมา น้ำเสียงของนางเล็กแหลม
“ฟิ้ว——”
ลูกศรเหล็กเจาะผ่านอากาศเร็วอย่างลม แม้ว่าจะไม่ได้รับพลังจากพลังปราณ แต่ด้วยความแข็งแกร่งในระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณของมู่หรงซิน แรงส่งของลูกศรก็ไม่อาจมองข้าม
ม่านตาของฉู่อวิ๋นหดตัวลง หัวใจของเขาบีบรัดจนแน่น รอให้ลูกศรมาถึง
"ตูม!"
มีเสียงะเิดังขึ้น
ด้วยหัวใจที่เต้นรัว ฉู่อวิ๋นเปิดตามองและพบว่าเขายังคงปลอดภัย เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากที่ลูกศรกระทบม่านกระบี่ดาวตก มันก็แตกสลายจนหมดและกลายเป็ขี้เถ้า
ไม่สิ แม้แต่ขี้เถ้าก็มองไม่เห็น
“ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย นี่เป็กระบวนท่าที่สี่ของวิชากระบี่ดาวตก! กระบวนท่ากระบี่ที่ใช้ในการป้องกัน!” ฉู่อวิ๋นมองดูม่านกระบี่สีม่วงที่ยังคงไหลเวียนอยู่รอบๆ ด้วยความประหลาดใจ
ไม่ไกลนัก มู่หรงซินเมื่อได้ยินเสียงของฉู่อวิ๋นก็ลืมตาคู่งามขึ้นมอง เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นแสดงท่าทางที่บ้าคลั่งกระบี่อีกครั้ง นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้น นางเลิกคิ้วขึ้นสูงและปัดเป่าอารมณ์เศร้าทิ้ง สีหน้าจริงจังขึ้นและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“เ้าคนชั่ว! เ้าคนเลว! เ้าคนโง่เขลา! ถ้าเมื่อกี้นี้เ้าถูกข้ายิงตายขึ้นมาจริงๆ ข้าก็ต้องถูกขังอยู่ที่นี่พร้อมกับศพของเ้า เ้าคนไม่รักชีวิต!” มู่หรงซินโกรธมากจนอยากจะหยิกแขนฉู่อวิ๋น แต่ม่านกระบี่ดาวตกบังนางไว้ข้างหน้า ทำให้ไม่สามารถระบายความโกรธได้ นางโกรธจนแทบจะดิ้น กัดฟันด้วยความเกลียดชัง
ฉู่อวิ๋นรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย เขากอดอกแล้วพูดว่า "เ้าััโดนข้าไม่ได้หรอก ดังนั้นอย่าเปลืองแรงเลย"
“น่าชัง! น่าชังนัก! เ้าอันธพาลเหม็น!” มู่หรงซินโกรธมากจนใบหน้าแดงก่ำ นางกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ครู่ต่อมา ม่านกระบี่ก็หายไป ทำให้ฉู่อวิ๋นมีสีหน้างงงัน "หืม? ทำไมมันถึงหายไปล่ะ?"
เมื่อเห็นเช่นนี้ มู่หรงซินก็ดีใจมาก นางยังคงหยิกแขนของฉู่อวิ๋นได้ แต่ก็ไม่ได้ใช้แรงมากนัก
เมื่อมองไปที่มู่หรงซินที่ทั้งอ่อนโยนและดุร้าย แต่ในใจกลับค่อนข้างอ่อนไหว ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็อ่อนลงเล็กน้อย เขาพูดกับตัวเองว่า "ดูเหมือนว่าม่านกระบี่ดาวตกนี้จะมีกำหนดเวลา อยู่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้"
หลังจากนั้นไม่นาน มู่หรงซินก็กลับมานั่งลงที่แท่นหิน นางถูกค่ายกลปรามอยู่ แม้ว่าจะยังคงใช้กำลังบางส่วนได้ แต่หลังจากใช้แรงไปก็ยังคงรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง
ฉู่อวิ๋นตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มองดูแผนที่บนผนังและคิดว่า "เส้นที่เรืองแสงพวกนี้กลายเป็แผนภาพกระบี่ บันทึกกระบวนท่าที่สี่ของวิชากระบี่ดาวตกไว้ คาดไม่ถึงจริงๆ แต่ก็แค่กระบวนท่ากระบี่เดียว เหตุใดต้องซ่อนมันไว้ลึกขนาดนี้?”
สุสานบรรพบุรุษยังคงเต็มไปด้วยความน่าสงสัย และฉู่อวิ๋นรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ตระกูลของเขา ลึกไม่อาจหยั่งถึง
ต่อมา เดิมทีฉู่อวิ๋นวางแผนที่จะใช้ม่านกระบี่ดาวตกอีกครั้ง แต่ทันทีที่เขาหยิบกระบี่ขึ้นมา เขาก็พบว่าสนิมบางส่วนบนกระบี่ชื่อยวนหลุดออกไปแล้ว!
“หรือว่าการใช้กระบวนท่าที่สี่ของวิชากระบี่ดาวตก สามารถฟื้นฟูกระบี่ชื่อยวนให้กลับมามีรูปลักษณ์เดิมได้?” ฉู่อวิ๋นประหลาดใจอีกครั้ง และแกว่งกระบี่ต่อไปโดยไม่คิดอะไรมาก
อย่างไรเสีย อยู่ว่างๆ ในสุสานก็ไม่มีสิ่งใดให้ทำ ฉู่อวิ๋นมองตรงไปข้างหน้าแล้วก้าวไปอีกหนึ่งก้าว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม
ในเทือกเขาไป่หลิง นักรบส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการประลองเซี่ยหยางได้พบถ้ำลับบางแห่ง จึงซ่อนตัวอยู่ในนั้น และหลับลึกลงไป
ในหลุมศพบรรพบุรุษในสุสานปราณั เปลือกตาของมู่หรงซินก็หย่อนยานเช่นกัน นางนอนลงบนแท่นหินแล้วหลับไป แน่นอนว่าก่อนเข้านอน นางก็ไม่ลืมที่จะเตือนฉู่อวิ๋นว่า "หากเ้ากล้าเข้ามาลวนลามข้า ข้าจะสังหารเ้าเสีย!”
หลังจากนั้น มู่หรงซินก็หลับไปอย่างสงบ ตอนนี้นางกำลังหลับสบาย ราวกับว่ารู้สึกถึงความสบายใจ
แน่นอนว่าฉู่อวิ๋นเพิกเฉยต่อนาง เขามุ่งความสนใจไปที่การใช้ม่านกระบี่ดาวตก ในท้ายที่สุดสนิมบนกระบี่ชื่อยวนก็หลุดออกไปครึ่งหนึ่ง!
แต่ต่อมา ไม่ว่าฉู่อวิ๋นจะเหวี่ยงกระบี่อย่างไร สนิมที่เหลืออยู่ก็ยังคงฝังลึก ปกคลุมปลายกระบี่เอาไว้
“เหตุใดจึงเป็เช่นนี้? ครึ่งหนึ่งแวววาวครึ่งหนึ่งสนิมเขรอะ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ!” ฉู่อวิ๋นนั่งขัดสมาธิบนพื้นเพื่อฟื้นพลัง สะบัดกระบี่ชื่อยวนอีกครั้งด้วยความรู้สึกทึ่ง
ด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว ฉู่อวิ๋นกำลังจะเปิดใช้งานิญญายุทธ์กระบี่บาป์เพื่อดูดซับพลังิญญา ทันใดนั้น เขาก็หยุดเคลื่อนไหว มีแสงวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา เขาตบหัวและหัวเราะกับตัวเอง "ใช่แล้ว! ครึ่งครึ่งอย่างไรเล่า ข้ามันช่างโง่เขลา เมื่อกี้มีเพียงกำแพงหินทางด้านซ้ายที่ถูกขุดออกมา แต่อาจมีอีกรูปทางด้านขวานี่นา!”
ทันใดนั้น จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็ลุกขึ้นยืน เดินไปทางขวาของสุสาน หยิบกระบี่ชื่อยวนขึ้นมาและทุบกำแพงหินเป็ชิ้นๆ เสียงดังจนน่าหนวกหู
เสียงดังนี้ปลุกมู่หรงซินที่กำลังหลับสนิทให้ตื่นขึ้น นางพลิกตัว เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าอันงดงามของร่างกาย เธอเปิดปากสาปแช่งท่ามกลางความสะลึมสะลือสองสามครั้ง จากนั้นก็หลับไปอีก นางคิดว่าฉู่อวิ๋นกำลังทุบผนังเพื่อระบายความโกรธอีกครั้ง
"ตึง!"
กำแพงหินด้านขวาของสุสานพังทลายลง ฝุ่นควันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า และปรากฏแผนที่ขึ้นอีกภาพหนึ่ง
ฉู่อวิ๋นวาดกระบวยตามรูปน้ำเต้า[1]แล้วหยดเืสองสามหยดลงในลายเส้น ทันใดนั้น ลายเส้นนั้นก็เรืองแสงออกมา
“ทายไม่ผิดจริงด้วย สองภาพสมมาตรกัน!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเต็มไปด้วยความสุข เขาเห็นแผนภาพกระบี่อยู่ตรงหน้า เส้นนั้นคมเข้มและป่าเถื่อน แลดูดุร้ายและสง่างามกว่าภาพที่อยู่ทางซ้าย
“ไม่รู้ว่าแผนที่ภาพนี้ จะบันทึกกระบวนท่าอันใดไว้?”
--------------------
[1] อุปมาว่า ลอกเลียนแบบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้