อวิ๋นซีและจวินเหยียนไม่ได้รีบร้อนไปเจอลู่เหวินเจิ้น เมื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อย ก็ให้สาวใช้ยกสำรับเช้าเข้ามา
ณ โถงใหญ่ในเรือนชั้นนอกของจวนอ๋อง ลู่เหวินเจิ้น ภรรยาและบุตรสาวกำลังนั่งดื่มชารอการปรากฏตัวของผู้มีอำนาจสูงสุดในหานโจว ขณะนั้นลู่อวี้ฉิงมองลู่เหวินเจิ้นไปทีหนึ่ง ก่อนจะตัดพ้อเสียงเบา “ท่านพ่อ นี่เราดื่มชากันไปกี่ถ้วยแล้ว เหตุใดท่านอ๋องจึงยังไม่เสด็จมาอีกเ้าคะ”
เดิมทีบิดาไม่คิดจะพานางมา แต่นางอยากมาเจอหมอหญิงนางนั้นที่ไปยั่วยวนท่านอ๋องเสียหน่อย เพราะในวันนั้นที่ได้พบกันในร้านงานฝีมือมิได้ตั้งใจมองรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายให้ชัด ช่างน่าเสียดายที่ใครจะไปรู้ว่ายามนี้สตรีนางนั้นถึงกับได้แต่งให้ท่านอ๋อง ทั้งยังได้เป็ภรรยาเอกอีกด้วย
นางสาดสายตาไปทางลู่เหวินเจิ้นด้วยดวงตาแวววาม ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม อวิ๋นซีกลายเป็พระชายา ส่วนตัวเองนั้นกลับต้องกลายมาเป็สตรีของลู่เหวินเจิ้น ทั้งยังคงเป็บุตรสาวในนามของเขาอีกด้วย เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็แทบรอไม่ไหวอยากจะพุ่งเข้าไปสังหารอวิ๋นซี เช่นนี้ถึงจะเป็การปลดเปลื้องความแค้นในหัวใจนางได้
นอกจากนี้ การจะได้มาที่นี่เพื่อพบท่านอ๋อง ก่อนออกจากบ้านนางยังต้องเอาอกเอาใจลู่เหวินเจิ้นให้ดี ซ้ำร้ายยังต้องทำเื่นั้นกับเขาไปรอบหนึ่งถึงจะได้ออกมาด้วย ส่วนอวิ๋นซีนั้น เมื่อคืนกลับได้หลับนอนร่วมกับท่านอ๋องที่ราวกับเทพเซียน แค่ลืมตาขึ้นมาก็ได้เห็นดวงหน้าที่หล่อเหลางามสง่านั่นแล้ว
อวิ๋นซีมีสิทธิ์อะไรถึงได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ไปเสียหมด ส่วนตนกลับต้องมาอยู่ในสถานะเช่นนี้ จริงอยู่ ที่ลู่เหวินเจิ้นนั้นรักใคร่ตนเป็อย่างมาก ไม่ว่านางจะ้าอะไร เขาก็ซื้อให้ เพียงแต่นางหาได้ชอบบุรุษผู้นี้ หน้าตาก็ไม่น่ามอง ทั้งยังเป็ชายแก่ ดังนั้น หากคนผู้นี้มีฐานะสูงส่งกว่าท่านอ๋องก็ช่างเถอะ ทว่า ความเป็จริงไม่ว่าจะด้านใดเขาก็ไม่อาจเทียบเทียมท่านอ๋องได้เลย
ขณะเดียวกันลู่เหวินเจิ้นก็เหลือบมองลู่อวี้ฉิงไปทีหนึ่ง ยิ่งได้มองนางก็ยิ่งให้รู้สึกร่างกายและจิตใจสั่นสะท้านกระเพื่อมไหว สตรีช่างยั่วผู้นี้ ความสามารถบนเตียงนับว่าดีกว่าอนุน้อยๆ เ่าั้ของเขามากทีเดียว แค่ได้นอนด้วยก็รู้สึกดีเป็อย่างยิ่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกโชคดีเหลือเกินที่นางไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของตน และในเมื่อเป็เช่นนี้ ไม่ว่าตนคิดจะทำเช่นไรกับนางก็ย่อมได้
ลู่เหวินเจิ้นยังไม่ทันได้พูดอะไร ฮูหยินลู่ หรือสตรีแซ่สือที่อยู่ด้านข้างกลับเป็ฝ่ายพูดขึ้นเสียงขรึม “ฉิงเอ๋อร์ ที่นี่คือจวนอ๋อง ไม่ว่าจะทำอะไรล้วนต้องรักษากฎเกณฑ์ หากถึงเวลาที่ท่านอ๋องและพระชายาควรจะเสด็จมา ทั้งสองพระองค์ก็จะเสด็จมาเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่อวี้ฉิงก็หันมองมารดาตนทีหนึ่ง เหตุที่นางต้องมาเป็เช่นนี้ นั่นก็อาจเรียกได้ว่าเป็เพราะสตรีนางนี้นี่แหละ หากอีกฝ่ายไม่สวมหมวกเขียวให้ลู่เหวินเจิ้น หรือหากนางได้เป็บุตรสาวแท้ๆ ของลู่เหวินเจิ้น นางก็เชื่อมั่นว่าเขาย่อมไม่มีทางทำเื่เช่นนั้นกับตนแน่
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นังสตรีชั้นต่ำคนนี้ที่เป็ต้นเหตุ ดังนั้น ั้แ่ตอนที่นางสูญเสียความบริสุทธิ์ไป นางก็เคียดแค้นมารดาตนยิ่ง ทั้งยังลอบสาบานไว้ว่า จะไม่มีทางให้มารดาตนและชายชู้นั่นได้อยู่ดีมีสุขแน่นอน
ดังนั้น เมื่ออีกฝ่ายบังอาจกล่าวตำหนิตน ลู่อวี้ฉิงก็หันมองไปทางลู่เหวินเจิ้นด้วยท่าทางน่าสงสาร “ท่านพ่อ ท่านดูท่านแม่สิ ข้าก็แค่รอจนเบื่อแล้ว แต่นางกลับมาตำหนิข้าเช่นนี้...”
สำหรับลู่เหวินเจิ้นแล้ว เมื่อก่อนนั้นเป็เพราะนึกไปว่านางคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนถึงได้รักใคร่นางเข้ากระดูก ทว่า ตอนนี้นางกลับมิใช่ลูกแท้ๆ ทั้งยังกลายมาเป็สตรีของตน เมื่อได้เห็นลู่อวี้ฉิงออดอ้อนเช่นนี้ เขาก็ไม่รู้จะทำเช่นไรกับนางดี “ฮูหยิน ฉิงเอ๋อร์ยังติดนิสัยเป็เด็กน้อย หากเ้าจะพูดจะจาอะไรก็ระวังๆ น้ำเสียงของตนเองหน่อย หากทำให้นางใเข้า เราจะทำอย่างไร”
ไม่แน่ว่าในท้องของลู่อวี้ฉิงอาจจะมีลูกของตนอยู่ในนั้นก็เป็ได้ หากถูกทำให้ใเข้าก็ลำบากกันพอดี ส่วนสตรีที่หักหลังตน ลู่เหวินเจิ้นแทบอยากจะสังหารนางทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ ในทางตรงกันข้าม สตรีใดก็ตามที่พร้อมจะให้กำเนิดบุตรชายหญิงแก่เขา ลู่เหวินเจิ้นกลับแทบอยากจะมอบชีวิตตนเองให้นาง ด้วยเหตุนี้ เมื่อนำสตรีทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน สถานะในใจของลู่เหวินเจิ้นที่มีให้ระหว่างลู่อวี้ฉิงและฮูหยินลู่ก็ถือว่าชัดเจนยิ่ง บางทีอาจไม่สามารถนำคนทั้งสองมาเปรียบเทียบกันได้เลย
ฮูหยินลู่มองดูสามีที่รักใคร่ตามใจบุตรสาวจนไร้ขอบเขตก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ แต่เมื่อคิดๆ ดูอีกที นางก็รู้สึกภูมิใจเป็อย่างยิ่ง เนื่องจากอีกฝ่ายแท้จริงแล้วเป็บุตรสาวของตนกับชายคนรัก แต่ลู่เหวินเจิ้นกลับดูแลรักใคร่เด็กคนนี้ราวกับเป็สมบัติล้ำค่า
ช่างเป็บุรุษที่โง่เง่าเสียจริง ต่อให้ตนจะทำเื่เช่นนั้นกับชายคนรักใต้จมูกเขา เขาก็ไม่รู้เื่เลยสักนิด ในขณะเดียวกันตอนที่นางกำลังได้ใจอยู่นั้น ลู่เหวินเจิ้นก็ทำเพียงมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย สตรีนางนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องจัดการนางแน่
“ท่านพ่อ ข้าสามารถออกไปเดินดูนอกเรือนได้หรือไม่เ้าคะ? ไม่ว่าใครๆ ต่างก็ว่ากันว่า จวนหานอ๋องงดงามยิ่งราวกับเป็สวนแห่งเจียงหนานก็ไม่ปาน” มุมปากลู่อวี้ฉิงแฝงรอยแย้มยิ้มขณะเดินเข้าไปข้างกายลู่เหวินเจิ้น ก่อนจะดึงชายเสื้อเขาเบาๆ
เมื่อฮูหยินลู่เห็นท่าทางเช่นนี้ของบุตรสาวก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ แม้ว่าเมื่อก่อนบุตรสาวจะสนิทสนมกับลู่เหวินเจิ้นอยู่แล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ไม่เคยแสดงท่าทีออดอ้อนเช่นนี้มาก่อน ไม่รู้ด้วยเหตุใด เมื่อได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของพวกเขา ในใจของฮูหยินลู่ก็รู้สึกไม่สงบ หากว่าพวกเขาเป็พ่อลูกกันจริงๆ ก็ไม่นับว่าเป็อะไร ทว่า ความจริงแล้วบิดาของฉิงเอ๋อร์ไม่ใช่ลู่เหวินเจิ้นนี่สิ
“ฉิงเอ๋อร์ มานั่งดีๆ ” ฮูหยินลู่มองดูบุตรสาวด้วยสายตาเ็า สีหน้าแฝงแววโกรธเกรี้ยวอยู่หลายส่วน
หากเป็เมื่อก่อนลู่อวี้ฉิงก็คงหวาดกลัวฮูหยินลู่อยู่นิดหน่อย ทว่าตอนนี้ นางกลับไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด หญิงคนนี้ทำร้ายตนแสนสาหัสถึงเพียงนี้ หากนางไม่ตอบกลับอย่างสาสมสิถึงจะแปลก
“ไม่นะ ท่านพ่อ ไม่นะ ข้าอยากออกไปดู” ลู่อวี้ฉิงดึงๆ มือลู่เหวินเจิ้นพลางพูดจาเสียงออดอ้อนหวานหยด ในสายตาคู่นั้นแฝงแววยั่วยวนอยู่หลายส่วน ทำให้ลู่เหวินเจิ้นไม่อาจต่อกรได้
เขาพยักหน้า “ได้ ได้ เ้ากับมารดาเ้าออกไปเดินเล่นในสวนเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าต้องให้สาวใช้นำทางไปเท่านั้น และห้ามเข้าไปยังเรือนชั้นสองเด็ดขาด” คนที่เคยมาเยือนจวนหานอ๋องล้วนรู้ดี เมื่อเข้ามาในจวนอ๋องนี้ คนสามารถเดิมชมรอบๆ ได้ ทว่าห้ามเฉียดกายเข้าใกล้เรือนชั้นสองแม้เพียงนิด
ลู่อวี้ฉิงเพียงอยากเดินชมทัศนียภาพภายในจวนอ๋อง ซึ่งหากเดินดูรอบๆ บริเวณเรือนชั้นนอกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันนัก ถึงกระนั้นเมื่อสาวใช้ข้างกายได้ยินเช่นนั้นก็รีบนำทางให้สองแม่ลูก ส่วนลู่เหวินเจิ้นได้แต่นั่งอยู่ในเรือนชั้นนอกรอท่านอ๋องผู้นั้นที่ผ่านไปเป็นานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา
ลู่เหวินเจิ้นและสองสตรีมาถึงที่นี่ได้ครึ่งชั่วยามแล้ว แต่หานอ๋องก็ยังไม่ปรากฏกายออกมา หากเป็ที่จวนอื่นคงไม่มีใครกล้าละเลยเขาเช่นนี้ ขณะที่ตัวเขาเองก็คงจะสะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความเกรี้ยวกราดเช่นกัน ทว่า ที่นี่คือจวนหานอ๋อง เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้
รออยู่อีกครู่หนึ่ง จวินเหยียนก็เพิ่งจะมาถึง ทว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่มา และไม่เห็นแม้เงาของชายาหานอ๋อง ลู่เหวินเจิ้นแสดงความเคารพต่อจวินเหยียน จวินเหยียนเพียงปรายตามองดูเขาทีหนึ่งแล้วถามเสียงเรียบ “นายอำเภอลู่มาหาเปิ่นหวางมีเื่อันใด? ”
เมื่อลู่เหวินเจิ้นได้ยินก็รีบตอบกลับ “เมื่อวานกระหม่อมได้รับสารด่วนมาจากเมืองหลวง แจ้งว่าเสี้ยนจู่ [1] น้อยแห่งจวนหยวนจวิ้นอ๋อง [2] ได้รับพระบัญชาให้มาพักผ่อนที่จวนหานอ๋อง อีกทั้งฝ่าายังมอบหมายให้ท่านอ๋องช่วยดูแลอวี่เสี้ยนจู่ให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น เหตุใดเื่นี้คนของเขาถึงไม่ส่งข่าวมาแม้แต่น้อย?
หลายปีมานี้ หากฮ่องเต้มีเื่ใดก็จะใช้วิธีส่งสารมายังลู่เหวินเจิ้น จากนั้นลู่เหวินเจิ้นก็จะนำมาบอกตนอีกทีหนึ่ง มิเช่นนั้นก็จะส่งสารมาถึงมือตนโดยตรง ทว่าบางทีการกระทำนี้ก็ดูจะเป็การเยาะหยัน เช่นนั้นพระบิดาของเขารังเกียจเขามากถึงเพียงนี้เลยหรือ
“จะมาถึงเมื่อใด? ” ให้อวี่เสี้ยนจู่มาพักผ่อนที่จวนตน? หึหึ การมาพักผ่อนที่ว่าคงจะเป็เื่โกหก อันที่จริงคง้าจะให้นางมาอยู่ข้างกายตนมากกว่า คิดไม่ถึงเลยว่าผ่านมาหลายปีแล้ว ฝั่งนั้นก็ยังคลางแคลงตนถึงเพียงนี้
———————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เสี้ยนจู่ (县主)ตำแหน่งท่านหญิง พระธิดาในจวิ้นอ๋องและชายาเอก
[2] จวิ้นอ๋อง(郡王)เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่สองเป็ตำแหน่งรองจากอ๋อง นอกจากโอรสของฮ่องเต้ที่จะได้ตำแหน่งนี้แล้วโดยมากยังมีโอรสในอ๋อง พระราชนัดดาของฮ่องเต้ด้วย