เฉินผิงในตอนนี้มีสภาพเป็เหมือนลูกบอลมนุษย์หลังจากนั้นหลินหยางก็ใช้ฝ่ามือตบลงมาแรงๆ หนึ่งที
เพียะ
ลูกบอลเนืุ้์อย่างเฉินผิงก็ถูกน้ำหนักอันมหาศาลเกินกว่าจะจินตนาการได้ทุบลงจนตกลงไปกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
เขารู้สึกชาไปทั้งตัว ร่างกายแหลกเละ แรงกระแทกอันหนักหน่วงนั่นทำให้ทั้งกระดูกและเืเนื้อทั้งหมดในร่างกายั้แ่ส่วนคอลงไปล้วนถูกบดขยี้จนกลายเป็ซากเละๆ
มีแค่ส่วนหัวเท่านั้นที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์อยู่ซึ่งนั่นก็เป็เพราะหลินหยาง้าจะให้มันได้ฟังคำพูดสุดท้ายของเขา
“ยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะ...เ้าทำร้ายร่างสถิตของข้าถึงสองครั้งฉะนั้นต้องถูกลงโทษโดยการทำลายิญญาทิ้ง”
ทำลายิญญา!!!!
เฉินผิงอยากตายมันเสียตอนนี้เลยดีกว่าต้องมานั่งฟังคำพูดสุดสยองพรรค์นี้
เ้าหลินหยางนี่มันยมทูต มันคือจอมมาร!!
มัน...มัน... ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฆ่าข้าที!!!!
ความคิดที่จะขอความช่วยเหลือของเฉินผิงนั่นกลายเป็เืสดๆ คำสุดท้ายที่เขาสำลักออกมาจากนั้นก็สิ้นใจโดยที่ตายตาไม่หลับ แววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หลินหยางแค่มองดูเฉินผิงสิ้นลมแบบเงียบๆ เท่านั้น หลังจากนั้นภายในดวงตาที่ดูราวกับว่ามีเปลวไฟสีโลหิตกำลังลุกโชนอยู่ในนั้น ก็มีลูกไฟลูกเล็กๆ ลอยออกมาจากนั้นมันก็บินไปที่ซากศพของเฉินผิง
ตูม
เปลวไฟสีดำพลันลุกไหม้ขึ้นบนซากศพของเฉินผิงเปลวไฟแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถพบเห็นได้ในภพมนุษย์มันมีอุณหภูมิที่สูงจนน่าหวาดหวั่น ร่างกายของเฉินผิงไม่ได้ถูกเผาจนกลายเป็เถ้าถ่านแต่ถูกเผาจนสลายหายไปในอากาศเลยทันที
อ๊ากกก!!!!
ราวกลับว่ามีเสียงกรีดร้องอันแสนเ็ปของดวงิญญาสุดอาภัพ
เฉินผิงนั่น ขนาดตายจนกลายเป็ผีไปแล้วก็ยังไม่สามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือมารของหลินหยางได้ สุดท้ายก็ถูกทำลายิญญาทิ้งจริงๆ
หลังจากจบเื่แล้ว ทุกอย่างก็หวนกลับคืนสู่ความสงบ
หลินหยางยืนนิ่งๆ อยู่กับที่สายลมที่พัดผ่านในพงไพรก็ไม่อาจขยับเส้นผมของเขาได้แม้แต่เส้นเดียวเหมือนกับว่ารอบตัวเขามีพลังบางอย่างที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปกคลุมอยู่ ทำให้เขาหลุดออกมาอยู่เหนือกว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้
สีหน้าของเขาดูด้านชาและเหนือธรรมชาติสายตาของเขาราวกับสามารถมองทะลุไปถึงจักรวาล
“ในที่สุด... ข้า...ก็ได้กลับมา”
น้ำเสียงของหลินหยางราวกับว่าเคยผ่านประสบการณ์มานานนับหลายหมื่นชาติภพ และแฝงไปด้วยความโดดเดี่ยวสุดขีดบนตัวเขาเสมือนมีทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศจำนวนนับไม่ถ้วนที่เขาเคยได้รับมาหลับใหลอยู่แต่ก็มีความเ็ปและความเกลียดชังที่ได้มาจากการถูกหักหลังด้วยเช่นกัน
และในตอนนั้นเอง
ภายในป่าลึกก็มีเสียงเรียกของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นกะทันหัน “หลินอี้!!!! เ้าอยู่ไหน??ข้าพาท่านพ่อมาช่วยแล้ว!!!! หลินอี้!!!! หลินอี้!!”
นั่นใช่สาวน้อยที่ชื่อเวินชิงชิงหรือเปล่า?
หลินหยางหันหน้าทางต้นเสียง ั์ตาสีแดงคู่นั้นมองเห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปราวพันเมตรกำลังรีบเร่งมุ่งหน้ามาทางเขา
มุมปากเขาก็ยกขึ้นเบาๆเขายังไม่มีความคิดที่จะพบกับตระกูลเวินในตอนนี้ จึงหันหลังกลับ เก็บูเาอัญมณีขนาดมหึมานั่นเข้าไปในแหวนจากนั้นพอเขากระทืบเท้าเพียงหนึ่งครั้งก็สามารถพุ่งออกไปได้ไกลโดยไร้ร่องรอย
“ก่อนที่พลังเทพเ้าของข้าจะหายไป...ต้องรีบรักษาร่างกายนี่ให้เสร็จก่อน...”
..................................
ไม่กี่นาทีต่อมา เวินชิงชิงและเวินติ่งเทียนที่รีบพาคนตามมาช่วยเหลือนั้นก็ได้มาถึงสนามรบที่หลินหยางเปิดฉากนองเืกับพวกตระกูลเฉินพวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวกับภาพอันโเี้ที่เกิดขึ้น
ต้นไม้ที่หักโค่นไปทั่วบริเวณ คราบเืสดๆ ที่กระจัดกระจายเปรอะเปื้อนไปทั่วทุกสารทิศรวมถึงซากศพของพวกระดับเซียนเทียนที่กองอยู่บนพื้นทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นถึงการปะทะกันอย่างดุเดือดบ้าคลั่งของหลินหยาง
“หลินอี้!! หลินอี้!! พ่อจ๋า หลินอี้ต้องอยู่แถวๆ นี้แน่ พวกเราต้องหาเขาให้เจอให้ได้นะ!!!!”
ดวงตาคู่สวยของเวินชิงชิงนั้นบวมแดงราวกับลูกพีช ในหัวของนางมีแต่ภาพของแผ่นหลังของหลินหยางก่อนที่เขาจะจากไปและภาพของสนามรบที่เต็มไปด้วยคราบเืนี้มันยิ่งทำให้หัวใจของนางบีบรัดแน่นขึ้น
หลินอี้... เ้าอย่าเพิ่งเป็อะไรไปนะ!!
ส่วนเวินติ่งเทียนและแม่ทัพตู้ิที่อยู่ข้างๆ นั้นกำลังมีสีหน้ามืดหม่นราวท้องฟ้าก่อนที่พายุฝนจะมา
โดยเฉพาะเวินติ่งเทียนแววตาของเขานั้นเกรี้ยวกราดราวกับจะพ่นไฟออกมาได้แล้ว
“แยกย้ายไปค้นหาซะ!!”
เขาโบกมือออกคำสั่งให้เหล่านักรบของตระกูลเวินอย่างเกรี้ยวกราด
“ค้นหาทุกพื้นที่ของเขาเมฆมรกต ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องพาผู้าุโหลินออกมาให้ได้!!”
“ขอรับ ท่านประมุข!!”
เหล่านักรบแยกย้ายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแม่ทัพตู้ิที่อยู่ข้างๆ กันก็เดินเข้ามาคุยกับเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ประมุขเวินเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็ความผิดของข้าเอง หลังจากกลับไปข้าจะต้องตรวจสอบเื่ราวทั้งหมดอย่างละเอียดแน่ท่านวางใจเถอะ!!”
“ไม่ต้องตรวจสอบแล้ว”
เวินติ่งเทียนเดินไปยืนอยู่ข้างซากศพของยอดฝีมือระดับเซียนเทียนที่กองอยู่บนพื้นจากนั้นก็เรียกดาบยาวเล่มหนึ่งออกมาแล้วก็เกี่ยวเอาหัวของมันไปโยนทิ้งไว้ที่ใต้เท้าของตู้ิ
“เ้านี่คือผู้าุโระดับเซียนเทียนของตระกูลเฉินหม่าหงจาง... ทั้งหมดนี่คือฝีมือของเฉินเย่เซิง!!”
เวินติ่งเทียนกำหมัดแน่นจนแทบแหลกละเอียด ไม่ใช่แค่หลินอี้หายสาบสูญไปเท่านั้นเขายังเห็นทั้งถังหง หลิ่วชิงและเหล่านักรบของตระกูลเวินจำนวนหกสิบกว่าคนที่ตอนนี้นอนเป็ศพไปแล้ว
เขาเงยหัวขึ้นฟ้าราวกับว่าเขาอยากจะข้ามห้วงมิติไปเด็ดเอาหัวหมาของเฉินเย่เซิงนั่นมาเสียเดี๋ยวนี้เลย
ทุกคำพูดที่เปล่งออกมาจากลำคอล้วนแฝงไว้ด้วยเปลวเพลิงแห่งความพิโรธ“เฉินเย่เซิงข้าเวินติ่งเทียนขอสาบาน ความแค้นครั้งนี้ข้าจะให้พวกตระกูลเฉินของเ้าต้องชดใช้!!!!”
..................................
เทือกเขาเมฆมรกต เป็เทือกเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลถึงขนาดที่ว่ายังไม่เคยมีใครสามารถเข้าไปถึงใจกลางของเทือกเขาแห่งนี้เลย
เทือกเขาแห่งนี้มีอาณาเขตติดกับสามอาณาจักรใหญ่ของทวีป คืออาณาจักรชูอวิ๋น อาณาจักรโล่ยื่อ และอาณาจักรฉางคง ทั้งสามอาณาจักรแห่งนี้เคยมีจอมยุทธ์ที่มีขอบเขตความสามารถที่เหนือกว่าระดับเซียนเทียนไปอีกระดับหนึ่งอย่างระดับ‘อวิ้นหลิง’ซึ่งเคยมีการรวมกลุ่มของเหล่ายอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงเพื่อเข้าไปสำรวจในใจกลางของเทือกเขาเมฑมรกตแห่งนี้แต่การเดินทางครั้งนั้นกลับกลายเป็าแที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสามอาณาจักร
ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงจำนวนเจ็ดคนจากทั้งหมดแปดคนที่เข้าไปสำรวจในใจกลางนั่นล้วนเสียชีวิตในเทือกเขาเมฆมรกตแห่งนี้ส่วนคนเดียวที่สามารถหนีรอดอออกมาได้นั้นก็ถูกไฟเผาไหม้จนดำเป็ตอตะโกไปทั้งตัวหลังจากที่ถูกช่วยกลับมาแล้ว เขาคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างเสียสติประมาณสามวันสามคืนจนสิ้นใจในท้ายที่สุด
หลังจากนั้นเป็ต้นมา ณ พื้นที่ใจกลางเทือกเขาเมฆมรกตแห่งนี้ก็ถูกทั้งสามอาณาจักรตั้งเป็เขตพื้นที่หวงห้ามและไม่มีใครกล้าเข้าไปสำรวจอีกเลย
ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าภายในใจกลางของจุดลึกสุดในเทือกเขาเมฆมรกตนี้มีต้นเมเปิลเพลิงสุดมหัศจรรย์อยู่ต้นหนึ่ง
ลำต้นของมันคือผลึกคริสตัลเปลวไฟที่บริสุทธิ์ที่สุด ใบไม้แต่ละใบล้วนมีสีสันที่หลากหลายไม่ซ้ำกันซึ่งมันเป็ภาพลวงตาอันเป็ผลมาจากเปลวเพลิงสร้างขึ้น หากมองจากไกลๆต้นไม้เพลิงที่มีขนาดใหญ่โตจนสามารถบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ได้นี้จะดูงดงามจนผู้คนไม่อาจจะจ้องมองมันได้โดยตรงบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ของมันทำให้แม้แต่เหล่าสัตว์ร้ายในเทือกเขาแห่งนี้ยังต้องยอมสยบให้กับมัน
และบนยอดของต้นไม้ต้นนั้นมีถ้ำที่สร้างขึ้นโดยใช้ต้นคริสตัลนี้เป็ฐาน ขนาดของมันยาวประมาณสิบกว่าเมตรได้ข้างในนั้นราวกับว่าได้กลั่นเอาเปลวเพลิงที่แข็งแกร่งที่สุดในภพนี้เอาไว้ไม่รู้ว่าต้องเป็สิ่งมีชีวิตประเภทไหนถึงจะสามารถอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้
ทันใดนั้นเอง ก็มีปีกขนาดใหญ่ถูกกางออกมาจากภายในถ้ำนั้นขนของมันมีสภาพราวกับเปลวเพลิงที่ถูกกลั่นออกมาเป็ผลึกภายในผลึกนั่นยังสามารถมองเห็นเป็เปลวไฟอ่อนๆ กำลังเปล่งแสงจางๆ ออกมาราวกับว่ามันจะไม่มีวันมอดดับ งดงามราวกับภาพวาดในฝันบรรยากาศรอบตัวมันหนักอึ้งจนแทบจะหายใจไม่ออก
“เอ่อ...เ้าเก้าเ้าเตรียมอาหารมื้อเที่ยงของข้าเสร็จแล้วใช่ไหม? วันนี้ข้าไม่กินไอ้ราชสีห์ขนทองอะไรนั่นแล้วนะเนื้อมันแข็งเหลือเกิน”
น้ำเสียงยานคางที่ฟังดูี้เีดังขึ้นจากภายในถ้ำ เนื้อหาของคำพูดนั้นช่างน่าใ
เพียงแต่ว่า พอผ่านไปครู่หนึ่งแล้วกลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลย เ้าของเสียงยานคางนั่นเหมือนจะเริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น
“หืม? เ้าเก้า?”
เกิดเสียงดังฟึบขึ้น หลังจากนั้นก็มีเปลวเพลิงขนาดประมาณห้าเมตรโผล่ออกมาจากภายในถ้ำคลื่นความร้อนสุดน่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากในถ้ำ จนในระยะนับสิบลี้รอบๆ ต้นเมเปิลเพลิงต้นนี้กลายเป็ทะเลเพลิงอันร้อนแรง
ดวงตาของวิหคคู่หนึ่ง ส่องสว่างราวกับผลึกคริสตัลสีแดงจนดูสวยสง่าและดูองอาจกำลังมองลงไปที่ด้านล่าง
ที่ตรงนั้นแต่เดิมแล้วควรจะมีข้ารับใช้อสูรที่ซื่อสัตย์ที่สุดคุกเข่าอยู่แต่ตอนนี้กลับมีชายหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่ทั่วทั้งร่างถูกเปรอะเปื้อนไปด้วยเืสดๆ ยืนอยู่
หืม?
เผ่ามนุษย์?
ตัวตนอันน่าหวาดกลัวที่อาศัยอยู่บนต้นเมเปิลไฟแห่งนี้ถึงกับตาโต
ไม่ได้เห็นมนุษย์มากี่ปีแล้วนี่?
ั้แ่ที่จับมนุษย์เจ็ดคนนั่นมาเสียบไม้ย่างเป็เนื้อย่างแล้วก็ไม่เคยได้เห็นสิ่งมีชีวิตที่หอมหวนชวนรับประทานแบบนี้อีกเลย
“เฮ้ย!! เ้าเก้าน้อย นั่นคืออาหารที่เ้าหามาเพื่อแก้ตัวใช่ไหม?ทำได้ไม่เลว เดี๋ยวข้าให้รางวัล!!”
มันลุกขึ้นมา รูปร่างของมันเหมือนนกเทพแห่งไฟอย่างนกฟีนิกซ์ถึงแม้ว่ามันจะมีขาเพียงข้างเดียว แต่เปลวเพลิงรัศมีเทพที่มันเปล่งออกมานั้นเหมือนกับสัตว์เทพสุดองอาจที่ได้ยินในเื่ราวตามตำนานต่างๆ
เทพเ้าวิหคเพลิงตัวนี้ยืดตัวบิดี้เีขึ้นจากนั้นก็เช็ดน้ำลายตัวเองไปด้วยมันเห็นมนุษย์ที่ยืนอยู่ข้างล่างนั้นมองกลับมาหาเขาด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความเคารพนอบน้อมแม้แต่น้อย
“เ้าเก้า?? ราชสีห์เก้าเศียร??ไปตายที่ไหนแล้ว? เ้ามนุษย์นี่ทำไมไม่ถอดเสื้อทำความสะอาดมันด้วยเล่าเ้าอู้อีกแล้วใช่ไหม?”
พยาวิหคชี้ปีกมาทางหลินหยาง มันเริ่มอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้มันหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมก็คือแววตาของเ้ามนุษย์ที่ยืนอยู่ข้างล่างนั่นในดวงตาของมันกลับมีเปลวไฟกำลังลุกโชนอยู่ด้วย
แม่มันเถอะ
ในใต้หล้านี้ยังมีคนกล้าเล่นกับไฟต่อหน้าาาอย่างข้าอีกหรือ?
นี่มันเล่นกับไฟโดนไฟเผาเอง ไม่สิ เล่นกับไฟโดนข้าเผาเอง
อืมม เมล็ดยี่หร่าที่เอาไว้ปรุงเนืุ้์เสียบไม้เผานั่นข้าเอาไปเก็บไว้ที่ไหนแล้วนะ...
เ้าวิหคเพลิงั์ตัวนี้ก็คือราชันของเหล่าอสูรร้ายที่แข็งแกร่งที่สุดในเทือกเขาเมฆมรกตแห่งนี้นั่นเองเป็ตัวตนที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงที่ว่าร้ายกาจแล้วยังไม่อาจทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อยตัวตนอย่างมันไม่มีทางเห็นหลินหยางอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าคำพูดที่หลินหยางกล่าวออกมานั่นทำเอาวิหคั์หยุดหาเมล็ดยี่หร่าในทันที
“ราชสีห์เก้าเศียรหรือ? แกหมายถึงเ้านี่หรือเปล่า?”
พูดจบแหวนที่สวมอยู่บนนิ้วของเ้าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นก็เปล่งแสงขึ้นมาหลังจากนั้นก็มีซากศพขนาดมหึมาราวกับูเาขนาดย่อมปรากฏขึ้นข้างๆ ตัวมัน
เ้าเก้า?
วิหคเพลิงั์อึ้งไปแล้ว
เ้ามนุษย์คนนี้มันฆ่าราชสีห์เก้าเศียรไปแล้ว!!!!
ฟิ้วว
เขา ไม่สิ มัน บินขึ้นไปอยู่บนฟ้าแล้วตอนนี้มันเข้าสู่สภาวะระวังภัยแล้วเรียบร้อย
คนที่สามารถสังหารราชสีห์เก้าเศียรได้มันต้องไม่ใช่แค่อาหารที่สามารถจับมาย่างกินได้ง่ายๆแน่เ้ามนุษย์คนนี้ อันตราย!!!!
“เฮ้ย พวกเ้า!! มีคนมาหาเื่พวกเรา!!!!”
ไม่รู้ว่าเ้าวิหคเพลิงตนนี้มันเติบโตมาอย่างไรมันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แถมยังใช้ศัพท์แสงของชาวยุทธจักรอีกแต่สิ่งที่ทำให้มันโมโหจนแทบคลั่งก็คือ...
ทั้งเทือกเขาเมฆมรกตแห่งนี้เงียบราวกับเป่าสาก ราวกับว่าได้กลายเป็หุบเขาแห่งความตายไปแล้วไม่มีลูกสมุนตัวไหนโผล่หัวออกมาตามคำสั่งเขาเลย
“เ้าเรียกพวกมันอยู่หรือ?”
ชายหนุ่มคนนั่นเปิดปากขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นที่พื้นรอบตัวเขาก็มีซากศพของอสูรร้ายสุดแข็งแกร่งสิบกว่าตัวปรากฏขึ้นซากศพของพวกมันแต่ละตัวยังคงเปล่งรัศมีของสัตว์ร้ายสุดแข็งแกร่งไร้เทียมทานออกมาตอนที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่นั้นล้วนเป็สัตว์ร้ายที่โเี้สุดขีดของเทือกเมฆมรกตแห่งนี้แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกมันทุกตัวกลายเป็รางวัลแห่งชัยชนะของหลินหยางไปแล้ว
ไอ้หยา!!
พญาวิหคเพลิงตัวนี้ถึงกับอึ้งไป
ขนาดตัวมันเองยังไม่มีทางจัดการกับเหล่าสัตว์ประหลาดที่กองอยู่บนพื้นพวกนั้นได้ง่ายดายขนาดนี้ความสามารถของเ้าหนุ่มนี่มันแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ถึง
เจอของแข็งเข้าเสียแล้ว
สู้ไม่ได้ ก็ต้องถอยสิ!!
มันรีบสยายปีกของมันออกอย่างรวดเร็วร่างกายขนาดใหญ่ของมันเมื่อกางปีกออกมาแล้วมีขนาดความกว้างมากกว่าสิบเมตรพลังธาตุไฟของมันะเิออกมาจากทั่วทั้งร่างอย่างร้อนแรงราวกับบนท้องฟ้าปรากฏพระอาทิตย์ขึ้นมาอีกดวงกำลังเปล่งประกายแสงอาทิตย์อันรุ่งโรจน์ ดูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
แต่พญาวิหคเพลิงระดับนี้กลับไม่กล้าจะหยุดอยู่ต่อหน้าของหลินหยางเลยแม้แต่วินาทีเดียวมันกระพือปีกทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว หวังจะบินหนีออกไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่สามารถหนีออกจากหลินหยางที่แค่ชูมือขึ้นเบาๆ ก็สามารถหยุดพญาวิหคเพลิงเอาไว้กลางอากาศราวกับรูปสลักของเปลวเพลิงได้อย่างง่ายดาย