Chapter 13
"ป๋ายครับ มาหาพี่หน่อย" กรีนเอ่ยเรียกคนน้องที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่
ใน่วันหยุดสุดสัปดาห์ กรีนไม่ได้เข้าร้านอีกเช่นเคย เรียกได้ว่าสิ่งที่กรีนเคยคิดไว้กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ คือการที่เขาได้หยุดงานเยอะ ๆ เพื่ออยู่บ้านเป็เพื่อนแมวน้อยของเขา
"รู้จักมันอยู่แล้วใช่ไหม?" กรีนถามขึ้นหลังจากที่ป๋ายมานั่งข้าง ๆ เรียบร้อยแล้วพร้อมกับโชว์กล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ดู
"รู้จักนะ ๆ คนใช้กันเต็มไปหมด"
และสิ่งที่กรีนโชว์ให้ป๋ายดูก็คือโทรศัพท์มือถือ คนพี่ตั้งใจซื้อให้เผื่อจะได้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่าย ๆ มีหลายครั้งเวลาที่กรีนไปทำงาน เขาจะเป็ห่วงอีกคนตลอด ถึงแม้ว่ากรีนจะคอยมองป๋ายผ่านกล้องได้ก็จริง แต่เขาเองก็ไม่สามารถดูมันได้ตลอดเวลา ถ้าคนน้อง้าอะไรเขาก็รับรู้ไม่ได้ และยิ่งถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่เขาไม่ได้ดูกล้องอยู่ เหตุการณ์มันก็อาจจะแย่ลงไปอีก ในที่สุดกรีนก็จัดการแก้ปัญหาโดยการซื้อโทรศัพท์มาให้ป๋ายใช้เสียเลย
"แล้วเธอใช้เป็หรือเปล่า?"
"ไม่รู้เหมือนกัน แบบนี้ต้องลองนะพี่กรีน" พอคนน้องพูดจบ กรีนก็จัดการเปิดกล่องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ออก หยิบโทรศัพท์ด้านในออกมา จากนั้นก็ส่งมันให้กับเ้าของคนใหม่
"กดเปิดข้าง ๆ ตรงนี้ครับ" กรีนอธิบายขั้นตอนแรกในการใช้โทรศัพท์คือการกดเปิดหน้าจอ โดยทำเพียงแค่ชี้และปล่อยให้ป๋ายได้ลองกดเอง พอป๋ายใช้นิ้วโป้งออกแรงกดลงไปที่ปุ่มด้านข้าง หน้าจอของโทรศัพท์ก็สว่างขึ้น
"พี่บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของพี่ พี่บลู แล้วก็พี่ดีน่าไว้แล้วนะ ถ้าเธออยากโทรหาใครเธอกดตรงนี้" คนพี่ลองกดให้คนน้องดูเป็ตัวอย่างก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ทำให้มันกลับมาอยู่ที่หน้าจอหลัก แล้วให้คนตัวเล็กข้าง ๆ ลองกดบ้าง
"อันนั้น ๆ พี่กรีน อยากโทรแบบเห็นหน้ากัน"
"กดตรงนี้ครับ เหมือนตอนที่เธอจะโทรปกติ แต่ว่าให้เปลี่ยนจากกดรูปโทรศัพท์เป็รูปกล้องวิดีโอ เข้าใจไหม?"
"เค้าเข้าใจ ๆ แล้วลองได้ไหม? เดี๋ยวเค้าจะขึ้นไปอยู่บนห้อง แล้วกดเห็นหน้ามาหาพี่กรีนนะ"
ป๋ายไม่ได้รอให้กรีนตอบกลับแต่อย่างใด เ้าแมวน้อยกลับรีบวิ่งขึ้นไป้าด้วยความตื่นเต้น กรีนไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่มองภาพเคลื่อนไหวเ่าั้กับตาเปล่าด้วยความเอ็นดู แค่ไม่นาน สายเรียกเข้าจากป๋ายก็สั่นขึ้นที่โทรศัพท์ของกรีน กรีนเองก็ไม่รอช้า กดรับมันทันที
"เล่นอะไรครับตัวเล็ก หื้ม?"
[เค้าไม่ได้เล่นนะพี่กรีน เค้าแค่ลองดู]
"เห็นพี่ชัดไหม?"
[ชัดมาก ๆ เค้าเหลืออันนิดเดียวเอง]
"ก็ไม่ได้โทรมาเพราะอยากเห็นหน้าพี่หรือไง? แล้วจะเอาหน้าตัวเองใหญ่ไปทำไม"
[ใช่ ๆ ๆ แบบที่พี่กรีนพูด งั้นเค้าเหลืออันเล็กก็ได้ ไม่เป็ไรนะ]
กรีนปล่อยให้คนน้องได้เล่นสนุกกับการวิดีโอคอลอยู่สักพัก
"ลงมาได้แล้วครับ พี่จะสอนใช้อย่างอื่น"
[ได้ ๆ ๆ พี่กรีนรอเค้าแป๊บนึงน้า]
ป๋ายทำท่าจะวิ่งลงมา ทั้งที่ยังไม่ได้กดวางสาย พอคนน้องลงมาถึงด้านล่าง กรีนก็สอนกดวางสายง่าย ๆ
"มาครับพี่จะสอนส่งข้อความ ป๋ายพิมพ์เป็ไหม?"
"น่าจะไม่ค่อยเป็นะ เค้าว่าเค้าอาจจะต้องหานานมาก"
"นานก็ไม่เป็ไรครับ ไหนลองส่งข้อความมาหาพี่"
กรีนสอนคนตัวเล็กกดเข้าแอพพลิเคชั่น Messages จากนั้นก็ให้กดไปที่ชื่อของตัวเอง แล้วให้ป๋ายลองพิมพ์สักข้อความแล้วส่งมา เ้าแมวน้อยเองก็หาตัวอักษรแต่ละตัวอยู่สักพัก พอพิมพ์ครบทุกตัวอักษรก็ยิ้มภูมิใจ
"ยิ้มอะไร? กดส่งมาได้แล้ว"
ป๋ายพยักหน้ารับคำบอกของกรีน จากนั้นก็กดที่สัญลักษณ์ลูกศรเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านขวาของข้อความ รอเพียงแค่เสี้ยววินาที ข้อความที่คนตัวเล็กพิมพ์ก็ถูกส่งเข้ามาที่กล่องข้อความของโทรศัพท์กรีนทันที
'เค้ารักเ้านายพี่กรีนที่สุดในโลกของแมวป๋ายป๋าย'
หลังจากที่กรีนได้อ่าน ก็ยิ้มออกมาทันที ถึงแม้จะเป็ประโยคที่เขาเคยได้ยินอยู่บ้างจากปากของคนตัวเล็ก แต่ไม่ว่าจะเห็นหรือได้ยินมันอีกครั้ง มันก็ทำให้กรีนยิ้มออกมาได้ตลอดจริง ๆ
ประโยคที่แสนจะจริงใจ
จากคนที่เค้าแสนจะเอ็นดู
"เข้าใจพิมพ์นะ"
"เค้าพิมพ์ความจริง"
"เก่งมากครับ ถูกหมดเลย แต่เมื่อกี้เธอพิมพ์นานมาก ถ้าครั้งไหนเธอรีบ ไม่ต้องตั้งใจพิมพ์ให้ถูกหมดก็ได้นะ พี่จะตั้งใจอ่านมันให้เข้าใจ เธอจะได้ไม่เหนื่อย"
"เค้าไม่ได้เหนื่อยน้า แค่อยากให้พี่กรีนอ่านเก่ง ๆ"
กรีนถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดของอีกคน พออยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว บางคำพูดถึงมันจะเป็ประโยคแปลก ๆ แต่กรีนก็เข้าใจความหมายของมันแทบจะทุกครั้ง
"ขอบคุณครับคนเก่ง"
"ของใคร ๆ ?"
"คนเก่งของพี่กรีน"
ในโทรศัพท์ของป๋าย กรีนจัดการโหลดแอพพลิเคชั่นที่คิดว่าจำเป็สำหรับอีกคน แล้วก็สอนน้องใช้มันเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้องได้สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ของเขา
ตกดึกคืนนั้น ป๋ายใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมติดต่อหาบลู อันที่จริงเื่นี้เขาวางแผนมาสักพักแล้ว ว่าอยากจะไปหาบลู เพราะมีเื่ต้องปรึกษา เื่ที่เขาอยากจะรู้ก็ไม่ใช่เื่อะไรนอกจากเื่เ้านายของเขา เพราะคนตัวเล็กเองก็สังเกตอาการกรีนมาสักพักแล้ว เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ที่กรีนกินอยู่บ่อย ๆ
"พี่บลู ๆ"
[ตัวเล็ก พี่ก็นึกว่าใครโทรมา]
"เค้าเอง เรียกป๋ายป๋ายนะ"
[โอเค ๆ ป๋ายป๋าย กรีนซื้อโทรศัพท์ให้ใช้เหรอครับ?]
"ใช่แล้วพี่บลู" คนตัวเล็กตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้น
[แล้วโทรหาพี่มีอะไรครับ?]
"เค้ามีเื่อยากจะถามนะ"
ป๋ายยื่นกระปุกยาเข้าไปที่หน้ากล้องเพื่อให้บลูเห็นมันชัด ๆ
[หื้ม? เอายาแก้แพ้มาเล่นทำไม?]
"เค้าไม่ได้เอามาเล่น แต่เค้าจะเอามาถาม เวลาที่พี่กรีนกินอันนี้ ก็คือตอนที่พี่กรีนแพ้ ๆ เค้าใช่ไหม?"
บลูนิ่งไปหลังจากที่ได้ยินคนตัวเล็กพูด ที่ไม่ได้ตอบอะไรไปก็เพราะเขาไม่อยากจะให้ป๋ายคิดว่าตัวเองกำลังเป็ต้นเหตุของอาการของกรีน
"พี่บลูตอบเค้ามาเลย"
[ตัวเล็กอยากรู้ไปทำไมล่ะ?]
"ก็เค้าเป็คนทำ เค้าก็ต้องรู้ได้สิ"
[ไม่คิดแบบนี้นะตัวเล็ก หนูยังไม่ได้ทำอะไรเลย]
"พี่บลูไม่ต้องห่วงเค้า เค้าเป็แมวที่โตเต็มวัยแล้ว เค้าเข้าใจว่ามันคืออะไร?"
[เห้อ เรานี่นะ] บลูถอนหายใจออกมาให้กับความไม่ยอมแพ้ของคนในสาย
"เค้าแค่อยากจะรู้ว่าพอกินอันนี้เข้าไปบ่อย ๆ แล้ว มันจะทำให้ร่างกายไม่ปกติใช่ไหม?"
[ใช่ครับ มันเป็ผลข้างเคียงของยา ถ้ากินบ่อยไป ก็อาจจะทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาบางอย่าง แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน]
"แต่เค้าว่าพี่กรีนเป็นะ พี่กรีนจะง่วง ๆ แล้วก็จะเอาขวดเล็ก ๆ ที่มีน้ำหยดใส่ตาบ่อยมากเลยนะพี่บลู"
[อ่า น่าจะเป็เพราะตาแห้ง]
"มันน่ากลัวมาก จะต้องทำยังไงให้พี่กรีนไม่ต้องกินยาอันนี้"
[ไม่ได้หรอกครับ ถ้าไม่กิน กรีนก็จะมีอาการนะ]
ป๋ายคิดตามคำพูดของบลู
กินก็มีอาการ
ถ้าไม่กินก็มีอาการ
สรุปแบบไหนมันถึงจะดี
"หรือว่าเค้าต้องไม่อยู่ที่นี่นะ? ทำไมดูเหมือนว่ามันจะทำอะไรไม่ได้นอกจากเค้าจะออกไป"
[ป๋าย] บลูพูดออกมาเสียงดัง ก่อนจะกดวางสายแล้วก็โทรหาน้องชายของตัวเองแทน
กรีนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมากดรับโทรศัพท์จากพี่ชายของตัวเอง ในขณะที่มือหนาก็กำลังเช็ดผมที่กำลังเปียกไปด้วย
"ว่าไงพี่บลู?"
[ไปหาตัวเล็กหน่อยไป]
"ครับ? ตัวเล็กหลับไปแล้วนะ กรีนเพิ่งจะส่งเข้านอนแล้วก็ไปอาบน้ำมา"
มือหนาของกรีนที่กำลังเช็ดผมหยุดชะงักไป พร้อมกับพูดตอบกลับพี่ชายไป ว่าเขาเพิ่งจะเห็นคนตัวเล็กกลายร่างกลับไปเป็เ้าสัตว์สี่ขากับตา ถึงได้วางใจแล้วปิดไฟปิดประตูก่อนจะเดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง เพื่อจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนจะนอน
[โดนแมวสับขาหลอกแล้วกรีน ตัวเล็กเพิ่งจะโทรมาหาพี่]
"โทรหาพี่บลู?"
[ตัวแสบโทรมาปรึกษาพี่เื่ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ที่เรากิน ป๋ายรู้นะไม่ใช่ไม่รู้ แล้วเขาก็เป็ห่วงแกมากด้วย]
กรีนหลับตาและเงยหน้าขึ้น เขาคิดมาตลอดว่าคนตัวเล็กก็คงจะสังเกตได้ เื่อาการต่าง ๆ ที่เขาเป็ ทั้งอาการจากการแพ้ขนสัตว์ และอาการของผลข้างเคียงจากการกินยาแก้แพ้ เพราะครึ่งทางเขาก็เหมือนกับมนุษย์คนหนึ่ง มีความคิด ความรู้สึกที่ไม่ได้ต่างกันกับมนุษย์เลยสักนิด แต่กรีนไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าคนตัวเล็กก็จะเก็บไปคิดถึงขนาดที่ว่าต้องไปปรึกษากับพี่ชายของเขา
"แล้วตัวเล็กพูดอะไรอีกหรือเปล่าครับ?"
[ตัวเล็กมาถามพี่ว่าทำยังไงแกถึงจะไม่ต้องกินยาแก้แพ้ พี่ก็เลยบอกไปว่าไม่กินไม่ได้ ไม่งั้นแกก็จะมีอาการอื่นที่มาจากการแพ้ขนสัตว์ น้องก็เลยเหมือนกับคิดแล้วก็พูดออกมาว่าหรือว่าตัวเขาเองจะต้องไม่อยู่ที่นี่ ทำไมเหมือนทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากว่าเขาจะออกไป]
กรีนจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดจากสิ่งที่ได้ฟัง พูดกันตรง ๆ ก็คือเค้าไม่โอเคเท่าไหร่ที่คนตัวเล็กคิดแบบนี้ แต่มันก็คงเป็สิ่งที่ห้ามไม่ได้ เพราะมันก็คงยากสำหรับป๋ายเช่นกัน กับการแบกรับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าตัวเองเป็ต้นเหตุของอะไรสักอย่างที่มันเกิดขึ้น
กรีนพูดอะไรกับพี่ชายของเขาต่ออีกสักหน่อยก็ขอตัววางสาย เพื่อไปคุยกับคนที่อยู่ห้องข้าง ๆ ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของอีกคน มือหนายกขึ้นเคาะที่ประตูห้องเบา ๆ
ก๊อก ๆ ๆ
เ้าของห้องถึงกับสะดุ้งหลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู ป๋ายในร่างมนุษย์ค่อย ๆ ย้ายตัวเองจากพรมด้านล่างเพื่อขึ้นไปบนเตียงให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้คนพี่ได้ยิน
"รู้นะครับว่ายังไม่นอน พี่บลูโทรมาบอกหมดแล้ว" เสียงอ่อน ๆ ของเ้าของบ้านดังผ่านประตูเข้ามา
'ฮือออ ทำไมพี่บลูถึงทำการทรยศเหมียว!'
"พี่จะลงไปรอที่โซฟาหน้าทีวีนะ ลงมาคุยกันหน่อย"
กรีนพูดจบก็เดินลงมาที่ด้านล่างของตัวบ้าน เขานั่งลงที่โซฟา มือหนาทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก ตามองตรงไปด้านหน้าโดยที่ไม่ได้โฟกัสสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รอคนตัวเล็กที่กำลังเดินลงมาช้า ๆ
"นั่งลงครับ" เสียงดุ ๆ ของกรีนทำเอาคนฟังถึงกับหน้างอ
"มีอะไรทำไมไม่พูดกับพี่ หื้ม?" พอคนตัวเล็กนั่งลงเรียบร้อยแล้ว กรีนก็เริ่มเปิดประเด็นทันที
"ตัวเล็กครับ ตอบพี่สิ"
ป๋ายยังคงนิ่ง ตากลมโตมองลงที่พื้น และไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
"ป๋ายป๋าย"
"พี่กรีนอย่าทำเสียงดุ"
"ก็เธอเงียบ"
คนตัวเล็กก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม กรีนยกมือขึ้นเสยผม ก่อนจะตบลงที่หน้าขาของตัวเองเบา ๆ
"มานอนตักพี่มา"
ป๋ายเงยหน้าขึ้นมองคนพี่ช้า ๆ อย่างชั่งใจ กรีนเห็นแบบนั้นก็เลยพยักหน้าให้อีกคน หลังจากนั้นคนน้องก็เอนตัวลง เอาหัวซบลงที่หน้าขาของกรีนทันที
"ขอโทษที่ทำน้ำเสียงไม่ดีนะครับ"
"เค้าไม่เป็อะไร"
"เธอดูกลัว"
"ก็พี่ดุ" มือหนาส่งไปลูบหัวป๋ายเพื่อปลอบประโลมเบา ๆ
"พี่กรีนขอโทษครับคนเก่ง"
"อย่าโกรธเค้านะ"
พี่จะเอาอะไรไปโกรธเธอ
หงุดหงิดตัวเองทั้งนั้น
"พี่กรีนไม่ได้โกรธครับ พี่แค่ไม่อยากให้เธอคิดแบบนั้น แบบที่ว่าเธอเป็สาเหตุ"
"แต่มันก็จริงนะ เค้าเป็จริง ๆ"
"แล้วเธอตั้งใจหรือไง หื้ม?"
ใช่ คนตัวเล็กไม่ได้ตั้งใจ ก็จริงอยู่ที่ว่าสาเหตุของอาการแพ้ของเขาก็มาจากเ้าสัตว์สี่ขาตัวน้อยในบ้าน แต่มันเป็สิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเกิด
"พี่ไม่ได้อยากเป็ เธอก็ไม่ได้อยากให้พี่เป็ เื่นี้มันไม่มีใครผิดนะครับ"
"แต่ว่าเค้าดื้อจะให้พี่เลี้ยง"
"แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายพี่ก็เต็มใจ"
ถึงแม้ว่าคนตัวเล็กก็อยากให้เขาเลี้ยงมากแค่ไหน แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ผลมันก็คือไม่ ป๋ายไม่ได้คะยั้นคะยอเขาขนาดนั้นด้วยซ้ำ เขาแค่บอกความ้าของเขาให้กรีนฟัง จากนั้นก็อยู่ที่กรีนพิจารณาว่าจะเอายังไงต่อ
แต่สุดท้ายแล้ว
ความ้าของกรีนก็คือมีป๋ายมาอยู่ในบ้าน
ก็แค่นั้นเอง
"จะยังไงก็แล้วแต่ แต่พี่จะเริ่มทำภูมิคุ้มกันบำบัดแล้วครับ" คนได้ฟังถึงกับเบิกตากว้าง ป๋ายเด้งตัวขึ้นมาแล้วมองหน้าเ้านายของเขาอย่างตื่นเต้น
"จริงเหรอพี่กรีน!?"
"จริงสิครับ พี่ไปปรึกษาคุณหมอมาแล้วด้วย คุณหมอบอกว่า ในกรณีพี่จะใช้เวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง - 3 ปี"
"นานจัง" คนตัวเล็กพูดออกมาเสียงเบา
"แต่พี่ก็จะหายขาดเลยไงครับ"
"ถ้าถึงตอนนั้น ตอนที่พี่หายดีแล้ว มันจะเป็ยังไงเหรอพี่กรีน?"
"พี่ก็ตอบไม่ได้ครับ ปล่อยให้มันเป็เื่ของอนาคตนะตัวเล็ก โฟกัสแค่ปัจจุบันที่เราอยู่ด้วยกันตอนนี้ได้ไหมครับ?"
"เค้าก็แค่คิดเผื่อไว้"
"ไม่รู้สิ เธออาจจะไปอยู่ที่อื่น พี่อาจจะมีแมวตัวใหม่"
"ไม่เอา" ป๋ายมองตากรีนด้วยสายตาคาดโทษ กรีนเห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
"พี่แค่พูดสิ่งที่มันเป็ไปได้"
"ไม่ให้มีแมวตัวใหม่นะ"
"เหมียว ขี้หวงไปแล้ว มันยังไม่ได้เกิดขึ้นสักหน่อย"
คนตัวเล็กเอนตัวลงนอนที่ตักของกรีนเหมือนก่อนหน้า ดึงแขนของกรีนมากอดไว้แน่นราวกับว่าหวงแหน แล้วมันก็คงจะเป็เช่นนั้น เพราะตอนนี้คนตัวเล็กรู้สึกหวงเ้านายของเขามากที่สุด
'ใครอย่าคิดจะมาแย่งเ้านายเรานะเหมียว เราจะเปิดโหมดโเี้ให้ดู! พี่กรีนเป็ของเราคนเดียว!'
"พี่บลูเคยบอกว่าเธอขี้หวง"
"เค้าไม่หวงของเล่นเลยนะ ถ้ามีเบบี๋เหมียวมาขอเล่นเค้าแบ่งให้เล่นได้ แต่ถ้าพี่กรีนจะไปเลี้ยงแมวตัวไหน เค้าไม่ให้ พี่กรีนต้องเลี้ยงแค่เค้านะ ถ้ามีแมวตัวใหม่ เดี๋ยวเค้าเลี้ยงน้องเอง แต่พี่กรีนต้องเลี้ยงแค่เค้า ตกลงไหม?"
กรีนถึงกับยิ้มกว้างให้กับความคิดของคนบนตัก ว่าขี้หวงยังไงให้น่าเอ็นดูขนาดนี้ ถึงจะดีใจที่เ้าตัวเล็กหวงเขา แต่มันก็อดคิดไปถึงอนาคตไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไหนจะปัญหาที่บ้านบัตเลอร์ที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย การอยู่ด้วยความกังวลแทบจะตลอดเวลามันไม่สนุกเลยสักนิด ถ้าไม่มีความน่ารักของคนตัวเล็กมาเยียวยา เขาก็คงเอาแต่นั่งเครียดมันทั้งวัน
สักวันนึงจะมีใครมาพาเ้าตัวเล็กของเขาไปไหนไหม
สักวันนึงจะไม่ได้เจอคน ๆ นี้หรือเปล่า
แค่คิดก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
"พี่กรีนอย่าเอายิ้ม ตอบเค้ามา!" เ้าแมวน้อยเริ่มโวยวายเมื่อได้รับแค่การยิ้มตอบกลับมา
"โอเค ๆ ตอนนี้พี่เลี้ยงแค่ป๋ายป๋าย โอเคไหมครับ?"
"โอเคก็ได้ ว่าแต่ เวลาที่พี่กรีนไปหาหมอ หมอจะทำอะไรพี่กรีน?" ป๋ายถามออกมาด้วยสีหน้ากังวล
"หมอจะฉีดยาเข้ามาครับ ถ้าได้ฉีดเรื่อย ๆ อาการแพ้ขนสัตว์ของพี่จะค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายขาดเลย"
"ดีจัง"
'เอ๊ะ! หรือว่าไม่ดีนะเหมียว'
'ถ้าเป็แบบนี้ พี่กรีนก็จะลูบหัวแมวตัวอื่นได้สิ!'
'ไม่ได้ ๆ ๆ ๆ ๆ'
"ไม่ได้!"
"อะไรครับ? เป็อะไร?" กรีนขมวดคิ้วด้วยความใที่จู่ ๆ คนตัวเล็กก็ะโออกมา
"ถ้าพี่กรีนหาย พี่กรีนก็จะไปลูบหัวแมวทุกตัวเลยใช่ไหม!?"
"นี่ รู้นะว่าขี้หวง แต่ไม่ต้องหวงพี่ขนาดนั้น"
"ก็จะมีกลิ่นแมวตัวอื่นติดกลับมา จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง! ไม่ได้ ๆ ๆ ๆ"
กรีนถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะส่งมือไปจับที่ท้ายทอยของคนตรงข้าม กดลงมาให้ซบที่บ่าของเขาพอดี และลูบหัวของอีกคนเบา ๆ
"ถึงพี่จะลูบหัวแมวตัวอื่น แต่ถ้าเธอยังเป็แมวของพี่ พี่ก็จะรักเธอที่สุดอยู่ดี โอเคมั้ยครับเหมียว?"
"ไม่ค่อยนะ"
"ได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ"
"แมวฟังไม่เข้าใจ" กรีนกรีดยิ้มออกมาเล็ก ๆ
"เดี๋ยวนะ ๆ ๆ แต่อะไรแบบนี้ แมวทำเองได้นี่!" คนตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
"หยุดเลยนะป๋าย พี่ไม่อนุญาต"
สิ่งที่เ้าแมวตัวน้อยกำลังพูดถึง ก็คือการรักษาอาการเกี่ยวกับการแพ้ขนสัตว์ ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงการที่จะฉีดวัคซีนเข้าไปที่ตัวแมวแทนที่จะเป็คน ซึ่งมันจะไประงับต้นเหตุที่ทำให้คนมีอาการแพ้ นั่นคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่มักจะติดมาที่ขนเวลาที่แมวเลีย แล้ววัคซีนดังกล่าวก็จะไปทำลายโปรตีนนั้น ทำให้คนไม่มีปฏิกิริยาเวลาที่เข้าใกล้หรือัั
"อ้าว ทำไมล่ะพี่กรีน เคธเคยบอกว่ามีครึ่งทางหลายคนไปฉีด ๆ นะ"
"แล้วรู้ไหมครับว่ามันมีผลข้างเคียงยังไง หื้ม?"
"หื้อ? มีอะไรด้วยเหรอ?"
"มีสิ ไม่อย่างนั้นทางการก็คงสั่งให้แมวทุกตัวฉีดั้แ่เกิดแล้วครับตัวเล็ก คนที่แพ้ขนสัตว์แบบพี่จะได้ไม่ต้องถูกยกเว้นในการเลี้ยง"
"แล้วมันคืออะไรนะพี่กรีน?"
"หลังฉีดเธอจะกลายร่างเป็แมวไม่ได้ 1-2 สัปดาห์เต็ม ๆ ตลอด่นั้นเธอจะป่วยตลอด เพราะเธอต้องใช้ชีวิตในร่างมนุษย์ตลอดเวลาใน 14 วันนั้น”
“โห แค่ 14 วันเอง เค้าทนได้ ๆ”
“อีกอย่างนะป๋ายป๋าย ลิ้นเธอจะรับรสได้น้อยลง จะกินอะไรได้ไม่อร่อยเท่าเดิม"
เ้าแมวน้อยถึงกับหน้างอทันทีกับสิ่งที่ได้ยิน
'ร้ายแรงมาก! เดี๋ยวจะไม่อร่อยขนม เปียก ๆ ก็จะไม่อร่อยเหรอ? แย่มาก ๆ ๆ ๆ'
"น่ากลัวไหม?" คนตัวเล็กพยักหน้ารับรัว ๆ
"แล้วทำไมเหมียวถึงยอมฉีดกันนะ? ไม่เห็นจะดีเลย"
"รู้แล้วยังอยากฉีดไหมครับ? เธอจะรับรสอาหารของแมวได้ไม่ดีเท่าเดิม อะไรที่เคยคิดว่ามันอร่อยมากเธออาจจะเฉย ๆ ไปเลยก็ได้ กับอาหารคนที่เธอคิดว่าไม่อร่อยอยู่แล้ว มันก็จะยังไม่อร่อยอยู่แบบนั้น มันแปลว่าอะไรรู้ไหม? มันแปลว่าเธอจะกินอะไรก็ไม่อร่อยนะป๋าย"
"แต่พี่ก็จะลูบหัวเค้าได้แค่คนเดียวใช่ไหม?"
"ป๋าย"
"ไม่ดุซี่ เค้าพูดจริง ๆ ไม่อร่อยเท่าเดิม ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่อร่อยสักหน่อย ไม่เห็นเป็ไรนะ แถมยังใช้เวลาน้อยกว่าพี่ตั้งเยอะ พี่ต้องฉีดตั้งหลายปี ถ้าเค้าฉีด เค้าฉีดแค่ครั้งเดียวเอง"
"เธอยังไม่รู้เลยว่ามันอร่อยไม่เท่าเดิมขนาดไหน ถ้าฉีดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วนะป๋ายป๋าย"
"ก็เค้าอยากให้พี่กรีนลูบหัวเค้าคนเดียว"
เป็อีกครั้งที่กรีนถอนหายใจออกมาให้กับความคิดของคนตรงหน้า เขาเข้าใจเจตนาของป๋ายดีทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยที่ป๋ายจะต้องมาทำเพื่อเขาขนาดนั้น
"นั่นมันตลอดชีวิตเธอเลยนะครับ บอกแล้วไง ว่าเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสมมุติว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ มันไม่คุ้มเลยนะครับที่เธอจะกินขนมไม่อร่อย"
"แค่ให้พี่กรีนลูบหัวเขาสักครั้งมันก็คุ้มแล้ว"
"แบบนั้นรอพี่ทำภูมิคุ้มกันบำบัดจนหายก็ได้ ยังไงพี่ก็ต้องไปลูบหัวเธอให้ได้สักวัน"
"เค้าไม่รอ กว่าพี่จะหาย ไม่รู้เค้าจะไปอยู่ที่ไหนแล้ว ไหนว่าให้โฟกัสกับปัจจุบันไง เค้าอยากให้พี่ลูบหัวเขาั้แ่ตอนนี้"
"ตอนนี้พี่ก็ลูบอยู่ครับ" มันเป็แบบนั้น ที่กรีนคอยลูบหัวคนตัวเล็กอยู่ตลอดไม่ได้ละมือออก
"พี่กรีนรู้ไหม? ว่าเวลาโดนลูบหัวตอนที่เป็สี่ขา มันรู้สึกปลอดภัยกว่าอะไรทั้งหมดเลย"
อ่า
เพราะแบบนี้สินะ
"เค้าเกิดมายังไม่ทันเห็นแม่เลยนะ แม่ก็ไปเป็นางฟ้าบน์ก่อน เค้าไม่เคยโดนแม่เลียขนเลย ไม่รู้ว่ามันเป็ยังไง"
"ตัวเล็ก"
"แต่ั้แ่จำความได้ พอเค้าโดนเคธลูบหัว มันเป็ความรู้สึกแรกเลยที่เค้าจำได้ว่ามันอบอุ่นแค่ไหน เค้าหวังว่าเ้านายของเค้าในอนาคตจะทำแบบนั้นบ่อย ๆ พอรู้ตัวว่าร่างกายเค้าไม่แข็งแรง จะได้ออกมาอยู่กับเ้านายช้า เค้าก็รอ รอจนได้ออกมา ฮึก" พอนึกถึงสิ่งที่เจอ คนตัวเล็กก็สะอื้นออกมาตัวโยน
"ชู่ว ไม่เป็ไรครับ พี่กรีนอยู่นี่"
เขารู้สึกแบบนั้นมาตลอด ป๋ายไม่เคยได้เห็นหน้าแม่ที่คลอดเขาออกมา แถมยังเกิดมากับร่างกายที่ไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้ออกมาจากศูนย์ดูแล เขาเฝ้ารอวันที่จะออกมารับความอบอุ่นจากเ้านายของเขา แต่กลับได้ออกมาเจอกับบ้านบัตเลอร์ ซึ่งเป็สิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตของป๋าย มาจนถึงเวลานี้ที่เขารู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอกรีน ไม่ว่าทางไหน เขาก็อยากจะทำ เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับคนพี่มากที่สุด
"ฮึก ให้เค้าทำนะพี่กรีน ก่อนที่จะโดนส่งกลับไป ให้พี่กรีนได้ลูบหัวเค้านะ"
"โอเคครับคนเก่ง พี่กรีนยอมแล้ว"
กรีนยอมคนตัวเล็กแล้วจริง ๆ เหนือกว่าเหตุผลอะไรทั้งหมด เขาอยากจะให้ความรู้สึกของอีกคนมาเป็อันดับแรก เื่ราวแต่ละอย่างที่ได้รับรู้จากคนตรงหน้ามันหนักหนามาเกินพอแล้ว
ต่อจากนี้ถ้าเธอ้าอะไร
พี่จะให้เธอทุกอย่างเลย