Chapter 14
หลังจากที่เคลียร์กันเสร็จเรียบร้อย สำหรับเื่ที่จะทำภูมิคุ้มกันบำบัด สุดท้ายกรีนก็ต้องยอมให้ป๋ายได้ทำตามสิ่งที่เขา้า นั่นก็คือป๋ายจะฉีดวัคซีนเข้าที่ร่างกายของตัวเองแทน ซึ่งการจะไปฉีดวัคซีนสำหรับครึ่งทางที่บรรลุนิติภาวะแล้วนั้น พวกเขาสามารถตัดสินใจเองได้เลยว่าจะฉีดหรือไม่ฉีด โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับเ้าของแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ต้องมี คือบัตรประจำตัวของครึ่งทางเอง ซึ่งแน่นอนว่าของป๋ายอยู่ที่บ้านบัตเลอร์
"ยังไงก็ต้องเข้าไปเอานะพี่กรีน ไม่งั้นเค้าจะฉีดได้ยังไง?"
"แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง?"
ทั้ง ๆ ที่เคลียร์เื่วัคซีนกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่ก็ยังต้องมานั่งเถียงกันเื่บัตรประจำตัว ซึ่งป๋าย้าที่จะเข้าไปเอามันที่บ้านบัตเลอร์ แต่ตัวกรีนเองยังยืนยันว่าไม่อยากให้ไป
แน่สิ
เขาอุตส่าห์รับกลับมาแล้ว
คงไม่มีทางยอมให้กลับเข้าไปเด็ดขาด
"ถ้าเข้าไป่ที่พวกเขาอยู่บ้านล่ะตัวเล็ก ถ้าเขาจับเธอไว้ไม่ให้เธอออกมาอีก พี่จะทำยังไง?"
พอได้ฟังเหตุผลและความรู้สึกของกรีน ป๋ายก็เถียงกลับไปไม่ออก ตัวเขาเองก็ไม่ได้มั่นใจมากขนาดนั้น ว่าจะสามารถกลับออกมาได้ถ้าหากว่ากลับเข้าไปที่บ้านบัตเลอร์
"แต่มันไม่มีทางอื่นแล้วน้าพี่กรีน"
"แมวอีกตัวช่วยไม่ได้เหรอครับ?"
"ออกัสอะนะ? โห พี่กรีน ให้ออกัสยอมคุยด้วยกับเค้าสักคำก่อนเถอะ ออกัสน่ะ ไม่ชอบเค้าจะตาย" คนตัวเล็กพูดเชิงบ่นถึงแมวที่เคยอยู่ด้วยกันออกมา
"ไม่รู้แหละตัวเล็ก ถ้าให้ออกัสช่วยเอาออกมาให้ไม่ได้ พี่ก็ไม่ให้เธอเข้าไปเอาเอง"
ได้ฟังดังนั้น ป๋ายก็ทำหน้างอออกมาทันที คุยกันยังว่ายาก แล้วจะให้ทำเื่ที่เสี่ยงขนาดนี้ เขาคิดว่าออกัสคงไม่ยอมช่วยเขาแน่ ๆ
'แบบนี้แปลว่าจะไม่ได้ฉีด ๆ แล้วใช่ไหม? เห้อ แมวเสียใจ'
'อะไรจะทำให้พี่กรีนยอมนะ! เหมียวคิดสิคิด คิด ๆ ๆ'
'ปิ๊งป่อง!'
เ้าแมวตัวน้อยบ่นกับตัวเองไปได้สักพักแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะเขาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ซึ่งมันอาจจะทำให้กรีนยอมให้เขาเข้าไปในบ้านบัตเลอร์
"คุณโนเอล" ป๋ายเรียกกรีนเสียงอ้อน
"อะไรครับ? แล้วทำไมจู่มาเรียกแบบนั้น"
"แมวมายื่นข้อเสนอแบบเป็ทางการ!" กรีนขมวดคิ้วหลังจากที่เห็นคนตัวเล็กยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ไหน ว่ามา"
"ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ เหมียวไม่ได้เพียงแค่จะกลับไปเอาบัตรประจำตัวเท่านั้น แต่เหมียวจะทำการเริ่มต้นรวบรวม เอ่อ อันนั้น เรียกว่าอะไรนะพี่กรีน?" เ้าแมวน้อยที่กำลังจริงจังหยุดชะงักหลังจากที่คิดคำไม่ออก กรีนเองก็ได้แต่หัวเราะให้กับความน่ารักนั้น
"หมายถึงอะไรครับ?"
"อันที่เอาไว้เปิดเผยคนทำผิด"
"หลักฐานเหรอ?"
"ใช่แล้ว! เหมียวจะทำการเริ่มต้นรวบรวมหลักฐานไว้เปิดเผยพวกบัตเลอร์!"
"หมายถึง? เธอจะทำอะไรป๋าย?"
"ป๋ายจะทำการติดกล้องวิดีโอตัวจิ๋ว ๆ ไว้ในบ้านนั้น แล้วก็เอามันออกมาทุกอาทิตย์"
"ไม่ได้ครับ พี่ไม่อนุญาต อันตรายเกินไปป๋าย"
กรีนถึงกับค้านออกมาเสียงแข็ง เมื่อได้ยินข้อเสนอของคนตัวเล็ก สิ่งที่ป๋าย้าจะทำก็คือ ไปซ่อนกล้องไว้ที่บ้านบัตเลอร์ทุก ๆ อาทิตย์ แล้วเอาออกมาเพื่อเก็บวิดีโอไว้ก่อน ที่ไม่คิดจะทิ้งไว้ระยะยาว เพราะกลัวว่าวันใดวันหนึ่งถ้าคนในบ้านเจอขึ้นมา ก็คงเอาไปทำลายทิ้ง แต่ในความคิดของป๋าย คือเป็ไปได้น้อยมากที่คนในบ้านนั้นจะเจอ เพราะพวกเขาแทบไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรเกี่ยวกับของในบ้านเลย ยกเว้นที่ห้องนอนของตัวเอง
ซึ่งบริเวณที่ป๋ายคิดเอาไว้ว่าจะไปติดตั้งกล้อง ก็คือโซนครัว ซึ่งเป็โซนที่คนในบ้านมาเหยียบน้อยมากที่สุด เพราะพวกเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรกับข้าวของเครื่องใช้ในครัวเลยแม้แต่น้อย แม้แต่จะกินข้าวในแต่ละมื้อ ก็ยังใช้ให้ออกัสจัดจานให้ ส่วนเื่ทำความสะอาดจานหลังจากที่กินเสร็จคงไม่ต้องพูดถึง
"นะพี่กรีน ไหนว่าจะช่วยกันรวบรวมหลักฐานไง?" เมื่อคนที่ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดที่จะไม่ให้ป๋ายเข้าไปเสี่ยง คนน้องก็เริ่มใช้วิธีการอ้อนเพื่อให้คนใจอ่อนแทน
"ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้น"
"ก็พี่กรีนไม่ยอมเชื่อเค้า เค้าพูดจริง ๆ พวกนั้นไม่รู้หรอก"
"ดื้อ"
"ดื้อเพราะอยากโดนลูบหัวนี่แหละ"
กรีนถอนหายใจออกมา หลังจากที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มใจอ่อนให้คนตรงหน้าแล้ว ไม่ว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะ้าอะไร เขาคงหามาให้ได้หมด ขอแค่บอก แต่เื่เสี่ยงอันตรายเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว ภาพในวันที่คนตัวเล็กโดนแมวในซอยบ้านเขารุมทำร้าย มันยังติดอยู่ในหัวของเขาตลอด การที่เห็นาแบนตัวของอีกคน มันทำให้เขาเ็ปไปด้วย ขนาดในตอนนั้นแค่แมวทำร้ายกันเอง แต่นี่เป็คน และเป็คนที่ป๋ายบอกเองว่าเขาอันตราย จะให้กลับไปอยู่ใต้จมูก ก็คงอดห่วงไม่ได้
"ที่คิดอะไรแบบนี้ขึ้นมา เพราะเธอแค่อยากจะเข้าไปเอาบัตรประจำตัวเองใช่ไหม?"
"ก็ใช่ เค้าอยากฉีด ๆ นี่"
ก็อย่างที่กรีนว่า เขาผุดความคิดพวกนี้ขึ้นมา ก็เพื่อเป็ข้ออ้างในการเข้าไปเอาบัตรประจำตัว นั่นคือจุดประสงค์หลักของเ้าแมวตัวน้อย ที่เพียงแค่อยากจะฉีดวัคซีนเร็ว ๆ คนพี่จะได้มาเล่นกับเขาได้ไว ๆ
"มันก็เป็ความคิดที่ดี แต่ถ้าเข้าไปทุกอาทิตย์ มันเสี่ยงเกินไปนะครับ แถมถ้าโดนจับได้ คงติดคุกหัวโตแน่"
"ติดคุกหัวโต?" เ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยเอียงคอให้กับคำศัพท์ใหม่สำหรับเขา
"คือทางการจะมาจับเรา เพราะว่าเราทำความผิด"
"แล้วจับเราไปทำอะไร?"
"จับไปไว้ในห้องสี่เหลี่ยม เราจะไม่ได้รับอิสระในการใช้ชีวิต"
"แย่จัง"
"เพราะว่าทำผิดไงครับ"
"แต่เราทำเพราะเราต้องทำนะพี่กรีน"
"เอาเป็ว่า พี่ยอมก็ได้เื่ที่เธอจะเข้าไปเอาบัตรประจำตัว แต่เื่หลักฐานที่จะเอาผิดบัตเลอร์ ค่อยว่ากันอีกทีนะ พี่ไม่อยากให้เธอไปที่นั่นบ่อย ๆ พี่เป็ห่วง โอเคไหมครับ?"
"เค้าโอเค! ขอบคุณน้าเ้านายพี่กรีน"
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ทั้งคู่ก็มาคุยกันถึงเื่แผนที่จะเข้าไปเอาบัตรประจำตัวออกมา นั่นก็คือป๋ายจะเข้าไปในร่างของแมว เพื่อที่จะได้ว่องไวในการเคลื่อนตัว และยังไม่เป็จุดสังเกตมาก ตัวป๋ายเองก็ไม่แน่ใจว่าทางนั้นเก็บเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับป๋ายไว้ที่ส่วนไหนของบ้าน แต่ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นมัน ก็คือที่ห้องของออกัส ถ้ามันยังอยู่ตรงนั้น เขาก็จะสามารถหามันและออกมาได้ทันที
"แต่ถ้าไปแล้วหาไม่เจอ ต้องรีบกลับออกมานะครับ ค่อยไปวันใหม่ ห้ามก้มหน้าก้มตาหาแบบไม่สนใจอะไรเด็ดขาด"
"เค้ารับทราบ"
"รับทราบก็คือรับทราบนะป๋าย พี่กรีนจริงจัง" กรีนพูดออกไปเสียงแข็ง เพราะเขากลัวจริง ๆ กลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่ได้กลับออกมาหาเขาอีก
วันถัดมา
กรีนและป๋ายออกเดินทางไปที่บ้านบัตเลอร์ทันทีหลังจากวันที่คุยกัน ไม่มีอะไรให้ต้องรอ เพราะในคืนนี้ ที่สำนักพิมพ์ที่บัตเลอร์เป็เ้าของอยู่ มีงานเลี้ยงเปิดตัวนิตยสารใหม่ ซึ่งพวกเขาต้องไปเข้าร่วมงานแน่นอน ถือว่าทางสะดวก
รถของกรีนจอดเทียบฟุตบาทบริเวณใกล้กับบ้านของบัตเลอร์ เขาจอดไว้ห่าง ๆ ให้ไม่เป็จุดสังเกตมาก
"เป็แมวก่อนครับ จะได้วิ่งไปได้เลย"
"แต่พี่กรีนจะแพ้เค้านะ" คนตัวเล็กเบะปากช้า ๆ
"ไม่เป็ไรครับ ถ้าเธอเอาบัตรเธอออกมาได้ ก็แปลว่าพี่จะไม่แพ้แล้วนี่ไง"
กรีนพูดเสียงอ่อนพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวอีกคน
"เค้าจะตั้งใจหานะเ้านายพี่กรีน"
"ครับคนเก่ง แต่จำไว้นะ ถ้าพี่กรีนบีบแตรเมื่อไหร่ ไม่ว่าเธอจะเจอแล้วหรือยังไม่เจอ ก็ต้องออกมาทันที ไม่มีข้อแม้นะ"
"เค้าตกลง"
"ห้ามหาต่อเด็ดขาดนะป๋าย พี่ยังอยากให้เธอกลับไปด้วยกันอยู่"
ป๋ายพยักหน้ารับคำของกรีน ก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างลงไปเป็ตัวสัตว์สี่ขาแสนน่ารัก กรีนเอื้อมไปเปิดประตูฝั่งของป๋ายให้ แร็กดอลล์ตัวน้อยหันมามองกรีนครั้งหนึ่ง ก่อนจะะโลงไปจากรถ มุ่งหน้าไปยังบ้านของบัตเลอร์ทันที
หลังจากที่เ้าแมวตัวน้อยเข้าไปในตัวบ้านจนพ้นสายตาของกรีน กรีนก็ถอนหายใจออกมาแรง ๆ หนึ่งที
ห้ามเป็อะไรนะตัวเล็ก
ห้ามเป็เด็ดขาดเลย
ด้านของป๋าย เขาพาตัวเองมาหยุดอยู่ที่หลังบ้านบัตเลอร์ โดยที่เป้าหมายของเขาคือประตูเล็ก ๆ ของสัตว์เลี้ยงที่ประตูด้านหลังของบ้าน สิ่งที่เขากังวลคือจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปที่ประตูนั้นไหม เพราะถ้ามีก็แปลว่าเขาต้องใช้ทางอื่นเข้า
และมันก็เป็แบบนั้น
'ซวยแล้วแมว ทำไมประตูถูกปิดแบบนี้เนี่ย ฮือออ แล้วจะเข้ายังไง?'
่เวลาที่เขาอยู่ที่บ้านบัตเลอร์ไม่ใช่่เวลาที่ยาวนานนัก แถมยังถูกจำกัดอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ตัวป๋ายเองไม่ได้รู้จักทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ดีเท่าไหร่ สิ่งที่เขาคิดออกในตอนนี้มีเพียงแค่ปล่องไฟที่จะลงไปยังเตาผิงภายในบ้านได้ ซึ่งถ้าถามว่ากลัวไหม เขากลัวแน่นอน แต่ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากวิธีนี้จริง ๆ
เ้าแร็กดอลล์สีขาวขนปุยทำการะโขึ้น ไต่ระดับให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนไปถึงหลังคาบ้าน เขาย่อตัวลง ออกแรงะโส่งตัวเองขึ้นไปยังปล่องไฟภายในครั้งเดียว ป๋ายกลั้นหายใจ ก่อนจะปล่อยตัวเองให้หล่นไปตามร่องของปล่องไฟ
"เมี๊ยว!" เขาส่งเสียงออกมาดัง ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนที่ลำตัวจะตกลงสู่พื้น
'ฟู่ว~ เรามันคือแมว 9 ชีวิต!'
เมื่อโล่งใจที่ตัวเองเข้ามาภายในบ้านได้ ป๋ายก็เดินตรงไปที่ห้องของออกัสทันที เขามองซ้ายขวาเพื่อหาแมวอีกตัวในบ้านหลังนี้ แต่ก็ไม่พบใครเลย คิดเื่นั้นได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่เขาเข้ามาหา
ป๋ายเดินไปยังที่สุดท้ายที่เขาเคยเห็นบัตรประจำตัวของเขาวางอยู่ แต่ละก้าวที่เดินไป เขาภาวนาให้มันยังอยู่ที่เดิม แต่เหมือนว่ามันจะไม่เป็เช่นนั้น เพราะข้าวของทุกอย่างในห้องของออกัสดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนตำแหน่งไปหมด
'ซวยจริง ๆ แล้วเหมียว แบบนี้จะไปหายังไงเจอ'
แม้ว่าภายในใจจะอยากบ่นมันออกมามากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาทำในตอนนี้ก็คือสำรวจไปทั่วทั้งห้องเพื่อหาเป้าหมายทีละจุด พยายามเปิดลิ้นชักทุกอันที่เปิดได้ แต่ก็ไม่มีลิ้นชักไหนมีสิ่งที่เขา้าเลย
กึก ๆ ๆ ๆ
'เฮือก!' ป๋ายสะดุ้งตัวโยน ไม่ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างขยับ หลังจากนั้นก็รีบไปแอบที่ข้าง ๆ ชั้นทันที
"เหมียว~"
'ออกัสเหรอ?'
"มะ เมี๊ยว~" ป๋ายพยายามควบคุมเสียงแล้วร้องตอบกลับออกไป
กึก ๆ ๆ ๆ
"ใคร?" หลังจากที่ร้องตอบกลับออกไปแล้ว ป๋ายก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอีกครั้ง พอได้ยินเสียงที่คุ้นหูพูดออกมา ก็รู้เลยว่าออกัสได้กลายร่างเป็มนุษย์แล้ว เขาโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะรู้ดีว่าอย่างน้อยออกัสก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ป๋ายจึงค่อย ๆ เดินออกไปจากมุมที่แอบอยู่
"เธอ? มาได้ไง?"
"เหมียว~"
'จำเราได้ใช่ไหมล้า~'
"กลับมาทำไม?" ออกัสถามขึ้น
"เหมียว ๆ ๆ"
'เรากลับมาเอาบัตรประจำตัว ว่าแต่ออกัสรู้ไหมว่ามันอยู่ไหน? คือว่าของในห้องเปลี่ยนไปหมดเลย เรางง ๆ นะ'
"มาเอาของเหรอ?"
"เมี๊ยว"
'ถูกต้อง ออกัสเก่งมาก!'
"พวกเอกสารเธอตาเฒ่านั่นเอาไปไว้ที่ลิ้นชักตรงทีวีหมดแล้ว ถ้าจะเอาก็รีบไปเอา แล้วก็รีบออกไป อีกไม่นานพวกนั้นคงจะกลับมาแล้ว"
เ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยสบายใจมากขึ้น เมื่อรู้ตำแหน่งของสิ่งที่เขา้าในวันนี้แล้ว แมวน้อยรีบเดินเข้าไปคลอเคลียที่ขาของครึ่งทางอีกคนทันที
"ไม่ต้องมายุ่งหน่า จะทำอะไรก็รีบทำ"
"เหมียว ๆ ๆ"
'ออกัสรอหน่อยน้า เดี๋ยวเราจะมารับออกัสออกไปแน่นอน!'
ปี๊บ!
ทั้งออกัสและป๋ายเองต่างคนต่างก็สะดุ้ง
'พี่กรีนบีบแตร! ซวยแล้ว เหมียวต้องรีบ ๆ ๆ'
"เธอไปเอาเองนะ ต้องกลับไปอยู่ร่างแมวแล้ว ไม่งั้นโดนตาเฒ่านั่นด่าแน่ ถ้าได้บัตรเธอแล้วก็รีบออกไป ประตูทางออกแมวใหม่อยู่ที่ข้างโซฟาหน้าทีวีนั่นแหละ ก่อนออกไประวังด้วย เพราะประตูนั้นมันเห็นถึงหน้าบ้าน"
'ฮือออ เหมียวจะสบายใจหรือไม่สบายใจดีเนี่ย'
ป๋ายไม่เสียเวลา อุ้งเท้าน้อย ๆ รีบก้าวไปยังที่ที่ออกัสบอก พอเดินมาถึงโซนหน้าทีวีเรียบร้อย ป๋ายก็ค่อย ๆ เปิดลิ้นชักดูทีละชั้น เพราะหน้าทีวีไม่ได้มีลิ้นชักแค่อันเดียว แล้วออกัสเองก็ไม่ได้บอกเขาว่ามันคือลิ้นชักอันไหน
'อันไหนเนี่ย ๆ ๆ'
เ้าตัวเล็กพยายามปิดลิ้นชักทุกครั้งเมื่อหาเสร็จ เพราะเค้าไม่อยากให้ออกัสโดนดุ ถ้าบัตเลอร์จะโทษ เขาก็คงจะโทษออกัสที่อยู่บ้านแน่
'เหมียวเจอแล้ว!'
ในที่สุดเ้าแร็กดอลล์ตัวน้อยก็เจอบัตรประจำตัวของตัวเอง เขี้ยวเล็ก ๆ จัดการคาบมันออกมาจากลิ้นชัก จากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้ลำตัวดันลิ้นชักให้ปิดเข้าไปเหมือนเดิม เขาปิดลิ้นชักสนิทพร้อมกับจังหวะที่ประตูบ้านถูกเปิดขึ้น
"เมี๊ยว ๆ ๆ"
ออกัสร้องขึ้นหลายครั้ง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้บัตเลอร์ไปสนใจทางเขาก่อน ยังโชคดีที่ประตูที่ถูกเปิดขึ้นเป็ประตูในโซนครัว ไม่ใช่ประตูตรงที่ป๋ายยืนอยู่ เห็นดังนั้นเ้าตัวเล็กจึงรีบะโออกไปที่หน้าบ้านผ่านประตูที่ออกัสบอกทันที พอพ้นจากบ้านหลังนั้น ป๋ายก็วิ่งไม่หันกลับมามองข้างหลังอีก
'ขอบคุณนะออกัส ขอบคุณจริง ๆ จะมารับออกัสออกไปด้วยกันให้ได้เลย ป๋ายป๋ายสัญญา'
ทางด้านกรีนที่กำลังลุกลี้ลุกลนก็โล่งใจทันทีที่เห็นเ้าสัตว์สี่ขาสีขาวขนปุยตัวน้อยกำลังวิ่งกลับมาทางรถเขา กรีนเปิดประตูลงจากรถด้วยความเร่งรีบ รับป๋ายที่ะโเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะพาขึ้นรถไป
พอขึ้นมาที่รถแล้ว ป๋ายก็ปล่อยบัตรประจำตัวที่คาบไว้ไว้ที่เบาะด้านหน้า หลังจากนั้นก็รีบะโไปที่เบาะด้านหลังเพื่อกลายร่างกลับมาเป็มนุษย์ทันที
"เก่งมากครับป๋าย เก่งมาก"
"ระดับนี้"
หลังจากชื่นชมและภูมิใจกันเรียบร้อยแล้ว กรีนก็ขับรถกลับมาที่บ้านของตัวเอง
พอถึงบ้านและจอดรถเรียบร้อยแล้ว กรีนรีบเปิดประตูบ้าน เดินตรงไปที่โซนหน้าทีวี ก่อนจะเปิดขวดอย่าพ่น และพ่นเข้าไปในปากทันที
"เค้าขอโทษนะพี่กรีน" คนตัวเล็กที่เดินตามเข้ามาทีหลังเอ่ยขึ้น
"ไม่เป็ไรครับ พี่โอเค"
กรีนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกคน แขนทั้งสองข้างของยกขึ้นและอ้ามันออกกว้าง ๆ คนที่ยืนมองอยู่ก็เข้าใจสถานการณ์ดี จึงเดินเข้าไปสวมกอดคนพี่ทันที
"ขอบคุณที่ออกมาจนได้นะครับ พี่กรีนใจหายแทบแย่ พี่บีบแตรไปตั้งนานแล้วแต่ยังไม่เห็นวี่แววว่าเธอจะออกมาเลย จนพอลเดินเข้าไป ใจพี่ตกไปถึงพื้นนะรู้ไหม หื้ม?"
"เค้าออกมาหาพี่กรีนอยู่แล้ว" มือน้อย ๆ ยกขึ้นลูบหลังคนพี่เพื่อปลอบ
"พรุ่งนี้ไปหาหมอกันครับ พี่จะได้ลูบหัวเธอแบบแมว ๆ แล้วนะคนเก่ง" คนน้องยิ้มทันทีที่ได้ยินประโยคที่กรีนพูด
หลังจากพรุ่งนี้ แล้วก็ผ่านไปอีก 14 วัน เราจะได้อยู่ด้วยกันแบบที่ไม่ต้องระวังว่าจะมีอาการอะไรแล้วนะป๋ายป๋าย
วันถัดมา
กรีนและป๋ายมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลทันทีที่ถึงเวลาทำการ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ ไม่มีใครไม่ตื่นเต้นกับมันเลย เ้าแมวตัวน้อยที่จะถูกเ้านายดูแลอย่างเต็มที่ กับเ้านายเองที่จะได้ดูแลเ้าแมวน้อยอย่างเต็มที่เช่นกัน
"สวัสดีค่ะ คุณหมอสอบถามก่อนนะคะ คนไข้รู้ถึงผลข้างเคียงของการรับวัคซีนดีแล้วใช่ไหมคะ?"
พอเดินทางมาถึงห้องตรวจ คุณหมอก็ถามถึงการรับรู้ถึงผลข้างเคียงของการรับวัคซีนตัวนี้ ป๋ายและกรีนเองก็ได้อธิบายไปตามที่ได้รับรู้มา ซึ่งมันก็ถูกต้องทุกอย่าง เพราะข้อมูลที่กรีนได้รับมา มันก็มาจากหน่วยงานทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้ ซึ่งเขาคอยศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับแมวอยู่ตลอด
"พอหมอฉีดวัคซีนเข้าไปเรียบร้อยแล้ว คนไข้จะต้องอยู่รอดูอาการ 2 ชั่วโมงนะคะ" ป๋ายพยักหน้ารับคุณหมอ และนอนเอนลงบนเตียงช้า ๆ เมื่อเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณหมอก็ทำการฉีดมันเข้าสู่ร่างกายของป๋ายทันที มือกรีนเองก็จับมือป๋ายไว้แน่น
มันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ สินะ
อีกแค่ครึ่งเดือน
เขาก็จะได้ดูแลคนข้าง ๆ แบบเต็มตัวสักที
เมื่อขั้นตอนการฉีดวัคซีนทุกอย่างดำเนินการจนเสร็จสิ้น คนตัวเล็กก็ถูกย้ายเข้ามาที่ห้องสังเกตอาการทันที
"เดี๋ยวคุณหมอขอคุยกับผู้ปกครองหน่อยนะคะ" แม้จะรู้สึกแปลกกับคำว่าผู้ปกครองเล็กน้อย แต่กรีนก็พยักหน้ารับกลับแล้วเดินตามคุณหมอไปทันที
"ผู้ปกครองต้องเข้าใจถึงอาการของน้องหลังฉีดวัคซีนหน่อยนะคะ อาจจะมีเื่ของอารมณ์ที่ไม่มั่นคงบ้าง โดยเฉพาะหลังจากที่น้องได้ทานอาหารมื้อแรกหลังจากได้รับวัคซีน เขาจะรู้สึกว่าลิ้นเหมือนจะไม่ได้รับรสชาติอะไรเลย จนทำให้ซึมไปบ้าง ่นี้รบกวนผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยนะคะ"
"แต่หลังจากนั้นเขาจะกลับมารับรสได้อีกครั้งอยู่ใช่ไหมครับคุณหมอ?"
"ได้ค่ะ แต่อย่างที่บอกว่ามันจะน้อยลง จนเหลือประมาณ 50-60% เลย แต่ผ่านไปไม่นานเขาจะปรับตัวได้เอง แต่ต้องคอยสังเกตอาการนะคะ ถ้าเขาซึมจนไม่ทำอะไร ผู้ปกครองต้องรีบพาน้องกลับมาหาหมอเลยนะ"
"รับทราบครับคุณหมอ"
"ส่วนเื่แพ้ขนสัตว์ มันจะได้ผลหลังจาก 2 สัปดาห์นั้นผ่านไปแล้วนะคะ ไม่เกิน 14 วัน น้องจะสามารถกลับไปกลายร่างเป็แมวได้ นั่นแปลว่าเขาจะอยู่กับคนที่แพ้ขนแมวได้แบบปกติแล้วค่ะ"
เป็ประโยคที่ฟังแล้วใจเต้นสุด ๆ ไปเลย
กรีนถามอาการกับสิ่งที่ต้องรับมือหลังจากที่คนตัวเล็กได้รับวัคซีนกับหมออีกเล็กน้อยก็ขอตัวกลับเข้ามาที่ห้องสังเกตอาการเพื่อเฝ้าคนตัวเล็ก แล้วพอเดินกลับมาถึงก็พบว่าเ้าแมวน้อยของเขาได้หลับไปแล้ว กรีนเดินไปนั่งที่ตำแหน่งเก้าอี้ข้างเตียงของอีกคน มือหนาส่งขึ้นไปลูบที่หัวเบา ๆ เพื่อไม่ให้น้องตื่น
"ขอบคุณนะครับตัวเล็ก พี่กรีนขอบคุณจริง ๆ"
เขาอยากจะพูดขอบคุณน้องอีกสักพันรอบ อยากขอบคุณที่มันเกิดขึ้น อยากขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้น้องเลือกเขา อย่างที่เคยบอกไปว่าไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็ยังไง ไม่รู้ว่าน้องจะไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากที่เคยกังวลและนั่งคิดมันอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้ตัวเขาเองตัดสินใจที่จะโฟกัสกับสิ่งตรงหน้า นั่นก็คือป๋ายป๋ายของเขา
ขอเก็บเกี่ยวปัจจุบันที่มันจะกลายเป็ความทรงจำในอนาคตให้ดีที่สุดก่อนนะ
เพราะไม่ว่าในวันข้างหน้าเขากับน้องจะถูกแยกกันหรือไม่
เขาก็จะไม่มีวันลืม่เวลานี้เด็ดขาด
ถ้าเกิดวันใดวันนึงเขาได้ไปเลี้ยงแมวตัวไหน
เขาก็คงจะดูแลแมวตัวนั้นให้ดีที่สุดแน่นอน
แต่ในวันนี้
ที่สุดของกรีน
ก็คือคนตรงหน้า
"ขอบคุณครับป๋ายป๋าย ที่สุดของพี่กรีน"