อวิ๋นซีถลึงตาใส่เขาอย่างเ็า “หากท่านกล้ามือไม้อยู่ไม่สุข ระวังข้าจะทำให้ท่านไม่ขึ้นอีกเลยชั่วชีวิต”
เสียงเย็นชาอันน่าหวาดเสียวของนางวาบผ่านหูเขาไป ทว่านั่นกลับทำให้แววขี้เล่นที่ปรากฏอยู่ตรงมุมปากของเขายิ่งกดลึกขึ้น “เ้าเป็ชายาของข้า เป็ภรรยาที่ตบแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง หากข้าไม่ขึ้นอีกเลยชั่วชีวิต คนที่ทุกข์ใจจะไม่ใช่เ้าหรอกหรือ”
อวิ๋นซีไม่อาจทนสนทนากับคนผู้นี้ต่อไปได้แล้วจริงๆ “รอให้การร่วมมือกันครั้งนี้ระหว่างท่านกับข้าสิ้นสุดลงก่อนเถิด ข้าคงต้องรบกวนท่านช่วยเขียนหนังสือหย่าให้สักฉบับ หรือไม่ก็ป่าวประกาศออกไปเลยว่าชายาหานอ๋องได้ตายไปแล้ว”
“ฝันไปเถอะ” เขาตอบโดยไม่แม้แต่จะคิด “อวิ๋นซี ข้าจะบอกเ้าให้นะ ั้แ่ตอนที่ข้าตัดสินใจสู่ขอเ้ามาเป็ภรรยา เปิ่นหวางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหย่าภรรยา” สตรีนางนี้ช่างน่าตีนัก ถึงกับให้ตนประกาศออกไปว่านางตายแล้ว? ความคิดเช่นนี้นางก็ยังคิดออกมาได้ จวินเหยียนรู้สึกว่าตนไม่รู้จะบรรยายถึงสตรีที่ความคิดและจิตใจแปลกประหลาดจนเกินไปผู้นี้ได้อย่างไร
เมื่อนางได้ยินคำกล่าวนั้นก็ทำเพียงหัวเราะเบาๆ รอให้เื่ราวทั้งหมดจบลงก่อนเถิด คนเช่นนางย่อมมีวิธีไปจากบุรุษผู้นี้ได้แน่ ดังนั้น ตอนนี้จะมาพูดเอาจริงเอาจังกับเขาอยู่ตรงนี้ไปเพื่ออะไร
“มาแล้ว” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้น
กำลังภายในของอวิ๋นซีไม่ลึกล้ำเท่าเขา จึงไม่ได้ยินสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้านนอก แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าหนักใจของอีกฝ่าย นางก็รู้ในทันทีว่าบุรุษผู้นี้ไม่ได้พูดโกหก และคาดว่าคงเป็คนของฮองเฮาที่แอบฟังอยู่
“ฮูหยิน เ้าว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี? ” เขามองนางอย่างทีเล่นทีจริง มิใช่เขาไม่รู้ว่ายามบุรุษและสตรีทำเื่เช่นนั้นกันมักจะส่งเสียงอย่างไรออกมา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เคยได้ยินมาก่อน ในชั่วขณะนั้น จู่ๆ เขาก็มีความคิดชั่วร้ายอยากจะให้สตรีนางนี้ร้องเช่นนั้น
ดวงหน้าของอวิ๋นซีแดงก่ำทันที นางมิใช่สตรีที่ไม่เคยผ่านเื่เหล่านี้มาก่อนย่อมต้องรู้แน่ว่า ระหว่างชายและหญิงนั้นจะเป็อย่างไร ถึงขนาดที่ยังรู้ด้วยว่าเสียงร้องควรต้องเป็อย่างไร แต่ว่า จำเป็ต้องทำถึงขั้นนี้เลยหรือ?
“ระหว่างเรา หากแค่คลุมผ้าห่มและหลับใหลไปตามปกติ โดยไม่มีความเคลื่อนไหวใดแม้เพียงนิดละก็ อีกฝ่ายจะต้องเกิดความสงสัยแน่ ทำให้ในวันหน้าตัวเ้าเองก็อาจใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้ได้ยากยิ่งขึ้น” เขามองออกว่านางกำลังคิดและยังลังเลด้วยเื่ใด เขาถึงได้ออกปากไปตรงๆ
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่” เมื่อพูดจบ เขาก็อุ้มคนขึ้น และเดินมุ่งหน้าไปยังเตียง ในระหว่างนั้นยังได้พูดออกไปเสียงดัง “ชายารัก เ้าวางใจได้ เปิ่นหวางจะระวังให้มากที่สุด”
เดิมทีดวงหน้าแดงก่ำของอวิ๋นซีเพียงได้มองก็ให้รู้สึกเย้ายวนใจเป็อย่างมาก เมื่อประสมกับเวลาที่นางได้โกรธเช่นนี้ก็ยิ่งน่ามองอย่างยากจะวางตา อีกทั้ง จวินเหยียนยังคิดว่า หากตนสามารถเปลี่ยนละครปลอมๆ นี้ให้เป็เื่จริงได้ก็คงดี
เขาวางนางลงบนเตียง จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะจดจ้องนวลหน้านาง “ชายารัก ร้องสิ”
อวิ๋นซีมองท่าทีได้ใจของเขา ก่อนที่ท้ายที่สุดจะอดไม่ได้ให้หยิกเนื้อเขาโดยแรงไปทีหนึ่ง และความเจ็บที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เองที่ทำให้เขาเผลอร้องออกไปเสียงหนึ่ง “อ๊า” สิ่งที่เลวร้ายเป็ที่สุดก็คือตอนที่บุรุษผู้นี้ส่งเสียงออกมา ช่างคล้ายคลึงกับเสียงร้องยามบุรุษและสตรีร่วมพลิกฟ้าคว้าฝน [1] กันอยู่จริงๆ
อวิ๋นซีมองเขาด้วยสายตาหยอกเย้าพร้อมชูนิ้วโป้งให้ จากนั้นจึงพูดเสียงเบา “พระองค์ทรงมีพร์ในการแสดงจริงๆ ร้องต่ออีกหลายๆ เสียงเลยสิเพคะ เพราะหม่อมฉันอาย ร้องไม่ออก”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าดำคล้ำ พูดเช่นนี้ก็ได้หรือ? จากนั้นเขาจึงกล่าวต่อด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ที่จริงแล้ว มีวิธีง่ายๆ ที่เราจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เพียงแค่พวกเรามาทำให้การแสดงปลอมๆ นี้กลายเป็จริงกันเถอะ”
“ท่าน ฝันไปเถอะ” อวิ๋นซีไม่แม้แต่จะคิดก็ตอบปฏิเสธไปแทบจะในทันที ทำให้การแสดงปลอมๆ เป็เื่จริงขึ้นมา? เขาช่างกล้าคิดเสียจริง หากว่าอยากให้ตนไม่อาจััสตรีไปได้อีกจนชั่วชีวิต เขาจะลองดูก็ย่อมได้ และหากเขากล้าทำเช่นนั้นจริงๆ ละก็ นางก็ขอสาบานไว้เลยว่า ในใต้หล้านี้จะต้องมีขันทีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
เมื่อได้เห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของนาง เขาก็ยิ่งกดร่างนางไว้ “ไม่อยากลองดูเสียสักหน่อยจริงๆ หรือ? ”
นางกัดฟัน “ไม่อยาก”
เขาถอนหายใจอย่างปลงๆ “ก็ได้ เปิ่นหวางเองก็คงฝืนบังคับใจเ้าไม่ได้” เมื่อพูดจบ เขาก็กดลงเบาๆ ที่ข้างเตียงในบริเวณที่ยากจะสังเกตเห็น ทันใดนั้นกำแพงที่อยู่ใกล้เตียงมากที่สุดก็หายไป และกลายเป็เพียงความว่างเปล่า จากนั้นชายหนุ่มก็พูดขึ้น “ไปกันเถอะ”
อวิ๋นซีคิดไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วที่นี่จะมีห้องลับ นางรีบลุกขึ้นและเดินตามเขาเข้าไปในห้องลับนั้น ก่อนจะได้เห็นว่าด้านในนี้มีหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีถูกมัดไว้ อีกทั้งดวงตาของคนทั้งสองก็ยังถูกปิดไว้ด้วยเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังเอาแต่ขยับกายหยุกหยิกไม่ยอมหยุด อวิ๋นซีอดไม่ได้ให้ต้องหันไปถามเขา “ท่านตั้งใจจะให้สองคนนี้ออกไป? ”
“อืม คืนนี้สองคนนี้จะไปแทนที่เรา” เมื่อพูดจบ เขาก็ดึงร่างคนทั้งสอง และเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะวางชายหญิงคู่นั้นไว้บนพื้น แล้วจึงช่วยแก้เชือกที่มัดกายพวกเขาออก
หลังจากนั้นเมื่อจวินเหยียนเพียงสะบัดมือ ไฟจากตะเกียงในห้องก็ดับสนิท ส่วนคนทั้งสองที่ถูกวางยาก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงอาภรณ์ฉีกขาด เพียงไม่นานเสียงที่เปล่งออกมาระหว่างการพลิกฟ้าคว้าฝนระหว่างชายหญิงก็ได้เริ่มขึ้น
อวิ๋นซีและจวินเหยียนกลับไปนั่งรออยู่ในห้องลับ ในระหว่างนั้นเมื่อได้ฟังเสียงร้องด้านนอก อวิ๋นซีก็ถึงกับเหงื่อตก “ยานั่นแรงเพียงใดกัน? ” บุรุษและสตรีคู่นั้นต่างพากันร้องราวกับไม่้าจะมีชีวิตแล้ว
จวินเหยียนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าให้คนไปหามาเป็พิเศษ ทว่า บุรุษผู้นั้นคือคนดูแลสัตว์ที่เก่งที่สุดแห่งเจียงหนาน ส่วนสตรีนั้น...” เขายิ้ม ก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้หูนางแล้วพูดเบาๆ ไปเพียงประโยคหนึ่ง
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดถึงเป็นาง”
“ไม่ดีหรืออย่างไร หากว่าลู่เหวินเจิ้นไร้ความสามารถ เช่นนั้นเปิ่นหวางก็จะเมตตาเขาสักหน่อย ให้คนอื่นได้มอบบุตรชายให้เขา” ดวงหน้างดงามของเขาปรากฏรอยยิ้มเ็า
นางถอนหายใจ สตรีเมื่อครู่แท้จริงแล้วเป็ลู่อวี้ฉิง “เช่นนี้จะไม่เป็อะไรจริงๆ น่ะหรือ? ”
“วางใจเถอะ ไม่เป็ไรแน่”
เช้าวันต่อมา อวิ๋นซีลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในอ้อมแขนของจวินเหยียน มือของนางกำลังสวมกอดชายหนุ่มแน่น ทำให้ท่าทางในตอนนี้ของคนทั้งสองดูล่อแหลมอย่างที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้เลยก็ว่าได้ เมื่อนางเห็นเช่นนี้ก็รีบปล่อยมือที่กอดจวินเหยียนอยู่ในทันที เมื่อคืนนี้นางไม่ได้อยู่ในห้องลับหรือ? เหตุใดพอตื่นขึ้นกลับมาอยู่ในห้องนี้ได้
น่าตายนัก ซ้ำร้ายตัวเองยังกอดจวินเหยียนแล้วหลับไปเสียด้วย
“ชายารัก เ้าตื่นแล้ว? ” ชายหนุ่มลืมตามองอวิ๋นซีที่มีสีหน้าใลนลาน แล้วจึงถามยิ้มๆ
อวิ๋นซีผลักคนออกไปโดยแรงพลางะโเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม “จวินเหยียน”
จวินเหยียนอืมรับไปคำหนึ่ง “ข้าอยู่นี่”
ยามนี้นางหมดคำจะพูดโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มผู้นี้กับคนคนนั้นเป็พี่น้องกันแท้ๆ แต่เมื่อเทียบกับความเืเย็นของโอวหยางเทียนหัวแล้ว เหตุใดบุรุษผู้นี้ถึงได้ไร้ยางอายและหน้าหนานัก นางนึกอยากจะกัดเขาแรงๆ สักที
“เอาล่ะ อย่าได้โกรธเคืองอีกเลย ก็แค่ถูกเ้ากอดจนหลับไปทั้งคืนแค่นั้นเอง เปิ่นหวางไม่คิดว่านั่นจะเป็ปัญหาอะไร แล้วตัวเ้าจะโกรธไปไย? หรือว่า เ้าอยากให้เปิ่นหวางรับผิดชอบ? ”
อวิ๋นซีได้ยินก็ให้เตะคนตกลงไปจากเตียง จวินเหยียนหยัดกายลุกขึ้น มองนางอย่างตัดพ้อ “ชายารัก เมื่อคืนเปิ่นหวางมิได้ตั้งใจจะทำให้เ้าเจ็บจริงๆ นะ ฉะนั้นอย่าได้โกรธกันเลย”
อวิ๋นซีที่กำลังคิดจะต่อว่าเขาด้วยความเกรี้ยวกราดที่คุกรุ่น ด้านนอกกลับมีเสียงพูดดังขัดขึ้นมาเสียก่อน “ทูลท่านอ๋อง พระชายา ทั้งสองพระองค์ตื่นจากบรรทมแล้วหรือยังเพคะ? ยามนี้ท่านนายอำเภอมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่สาวใช้พูด อวิ๋นซีก็นับว่าเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาต้องพูดจาออกมาเช่นนั้น เมื่อครู่เขาคง้าให้สาวใช้ผู้นี้เข้าใจผิดอยู่กระมัง ดีจริงๆ วรยุทธ์ของเขาช่างสูงส่งจริงๆ ทั้งยังมีพละกำลังที่ลึกล้ำอีก ต่อให้เขาจะมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก แต่ก็ไม่อาจปิดกั้นการได้ยินที่ชัดแจ้งได้
จวินเหยียนลุกขึ้นยืน แล้วจึงพูดเสียงขรึม “ให้เขาไปรอข้าที่โถงใหญ่เรือนหน้าก่อน” เขาส่งสายตาบอกใบ้อวิ๋นซีให้นางลุกขึ้นแต่งกายได้แล้ว ยามนี้มีผู้อื่นมาหาถึงบ้าน ในฐานะที่เป็เ้าบ้านก็ควรออกไปต้อนรับเสียหน่อยถึงจะถูก
———————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] พลิกฟ้าคว้าฝน(翻云覆雨)เดิมหมายถึงการใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงไปมา ต่อมาสำนวนนี้มีความหมายสื่อถึงการร่วมรัก เนื่องจากเวลาที่คนสองคนร่วมรักกัน ย่อมใช้ลีลาพลิกแพลงหลากหลาย