เห็นแต่เพียงหลินหยางที่ยื่นมือขวาของเขาออกไปทางที่เจิ้งชงกำลังพุ่งมาหาอย่างดุดันบนมือของเขาไม่ได้ปล่อยพลังอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยแต่กลับสามารถสร้างเหตุการณ์สุดพิสดารจนอีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออก
ครืนน
อยู่ๆ ก็มีก้อนอัญมณีสีดำขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงหน้าของหลินหยางอย่างกะทันหัน
อัญมณีลูกนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณห้าถึงหกเมตรสูงสิบกว่าเมตร หากมองจากที่ไกลๆ แล้วมันจะดูคล้ายกับูเาขนาดเล็กลูกหนึ่ง เป็อัญมณีที่มีขนาดใหญ่จนน่าใจหายและแน่นอนว่าต้องมีน้ำหนักที่มากจนยากจะคาดเดา
ูเาอัญมณีที่มีน้ำหนักมากถึงหนึ่งหมื่นชั่งลูกนี้ อยู่ดีๆ ก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแล้วก็ร่วงหล่นตกทับใส่เจิ้งชงอย่างไร้ปราณี
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน!!!!
เจิ้งชงคนนั้นใจนลูกตาแทบจะถลนออกมาแล้ว
แม้แต่เฉินผิงและยอดฝีมือระดับเซียนเทียนอีกสองคนก็ยืนเอ๋อไปแล้วเช่นกัน
เื่แบบนี้มันอยู่เหนือความเข้าใจของพวกเขามากเกินไป
ูเาลูกหนึ่งเลยนะ แม่มันเถอะ นั่นมันูเาเลยนะ อยู่ดีๆ มันก็โผล่ออกมากลางอากาศแบบนี้ได้ด้วยหรือ?
แต่ไม่ว่าจะพยายามทำความเข้าใจสักแค่ไหนมันก็ไม่อาจเปลี่ยนชะตาชีวิตสุดอาภัพของเจิ้งชงผู้นี้ได้แล้ว
ูเาอัญมณีสีดำลูกนี้มีน้ำมากถึงหนึ่งหมื่นชั่งโดยประมาณแต่ระดับพลังของเจิ้งชงนั้นต่อให้รีดพลังออกมาถึงขีดสุดก็มีระดับพลังแค่ห้าพันชั่งเท่านั้น เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด
หลังจากนั้นก็เกิดเสียงะเิดังขึ้นอย่างรุนแรง เศษธุลีฟุ้งกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ูเาสีดำขนาดย่อมร่วงหล่นไปตั้งตระหง่านบนพื้นอย่างองอาจแรงกระแทกนั้นทำเอาพื้นที่โดยรอบถึงกับสั่นะเืไปหมด ส่วนคนที่เพิ่งะโยั่วยุเหยียดหยามใส่หลินหยางเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้าอย่างเจิ้งชงนั้นบัดนี้ได้กลายเป็เพียงเศษเนื้ออยู่ใตู้เาอัญมณีไปแล้ว
“เ้าโง่!!”
หลินหยางที่ยืนอยู่บนยอดของต้นไม้ ด่าทอออกมาสั้นๆ สองคำอย่างเ็าเฉินผิงโมโหจนสั่นไปทั้งตัว
“ไป!!!!”
แหวนบนนิ้วของหลินหยางเปล่งแสงออกมาแวบหนึ่ง ูเาอัญมณีก็ถูกดูดเก็บกลับเข้ามาจากนั้นเขาก็ออกตัวหนีต่อไป
กลุ่มของเฉินผิงที่เหลืออยู่ไล่ตามขึ้นมาทันทีแต่ก็เห็นเพียงเศษเืเศษเนื้อที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“ผู้าุโ...เจิ้ง...”
ผู้าุโตระกูลเฉินอีกสองคนที่ตามหลังเฉินผิงมานั้นยังคงตกอยู่ในอาการโศกเศร้า
พวกเขาอยากจะรวบรวมซากศพของเจิ้งชงเพื่อเอากลับไปทำพิธีแต่ก็พบว่าศพของเขาคงจะไม่สามารถเก็บกลับไปได้แล้ว มันแหลกเละอย่างสิ้นเชิงความโศกเศร้าพุ่งทะยานถึงขีดสุด
เฉินผิงถึงกับกัดฟันตัวเองแตกด้วยความพิโรธ
สีหน้าและแววตาของเขาตอนนี้หมดสิ้นซึ่งความหยิ่งทระนงและความสบายใจแล้วเขารู้สึกเหมือนกับถูกชกใส่ใบหน้าอย่างรุนแรง เขาโมโหจนควันออกหูแล้ว
เขาดูถูกผู้าุโอายุน้อยคนที่เคยทำให้เฉินเย่เซิงเสียท่าไปแล้วคนนี้มากเกินไปแต่นั่นก็ทำให้ความ้าที่จะฆ่าคนของเขาถูกปลุกขึ้น
“ไล่ตามมันไปซะ!!!!”
ทั้งสามคนกัดฟันไล่ตามหลินหยางต่ออีกครั้ง
ส่วนหลินหยางตอนนี้แซงหน้าพวกเฉินผิงไปแล้วประมาณพันเมตร
“ฆ่าไปแล้วหนึ่ง ยังเหลืออีกสาม!!”
เปลวไฟแห่งความฮึกเหิมกำลังลุกโชนขึ้นในใจเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้สูญเสียความเยือกเย็นในการตัดสินใจไปเลย
ความสามารถที่แท้จริงของเขาอยู่แค่ระดับชุ่ยถี่ขั้นท้ายเท่านั้นหากปะทะกันตรงๆ กับทั้งสามคนนั่น เขาไม่มีทางรอดชีวิตไปได้แน่เขาจึงต้องใช้ไพ่ตายของเขาค่อยๆ จัดการพรรคพวกของอีกฝ่ายลงก่อน จากนั้นค่อยเข้าปะทะตัดสินเป็ตายกับมัน
ไพ่ตายใบแรกก็คือการใช้วิชาลับของแหวนพระสุเมรุอย่างวิชาอัญเชิญมหาภูผา นั่นเอง ผลลัพธ์ดีอย่างที่คิดเลยจริงๆ
ความจริงแล้วมันก็แค่การใช้พลังในการเรียกเอาสิ่งของที่เราเก็บไว้ในมิติพิเศษออกมาได้ในพริบตานั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านี้เวินติ่งเทียนก็ได้จัดเตรียมเหล็กทมิฬจากฟากฟ้าที่มีน้ำหนักมากถึงหมื่นชั่งเอาไว้ให้เขาชิ้นหนึ่งตอนนี้มันถูกหลินหยางเอาไปใช้เป็อาวุธโค่นล้มพวกระดับเซียนเทียนแล้ว
เพียงแต่การที่แผนนี้จะสำเร็จได้นั้นต้องพึ่งหลายๆ ปัจจัยดังนี้
หลินหยางต้องใช้มันจากที่สูงเท่านั้นซึ่งเจิ้งชงในตอนนั้นอยู่ที่ต่ำกว่าพอดี และอีกปัจจัยก็คือหลินหยางรอจังหวะที่เจิ้งชงกำลังลอยอยู่กลางอากาศทำให้มันไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้ ค่อยปล่อยูเามหึมานี่ออกไปมันทำให้เขาสามารถจัดการศัตรูลงได้ในครั้งเดียว
ถ้าหลินหยางสามารถปล่อยหินนี่ได้ตามใจละก็เขาก็คงเปิดฉากฆ่าไม่เลี้ยงในการปะทะกันครั้งใหญ่เมื่อครู่นี้แล้ว
เพียงแต่การที่สามารถกำจัดเ้าโง่คนหนึ่งลงได้ด้วยวิธีนี้มันช่างรู้สึกสะใจยิ่งนักเพียงแต่หลินหยางตอนนี้ยังคงห่างไกลจากคำว่าพ้นวิกฤตอยู่มากโข ไพ่ตายใบนี้เองก็คงจะใช้ได้แค่ครั้งเดียวถ้าใช้ซ้ำอีกครั้งคงจะไม่ได้ผลลัพธ์สุดอัศจรรย์แบบนั้นอีกแล้ว
“ขึ้นไปบนต้นไม้ อย่าให้มันอยู่ที่สูงกว่า!!”
พวกของเฉินผิงไล่ตามมาถึงแล้ว
พวกมันเองก็ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดไม้เหมือนกันขอแค่ไม่ปล่อยให้หลินหยางอยู่สูงกว่า ก็จะไม่โดนูเานั่นทับใส่โดยปริยาย
หลินหยางพอเห็นเงาร่างกำลังวิ่งตามเขาจากบนยอดไม้นั่นแล้วแววตาของเขาก็เป็ประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ะโลงไปในป่าทึบทันที
พวกของเฉินผิงถึงกับคิ้วขมวดจนแน่นเป็ปมอีกครั้ง
พอพวกเขาตามขึ้นไปแล้ว หลินหยางกลับะโลงไปด้านล่างอีกครั้ง...
เ้าเด็กเปรตนี่มันจะมาไม้ไหนอีกเล่า?
ไม่สนแล้ว ตามมันไป!!!!
ด้วยระดับพลังฝีมือของพวกมันแล้วไม่นานก็ไล่ตามหลินหยางทันอีกครั้ง
เฉินผิงลังเลเล็กน้อย แต่ก็คิดว่ามันคงไม่มีลูกเล่นประหลาดๆ อะไรอีกแล้วจึงโบกมือออกคำสั่ง โดยตัวเองจะเป็หัวหอกพาอีกสองคนที่เหลือเข้าไปจัดการกับเ้าเด็กเวรหลินอี้นี่ให้ตายในทีเดียว
แต่พวกเฉินผิงเคยเห็นเทคนิคพิสดารแบบนี้ของหลินหยางเป็ครั้งแรกจึงจินตนาการออกเพียงขั้นเดียวเท่านั้น พวกมันลืมคิดไปว่า ูเาอันณมณีนั่นถ้าตกจากบนฟ้าได้ ก็ต้องผุดขึ้นจากผืนแผ่นดินได้เช่นกัน
และแล้ว โศกนาฏกรรม ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
หลินหยางกะจังหวะตอนที่พวกของเฉินผิงเข้าใกล้ตัวเขาแล้วจากนั้นก็ใช้งานแหวนพระสุเมรุอีกครั้ง
ูเาขนาดมหึมาผุดขึ้นจากผืนปฐีพวกของเฉินผิงก็กลายเป็เหมือนแมลงวันไร้หัวสุดซวย จากนั้นก็ชนเข้ากับหินแร่สีดำที่มีความแข็งอย่างไร้ที่ตินั่น
โป๊ก โป๊ก โป๊ก
เสียงกระแทกดังขึ้นสามครั้งอย่างชัดเจน
คนที่ยิ่งมีพละกำลังเยอะก็จะยิ่งเจ็บตัวเยอะตามพละกำลังของตัวเอง
เจ็บตัวเท่าไร ก็เจ็บใจเท่านั้น
ตอนที่เฉินผิงเอาหน้าตัวเองไปกระแทกใสู่เานั่นที่อยู่ดีๆ ก็โผล่ขึ้นมาจากผืนดินนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าจมูกของตัวเองเริ่มจะไม่มีความรู้สึกแล้วเืจากจมูกไหลออกมาเป็ทางยาว
“หลินอี้!!!! ข้าจะฆ่าแกข้าจะต้องฆ่าแกทิ้งให้ได้!!!!”
เขาะโออกมาจนคอแทบจะฉีกแล้ว การไล่ฆ่าแบบง่ายๆ ทำไมถึงกลายมาเป็สภาพนี้ได้กันเล่า
“เ้าพวกโง่ทั้งสามตัว!!”
หลินหยางทิ้งคำด่าสุดเจ็บแสบเอาไว้ จากนั้นก็เก็บูเาอัญมณีสีดำเข้าแหวนแล้วก็รีบวิ่งหนีต่อทันที
“ตามมันไปซะ!!!! ตราบใดที่เด็กเวรนั่นยังมีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับบ้านเลย จะต้องจับเ้าหลินอี้นั่นมาขยี้ให้เละให้ได้!!!!”
“ขอรับ!!”
ภายใต้การขู่เข็นของเฉินผิงนี่เป็การไล่ฆ่าที่ทั้งสามยอดฝีมือระดับเซียนเทียนต่างก็รู้สึกเสียหน้าอย่างที่สุด
ถึงเ้าหลินอี้นี่สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับไก่บ้านตัวหนึ่งแต่ไก่บ้านตัวนี้กลับใช้วิชาอัญเชิญมหาภูผานั่น ล้อเล่นกับพวกเขาเสียยับเยิน
หลินหยางไม่มีทางหนีจากพวกเขาพ้นแน่แต่ทุกครั้งที่พวกเขากำลังจะจับเป้าหมายได้นั้นเ้าูเาขนาดมหึมานั่นก็โผล่ออกมาหลอกหลอนพวกเขาอีกทันทีทำเอาพวกเขาต้องหลบกันจ้าละหวั่น
แต่เฉินผิงก็สมกับเป็นักฆ่ามากประสบการณ์เขาวิเคราะห์ไม่นานก็จับจุดได้แล้ว
เฉินผิงพลันใช้ความเร็วที่เหนือกว่ามากนั่น พุ่งเข้าไปปิดทางหลินหยางเอาไว้จากทางด้านหน้า ส่วนอีกสองคนก็ประกบด้านหลังซ้ายขวาจนกลายเป็เหมือนรูปสามเหลี่ยม
เส้นทางหนีถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง
ตอนนี้ถึงเวลาที่หลินหยางต้องสู้สุดชีวิตแล้ว
เขาจ้องมองไปที่พวกของเฉินผิงที่กำลังล้อมรอบเข้ามาจมูกของแต่ละคนล้วนเป็สีแดง สีหน้าเหยเกอย่างชัดเจน
อยู่ดีๆ หลินหยางก็หัวเราะออกมา
หนึ่งเดือนก่อนหน้า ตัวเองยังเป็แค่เด็กหนุ่มที่ไม่สามารถแม้แต่จะบีบคอไก่ให้ตายได้และก็เกือบจะถูกฆ่าตายไปแล้วด้วย
แต่ตอนนี้ตัวเขากลับมีพลังที่สามารถทำให้พวกยอดฝีมือระดับเซียนเทียนต้องอับอายและโมโหได้
ความเร็วในการเติบโตของเขามันช่างทำให้รู้สึกดีจริงๆแต่น่าเสียที่มันก็ยังไม่มากพอที่จะใช้ฝืนลิขิตฟ้า
แต่ไม่เป็ไร ตอนนี้มันมาถึงการปะทะกันครั้งสุดท้ายแล้วไม่จำเป็ต้องคิดถึงเื่อื่นแล้ว
ความคิดของหลินหยางตอนนี้ไร้ซึ่งสิ่งรบกวนใดๆ ทั้งสิ้นในใจเขาตอนนี้ลุกโชนไปด้วยความกระหายการต่อสู้ในแบบที่เขาไม่เคยเป็มาก่อนเืในตัวเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ แต่ละส่วนของร่างกายต่างก็กำลังคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
หนึ่งในสามคนที่เขาสาบานว่าจะต้องฆ่าทิ้งเพื่อล้างแค้นให้ได้อย่างเฉินผิงนั้นยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยังจะมัวลังเลอะไรอีก?
แววตาเหยียดหยามของสามคนตรงหน้าที่มองมาทางหลินหยางนั้น ราวกับว่าพวกมันกำลังมองมาที่หมูในอวยที่อย่างไรก็ต้องถูกเชือดตายอยู่แล้วถ้าอย่างนั้นจะรีรออะไรอีก?
เอาก็เอาสิวะ!!
สู้กับพวกมันให้ตายกันไปข้างซะเลยสิ
จะฆ่าก็ฆ่า!!
ฆ่าเ้าพวกเดรัจฉานโฉดชั่วอย่างพวกตระกูลเฉินทิ้งให้หมด!!
เฉินผิงเห็นหลินหยางหยุดนิ่งไม่ขยับแล้วก็เผยรอยยิ้มอำมหิตออกมา
ถึงการยิ้มครั้งนี้จะทำให้เขารู้สึกเจ็บที่หน้านิดๆ ก็ตามแต่มันก็รู้สึกสะใจมากกว่าอยู่ดี
พอพูดแล้วก็รู้สึกน่าอายอยู่เหมือนกันเขาที่เป็ถึงพ่อบ้านของตระกูลเฉิน และยังเป็ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นกลางอีกด้วยแต่กลับรู้สึกยินดีที่จะได้ฆ่าเ้าหนูระดับชุ่ยถี่แบบนี้นี่นะ?
แต่มันคือความจริง
เขาถึงกับมีความคิดที่ว่า ในที่สุดก็จะได้ฆ่าหลินอี้แล้วและตอนที่เขากำลังเผชิญหน้ากับหลินอี้อยู่นั้นแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากจะยอมรับเลยว่า เขามีความรู้สึกหวาดกลัวแฝงอยู่ในใจด้วย
แต่ตอนนี้ เขากำลังจะได้ฆ่าเ้าหนูนี่เพื่อจบเื่ทั้งหมดลงได้เสียที
มาให้ฆ่าซะดีๆ เถอะ หลินอี้!!!!
เฉินผิงไม่ได้พูดอะไรอีกส่วนอีกสองคนก็กัดฟันไม่ได้พูดพล่ามอะไรเช่นกัน
พวกเขาอยากจะฆ่าเ้าหนูตรงหน้านี่ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ราวกับว่าตราบใดที่มันยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะไม่มีทางสงบใจได้เลย
ทั้งสามคนเริ่มลงมือแล้ว
ในตอนที่พวกเขาปลดปล่อยพลังฟ้าดินออกมาพร้อมกันนั้นภายในป่าทึบก็ราวกับว่ามีเทพแห่งความตายสามองค์จากขุมนรกมาจุติในโลกมนุษย์
บนตัวของพวกเขามีประกายแสงสีขาวส่องสว่างเปล่งกระกายออกมาจากทั่วทั้งร่างกายราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชนหมัดของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็อาวุธที่น่ากลัวที่สุดในโลกพวกเขากะจะเข้าไปชกใส่หลินหยางให้ร่างแหลกเละในพริบตาภายในหมัดเดียว
ในขณะที่คนทั้งสามปลดปล่อยพลังออกมานั้น ต้นไม้รอบๆ ก็แตกกระจุยกลายเป็เศษเล็กเศษน้อยจิตสังหารอันน่ากลัวที่ทั้งสามปล่อยออกมาก็ราวกับว่าจะทำให้พื้นที่รัศมีร้อยเมตรโดยรอบสูญเสียความมีชีวิตชีวาไปหลินหยางที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความตายแบบนี้ จะต้านทานการโจมตีพร้อมกันของทั้งสามคนนั้นได้อย่างไร?
หลินหยางขยับตัวแล้ว
เขายกมือขวาขึ้น
วิชาอัญเชิญมหาภูผา!!
ูเาอัญมณีสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าหลินหยางซึ่งมันเป็ด้านที่เฉินผิงและยอดฝีมือระดับเซียนเทียนอีกคนพุ่งเข้ามาโจมตีพอดี
ูเาที่หลินหยางเรียกออกมานี้ใหญ่พอที่จะหยุดการโจมตีของทั้งสองคนนั้นได้แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้วิกฤตของหลินหยางลดน้อยลงเลย
ยังมียอดฝีมือระดับเซียนเทียนอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกูเาบังไว้กำลังพุ่งเข้าหาหลินหยางโดยหมัดทั้งสองข้างของมันนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังฟ้าดินจนดูน่ากลัว
“หยุดสองคนนั้นได้แล้วคิดว่าจะรอดหรือไง?ไปตายซะเถอะ!!!!”
ยอดฝีมือท่านนี้เองก็โกรธแค้นหลินหยางจนหัวแทบจะลุกเป็ไฟแล้วเช่นกันเขาลงมือด้วยวิชาสุดอำมหิต โดยหวังจะฆ่าหลินหยางให้ตายในทันที เขารวบรวมพลังฟ้าดินเอาไว้ในฝ่ามือจนพลังหมัดของเขาในตอนนี้มีมากถึงสี่พันชั่งการจะฆ่าหลินหยางนั้นง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย
ถึงเฉินผิงและพวกอีกคนหนึ่งจะถูกูเานี่กั้นทางเอาไว้อยู่แต่เขาก็พอจะเดาจุดจบของหลินหยางออกอยู่เหมือนกัน
และก็เป็ไปตามคาด มีเสียงอัดกระแทกทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างชัดเจน
มันเป็เสียงของหมัดลุ่นๆ ที่ชกเข้าใส่ตัวคนเข้าเต็มๆและตามมาด้วยเสียงกระอักเืคำโตของหลินหยาง
ผุด!!
ไงเล่า เ้าเด็กเวร ดูสิว่าคราวนี้จะยังรอดไปได้อีกหรือเปล่า!!
เฉินผิงรู้สึกสะใจสุดๆ รีบวิ่งอ้อมูเาอัญมณีเพื่อมาดูสภาพศพของหลินหยางแต่ภาพที่เห็นทำเอาเขาใจนตาถลนอีกครั้ง
หลินหยางถูกต่อยจริงๆ และกระอักเืออกมาจริงๆ
แต่เ้าหนุ่มนี่ใชู้เาอัญมณีที่อยู่ด้านหลังแทนกำแพงเพื่อไม่ให้ถูกซัดปลิวไปไกลจนตัวเขาถูกอัดกระแทกเข้ากำแพงูเาอัญมณีนั่นจนแทบจะแตกเป็เสี่ยงๆในขณะเดียวกันก็ใช้แขนซ้ายที่ตอนนี้มีสภาพเละเทะไปแล้วรับหมัดของยอดฝีมือระดับเซียนเทียนคนนั้นพร้อมกับกำหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยส่วนมือข้างขวาของเขาตอนนี้ก็ชูขึ้นฟ้าราวกับอสุราที่กำลังเงื้อมมือมารขึ้นเตรียมจะลงมือสังหาร
แขนขวาของหลินหยางตอนนี้มีถุงมือที่ไม่รู้ว่ามันโผล่ออกมาจากไหนสวมใส่อยู่ด้วย