อวี๋เจียวเห็นเขามีน้ำใจเพียงนี้ราวกับไม่ได้แค้นเคืองเพราะนางไม่ยอมออกเงินส่งอวี๋จือโจวไปเรียนในสำนักศึกษาระดับอำเภอแม้แต่นิดจึงเอ่ยพลางแย้มยิ้มจริงใจว่า “ขอบคุณท่านลุงใหญ่เ้าค่ะ”
ก่อนหน้านี้ตอนอวี๋เฉียวซานทำขาเทียม ได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยไว้หนึ่งประโยคเบ้ารับน้ำหนักจะต้องใช้หนังฟอก เขาจึงจดจำเอาไว้
เมื่อรู้ว่านาง้าใช้หนังฟอกในยามนี้ก็เพื่อทำขาเทียมให้น้องรองอวี๋เฉียวซานอยากรู้ว่าขาเทียมของอวี๋เจียวทำให้เมิ่งซานลงจากเตียงมาเดินเหินได้หรือไม่จึงรีบกลับไปเรือนฝั่งตะวันตกไม่นานนัก ในมือเขาถือหนังที่ฟอกเรียบร้อยแล้วสองแผ่นออกมา
อวี๋เฉียวซานหันไปเอ่ยถามอวี๋เจียว“หนังแกะสองแผ่นนี้ใช้ได้หรือไม่?”
อวี๋เจียวรับมาลูบคลำดู โดยรวมเป็ปัญหาจากการฟอกหนัง ทำให้หนังแกะแข็งอยู่บ้างเพียงแต่นี่ถือเป็วัสดุที่ดีที่สุดแล้ว
นางพยักหน้า “ได้เ้าค่ะ”ตลอดหลายวันมานี้าแบนขาของอวี๋เมิ่งซานดีขึ้นมากอวี๋เจียวอยากรีบทำขาเทียมให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเมื่อเป็เช่นนี้อวี๋เมิ่งซานจะได้ปรับตัวให้เข้ากับเบ้ารับน้ำหนักเร็วขึ้นสักหน่อย
อวี๋เจียวใช้มือลูบหนังแกะฟอกหนึ่งแผ่นอย่างคร่าวๆ ชั่วครู่ เอ่ยกับอวี๋เฉียวซานว่า “ท่านลุงใหญ่รบกวนท่านตัดหนังฟอกติดลงบนส่วนที่ข้ากำหนดเอาไว้เ้าค่ะ”
อวี๋เฉียวซานกลับไปเอากรรไกรในห้องอีกครั้งจากนั้นตัดตามที่อวี๋เจียวบอกมา
อวี๋เจียวนำเหล็กที่เอามาจากในตำบลและขาเทียมไม้ที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้มาประกอบข้อเท้ารับน้ำหนักเสียก่อนแม้ว่านางจะรู้หลักการ แต่เพราะถึงอย่างไรก็เป็งานฝีมือเมื่อนางลงมือทำจึงกินแรงอยู่ไม่น้อย
หลังจากอวี๋เฉียวซานตัดหนังฟอกเสร็จได้หันไปถามอวี๋เจียวว่า"ทำไมไม่ให้ข้าทำเล่า? เ้าคอยชี้แนะอยู่ด้านข้างก็พอ"
อวี๋เจียวจึงเบี่ยงกายออกและนั่งยองๆ อยู่ด้านข้างคอยอธิบายวิธีประกอบอุปกรณ์เหล่านี้ให้อวี๋เฉียวซานฟัง
อาจเป็เพราะทำงานไม้มามากมาย ชี้แนะเพียงเล็กน้อยอวี๋เฉียวซานก็เข้าใจทันใด ประกอบขาเทียมอย่างคล่องแคล่วมองดูของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ก่อนหน้านี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในร้านตีเหล็กอย่างไม่สะดุดตานึกไม่ถึงว่ายามนี้ล้วนใช้งานได้อย่างพอเหมาะเลยทีเดียวอวี๋เฉียวซานจิ๊ปากอุทานด้วยความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
ส่วนของเบ้ารับน้ำหนักค่อนข้างละเอียดถ้วนถี่หากผิดพลาดเพียงนิดก็จะผิดพลาดไปทั้งหมด อาจทำให้ต่อมไขมันใต้ิัเสียหายและโครงกระดูกเปลี่ยนรูปหลังจากอวี๋เฉียวซานจัดการชิ้นส่วนอื่นๆ เสร็จเรียบร้อยอวี๋เจียวจึงลงมือจัดการส่วนเบ้ารับน้ำหนักด้วยตนเอง
กินเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ประกอบขาเทียมเสร็จเรียบร้อยเพราะส่วนรับน้ำหนักต้องรับน้ำหนักทั้งร่างอีกทั้งยังไม่มีวัสดุน้ำหนักเบาและทนทาน ทำให้น้ำหนักของขาเทียมไม่เบานักจึงให้อวี๋เฉียวซานแบกเข้าไปในเรือนฝั่งตะวันออกให้แทนอวี๋เจียว
“ท่านอาเมิ่งซาน ท่านลองสวมขาเทียมนี้ดูเ้าค่ะ”อวี๋เจียวเอ่ยกับอวี๋เมิ่งซานที่นอนอยู่บนเตียง
อวี๋เมิ่งซานกับสตรีแซ่ซ่งไม่รู้ว่าขาเทียมคืออะไรเพราะก่อนหน้านี้อวี๋เจียวไม่รู้ว่าจะทำออกมาได้หรือไม่จึงไม่เคยบอกคนในครอบครัวรองมาก่อนทั้งจวนมีเพียงอวี๋เฉียวซานที่รู้เื่นี้เพียงผู้เดียว
อวี๋เฉียวซานวางขาเทียมลงบนเตียงอย่างระแวดระวังเอ่ยอย่างอดใจรอไม่ไหว “น้องรองเ้าอย่ามัวแต่นิ่งอึ้งรีบลองสวมขาเทียมนี้เร็วเข้า ลองดูสิว่าเดินได้หรือไม่!”
สตรีแซ่ซ่งวางเข็มกับด้ายในมือแล้วมองเ้าสิ่งของแปลกประหลาดบนเตียง“ใส่อย่างไรเ้าคะ? ใส่แล้วจะเดินได้จริงหรือเ้าคะ?”
อวี๋เจียวเอ่ยพลางแย้มยิ้ม“ท่านอาซ่งรีบประคองท่านอาเมิ่งซานขึ้นมาเถิดเ้าค่ะจะเดินได้หรือไม่ยังต้องให้ท่านอาเมิ่งซานลองสวมดูเ้าค่ะ”
อวี่ฝูหลิงได้ยินเสียงจึงเข้ามาดูใกล้ๆสตรีแซ่ซ่งประคองอวี๋เมิ่งซานขึ้นจากเตียงตามด้วยพับขากางเกงด้านซ้ายที่ว่างเปล่าของเขา
อวี๋เจียวคุกเข่าช่วยลงสวมขาเทียมลงบนขาข้างซ้ายของอวี๋เมิ่งซานด้วยตนเอง
อวี๋เมิ่งซานเผยสีหน้าประหลาดใจทว่ายังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างว่าง่ายและไม่กล้าขยับเขยื้อน
“ท่านอาเมิ่งซาน ท่านลองลุกขึ้นเดินสักสองก้าวเ้าค่ะ” อวี๋เจียวส่งสัญญาณบอกให้สตรีแซ่ซ่งประคองอวี๋เมิ่งซานลุกขึ้น
สตรีแซ่ซ่งประคองอวี๋เมิ่งซานลุกขึ้นยืนเพียงแต่เขาทิ้งน้ำหนักทั้งร่างไว้ที่ขาด้านขวาและบนกายของสตรีแซ่ซ่ง
“ไม่ต้องกลัวเ้าค่ะ พวกเราทุกคนอยู่ด้วย ไม่มีทางปล่อยให้ท่านล้มแน่เ้าค่ะ”อวี๋เจียวส่งเสียงให้กำลังใจ
ถึงแม้อวี๋ฝูหลิงจะไม่รู้ว่าอวี๋เจียวให้บิดาของนางสวมอะไรแต่ยามนี้ส่วนลึกภายในใจของนางเชื่อใจอวี๋เจียวจึงส่งเสียงให้กำลังใจเช่นกัน“ท่านพ่อ ท่านรีบเดินดูสักก้าวสองก้าวเถิดเ้าค่ะ!”
นับั้แ่อวี๋เมิ่งซานขาขาดก็ไม่เคยคิดว่าจะตนจะยังเดินได้อีกครั้งตลอดหลายวันมานี้เขาคิดว่าตนเป็ภาระคนในครอบครัวอยู่ไม่น้อยครั้งหากไม่ใช่เพราะนิสัยใจคอละมุนละม่อม เขาคงเสียอกเสียใจไปนานแล้ว
ยามนี้เขารู้สึกตื่นเต้น ทั้งยินดีและหวาดกลัวทุกความรู้สึกผสมปนเปอยู่ภายในอก ไม่กล้ายกเท้าเดินออกไป
อวี๋เจียวเดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังอวี๋เมิ่งซานด้วยฝีเท้าแ่เบาในขณะที่ทุกคนไม่ทันสังเกตได้เอื้อมมือออกแรงผลักไปข้างหน้า
อวี๋ฝูหลิงใจนหลุดเสียงร้องออกมาร่างกายของอวี๋เมิ่งซานโงนเงนไปข้างหน้าสตรีแซ่ซ่งที่อยู่ด้านข้างรีบยื่นมือออกไปหมายจะช่วยประคองเขา
ภายใต้สถานการณ์คับขันร่างกายของอวี๋เมิ่งซานมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยสัญชาตญาณขาซ้ายขวาก้าวไปข้างหน้าอย่างซวนเซสองก้าว จากนั้นหยัดยืนได้อย่างมั่นคง
สตรีแซ่ซ่งเผยสีหน้าตื่นเต้น “บิดาของลูกข้า! เมื่อครู่ท่านพึ่งจะเดินได้แล้ว!”
บนใบหน้าหนักแน่นของอวี๋เมิ่งซานเปี่ยมด้วยความเหลือเชื่อขาทั้งสองข้างแข็งทื่อ เขาเงยหน้ามองอวี๋เจียว ภายใต้สายตาปลุกขวัญกำลังใจของนางเขาค่อยๆ ยกขาขวาแข็งทื่อขึ้นก้าวไปข้างหน้าถึงแม้ใต้หัวเข่าข้างขวาจะไร้ความรู้ใดและไม่คุ้นเคยยิ่งนักแต่เขาเดินได้แล้วจริงๆ
“หยิกขาข้าที” อวี๋เมิ่งซานเอ่ยกับสตรีแซ่ซ่งราวกับละเมอ
ดวงตาของสตรีแซ่ซ่งรื้นน้ำตา นางแย้มยิ้มพลางหยิกแขนของเขาอย่างแรงหนึ่งครั้งอวี๋เมิ่งซานเจ็บจนหัวเราะออกมา “เจ็บ ข้าไม่ได้ฝันไป!”
ทุกคนในห้องได้ฟังต่างหัวเราะออกมา อวี๋เจียวเอ่ย “ท่านอาเมิ่งซาน เพิ่งจะใส่ขาเทียมส่วนเบ้ารับน้ำหนักยังต้องฝึกเดินให้เข้าที่ หากมีส่วนใดที่รู้สึกไม่สบายให้บอกข้าวันนี้ให้ลองเดินหนึ่งร้อยก้าว วันต่อไปให้เพิ่มห้าสิบก้าวทุกวันเ้าค่ะ”
อวี๋เมิ่งซานพยักหน้าระรัว “ได้ๆ ถ้าเช่นนั้นภายหน้าขาเทียมนี้ของข้าสามารถใช้ทำงานได้หรือไม่?” สิ่งที่เขาเป็กังวลที่สุดคือตนยังสามารถหาเลี้ยงคนในครอบครัวได้หรือไม่
อวี๋เจียวหัวเราะ “แน่นอนว่าได้เ้าค่ะถึงแม้ขาเทียมนี้จะไม่อาจเทียบกับขาจริง แต่รอให้ภายหน้าท่านคุ้นชินแล้วขอเพียงไม่ใช่งานที่หนักเกินไป ท่านล้วนทำได้เ้าค่ะ”
ภายในใจอวี๋เมิ่งซานรู้สึกยินดียิ่งกว่าเดิมหลังได้ฟังเขาทนไม่ไหวจนอยากออกไปฝึกเดินในลานเรือนเสียประเดี๋ยวนี้สตรีแซ่ซ่งจึงรีบตามเขาไปในลานเรือนด้วยกัน
ไม่รู้ว่าอวี๋ฉี่เจ๋อออกมาจากห้องด้านในั้แ่ยามใดดวงตาเรียวรีดุจดอกท้อทอดมองแผ่นหลังของอวี๋เมิ่งซานสองสามีภรรยาเรียวคิ้วละมุนดุจน้ำหมึกและริมฝีปากบางเผยยิ้มบางเป็ประกายงดงาม
เขายืนอยู่ด้านหลังอวี๋เจียว เอ่ยเสียงเบาว่า “ขอบคุณ”
น้ำเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันลอยผ่านใบหูอวี๋เจียวสะดุ้งใชั่วครู่ นางหันกลับมา ดวงตาดุจผลซิ่งเป็ประกายสดใสฉ่ำน้ำยกยิ้มหวานมองอวี๋ฉี่เจ๋อ เอ่ยเย้าแหย่ว่า “ขอบคุณอย่างไร?”
อวี๋ฉี่เจ๋อนึกถึงวาจาที่บอกให้มอบกายถวายชีวิตในครั้งก่อนของนางบนใบหน้างามดั่งหยกแต่งแต้มด้วยสีชาด ริมฝีปากปริแย้มเล็กน้อยทว่าท้ายที่สุดยังคงไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป
เขาไม่มีสิ่งใด หากให้คำมั่นว่าภายหน้าจะทำอะไรทุกอย่างล้วนแต่เป็เพียงวาจาเลื่อนลอยเท่านั้น
“เอาล่ะ ไม่ต้องขอบคุณ ท่านอาซ่งกับท่านอาเมิ่งซานดีกับข้ามากนี่คือการตอบแทนที่ข้าพอจะทำได้ ล้วนแต่เป็สิ่งสมควร”อวี๋เจียวไม่กล้าเอ่ยวาจาเย้าแหย่เขาซี้ซั้ว เพราะกลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองเช่นครั้งก่อนจนไม่แยแสนางไปอีกหลายวัน
เสียงโหวกเหวกภายในเรือนฝั่งตะวันออกดังรบกวนอวี๋หรูไห่และอีกสองครอบครัวเช่นกันครั้นจู่ๆ เห็นอวี๋เมิ่งซานออกมาเดินในลานเรือน ทุกคนต่างใไปตามๆ กันหลังจากรู้ว่าเป็ผลงานของอวี๋เจียว อวี๋หรูไห่ลอบซาบซึ้งใจเดิมทียังคิดจะบีบบังคับให้อวี๋เจียวนำเงินค่ารักษาออกมายามนี้เขาเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว
