ถุงมือสีดำกำลังเปล่งประกายเย็นะเืออกมาสายตาของเฉินผิงราวกับถูกมันดูดเข้าไป แค่มองก็รู้สึกราวกับว่าหมัดของหลินอี้น่าจะหนักหน่วงดุจขุนเขา
“ไม่นะ!!!!”
ผู้าุโตระกูลเฉินที่ถูกหลินหยางดึงตัวเอาไว้นั้นเมื่อเขาเห็นถุงมือนั่นของหลินหยาง ก็เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างกับหมูในโรงเชือดทำให้เขาเร่งพลังขึ้นมาป้องกันไม่ทัน ในจังหวะนั้นเองหมัดสั่งตายของยมทูตก็พุ่งเข้าใส่หัวของเขาเต็มๆ
ตูมม
เสียงอัดกระแทกดังขึ้นตูมใหญ่
ทั้งเืสีแดงสดและเศษสมองสีขาวกระเด็นมาเปรอะทั่วทั้งตัวและใบหน้าของหลินหยางสภาพของเขาตอนนี้ดูคล้ายคลึงกับเทพอสูรที่เพิ่งปีนป่ายขึ้นมาจากนรกสายตาสุดเ็าและอำมหิตคู่นั้น แม้แต่เฉินผิงก็ยังต้องเผลอสูดหายใจเข้าไปลึกๆ
นี่...นี่มันใช่มนุษย์แน่หรือ?
แม่มันเถอะไอ้เวรนี่มันยังเป็มนุษย์อยู่ใช่ไหม?
หรือว่าเ้าหลินอี้นี่มันจะเป็ปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากกองซากศพคนตายไม่อย่างนั้นมันจะสามารถบดขยี้หัวคนทิ้งโดยไม่กะพริบตาแบบนี้ได้หรือ
สายตาอำมหิตแบบนั้น จิตสังหารแบบนั้นมันโหดยิ่งกว่าพวกสัตว์ประหลาดที่โเี้ที่สุดที่เฉินผิงเคยเจอมาเสียอีก!!
ตึงง
หลินหยางปล่อยมือซ้ายที่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกอะไรแล้วลงจากนั้นศพของผู้าุโตระกูลเฉินที่ศีรษะของเขาแหลกเละไม่มีชิ้นดีนั้นก็ร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
เสร็จไปอีกหนึ่ง!!
ยังเหลืออีกสอง!!!!
หลินหยางยกแขนซ้ายของเขาไม่ขึ้นแล้วแต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากต้องสละมันทิ้งเสีย
ถุงมือที่เขาสวมใส่อยู่นั้น มีสมบัติิญญาที่ชื่อว่า ‘เสริมพลัง’ อยู่เมื่อใช้ร่วมกับพลังเทพอัคคีด้วยจะทำให้หลินหยางสามารถะเิพลังมหาศาลออกมาได้ถึงห้าพันชั่งในเสี้ยวพริบตาแต่โอกาสที่จะโจมตีโดนเองก็มีน้อยมากด้วยเช่นกัน
เขาต้องใช้พลังเกราะเพลิงคุ้มกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายตัวเองและต้องสละแขนตัวเองไปข้างหนึ่งเพื่อแลกกับชีวิตของจอมยุทธ์ระดับเซียนเทียนมาหนึ่งชีวิต
เือุ่นๆ ที่เปรอะไปทั่วทั้งตัวและใบหน้าของเขามันยิ่งไปปลุกกระตุ้นความกระหายเืในตัวให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกจนแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าหวาดกลัว ตอนนี้เขาเหมือนกับไม่รู้ถึงความเ็ปเลยแม้แต่น้อยเขาค่อยๆ ยกแขนขวาที่ราวกับว่าสามารถสั่นะเืไปทั้ง์ได้ขึ้นมาแล้วชี้ไปที่หน้าของเฉินผิง
“ใครจะเป็คนต่อไป!!!!”
ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดนานกว่าครึ่งนาที
เฉินผิงรู้สึกอย่างกับว่าตัวเองต่างหากที่เป็ฝ่ายเจ็บหนักเขาไม่ค่อยได้เห็นใครบ้าเืเหมือนเ้าหนูนี่เท่าไรนัก
แต่ว่า...
แค่ความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวนั้นมันไม่พอที่จะเอาชนะการต่อสู้ได้หรอก!!
ไปตายซะเถอะ!!!!
เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดดังขึ้น เฉินผิงและพวกที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็เปิดฉากพุ่งเข้าใส่หลินหยางอีกครั้ง
หลินหยางะเิเสียงหัวเราะดังฮ่าฮ่าแล้วจึงพุ่งสวนกลับไปทางศัตรูโดยไม่หวั่นเกรง
การต่อสู้เพื่อตัดสินความเป็ความตายได้เริ่มต้นขึ้นเล้ว
สิ่งที่หลินหยางพอจะพึ่งได้ มีแค่ความสามารถในการเรียกเก็บูเาอัญมณีขนาดมหึมาและถุงมือระดับิญญาที่มีความสามารถในการเสริมพลังเท่านั้นเขาใชู้เาอัญมณีในการป้องกันการโจมตีของศัตรูและใช้ถุงมือเพื่อเข้าไปโจมตีใส่ศัตรูอีกคนที่อ่อนแอกว่า
เขาคิดจะใช้พลังชีวิตเฮือกสุดท้ายเพื่อที่จะแลกชีวิตกับศัตรู
ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง ทุกส่วนของร่างกายล้วนสามารถใช้เป็อาวุธได้
ถึงเขาจะถูกเฉินผิงซัดเข้าใส่ไปหนึ่งฝ่ามือจนกระเด็นออกมาพร้อมกับเืที่สาดกระจายกระนั้นเขาก็ยังสามารถเข้าประชิดศัตรูอีกคนได้ และใช้ฟันกัดเข้าที่ลำคอของมันแล้วจึงฉีกกระชากเนื้อของอีกฝ่ายออกมา
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมหลินหยางถึงสามารถยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูที่เป็ยอดฝีมือสุดแกร่งสองคนพร้อมกันได้นานถึงยี่สิบนาที
แต่สุดท้ายหลินหยางก็เสียท่า เฉินผิงรวบรวมพลังเอาไว้ที่ขาของเขาจากนั้นก็พุ่งเข้าไปะโถีบใส่หลินหยางจนตัวปลิวไปชนเข้ากับูเาอัญมณีอย่างแรง
หลินหยางถูกซัดจนตัวติดอยู่บนูเานั่นร่างกายของหลินหยางใกล้จะแตกหักอยู่รอมร่อไม่นานเขาก็ร่วงลงมากองอยู่ที่พื้นราวกับเมือกเหลวๆ ก้อนหนึ่ง
ฟู่...ฟู่...
เฉินผิงหอบหายใจหนักราวกับว่าเขาเพิ่งตื่นจากฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตมา
ส่วนผ้าุโระดับเซียนเทียนคนสุดท้ายที่ยังรอดชีวิตอยู่นั่นตอนนี้กำลังยืนห้ามเืตรงคอที่ตอนนี้ก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด เขาหน้าซีดราวไก่ต้มแววตาหม่นหมองราวปลาตาย สุดท้ายก็ต้องลงไปคุกเข่าที่พื้นจากนั้นไม่นานก็สิ้นลมนอนตายอยู่ตรงนั้น
คนที่สาม
สุดท้ายหลินหยางก็ยังสามารถสังหารยอดฝีมือระดับเซียนเทียนคนที่สามไปได้
ความสามารถระดับแค่ชุ่ยถี่ แต่กับฆ่าระดับเซียนเทียนขั้นต้นทิ้งได้ถึงสามคนทำเอาเฉินผิงที่เป็ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นกลางถึงกับอกสั่นขวัญแขวนเื่แบบนี้ถ้าเล่าออกไปให้คนอื่นฟังละก็จะต้องะเืขวัญคนทั่วทั้งทวีปชี่อู่แน่
แต่นี่กลับเป็เกียรติยศสุดท้ายของชีวิตเขาแล้ว
ค่อก...ค่อก.... ผุด!!
หลินหยางนั่งพิงไปทีู่เาอัญมณีที่อยู่ข้างหลังเขาอย่างอ่อนแรงจากนั้นก็อ้วกเอาเืสดๆและเศษของอวัยวะภายในที่ฉีกขาดออกมา
หลินหยางกลับยังยิ้มได้อยู่
รอยยิ้มนั่นทำให้เฉินผิงรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
เ้าเด็กนี่มัน...มันคงไม่ลุกขึ้นมาอีกใช่ไหม?
แต่สุดท้ายแล้วหลินหยางก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะใช้ต่อสู้แล้ว...
อย่างไร...ก็ไม่ไหวหรือ?
สติของเขาเริ่มตกลงสู่วังวนแห่งความสับสนราวกับว่ามีแรงดึงดูดปริมาณมหาศาลมาฉุดดึงเขาให้ตกลงไปในความมืดมิดที่ไร้ก้นบึ้ง
“เป็อย่างไรเล่าเ้าเด็กบ้าในที่สุดก็หมดแรงแล้วสินะ!!”
เฉินผิงหายใจเข้าลึกๆ ไปเฮือกหนึ่งแล้วจึงเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของหลินหยาง จากนั้นก็บีบเข้าที่คอของอีกฝ่ายจากนั้นก็ดึงออกมาจากูเาอัญมณีแล้วจึงยกขึ้นกลางอากาศ
เพียะ เพียะ
เฉินผิงตบเข้าที่ใบหน้าของหลินหยางไปสองครั้ง
“มาสิ? เข้ามาอีกสิ?เ้ามากัดข้าสิ!!!!”
เฉินผิงคิดจะเหยียดหยามหลินหยางเพื่อระบายความโกรธแค้นและความหวาดกลัวในใจของเขาออกมา
บ้าเอ๊ย!!!!
หลินหยางสูญเสียประสาทััทั้งหมดไปแล้วถึงเขาจะโมโหจนไฟแค้นในใจเขาลุกโชนอย่างรุนแรงแค่ไหน แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ไอ้ชาติชั่วเฉินผิงนี่รังแก
สุดท้ายเขาก็สลบไปโดยสมบูรณ์
หลินหยางที่ไม่ยอมก้มหัวให้ศัตรูเลยนั้นในที่สุดก็สลบจนคอตกลงต่อหน้าเฉินผิง
“หึ ข้าบอกแล้วไงว่า จะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องตายแต่เ้ากลับบังคับให้ข้าต้องเสียแรงไปมากขนาดนี้!! หลินอี้ เ้าอย่าคิดว่าจะได้ตายสบายๆแบบนี้เลย ข้าจะทรมานให้แกรู้สึกเสียใจที่ได้เกิดเป็มนุษย์เลย!!”
เฉินผิงบีบคอของหลินหยางแน่นขึ้นเรื่อยๆเขาคิดจะปลุกให้หลินหยางตื่นด้วยวิธีนี้ แต่หลินหยางกลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านแล้วโดยสิ้นเชิง
“โว้ย!!”
เฉินผิงรู้สึกหน้าแตกจนโมโหแทนพร้อมกับสบถออกมาคำหนึ่ง
“เ้าสวะไร้ค่า เ้าคิดว่าสลบไปแล้วก็จะหมดเื่เลยหรืออย่างไรข้าจะหักกระดูกทั้งตัวของเ้าทิ้งเสีย เอาให้สะใจไปเลย!!”
พอกล่าวจบ เขาก็ยกมือขึ้น เตรียมเหวี่ยงหลินหยางทิ้งลงพื้นแล้วแต่ในจังหวะที่เขากำลังจะลงมือนั่นเอง หลินหยางพลันยกหัวขึ้น
ั์ตาที่ทำให้เฉินผิงรู้สึกหวาดผวาคู่นั้นก็ได้เปิดขึ้นอีกครั้งแต่ว่าครั้งนี้ ั์ตาของหลินหยางก็เปลี่ยนไปเป็สีแดงสดดุจโลหิต
“เ้า...”
เฉินผิงมองเข้าไปในดวงตาของหลินหยาง
แววตาแบบนั้นมันไม่ใช่แววตาของมนุษย์แล้วลูกตาของหลินหยางกลับมีเปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่ภายในนั้น
“เ้าเด็กเวร นี่เ้าคิดจะมาไม้ไหนอีก? ตายไปซะ!!!!”
เฉินผิงกลับคำทันที
เขาไม่คิดจะทรมานอะไรหลินหยางอีกแล้ว เร่งพลังขึ้นที่มือของตัวเองหวังจะขยี้ลำคอเด็กหนุ่มที่ทำให้รู้สึกหวาดผวาคนนี้ให้ตายอย่างสมบูรณ์
แต่มันก็สายไปแล้ว
พลังอันร้อนแรงจนน่าสะพรึงสายหนึ่งวิ่งแล่นออกมาจากลำคอของหลินหยางได้ยินเสียงเนื้อไหม้ดังซู่จนต้องรีบดึงมือซ้ายของตัวเองกลับมา
“นี่มัน...เ้าใช้วิชามารอะไรอีกแล้ว!!!!”
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฝ่ามือของจอมยุทธ์ระดับเซียนเทียนขั้นกลางอย่างเขาจะถูกพลังอันร้อนแรงนั่นเผาไหม้จนเนื้อเกรียมเป็สีดำควันสีขาวลอยขึ้นมาพร้อมกับความเ็ปแสนสาหัสจนเขาถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น
เขามองไปที่หลินหยางอีกครั้ง ตอนนี้มันกลับมายืนบนพื้นอีกแล้ว
ดวงตาสีโลหิตที่กำลังลุกไหม้คู่นั้นจับจ้องมาที่เฉินผิงตรงๆ
“ไม่...เป็ไปไม่ได้...”
เฉินผิงแทบจะเป็บ้าอยู่รอมร่อแล้วเมื่อครู่เขามั่นใจมากว่าเล่นงานหลินหยางจนยับเยินเละเทะไปแล้ว แต่ทำไมมันยังยืนด้วยท่าทีสบายๆแบบนั้นได้อยู่เล่า
แถมยังมีพลังงานความร้อนสุดอันตรายนั่นอีก...
นี่มันเกิดเื่บ้าอะไรขึ้นกันแน่?
“เ้าใช่ไหมที่คิดจะทำลายร่างสถิตของจักรพรรดิอย่างข้า?”
หลินหยางเปิดปากพูดแล้ว น้ำเสียงนั่นเย็นเยือกดุจน้ำแข็งพันปีดูองอาจราวกับราชันจากสรวง์ แตกต่างกับเด็กหนุ่มก่อนหน้าราวกับคนละคน
“หลินอี้ เ้า เ้าเป็ใครกันแน่...”
เฉินผิงไม่ได้โง่เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวของหลินหยางเสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ รู้สึกแต่เพียงว่าตัวเองเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหลินหยางแล้วช่างต้อยต่ำยิ่งกว่ามดปลวกเสียอีก
“เ้า คิดจะหักกระดูกของข้าทั้งตัวเลยอย่างนั้นหรือ?”
หลินหยางนำคำพูดสบถของเฉินผิงมาพูดซ้ำอย่างสนุกปากเหมือนกับว่าเขากำลังล้อเล่นกับอีกฝ่ายอยู่
“อืม วิธีตายแบบนี้ก็ไม่เลว เหมาะกับเ้าดี...หืม?เ้ามดปลวกนี่ขี้ขลาดขนาดนี้เลยรึ ต้องใส่หน้ากากตลอดเวลาแบบนี้เสียเกียรติจักรพรรดิอย่างข้าจริงๆ...”
หลินหยางค่อยๆ ยกมือขึ้นปลดเอาหน้ากากที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดนี่ออก
ในที่สุดเฉินผิงก็ได้เห็นใบหน้าที่เขาไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิตนั่น
“หลิน หลินหยาง... เ้ายังไม่ตาย!!!!”
เฉินผิงรู้สึกใจนเหมือนกับว่าิญญากำลังจะหลุดลอยออกจากร่าง
เ้าผู้าุโตระกูลเวินที่ทำให้เขาต้องเหนื่อยแทบตายนั่นกลับเป็เ้าโง่ที่เคยถูกเขาลงมือฆ่าทิ้งพร้อมกับเผาศพด้วยตัวเอง
หลินอี้?
ตายแล้วเกิดใหม่?
หรือว่าเป็ภูตผีที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด?
เฉินผิงยืนมองหลินหยางที่ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเขาทีละก้าวจนเขาสั่นไปทั้งตัว ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ด้วยเลยแม้แต่น้อย ทำได้แค่ค่อยๆ ถอยหนีทีละก้าว
“เป็ไปไม่ได้... เป็ไปไม่ได้... เป็ไปไม่ได้...”
เฉินผิงพูดคำว่าเป็ไปไม่ได้ออกมาสามครั้งติดกันเขาสับสนจนแทบเป็บ้า
เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องรีบหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันพิสดารเกินกว่าที่เขาจะทำความเข้าใจได้เขาต้องรีบกลับไปรายงานเื่ทั้งหมดให้เฉินเย่เซิงฟังเสียก่อน
เ้าหลินหยางนั่น...มันยังไม่ตาย!!!!
เฉินผิงหันตัวดังฟึบเร่งพลังขึ้นที่ขาทั้งสองแล้วจึงถีบตัวพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ความเร็วที่เขาใช้หนีนั้นเป็ความเร็วสูงสุดที่เขาสามารถทำได้แล้วแต่น่าเสียดายที่ในจังหวะที่เขากำลังดีดตัวออกไปนั่นเอง หลินหยางก็ชูมือขึ้นฟ้า
ทั้งโลกพลันหยุดนิ่งลงทันที
เฉินผิงรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเขากลายเป็กำแพงที่มองไม่เห็นหยุดเขาเอาไว้กลางอากาศ ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว
“อา...อา...”
ริมฝีปากอันไร้เรี่ยวแรงนั่น อ้าปากพะงาบๆ ราวไก่ป่าที่กำลังหวาดกลัวแต่กลับไม่สามารถส่งเสียงอะไรออกมาได้เลยทำได้แค่มองตัวเองที่ถูกพลังสุดพิสดารบางอย่างหยุดเอาไว้ เขาค่อยๆ หันไปหาหลินหยาง
“เ้ายังคิดจะหนีอีกหรือ?”
หลินหยางขยับมือของตัวเองเพียงเล็กน้อยทำให้เฉินผิงหันกลับมาหาเขา น้ำเสียงยังคงนิ่งสงบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นราวกับว่ากำลังพูดอยู่กับมดปลวกอยู่ก็มิปาน
เฉินผิงใจนแทบจะเสียสติ
นี่มันอภินิหารที่มีแต่พวกเทพเ้าเท่านั้นถึงจะใช้ได้หลินหยางนี่ ตกลงแล้วมันคือตัวอะไรกันแน่?
หลินหยางแบมือออกราวกลับว่ากำลังถือพานดอกไม้เอาไว้อยู่แต่ตอนที่เขาค่อยๆ กำมือเข้ามานั้น เหตุการณ์สุดสะพรึงก็บังเกิดขึ้น
แกรก แกรก
ทั้งตัวของเฉินผิงกำลังบิดไปมาอย่างพิสดาร
แววตาของเขาตอนนี้หม่นหมองราวกับปลาตายตัวหนึ่งทำได้แค่มองดูร่างกายของตัวเองที่ตอนนี้ถูกบิดจนมีสภาพแปลกประหลาดข้อต่อทุกส่วนของเขาถูกบิดจนแตกเละเป็เศษผง...
อื้ออออออ!!!!
เฉินผิงอยากกรีดร้องออกมาใจแทบขาดแต่แค่จะอ้าปากเขายังทำไมได้เลย
ความเ็ปแสนสาหัสเกินกว่ามนุษย์จะทนได้นี่ถูกอัดอั้นเอาไว้ภายในร่างกายของเขาโดยที่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้เหมือนกับว่าความรู้สึกเ็ปเองก็เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วยประมาณสิบเท่า
น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลินหยางในตอนนี้มันคืออสูรกายเืเย็นชัดๆถึงจะเห็นเฉินผิงที่ต้องทนทรมานกับความเ็ปแสนสาหัสที่สุดในโลกมนุษย์แบบนี้แล้วบนใบหน้าก็ยังคงนิ่งสงบไร้ซึงวี่แววของอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
“ยังไม่ถึงจุดที่กระดูกหักทั้งตัวแบบที่เ้าพูดเสียหน่อย”
คำพูดของหลินหยางทำเอาเฉินผิงสิ้นหวังทันที