วันนี้เหนียนยวี่ นาง้ามั่นหมายกับท่านอ๋องมู่ เกรงว่าคงจะไม่ง่ายดายขนาดนั้น!
สีหน้าของผู้คนรอบข้างแตกต่างกันไป ทว่าเหนียนยวี่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้ กลับไม่รู้สึกประหลาดใจกับความโปรดปรานที่บังเกิดอย่างกะทันหันเช่นนี้เลย
"เหนียนยวี่ ขอบพระทัยในพระกรุณาของฮองเฮาเพคะ"
เหนียนยวี่โค้งคำนับอย่างสุภาพ นางควบคุมตนเองได้ดี ยามที่เผลอสบตาที่แฝงรอยยิ้มของฮองเฮาอวี่เหวินโดยไม่ได้ตั้งใจ ความอ่อนโยนที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาคู่นั้น สำหรับเหนียนยวี่แล้วกลับกัดกินร่างกายยิ่งกว่าสายลมอันหนาวเย็นในฤดูเหมันต์เสียอีก
ในสายตาของคนอื่นๆ การมาของฮองเฮาอวี่เหวินในวันนี้คือการมาเพื่อแสดงความโปรดปราน ทว่าเหนียนยวี่รู้ดีว่า การมาของฮองเฮาอวี่เหวินในวันนี้ก็เพื่อดูว่าตนจะแสดงความจริงใจกับนางอย่างไร!
“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ แล้วท่านอ๋องมู่เล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
เหนียนเย่ามองด้านหลังของฮองเฮาอวี่เหวิน มองแล้วมองเล่า ครั้นไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านอ๋องมู่ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านอ๋องมู่ออกไปจัดการงานหลวงที่ต่างเมือง ผู้คนทั้งวังหลวงต่างรับรู้เื่นี้ ทว่าวันนี้เป็วันที่เขาต้องมาสู่ขอแล้ว ท่านอ๋องมู่น่าจะมาถึงได้แล้ว แต่...
แต่เหตุใดยังไม่มาเล่า?
ครั้นเอ่ยถามเช่นนี้ ทำให้แทบทุกคนที่นั้นต่างหันมาสังเกตเห็นการหายไปของท่านอ๋องมู่ ฮองเฮาอวี่เหวินยกยิ้มราบเรียบ ราวกับไม่ได้ยินคำถามของเหนียนเย่า ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศพลันแปลกประหลาดขึ้นทันใด
กลับกัน ครั้นองค์หญิงใหญ่ชิงเหอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงชำเลืองมองเหนียนยวี่และก้าวเข้าไปหานาง โดยมีจือเถาคอยประคองอยู่ข้างกาย “ยังนิ่งรออะไรที่นี่กันอยู่อีก งานเลี้ยงเตรียมพร้อมเสร็จแล้วหรือ? เปิ่นกงยืนรอนานแล้ว”
ทุกคนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเบนสายตามองท้องโค้งนูนขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ แม้แต่เสื้อตัวใหญ่ยังปกปิดได้ไม่มิดชิด
ตาม่เวลาแล้ว อีกไม่นาน ดูเหมือนว่าจะใกล้กำหนดคลอดแล้ว ร่างกายขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอในเวลานี้เป็สิ่งที่มีค่าที่สุด หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่ว่าผู้ใดก็คงรับผิดชอบไม่ไหว
ทันใดนั้น เหนียนเย่าจึงเร่งรีบจัดการทันที ทุกคนหลีกทางให้และนำทางฮองเฮาอวี่เหวินกับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอไปยังที่นั่งหลัก
เหนียนยวี่ครุ่นคิดถึงคำมั่นสัญญาที่นางกับฉู่ชิงรับปากกันไว้...ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย คนที่ควรมา คนที่ไม่ควรมาล้วนมากันหมดแล้ว ทว่าเหตุใดฉู่ชิงยังไม่มาอีก?
หากมีการสู่ขอ ตามธรรมเนียมของเป่ยฉี ไม่ว่าจะท่านแม่ทัพเอกหรือฮูหยินแม่ทัพเอก สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคนหนึ่งตามมาด้วย ทว่า...เหนียนยวี่หันมองไปทางประตูจวน มิรู้เพราะเหตุใด นางถึงมีความคาดหวังในใจว่าบุรุษที่สวมหน้ากากสีเงินจะปรากฏตัวในไม่ช้า
หลายคนต่างััได้ถึงความวิตกกังวลและความคาดหวังในดวงตาของเหนียนยวี่
หนานกงฉี่ หลีอ๋องจ้าวเยี่ยน...ตลอดจนกระทั่งเหนียนอีหลาน รวมถึงหนานกงเยวี่ย ฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนและคนอื่นๆ อีกมากมาย
ในสายตาของพวกเขา คิดเพียงแค่ว่าคนที่เหนียนยวี่กำลังรออยู่คือ ท่านอ๋องมู่
กำลังรอจ้าวอี้หรือ?
จ้าวเยี่ยนเลิกคิ้ว ั์ตายิ้มเยาะเบาบาง ฉายประกายเย็นเยียบวาววับพาดผ่าน
วันนี้ แม้นเหนียนยวี่จะรอจ้าวอี้นานเท่าใดก็ตาม คงจะได้เห็นแค่ข่าวการตายของจ้าวอี้เท่านั้น!
“ฮ่าๆ ขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมฉลองวันเกิดของยวี่เอ๋อร์ที่จวนเหนียนในวันนี้ ยวี่เอ๋อร์ผ่านพิธีบรรลุความเป็ผู้ใหญ่มาแล้ว และในวันนี้ นางจะอายุครบสิบห้าปี นางจะได้เป็สตรีวัยสะพรั่งที่พร้อมออกเรือนอย่างแท้จริง”
ระหว่างที่ทุกคนครุ่นคิด ทันใดนั้นฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนพลันเอ่ยปากขึ้นมากะทันหันอย่างโอบอ้อมและเปี่ยมด้วยความรักใคร่เอ็นดู
ฮองเฮาอวี่เหวินกับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอมากันหมดแล้ว ยิ่งยามที่อยู่ที่ศาลาริมน้ำเมื่อครู่นี้ กลับเกิดเื่ที่ไม่ควรเกิดขึ้นเสียได้ เื่ที่ควรเกิดกลับไม่เกิด ยามนี้นางต้องจำใจยอมรับ ในใจของนางรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย พลางครุ่นคิดถึงแผนการของตนเอง โชคยังดีที่ในยามนี้ท่านอ๋องมู่ยังมาไม่ถึง พวกนางควรฉวยโอกาส ตอนที่ท่านอ๋องมู่ยังมาไม่ถึง เปิดเื่การแต่งงานของเหนียนยวี่เสียก่อน ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบเสมอ
ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยจบ ในใจของคนบางกลุ่มพลันพองฟูขึ้นทันที
สตรีที่พร้อมออกเรือน...
ทุกคนหันไปมองเหนียนยวี่ ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ วงคิ้วของหนานกงเยวี่ยพลันขมวดมุ่นอย่างอดไม่ได้
พร้อมออกเรือนหรือ?
จ้าวอี้สู่ขอ นางก็จะได้ขึ้นเป็มู่หวังเฟยหรือ?
มิรู้เพราะเหตุใด ในใจของหนานกงฉี่กลับอึดอัดและตื่นตระหนกเล็กน้อย ราวกับมีอะไรเข้ามากั้นขวางไว้ หายใจเข้าก็ลำบาก หายใจออกก็ลำบากเช่นกัน
ดวงตาของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนกวาดมองเหนียนอีหลาน ครั้นเห็นความร้อนรนที่วาบผ่านในสายตาของสตรีผู้นั้น เขารู้ดีว่า เหนียนอีหลาน้าผูกการแต่งงานของเหนียนยวี่กับชายเฒ่าขายเนื้อแซ่จู คนขายเนื้อแซ่จูนั่น...ดวงตาของจ้าวเยี่ยนหรี่ลงเล็กน้อย เหนียนยวี่เป็สตรีที่ฉลาดไหวพริบดีถึงเพียงนั้น ชายเฒ่าขายเนื้อเช่นนั้น จะคู่ควรกับนางได้อย่างไร?
เมื่อครู่ที่ผ่านมา ในห้อง...
ในหัวจ้าวเยี่ยน ภาพความเกลียดชังของเหนียนยวี่ที่มีต่อเขาที่ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจจางหายไปได้ แทบในทันทีนั้น ความคิดที่เคยผุดขึ้นในใจของจ้าวเยี่ยนแวบเข้ามาในหัวเขาอีกครั้ง
เมื่อเทียบกับคนขายเนื้อแซ่จู นางน่าจะยอมใกล้ชิดกับตนเองมากกว่าเป็แน่?!
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว แม้เขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับชายเฒ่าขายเนื้อคนนั้น ทว่ายามนี้หากตนสามารถช่วยนางออกมาจากชายเฒ่าขายเนื้อแซ่จูได้ มิใช่ว่านางก็จะมีความรู้สึกดีๆ กับเขามากขึ้นหรอกหรือ?
และหนทางในการช่วยนั้น...
สู่ขอ...
วันนี้จ้าวอี้ไม่สามารถมาสู่ขอได้แล้ว เช่นนั้นตัวเขาเหตุใดจะไม่ก้าวเข้าไปทำตามใจตัวเอง
จ้าวเยี่ยนหันมองเหนียนยวี่ แค่เห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของนาง ยามขอให้นั่งข้างกายองค์หญิงใหญ่ชิงเหออย่างว่านอนสอนง่าย ราวกับไม่รู้ว่าจะมีเื่อะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่รู้แทบทุกอย่าง และมีแผนการในใจรองรับไว้แล้ว
เหนียนยวี่ผู้นี้ แต่ไหนแต่ไรมาเป็คนที่ยากจะคาดเดามาโดยตลอด เป็คนที่เข้าใจยาก ราวกับมีเวทมนตร์ดึงดูดเขาก็ไม่ปาน ทำให้ผู้คนอยากจะสำรวจ
เหนียนยวี่...
ครั้นครุ่นคิดเื่ที่จะสู่ขอ สายตาของจ้าวเยี่ยนที่หันไปมองเหนียนยวี่ สายตาของเขาพร่างพราวมากขึ้น เขาอยากรู้เหลือเกินว่า เหนียนยวี่จะตอบรับและมีท่าทีกับการสู่ขอของเขาอย่างไร!
“ใช่แล้ว ยวี่เอ๋อร์ในยามนี้สามารถแต่งงานออกเรือนได้อย่างแท้จริงแล้ว เปิ่นกงรู้จักคุณชายหล่อเหลามีความสามารถอยู่ พวกเขาเป็คู่ที่สมบูรณ์แบบ ทั้งคู่เหมาะสมกันมากจริงๆ”
ครั้นฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเอ่ยจบและจะเอ่ยเข้าประเด็น ทันใดนั้นเสียงขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอดังขึ้นมาก่อนอย่างเหนือความคาดหมาย น้ำเสียงของนางชัดเจนราบเรียบ ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยอารมณ์สูงศักดิ์น่าเกรงขามที่ดูเป็ธรรมชาติ ยิ่งเป็การเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้นก็ยิ่งทำให้ผู้คนไร้ซึ่งแรงยับยั้งความสนใจของตนเอง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกเอ่ยออกมา ชั่วขณะหนึ่งทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงทันที
คุณชายหล่อเหลามีความสามารถ คนที่องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยถึง คงจะเป็ท่านอ๋องมู่อย่างแน่นอน!
เมื่อเอ่ยคำพูดขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอกับฮองเฮาอวี่เหวินมารวมกันแล้ว...
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะคาดเดากันไป ในใจของผู้คนล้วนคิดว่า องค์หญิงใหญ่ชิงเหอคงจะเอ่ยเปิดฉากให้ท่านอ๋องมู่สู่ขอ ชั่วขณะนั้นแทบทุกคนในเหตุการณ์ต่างกลั้นหายใจตั้งตารอคอย ทว่าในใจของผู้คนบางส่วน กลับรู้สึกคับแน่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เหนียนอีหลานเหลือบมองหนานกงเยวี่ยตามสัญชาตญาณ แววตานั้นแสดงความตื่นตระหนกและร้อนรนมากเสียจนปิดบังไม่ทัน หนานกงเยวี่ยสังเกตเห็นแววตาของเหนียนอีหลาน และในเวลาเดียวกัน เหนียนยวี่เองก็ััได้ถึงอารมณ์ในแววตาของนางเช่นกัน ดูเหมือนมีบางอย่างะเิอยู่ในใจนาง ทว่าเพียงพริบตาสายตาคู่นั้นก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม
เหนียนอีหลาน...นางกำลังตื่นตระหนกอยู่หรือ?
นางชอบที่ได้เห็นท่าทีตื่นตระหนกของเหนียนอีหลาน ไม่เพียงเท่านี้ ครั้นนึกถึงชายเฒ่าขายเนื้อคนเมื่อครู่นี้แล้ว...
ดวงตาของเหนียนยวี่เหลือบเห็นหนานกงเยวี่ยอย่างไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของหนานกงเยวี่ยเองก็ตื่นตระหนกไม่ต่างจากเหนียนอีหลาน
“องค์หญิงใหญ่ช่างใส่ใจมากเพคะ คุณชายหล่อเหลามากความสามารถที่องค์หญิงชื่นชม คงจะเป็คนที่โดดเด่น เป็ชายชาตรีที่หาได้ยากเป็แน่เพคะ ทว่าน่าเสียดาย...” หนานกงเยวี่ยฉีกยิ้มมุมปาก ท่าทีดูเคารพ ทว่าครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ นางกลับทอดถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
“น่าเสียดายหรือ? เหตุใดจึงน่าเสียดาย?” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกวาดตามองหนานกงเยวี่ย นางยังไม่ลืมว่า ั้แ่ไหนแต่ไรมา หนานกงเยวี่ยผู้นี้ไม่เคยมีเจตนาดีกับเหนียนยวี่เลยสักครั้ง สตรีผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่?
สายตาที่องค์หญิงใหญ่เหลือบมอง แม้แต่ในใจของหนานกงเยวี่ยยังขลาดกลัว นางเอ่ยออกไปเช่นนี้ คงทำให้องค์หญิงใหญ่ชิงเหอขุ่นเคือง ทว่าเมื่อนึกถึงแผนการของวันนี้ นางเองก็มิอาจยอมแพ้ได้เช่นกัน มิเช่นนั้น นางเหนียนยวี่จะต้องได้ขึ้นไปครองตำแหน่งพระชายาเอกของท่านอ๋องมู่ ‘มู่หวังเฟย’ เป็แน่ จะยอมให้เป็เช่นนั้นได้อย่างไร!
ดังนั้น...